เธอควรบอกเขาดีไหมว่าเธอไม่ใช่คนมีอันจะกิน เป็นแค่ผู้หญิงที่ต้องหาทางประคับประคองสำนักงานนักสืบแห่งนี้ให้อยู่รอดได้โดยมีปากท้องของลูกน้องแค่หยิบมือให้ต้องรับผิดชอบ
ถ้าบอกความจริงเขาไป อยากรู้เหลือเกินว่าเขายังจะสนใจเธออยู่ไหม
แพรพิไลปัดความหดหู่ออกไปแล้วตั้งหน้าตั้งตาหาข้อมูลเกี่ยวกับคลับเฮราต่อ พยายามใช้ใจเป็นกลาง ไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินและวิเคราะห์สิ่งที่หามาได้เพื่อนำมาประกอบกับข้อมูลที่กำลังจะได้จากจิรายุอีกทางหนึ่ง
เมื่อถึงเวลานัดในตอนบ่ายแก่ ๆ วิษณุก็มาที่สำนักงานตามที่ได้บอกเอาไว้ แพรพิไลเชิญให้เขามานั่งในห้องทำงานเพราะต้องการพูดคุยกันเพียงลำพัง
“คุณวิษณุบอกดิฉันได้ไหมคะว่าทำไมถึงต้องให้สืบคอนโดฯ แห่งนั้น” หญิงสาวยิงคำถามใส่ทันทีพร้อมกับลอบสังเกตปฏิกิริยาของคนตรงหน้าไปด้วย
อีกฝ่ายดูกังวลและลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาแห้งผากเหลือบมองเธอครั้งหนึ่งก่อนหลุบลงมองมือตัวเองแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอ
“คุณสามารถบอกดิฉันได้ทุกเรื่องนะคะ ดิฉันขอรับรองว่าข้อมูลทุกอย่างจะเก็บเป็นความลับ จะไม่มีการแพร่งพรายให้คนอื่นรู้อย่าง
ชาคริตพูดกับชายคนหนึ่งหลังจากที่เดินผ่านประตูมาแล้ว พอผู้ชายคนนั้นเดินหายเข้าไปทางซ้ายมือ เขาก็พาหญิงสาวเดินไปทางซ้าย“ตื่นเต้นหรือครับ” ชาคริตถามกลั้วหัวเราะเธอจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเกาะแขนเขาไว้แน่นเพียงใดจึงรีบคลายออก ทว่าเขากลับเอาแขนข้างนั้นมาโอบเธอไว้แทนโดยที่มือเกาะเกี่ยวอยู่ที่สะโพก“เป็นใครบ้างจะไม่ตื่นเต้น ก็แพรไม่เคยมาที่นี่นี่นา ถามคุณชาคริตก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นแบบไหน” เธอทำทีเป็นค้อนใส่เขา จึงได้รับคำตอบเป็นเสียงหัวเราะขลุกขลักในลำคอและมือที่เริ่มลูบไล้สะโพกไปมาชาคริตพาแพรพิไลเดินลงบันไดมาชั้นล่าง แสงไฟสีม่วงสลัวรางทำให้หญิงสาวปวดตาเล็กน้อย พอเดินมาถึงตรงนี้จึงเพิ่งสังเกตว่ามีทางแยกสองทางซ้ายขวาเหมือนในโรงภาพยนตร์ มีพนักงานในชุดสีดำสวมหน้ากากครึ่งหน้ายืนอยู่ฝั่งละหนึ่งคน ชายหนุ่มพาเธอไปส่งให้พนักงานที่ยืนอยู่ทางด้านซ้าย“ลูกค้าใหม่ เพิ่งมาครั้งแรก ฝากด้วยนะ”ชาคริตบอกกับพนักงานคนหนึ่ง ซึ่งพอมาดูใกล้ ๆ แล้วแพรพิไลจึงเพิ่งสังเกตได้ว่าเป็นผู้หญิง และไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าถึงได้รู้สึกว่าประโยค
รถยุโรปสีดำเคลื่อนตัวเข้ามาจอดด้านหลังของคอนโดมิเนียมอย่างคุ้นเคย ผู้ขับดับไฟหน้ารถและดับเครื่องยนต์ จากนั้นก็หันไปหาคนที่นั่งข้างๆ“ตรงนั้นนั่นแหละครับพี่พลทางเข้าของที่นี่ อย่าลืมรหัสนะพี่ ของพี่คือ PT0097” รชตย้ำกับสารวัตรสืบสวนสอบสวนประจำสถานีตำรวจพื้นที่ที่คลับเฮราตั้งอยู่ตามหลักแล้วสารวัตรหนุ่มไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการพื้นที่แห่งนี้ แต่เพราะรชตรู้ดีว่าตำรวจในพื้นที่นี้เป็นพวกเดียวกันกับเจ้าของ ‘สมาคมหน้ากาก’ ที่อยู่ชั้นใต้ดิน ต่อให้ยื่นเรื่องหรือไปแจ้งความร้องทุกข์อย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงลองปรึกษากับสารวัตรจุมพล ลูกพี่ลูกน้องของภีมพล ผู้เป็นหุ้นส่วนกับพี่ชายดูว่าควรทำอย่างไรดี เพราะตอนนี้ลูกค้าหลายรายของคลับเฮราที่เขาดูแลอยู่หายหน้าหายตาไป เพราะถูกล่อลวงให้มาสมาคมแห่งนี้และตกเป็นทาสยาเสพติดในที่สุดรชตไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ เพราะหลังจากที่ทำการสืบอยู่พักใหญ่ถึงรู้ว่าผู้ที่ทำการล่อลวงลูกค้าวีไอพีของคลับไปก็คือครูสอนลีลาศประจำคลับอย่างชาคริต ซึ่งเรื่องนี้นำความเสื่อมเ
