ห้องนั้นกว้างประมาณห้าสิบตารางเมตร มีตู้ล็อกเกอร์ตั้งเรียงรายเป็นร้อยตู้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามีคนมาที่นี่เยอะเพียงใด ทั้งสามคนมองดูตู้ที่ยังไม่มีคนเข้าใช้ท่ามกลางแสงไฟที่สลัวยิ่งกว่าทางเดินด้านนอก เมื่อเจอแล้วก็ตรงเข้าไปเปลี่ยนชุดที่แขวนไว้รอท่าอยู่ภายในตู้
“คืนนี้แน่นะกริช” รชตกระซิบถามลูกน้องคู่ใจระหว่างที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคลุมสีดำและใส่รหัสที่ตู้ล็อกเกอร์
“คืนนี้แน่นอนครับเพราะวันนี้เป็นวันขึ้นสิบห้าค่ำ”
กริชเปลี่ยนมาสวมชุดคลุมสีดำเช่นกัน กำลังจะพูดอะไรกับเจ้านายอีกสักประโยคก็มีคนเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน จึงรีบเอาหน้ากากมาสวมเช่นเดียวกับรชตเพื่อปิดบังใบหน้าของตน
รชตเปลี่ยนชุดเสร็จก็ปิดตู้ล็อกเกอร์เอาไว้ น่าเสียดายที่ไม่สามารถพกพาอะไรติดตัวไปด้วยได้แม้แต่อย่างเดียว มิเช่นนั้นเขาคงแอบถ่ายรูปด้านในมาได้บ้าง
จากนั้นทั้งหมดก็เดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงไปยังประตูสีดำบานใหญ่ ซึ่งด้านหน้าประตูมีคนสวมชุดคลุมและหน้ากากสีดำยืนเฝ้าอยู่คนละฝั่ง เมื่อเห็นคนเดินเข้ามาใหม่จึงเข้ามาตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื
“หาคนใหม่ไปเลยไม่ดีกว่าหรือพี่แพร พวกนั้นเขาทิ้งเราไปนะ”จิรายุทำหน้าเบ้เมื่อนึกถึงบุคคลเหล่านั้น“ก็จริงอยู่ แต่อย่าลืมว่าพวกนั้นก็ทำงานดีนะ อีกอย่างเขาก็เคยทำงานกับเรามาก่อนจึงไว้ใจและเชื่อฝีมือกันได้ และเราก็ต้องยอมรับด้วยว่างานบางงานเราไม่สามารถแยกร่างไปทำเพราะเรามีคนน้อย บางทีเราก็เข้าไม่ถึงเนื้องานนั้น ๆ เพราะเส้นสายเราไม่แข็งแรงพอ มันไม่ใช่การเสียศักดิ์ศรีหรอกนะโจ ให้เรียกว่าช่วยเหลือเกื้อกูลกันดีกว่า”“ก็แล้วแต่พี่เลยละกัน พี่จะให้มาทำงานสืบทุจริตที่เพิ่งรับมาเมื่อวานใช่ไหมล่ะ”“ใช่ งานนั้นนั่นแหละ พี่คิดว่าถ้าให้พี่เอกทำน่าจะเหมาะที่สุด”งานสืบการทุจริตในองค์กรที่เพิ่งรับเข้ามานั้นเป็นการสืบหาตัวผู้ยักยอกทรัพย์ของบริษัทไป เธอจำได้ว่างานลักษณะนี้เอกวุฒิ นักสืบที่ลาออกไปแล้วถนัดที่สุด จะให้จิรายุไปทำคงไม่เหมาะเพราะชั่วโมงบินยังน้อย การคิดวิเคราะห์และลูกล่อลูกชนยังอ่อนด้อยประสบการณ์อยู่มาก“เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกหน่อย บ่ายแก่ ๆ จะเข้ามาอีกทีนะ”จู่ ๆ แพรพิไลก็คิดถึงใคร
รชตมาถึงโรงแรมก่อนเวลานัดเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้แพรพิไลเป็นฝ่ายรอ เขาโทร. จองโต๊ะมุมดี ๆ ไว้ที่ห้องอาหารชั้นดาดฟ้าไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้เขาต้องการทำโทษเด็กดื้อที่ทำอะไรไม่ยอมคิดถึงอันตรายและผลที่จะตามมา ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาต้องหาทางหยุดเธอเอาไว้ให้ได้สายตาของเขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในล็อบบีในชุดเดรสสีชมพูโอลด์โรสพอดีตัวยาวเหนือเข่าเล็กน้อย สายคล้องไหล่ถักเป็นเปียสีเดียวกับชุด มีผ้าคลุมไหล่สีน้ำตาลปิดบ่าที่เปิดเปลือยไว้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ดูไม่เป็นทางการมากจนเกินไป ลงตัวจนแทบไม่อยากถอนสายตาแพรพิไลเดินเข้ามาในล็อบบีของโรงแรมพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. หารชต แต่พอเห็นร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มกำลังเดินมาหาจึงเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วยิ้มให้เขาอย่างเก้อเขิน“มาถึงนานรึยังคะ”วันนี้รู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าดูเนี้ยบและดูดีกว่าทุกวัน ทั้งที่เขาสวมแค่เสื้อเชิ้ตสีเทาดำพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอกกับกางเกงสแลกสีดำพอดีตัว“ไม่นานครับ มาถึงก่อนคุณแพรไม่ถึงสิบห้านาทีเลยด้วยซ้ำ...มาเถอะ” เขางอแขนข้างหนึ่งยื
และขณะที่เธอกำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น รชตก็ถอนริมฝีปากออกไปพร้อมกับรอยยิ้มยั่วเย้า“ผมลืมบอกไปว่าเริ่มกฎตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อืม...ไม่สิ ต้องหลังจากที่ผมบอกกฎเสร็จแล้วต่างหาก”“คุณจูบฉัน...”ริมฝีปากของรชตยื่นเข้ามาหาอีกครา คราวนี้นานกว่าครั้งแรกเล็กน้อย และเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยอมให้เขาจูบเอา ๆ อย่างนี้ มือก็มี แต่ไม่รู้จักปัดป้องเสียบ้างเลยแพรพิไลไม่กล้ายอมรับกับตัวเองเลยว่ารชตจูบเก่งจริง ๆ แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแต่กลับทำให้เคลิบเคลิ้มได้ขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าหากปล่อยเวลาเนิ่นนานไป เธอไม่โอนอ่อนผ่อนตามเขาไปทุกเรื่องเลยหรอกหรือ‘ผู้ชายคนนั้นก็คงเอาเก่ง เอ๊ย เอาใจเก่ง เห็นว่าอยากได้อะไรแม่คุณประเคนให้ทุกอย่าง’คำพูดของลินดาวาบเข้ามาในหัวทันที...นั่นสินะ ผู้ชายอย่างเขา เรื่องพวกนี้มักเชี่ยวชาญกว่าปกติก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเขามีหน้าที่ต้องทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นพอใจ...รวมทั้งเธอด้วย“อย่ามองผมอย่างนั้น รู้รึเปล่าว่าสายตาของคุณตอนนี้เป็นแบบไหน”
วันถัดมา แพรพิไลมีนัดรายงานผลกับสุกำพลอีกครั้ง คราวนี้เธอมีภาพถ่ายของคอนโดฯ แห่งนั้นในตอนกลางวัน และภาพของชั้นใต้ดินที่เคยเป็นลานจอดรถอีกด้วย จากการคาดเดาคิดว่าข้างล่างน่าจะเป็นบ่อนหรือกาสิโน หากเป็นสถานบริการทางเพศดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไร เพราะผู้หญิงกระเป๋าหนักอย่างครองขวัญสามารถใช้เงินแลกความสุขกับผู้ชายหน้าตาดีคนไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องมาใช้บริการสถานที่แบบนี้น่าเสียดายที่ลินดาก็ไม่รู้เรื่องชั้นใต้ดินของที่นั่นเช่นกัน