ชาคริตมักทำแบบนี้กับหญิงสาวหลายรายที่เขาถูกตาต้องใจด้วยการหลอกล่อให้อีกฝ่ายมาที่นี่ สวมชุดที่ทำเครื่องหมายเอาไว้เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา จากนั้นก็จัดการกินเสียให้เต็มอิ่มเมื่อผู้หญิงเหล่านั้นเริ่มมึนเมาได้ที่แล้ว“อ่า...เจอแล้วที่รัก”ในที่สุดเขาก็มองเห็นเป้าหมาย ชาคริตก้าวเดินยาว ๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งไปที่หญิงสาวคนนั้นทันทีเพราะกลัวจะถูกคนอื่นคว้าไปเสียก่อนไม่อยากมองก็ต้องมอง...แพรพิไลลอบถอนหายใจให้แก่ภาพตรงหน้า หากเป็นผู้หญิงจิตอ่อนคาดว่าคงต้องยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องกรี๊ดเป็นแน่ แต่แพรพิไลเคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาพอสมควรตั้งแต่สมัยที่เรียนอยู่ต่างประเทศ ยิ่งกว่านี้ก็เคยเห็นมาแล้ว จึงคิดเสียว่ากำลังดูโชว์ที่บาร์พิเศษก็แล้วกันหญิงสาวนั่งมองคนกลุ่มนี้คลุกวงในกันนัวเนียจนได้เสียกันอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจในสมมติฐานของตัวเองว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนอยู่ในภาวะเมายาแทบทั้งสิ้น และเธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าน้องสาวของวิษณุต้องเป็นหนึ่งในนี้อย่างแน่นอน และอาจรวมถึงครองขวัญด้วยระหว่างที่แพ
เธออดถามเขาไม่ได้ ตอนอยู่ที่คลับเฮราหรืออยู่กับเธอสองต่อสองเขาดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มและมักพูดจาทีเล่นทีจริงเสมอ ทว่าพอมาเจอกันที่นี่ ทั้งท่าทีและน้ำเสียงกลับดูเคร่งเครียดจริงจังราวกับคนละคน“ผมก็ตามลูกค้าของผมมาน่ะสิ คุณก็รู้ฐานะของผมแล้วไม่ใช่หรือว่าผมเป็นพวกผู้ชายขายน้ำน่ะ” เขาตอบพลางก้าวเข้ามาชิดจนใบหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบ โชคดีที่มีหน้ากากปิดบังเอาไว้ มิเช่นนั้นเขาคงเห็นใบหน้าตื่นตระหนกของเธอเป็นแน่“การแสดงจบแล้ว อีกสักพักคุณก็ควรกลับได้ละ” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่มือของเขากลับยึดเอวเธอเอาไว้แล้วดันจนร่างเธอชิดผนัง จากนั้นก็บดเบียดร่างของเขาเข้ามาชิดจนเธอรู้สึกได้ถึงสรีระกำยำภายใต้ชุดคลุม“คุณจะทำอะไร!” เธอถามเขาเบา ๆ พร้อมจับต้นแขนของเขาแน่นด้วยความตกใจ“อยู่เฉย ๆ ก่อน อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก มีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องอยู่นะ”เขาพูดอะไรเธอไม่เข้าใจเลยสักนิด ใครเป็นคนจับตาดู แล้วคนที่ดูจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นใครในเมื่อทุกคนแต่งตัวเหมือนกันหมดคือชุดคลุมสีดำยาวกรอมเท้าและสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า แม้กระทั่งเข
ชาคริตกดตัวหญิงสาวให้นั่งคุกเข่าแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า จากนั้นก็เข้าครอบครองความอ่อนนุ่มจากทางด้านหลัง อย่างไม่พูดพล่ามทำเพลงเขาโถมตัวเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรงตามความปรารถนาที่พุ่งขึ้นถึงขีดสุด เสียงกรีดร้องครวญครางของคนใต้ร่างยิ่งดังเท่าไรชายหนุ่มก็ยิ่งฮึกเหิมมากขึ้นเท่านั้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังแข่งกันยิ่งส่งให้อารมณ์ใคร่พลุ่งพล่านจนไม่ทันได้สังเกตว่าผู้หญิงที่อยู่กับตนนั้นหาใช่คนที่กำลังตามหาไม่ชายหนุ่มพลิกตัวหญิงสาวให้นอนหงายแล้วเข้าครอบครองอย่างรุนแรงอีกครั้ง เขาตวัดเสื้อคลุมเลิกขึ้นจนปิดบังใบหน้าของเธอไว้แล้วเปิดเปลือยร่างกายขาวนวลให้ปรากฏสู่สายตา ความใคร่ที่แทบจะกลายเป็นความคลั่งถาโถมเข้าใส่ร่างบอบบางอย่างไม่กลัวว่าหญิงสาวจะบอบช้ำ ร่างระหงสะท้อนขึ้นลงไปมาอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนกระทั่งเสียงลมหายใจหอบสะท้านผสานไปกับเสียงครางด้วยความสุขสมชาคริตผลิรอยยิ้มที่มุมปากเมื่อทุกอย่างได้ดั่งใจ เขาเอื้อมไปดึงผ้าคลุมออกจากศีรษะของคนใต้ร่าง หน้ากากสีขาวหลุดเลื่อนเล็กน้อยจนเปิดเผยให้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่ง รอยยิ้มเมื่อครู่จึงเลือนหายไปทันทีพร้อมกับอารมณ์กราด
“เท่าที่รู้มาลัทธิตันตระเป็นลัทธิหนึ่งที่แยกตัวออกมาจากศาสนาพุทธอีกที แต่ความเข้าใจจริง ๆ ในลัทธินี้พี่เองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะแต่ละตำราบอกไม่ค่อยตรงกัน บ้างก็ว่าเป็นลัทธิที่ต้องปฏิบัติกิจกรรมทางเพศเพื่อความรู้แจ้ง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือต้องมีเซ็กซ์จนกว่าจะหลุดพ้นจากเรื่องทางเพศไปน่ะ บ้างก็บอกว่าเป็นลัทธิฝึกจิตเฉย ๆ แต่คนเข้าใจผิดกันไปเองในเรื่องอย่างว่า คงเพราะความคลุมเครือตรงนี้แหละมั้ง ไอ้ผับบ้านี่ก็เลยเอามาเป็นข้ออ้างบังหน้าเฉย ๆ ทั้งที่ความจริงก็แค่ต้องการขายยาและให้คนมามั่วเซ็กซ์กันได้อย่างอิสระ”“อาจจะจริงอย่างที่พี่ว่า เพราะรอบผับก็มีรูปปั้นกามสูตรไว้ยั่วยุคนข้างใน ไหนจะการแสดงบนเวทีที่มีแต่เรื่องเซ็กซ์อีก นี่แค่เบาะ ๆ นะพี่พล ลงถ้าได้มาในคืนขึ้นสิบห้าค่ำหรือแรมสิบห้าค่ำ การแสดงจะยิ่งอุบาทว์กว่านี้อีก”รชตแค่นยิ้มเมื่อนึกถึงการแสดงรอบพิเศษที่เขาเคยเข้าไปดูในคืนขึ้นสิบห้าค่ำที่ผ่านมา“เป็นยังไงวะ”“มันจะมีการสุ่มเลือกผู้หญิงจากด้านล่างขึ้นไปบนเวทีน่ะพี่ พวกข้างในเขาจะเรียกกันว่าพิธีบูชายัญ พอขึ้นไปแล้วก็
รชตรู้สึกไม่คุ้นเคยกับน้ำเสียงแฝงความเศร้าสร้อยกับท่าทางโดดเดี่ยวของหญิงสาว เพราะตั้งแต่เธอยังเป็นแค่เด็กผมเปียจนกระทั่งโตเป็นสาวสะพรั่งขนาดนี้ เขาเห็นเธอแต่ในรูปลักษณ์ของคนที่มีความมั่นใจ เฉลียวฉลาดปราดเปรียวมาโดยตลอด“ตอนนี้ยังรู้สึกใจสั่นอยู่อีกไหม หรือมีอาการอะไรอีกรึเปล่า” เขารีบเบนเข็มออกมาจากเรื่องครอบครัวแล้วโฟกัสไปที่อาการของเธอแทนแพรพิไลสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกับกอดหมอนอิงแน่นขึ้นกว่าเดิม“ยังเป็นเหมือนเดิมเลยค่ะ แพรอยากนอนแต่แพรหลับไม่ได้ ใจมันสั่นตลอดเวลา”รชตลุกขึ้นเดิน ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าเบื้องหน้าหญิงสาว