เพราะบรรดาสาวไฮโซลูกค้าของลินดาส่วนใหญ่มักเรียกขานสถานที่แห่งนั้นเป็นคำเฉพาะว่าแดนสวรรค์ แต่กลับไม่ยอมบอกว่าคืออะไร ดูเหมือนคนที่เคยไปที่นั่นจะช่วยกันปกปิดซ่อนเร้นแดนสวรรค์แห่งนั้นกันเต็มที่นั่งรอไม่นานนัก สุกำพลก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แพรพิไลลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้เขาโดยที่เขาก็ไหว้ตอบกลับมา“คุณแพรสั่งอะไรรึยังครับ”“แพรสั่งแค่น้ำผลไม้ไปเองค่ะ คุณสุกำพลกินมื้อกลางวันมารึยังคะ”“ยังเลยครับ ผมกะจะมากินกับคุณแพรน่ะ”สุกำพลยิ้มพลางยกมือเรียกพนักงานให้นำเมนูมาให้ หลังจา
ปิดจริง ๆ ด้วย...หลังจากที่เดินคลำทางไปจนสุดทางเดินและเดินกลับมาที่เชิงบันไดเป็นที่เรียบร้อย แพรพิไลก็รู้แล้วว่าวันนี้มาเสียเที่ยว อดสงสัยไม่ได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีวันเปิดปิดเป็นเวลาอย่างนั้นด้วยหรือ ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าวันไหนเปิด และเขามีวิธีบอกกล่าวกับเหล่าสมาชิกที่มากันด้วยวิธีไหนดูเหมือนคนที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้คงมีเพียงชาคริตคนเดียวเท่านั้นหญิงสาวค่อย ๆ ย่องขึ้นบันไดไปข้างบนอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็ค่อย ๆ แง้มประตูดูสถานการณ์รอบด้านจนแน่ใจดีแล้วว่าไม่มีคนเดินผ่านมาแถวนี้จึงรีบออกมาแล้วปิดประตูไว้ตามเดิม จากนั้นก็วิ่งไปที่รถซึ่งจอดแอบไว้ เอาหน้าแนบกระจกรถเพื่อดูว่ามีคนแปลกหน้าแอบขึ้นรถมาหรือเปล่า เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครจึงขึ้นไปนั่งบนรถแล้วขับออกไปทันทีโดยไม่ได้เปิดไฟหน้ารถให้เป็นที่สังเกตจากคนอื่นแพรพิไลแวะจอดรถที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว เธอจึงรีบพิมพ์ข้อความแจ้งข่าวบอกลูกน้องทั้งสองคนว่าตนเองปลอดภัย เสร็จเรียบร้อยก็ขับรถกลับบ้านทั้งที่ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด เห็นทีพรุ่งนี้คงต้องแวะเข้
หญิงสาวเลือกนั่งโต๊ะเดิมเพราะเป็นมุมที่มองเห็นรอบด้านได้ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นส่วนตัวที่สุดอีกด้วย หลังจากสั่งเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้วจึงเริ่มมองหาชาคริตแต่ก็ไม่พบ ดังนั้นระหว่างรอให้ชายหนุ่มออกมา เธอจึงได้แต่มองคู่เต้นรำที่กำลังจับคู่เต้นกันในจังหวะรุมบ้าซึ่งเธอจำได้ว่าตอนฝึกเต้นคราวก่อนนั้นเผลอเหยียบเท้ารชตไปตั้งหลายทีจู่ ๆ แพรพิไลก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง หญิงสาวมองไปที่ฟลอร์เต้นรำถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสถานที่แห่งนี้ขาดครองขวัญไปนั่นเองตามปกติแล้วหัวค่ำแบบนี้ครองขวัญจะต้องมาเฉิดฉายอยู่ที่นี่เกือบทุกวันจนสนิทกับพนักงานแทบทุกคน