เอื้อมมือไปลูบศีรษะเธอเบา ๆ แล้วเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยน“เดี๋ยวผ่านไปสักพักมันก็ดีขึ้น เพราะร่างกายจะขับออกไปเองโดยธรรมชาติ แต่แพรไม่ได้เผลอกินเข้าไปเยอะใช่ไหม”แพรพิไลส่ายหน้าเร็ว ๆ “แค่เอาลิ้นแตะผงขาว ๆ ตรงปากแก้วแล้วก็อมเครื่องดื่มนั่นไว้ในปากตอนที่คุณไล่ให้กลับบ้านแค่นั้นเอง ไม่ได้กลืนลงไปเลยนะสาบานได้”“บางทีมันอาจจะมีไหลลงคอไปบ้างน่ะ และร่างกายแพรคงจะแพ้สารพวกนี้
‘อย่าดีกว่าน้องแพร รีบกลับบ้านเถอะเดี๋ยวที่บ้านจะเป็นห่วงนะ’ เสียงห้าวของเด็กหนุ่มกระซิบกระซาบเบา ๆ ข้างหูของเด็กหญิงที่กำลังพยายามแนบหลังทาบกับกำแพงอย่างเต็มที่เพื่อแอบมองคนกลุ่มหนึ่งซึ่งทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ด้านหลังโรงเรียน‘ชู่...เบา ๆ สิพี่อาร์ตเดี๋ยวพวกนั้นก็รู้ตัวหรอก แพรว่าเขาต้องมาแอบเสพยากันแน่ ๆ เลยเพราะตรงนี้เป็นมุมลับตาคน’ เด็กหญิงจุปากพร้อมกับทำสีหน้าจริงจังจนอีกฝ่ายได้แต่อ่อนอกอ่อนใจ‘น้องแพร พี่ว่าไปบอกครูให้มาจัดการดีกว่า เรื่องแบบนี้มันเกินกำลังของเราแล้วนะ’เขาพูดเสียงอ่อนเหมือนจนใจกับความดื้อดึงของเธอ แต่กระนั้นก็ยังจับข้อมือของแพรพิไลไว้ไม่ยอมปล่อยเพราะกลัวว่าเจ้าตัวแสบจะพุ่งพรวดออกไปทำอะไรที่เป็นการไม่สมควรเข้า‘ขอแพรดูให้แน่ใจอีกสักหน่อยสิพี่อาร์ตว่าใช่รึเปล่า แล้วเราค่อยไปบอกครูด้วยกัน’ ทันทีที่แพรพิไลพูดจบ กลุ่มคนที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้นก็คงเริ่มรู้ตัวแล้วว่าถูกแอบมอง เพราะพวกนั้นรีบเก็บอุปกรณ์การเสพต่าง ๆ เหน็บเข้ากับขอ
เด็กชายวัชร์ส่งเสียงทักทายผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างพลางกางแขนจะให้อุ้ม รชตจึงยื่นมือไปรับร่างป้อมของหลานชายมาอุ้มไว้“แพร นี่พี่โอม พี่ชายพี่เอง...นี่แพร ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะ” รชตหันไปแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแพรพิไลยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อได้ยินที่เขาพูดว่าเคยเล่าเรื่องของเธอให้พี่ชายฟังด้วยพชรรับไหว้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร นัยน์ตาคมกริบลอบประเมินว่าที่น้องสะใภ้แล้วรู้สึกว่าแพรพิไลคนนี้มีบุคลิกเหมือนช่อมาลี ภรรยาของเขาอยู่มากเลยทีเดียวเหมือนที่ความมั่นใจ เหมือนที่ความกระตือรือร้นในแววตา และเหมือนที่ดูเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยได้จากนั้นทั้งหมดก็พากันเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเพียงช่อมาลีนั่งอ่านนิตยสารรถยนต์อยู่เพียงลำพัง ครั้นพอเห็นว่ารชตพาคนรักมาถึงแล้วจึงปิดหนังสือแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิมรชตแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน ซึ่งทั้งแพรพิไลและช่อมาลีต่างรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นช่อมาลีก็เดินไปเรียกบิดามารดาของทั้งสองหนุ่มที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่อีกห้องหนึ่งการทำคว
“ว่าแต่เป้าหมายเป็นใครล่ะ” รชตถามพลางมองไปรอบฟลอร์ ครั้นพอเห็นสายตาของแพรพิไลเขาก็เลิกคิ้วขึ้น“อย่าบอกนะว่าคือผู้หญิงที่เต้นรำกับพี่เมื่อกี้”“ใช่เลย คนนั้นนั่นแหละ” แพรพิไลยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขาซึ่งทำเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา“อยากรู้ล่ะสิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ชายหนุ่มกะพริบตาให้เธอข้างหนึ่ง ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจนคนมองเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากเอามือไปปิดตาคู่นั้นไว้เสีย“อยากรู้สิ แต่พี่น่ะจะบอกแพรรึเปล่า”“บอกสิ แต่แพรน่ะยอมเอาตัวเข้าแลกรึเปล่า”แพรพิไลสะดุ้งเฮือกเมื่อแผ่นหลังเปล่าเปลือยสัมผัสกับที่นอนเย็นเฉียบ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้หญิงสาวกับรชตยังเต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ที่คลับเฮรา ทว่าเวลานี้ร่างไร้อาภรณ์ของเธอกลับมานอนอยู่ใต้ร่างกำยำบนเตียงในห้องนอนของตัวเองเสียแล้วทุกอณูเนื้อกำลังถูกลมหายใจและริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประทับตีตราไปทั่วราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่ว
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสแขนกุดสีม่วงอเมทิสต์เยื้องย่างราวกับนางพญาเข้ามาในคลับเฮรา คลับลีลาศอันโด่งดังที่สุดในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเต้นรำ เรือนร่างเย้ายวนและความสวยนั้นสะกดสายตาทุกคู่ไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออมยิ้มเล็กน้อยระหว่างที่เดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านในสุด นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบด้านด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผีเสื้อราตรีหลายคู่กำลังเริงระบำกันท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมาชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวผู้มาใหม่ทันที ปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองมาทางตนอย่างสนใจหญิงสาวหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่มารอรับออร์เดอร์ จากนั้นก็ทำทีเป็นไม่สนใจคนคู่นั้นอีก นิ้วมือเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะตามเสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ พลางหลับตาแล้วฮัมไปด้วยอย่างอารมณ์ดี“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณผู้หญิง”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นตรงหน้าปลุกให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ครั้นพอเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขากับสายตาเชิญชวนคู่นั้น เธอก็ตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