ไม่มีใครไม่รู้จักสาวสวยไฮโซคนนี้ ทว่าวันนี้เจ้าตัวกลับไม่มาให้เห็นระหว่างนั้นพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้พอดี แพรพิไลจึงลองเลียบเคียงถามถึงครองขวัญดู ทว่าคำตอบที่ได้รับทำเอาเธอทั้งแปลกใจและสงสัยไม่น้อย“คุณครองขวัญไม่ได้มาที่นี่หลายวันแล้วค่ะ น่าจะสักสามสี่วันได้มั้ง”“งั้นหรือ แปลกจริง...ขอบคุณมากค่ะ” แพรพิไลยิ้มให้แล้วทำทีเป็นไม่สนใจเรื่องนั้นอีกครองขวัญไม่ได้มาที่คลับเฮราหลายวั
วันถัดมา แพรพิไลอยู่ที่สำนักงานตลอดทั้งวันเพื่อจัดการเรื่องรายรับรายจ่ายทั้งหมด ถึงแม้จะมีคนดูแลตรงนี้ให้อยู่แล้ว แต่หญิงสาวก็ต้องตรวจสอบด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งอยู่ดีเพื่อป้องกันความผิดพลาดเห็นรายรับที่กระเตื้องขึ้นมาจากเดือนที่แล้วอยู่พอสมควรหญิงสาวก็ยิ้มออก ไม่อยากเชื่อเลยว่าสองเดือนก่อนหน้านี้เธอยังปวดหัวกับเงินเก็บที่เริ่มร่อยหรอลงไปเพราะต้องดึงมาจ่ายเงินเดือนให้ลูกน้อยอยู่เลย แต่เดือนนี้เธอรอดแล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอย่างนี้ไปทุกเดือนเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือทำให้แพรพิไลต้องเงยหน้าขึ้นดูชื่อของคนที่โทร. เข้ามา ครั้นพอเห็นว่าเป็นรชต เรียวปากอิ่มก็อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้“ค่ะคุณอาร์ต”“กินข้าวเที่ยงรึยังครับ”หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น“เที่ยงแล้วหรือคะเนี่ยเร็วจัง ยังไม่ได้กินเลยค่ะ คงรออีกสักพักให้คนซา ๆ ก่อนค่อยออกไปหาซื้ออะไรมากิน”“โอเคครับ ดีแล้ว ผมโทร. มาบอกว่าคืนนี้คงเข้าไปที่คลับไม่ได้เพราะติดงานด่วนน่ะ ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดด้วย
“หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ศักดิ์!”หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะกลัวว่าจะทำให้นักสืบมือดีต้องตกอยู่ในอันตรายเข้าให้แล้ว อย่างไม่รอช้า แพรพิไลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. หาศักดิ์ทันที ภาวนาให้เขายังปลอดภัยดี เพราะหากเขาเป็นอะไรขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าจะมีหน้าที่ไหนไปพบกับครอบครัวของเขารอสายอยู่นานจนหญิงสาวคิดว่าไม่มีคนรับและกำลังจะกดวางหู แต่จู่ ๆ ปลายสายก็กดรับ เธอจึงรีบกรอกเสียงลงไปทันที“สวัสดีค่ะพี่ศักดิ์ แพรเองนะคะ”“ครับ จะโทร. มาถามเรื่องนั้นใช่ไหม”“ใช่ค่ะ แพรเห็นพี่เงียบไปก็นึกว่าพี่ เอ่อ...เกิดเรื่องอะไรกับพี่รึเปล่าน่ะค่ะ” เธอลอบผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นว่าเขายังคงอยู่ดี ขณะเดียวกันก็ขำตัวเองที่คิดฟุ้งซ่านไปถึงไหนต่อไหน“กว่าพี่จะได้ข้อมูลมาก็ยากเหมือนกันนะ คนแถวนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร เหมือนกับว่าปกปิดความจริงอะไรบางอย่างอยู่น่ะ พี่จะไปถามมากก็ไม่ได้เดี๋ยวเขาจะสงสัยเอา”“คนแถวนั้นที่ว่านี่คือคน