“เลว! อย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา เขาน่าจะนึกถึงเรื่องนี้บ้าง นี่อะไร...เหยียบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจมดินแบบนี้เลยน่ะหรือ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง พี่อาร์ตรู้ไหมคะ”“คุณพ่อคุณแม่ของคุณขวัญพาไปบำบัดน่ะ เพราะผลข้างเคียงของยาเสพติดพวกนี้ทำให้คนที่ไม่ได้เสพจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง...คุณขวัญเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่คนในบ้านช่วยไว้ได้ทันเวลา”“แปลกนะคะ ถ้าไปรักษาตัวตอนที่พยายามฆ่าตัวตาย ทำไมไม่เห็นมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างเลย”เธอจำได้ว่าตอนนั้นพยายามหาข่าวของครองขวัญจากหลาย ๆ ที่ว่าหายไปไหน เนื่องจากไม่เห็นอีกฝ่ายไปที่คลับเฮราติดกันหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง ข่าวที่ได้มาจึงค่อนข้างหลากหลายจนดูไม่น่าเชื่อถือ“ตระกูลของคุณขวัญเป็นตระกูลผู้ดีเก่ามีหน้ามีตาในสังคม เรื่องที่จะส่งลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่ะลืมไปได้เลย เขาเรียกหมอไปรักษาที่บ้าน จ้างพยาบาลส่วนตัวมาเฝ้า เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะทำร้ายตัวเองอีก”“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าชีวิตพังเพราะผู้ชายคน
“แพรขอโทษ แพรไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่พี่อาร์ตนะ แต่แพรเป็นอะไรไม่รู้ แพรหงุดหงิดไปหมด มันรู้สึกอึดอัดในอกเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้ แพรอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาจนอยากทำลายทิ้งให้หมด...แพรไม่อยากเป็นแบบนี้เลยพี่อาร์ต ทำยังไงดี ฮือ...”“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันเป็นผลข้างเคียงจากยาที่แพรดื่มเข้าไปน่ะ ไม่กี่วันก็หายแล้วแพร ทนหน่อยนะ ถ้าแพรอยากทำลายข้าวของ แพรมาทึ้งเสื้อผ้าพี่แทนก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำตอนที่หมอกับพยาบาลอยู่ก็พอ เดี๋ยวเป็นข่าว” รชตพูดหน้าตาเฉย ขณะที่คนฟังหัวเราะทั้งน้ำตาแพรพิไลพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่จนกระทั่งเริ่มผ่อนคลายลงจึงเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของศักดิ์อีกครั้ง“ตกลงแล้วพี่ศักดิ์ถูกบีบบังคับยังไงกันคะ”“สุกำพลจับตัวลูก ๆ ของพี่ศักดิ์ไว้เป็นตัวประกันน่ะ พี่ศักดิ์มีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคนใช่ไหมล่ะ มันจับเด็ก ๆ ไปอยู่ในความดูแลของสุกำพล เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรเด็กจนกว่าพี่ศักดิ์จะหาหลักฐานที่เหลือมาได้ จนครั้งสุดท้ายที่เขาเรียกใช้งานพี่ศักดิ์ก็คือตอนที่เขาพาตัวแพรไปให้
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ
“คุณสุกำพล จนป่านนี้แล้วคุณคิดว่าจะหนีรอดหรือ ตอนนี้ทางออกทุกทางของที่นี่ตำรวจปิดล้อมไว้หมดแล้ว บรรดาสมาชิกที่พากันวิ่งออกไปนั่นก็ถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมด...ผมจะบอกอะไรให้นะ ป่านนี้ข้างในนั้นน่ะคงถูกตำรวจเคลียร์พื้นที่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนีไม่พ้นหรอก”สารวัตรจุมพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำเสียงที่พูดไม่มีแววเยาะเย้ยอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหนักแน่นจริงจังเสียจนคนมองเริ่มสะท้านเก่ง ลูกน้องของสุกำพลมีสีหน้าเครียดจัด