และที่น่าแปลกใจก็คือสมาชิกที่เข้าร่วมในลัทธินี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนในแวดวงสังคมชั้นสูงทั้งสิ้น กว่าฌอนจะไขคดีนี้จนติดตามมาถึงสถานที่บูชายัญได้นั้นต้องใช้เวลาเกือบปีเพราะอุปสรรคนานัปการที่คอยขัดขวางไม่ให้เขาสืบคดีได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปสรรคเรื่องบุคคลผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลายแหล่ที่เป็นสมาชิกของลัทธินี้นั่นเองช่างคล้ายคลึงกับเรื่องสมาคมหน้ากากเหลือเกิน!หญิงสาวหยิบกระดาษขึ้นมาดูตัวเลขอีกครั้ง เมื่อเห็นตัวเลขที่เรียงกันสมองก็พลันคิดไปถึงเกมที่บิดาเคยสอนให้เล่นบ่อย ๆ เมื่อตอนเป็นเด็กเวลาที่เธอกลับจากโรงเรียนแล้วนั่งรอบิดาอยู่ที่สำนักงาน หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้วไม่มีอะไรทำท่านจึงคิดเกมนี้ขึ้นมาให้เล่นฆ่าเวลาระหว่างรอเกมที่ว่านั่นก็คือเกมถอดรหัสตัวหนังสือจากตัวเลขในกระดาษตัวเลขแถวแรกคือเลขหน้าของหนังสือ ตัวเลขแถวที่สองคือลำดับของคำที่อยู่ในแต่ละบรรทัด เช่นแถวแรกคือเลขหนึ่งก็หมายถึงให้เปิดหน้าที่หนึ่ง ตัวเลขแถวที่สองคือสิบสามก็หมายถึงให้นับคำไปจนถึงคำที่สิบสาม ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะได้ประโยคหรือเนื้อหาที่ต้องการแพรพิไลเปิดหนังสือเล่มที่สอง ซึ่งเล
หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วบิดขี้เกียจไปมาอยู่สองสามครั้งก่อนจะพับผ้าห่มเก็บไว้ปลายเตียง หยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นมาปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้น แพรพิไลคลี่ยิ้มออกมาทันทีเพราะไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นผู้ส่งมา ร่างโปร่งระหงเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่าน รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิมอรุณสวัสดิ์ครับตัวแสบ อย่าลืมหาอะไรกินด้วยนะ พี่ไม่อยู่ไม่ใช่ว่านอนอุตุจนตะวันแยงก้นล่ะ“อะไรกัน ได้นอนบ้างรึยังละนั่น” เมื่อคืนรชตออกจากบ้านไปตอนเที่ยงคืนกว่า เธอเดาว่าป่านนี้เขาคงยังไม่ได้นอนเลยสักนิดกระมังหญิงสาววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนเดินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ วันนี้มีอะไรมากมายหลายอย่างที่ต้องทำ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการปัดฝุ่นทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เพราะตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกเธอก็ไม่เคยทำเลยสักครั้ง ป่านนี้บิดาที่อยู่บนสวรรค์คงกำลังนั่งบ่นลูกสาวจอมขี้เกียจอย่างเธอเป็นแน่แพรพิไลจัดการอาหารเช้าให้ตัวเองอย่างง่าย ๆ เพราะรชตสั่งนักสั่งหนาว่ามื้อเช้าสำคัญท
เสียงภาพยนตร์ต่างประเทศดังกระหึ่มอยู่ในห้องรับแขกโดยมีสองร่างกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน ทว่าคนที่จดจ่ออยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่มเท่านั้น เพราะหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกันคอยแต่มองนาฬิกาอยู่ตลอด“คืนนี้มีมีตติงใช่ไหมคะพี่อาร์ต” แพรพิไลมองนาฬิกาติดผนัง สีหน้าแววตาคาดหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้ออกภาคสนามที่สมาคมหน้ากากอีกครั้ง“ใช่ และคืนนี้เขาจะบุกค้นที่นั่นแล้วด้วย อยู่บ้านเฉย ๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว อย่าซ่าให้มากนักเลย” พูดจบรชตก็ล้มตัวลงหนอนหนุนตักนิ่ม ๆ ของหญิงสาวพร้อมกับคว้าแขนของเธอมากอดเอาไว้แน่น“แพรยังไม่ได้พูดสักหน่อยว่าอยากจะไป ก็แค่ถามเท่านั้นเอง”แพรพิไลโอดเสียงอ่อยก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ รชตก็กัดต้นขาเธอเบา ๆ “พี่อาร์ต! ทำอะไรน่ะ”“ลงโทษคนปากไม่ตรงกับใจ แล้วการที่นั่งมองนาฬิกาตลอดเวลาจนหนังแทบไม่ได้ดูนั่นยังจะเรียกว่าไม่คิดอยากไปรึไงยายตัวแสบ” เขาดีดหน้าผากเธอเบา ๆ ก่อนพูดขึ้นว่า“คืนนี้พี่จะนอนเฝ้าแพรทั้งคืนเลย”แ
“อย่ามาเหมายกเข่งกันแบบนี้สิ” ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือพลางพูด“พี่จะเข้าไปออฟฟิศสักหน่อย แล้วก็คงเลยไปที่คลับด้วยเลยทีเดียว จะพยายามไม่กลับดึกมากนะ”รชตมองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจจะให้เธอติดตามเขาไปด้วย เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่กล้าทิ้งเธอไว้ที่นี่ตามลำพัง แม้ว่าทางตำรวจจะส่งเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลให้ก็ตาม แต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากวางใจ“พี่ว่าแพรไปกับพี่ดีกว่า พี่จะแนะนำพี่ชายกับพี่สะใภ้ให้รู้จักด้วย”แพรพิไลส่ายหน้าหวือ เพราะเธอมีแผนอยู่ในใจแล้ว“อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ วันนี้แพรกะว่าจะเข้าไปที่สำนักงานเหมือนกัน เอาเป็นว่าแพรจะอยู่รอพี่สำนักงานดีกว่า”“ตามใจ”หญิงสาววิ่งขึ้นไปหยิบกระเป๋าสะพายซึ่งในนั้นมีฮาร์ดดิสก์ที่รชตคืนมาให้ เพื่อพกติดตัวไปด้วยตลอดเวลา เพราะกลัวว่ามันจะถูกขโมยไป อีกทั้งกะว่าจะนำข้อมูลในนี้ก๊อปปี้สำรองไว้อีกชุดหนึ่งแล้วฝากให้รชตเก็บเอาไว้รชตเดินเข้ามาในคลับเฮราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มดังเช่นทุกครั้ง ลูกค้าวีไอพีส่วนใหญ่ซึ่งพอเห็นเ