มือที่ถือปืนอยู่เริ่มลดต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งยอมวางปืนไว้บนพื้นแล้วยกมือขึ้นวางบนศีรษะแต่โดยดีนายตำรวจนายหนึ่งจึงรีบวิ่งเข้าไปนำปืนกระบอกนั้นมาเก็บไว้ ท่ามกลางเสียงตวาดกร้าวของสุกำพลที่หันไปข่มขู่และด่าทอลูกน้องอย่างสาดเสียเทเสีย ตำรวจอีกสองนายจึงเข้าไปควบคุมตัวทั้งสองคนไว้แล้วพาขึ้นไปด้านบนสารวัตรจุมพลไม่ได้เดินตามผู้ต้องหาไป แต่กลับเดินผ่านเข้าไปในสมาคมเพื่อหาตัวรชตกับพวกรชตวิ่งกลับเข้าไปในฮอลล์อีกครั้งโดยมีเสียงปืนไล่ยิงมาตามหลัง เขามั่นใจว่าตอนนี้ตำรวจน่าจะเข้าควบคุมทุกอย่างไว้ได้หมดแล้ว เพราะฟังจากเสี
สุกำพลยิ่งเดือดดาลเมื่ออะไร ๆ ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ผู้บุกรุกทั้งสองคนนี้นอกจากจะไม่กลัวปืนในมือของเขาแล้ว ยังมีทีท่าไม่ยอมทำตามคำสั่งราวกับคำขู่ของเขานั้นไม่ได้ผล...แต่เขาไม่มีเวลามาเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับพวกนี้แล้ว“ไปเอาตัวผู้หญิงมา” สุกำพลหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งจึงเดินอาด ๆ เข้ามาหาแพรพิไลซึ่งทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงกำแพงพร้อมกับเอาแขนโอบกอดตัวเองแน่นเหมือนทรมานกับอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวที่เป็นอยู่รชตตั้งท่าเตรียมรับไว้อยู่แล้ว เมื่อเห็นการ์ดร่างใหญ่ของสุกำพลเดินเข้ามาใกล้จึงออกหมัดชกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซถอยไปด้านหลังเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งไม่คิดว่ารชตจะกล้าท้าทายด้วยการเป็นฝ่ายลงมือก่อน“มึง!” คนถูกต่อยคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราด ทันทีที่ตั้งหลักได้ก็พุ่งตัวเข้าใส่รชตราวกับหมีตะปบเหยื่อรชตอาศัยความปราดเปรียวกว่าหลบหมัดลุ่น ๆ ของการ์ดร่างยักษ์ไปได้ด้วยความว่องไวปารุสจ้องเขม็งอยู่ที่ปืนสลับกับจ้องใบหน้าของสุกำพลอย่างไม่ให้คลาดสายตา การต่อยตีของรชตกับคนของสุกำพลนั้นเรียกคว
ปารุสสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ มีมือเย็นเฉียบของใครบางคนมาเกาะที่น่อง ครั้นพอก้มลงมองจึงรู้ว่าเป็นแพรพิไลซึ่งยังอยู่ในอาการเมายาไม่ได้สติ ชายหนุ่มรีบชักขากลับมาแล้วดันหญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งเกาะขาเขาอยู่เข้าไปหาแพรพิไลแทนอย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันคงดีกว่าที่เจ้านายจะมาเห็นผู้หญิงของตัวเองกำลังนัวเนียกับเขา เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะถูกหักเงินเดือนไปทั้งปีหรือเปล่า“รีบออกไปกันเถอะ...อ้าวเฮ้ย!” รชตอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่คลุกวงในอยู่กับปารุสเมื่อครู่มาตอแยแพรพิไล ชายหนุ่มรีบปรี่เข้าไปคว้าตัวแฟนสาวออกมากอดไว้แล้วหันไปพยักหน้ากับปารุส“เมื่อกี้ผมจุดไฟเผาผ้าม่าน อีกเดี๋ยวคนคงเริ่มสังเกตแล้วละ เราต้องอาศัยจังหวะนี้หลบหนีออกไป”พูดจบก็มองไปที่ด้านหลัง ควันไฟเริ่มหนาขึ้นจึงรีบประคองพาแพรพิไลเดินห่างออกมาจากจุดเกิดเหตุที่เขาเพิ่งใช้เทียนเผาผ้าม่านสีดำ เขาภาวนาให้มันลุกติดไฟเร็ว ๆ เพราะควันจะได้มากพอที่จะลอยขึ้นไปสัมผัสกับสัญญาณเตือนอัคคีภัยที่อยู่บนเพดาน และเมื่อถึงตอนนั้น ที่น