“อ้าว คุณรุสไปแล้วหรือ ตื่นเช้าจังแฮะ”หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เมื่อเปิดประตูบ้านแล้วไม่เห็นรองเท้าของปารุสถอดไว้ที่หน้าประตู อีกทั้งรั้วบ้านไม่มีกุญแจคล้องไว้ เพราะปารุสนำมาวางไว้ให้บนโต๊ะในห้องรับแขกแล้ว เขาล็อกแค่ประตูบ้านให้ก่อนออกไปจากที่นี่แพรพิไลเดินย้อนกลับเข้าไปในครัวเพื่อหุงข้าวและทำอาหารง่าย ๆ ไว้อย่างไข่เจียวหมูสับกับแกงจืดเต้าหู้ เพราะเป็นอาหารที่ทำง่ายและเสร็จเร็วที่สุดไม่เกินหนึ่งชั่วโมงอาหารทุกอย่างก็เสร็จสิ้นและถูกวางเตรียมไว้บนโต๊ะกินข้าว แพรพิไลมองอาหารง่าย ๆ พื้น ๆ ที่นานทีปีหนจะทำกินเองสักครั้งหนึ่งด้วยสายตาภาคภูมิใจ เพราะตั้งแต่ใช้ชีวิตตัวคนเดียวเธอก็ใช้บริการร้านข้าวราดแกงหรือร้านอาหารตามสั่งทั่วไปมาตลอดทว่าพอมีรชตมาอยู่ร่วมบ้าน แม้จะแค่ชั่วคราวแต่เธอก็ไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หาความเป็นแม่บ้านแม่เรือนไม่ได้ พอเห็นผลงานที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็ให้รู้สึกปลื้มใจที่ถึงแม้จะเป็นอาหารพื้น ๆ ทั่วไป แต่รสชาติก็จัดว่าอร่อยไม่แพ้ร้านอาหารที่เธอไปกินเป็นประจำเลยทีเดียว“น่ากินจังที่รัก” เสียงทุ้มคุ
หญิงสาวเสียบเครื่องอ่านเม็มโมรีการ์ดเข้ากับโน้ตบุ๊กก่อนเป็นอันดับแรก เพราะอยากเห็นหน้าคนที่ลอบเข้ามาขโมยของในบ้าน จากนั้นก็เปิดโปรแกรมสำหรับดูภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกได้จากโทรศัพท์มือถือไม่นานนัก สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็คือผู้ชายสามคนที่มีความสูงไล่เลี่ยกัน ทั้งสามคนนั้นสวมเสื้อกับกางเกงสีดำเหมือนกันหมด รวมทั้งหมวกไหมพรมที่สวมปิดหน้าและถุงมือสีดำด้วยเช่นกัน“ดูนี่สิแพร” รชตชี้ให้ดูชายคนหนึ่งซึ่งทันทีที่เข้ามาในห้องก็ตรงดิ่งมายังโต๊ะทำงานทันทีโดยไม่แวะตรงจุดอื่น ขณะที่อีกสองคนเข้าไปรื้อค้นเอกสารแบบลวก ๆ แล้วเอามาโยนลงบนพื้นเหมือนต้องการเก็บงำร่องรอยอย่างที่คาดไว้ตั้งแต่แรกหัวคิ้วของแพรพิไลขมวดเป็นปมเมื่อดูภาพที่บันทึกไว้ได้ แสดงให้เห็นแล้วว่าคนกลุ่มนี้รู้จักบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าบิดาของเธอเก็บของสำคัญไว้ที่ไหน“คนพวกนี้รู้จักกับคุณพ่อของแพร และที่สำคัญก็คือต้องเคยมาบ้านหลังนี้แน่นอน แพรมั่นใจ” หญิงสาวหยุดพูดไปเมื่อภาพที่บันทึกไว้มาถึงตอนที่คนร้ายงัดลิ้นชักและเอาโน้ตบุ๊กออกมาได้สำเร็จจากนั้นหนึ่งในสามคนร้าย
ผ่านไปครู่ใหญ่ทีมเก็บหลักฐานก็ทำงานเสร็จสิ้นลง นายตำรวจหัวหน้าทีมเดินเข้ามาหารชตกับแพรพิไลในห้องรับแขก แม้สีหน้าของเขาจะดูเรียบเฉยเป็นปกติ แต่หญิงสาวก็จับความกังวลในแววตานั้นได้“ท่าทางคนร้ายรายนี้จะเป็นมืออาชีพมาก ๆ เลยครับ เพราะจากที่ตรวจสอบดูแล้วปรากฏว่ามีแต่รอยนิ้วมือใหม่เอี่ยมซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นของคุณและคุณผู้ชายทั้งสองคน” เขาพูดพลางชี้ไปที่รชตกับปารุสที่ยืนอยู่แถวนั้น“ส่วนรอยนิ้วมือเก่านั้นแทบตรวจไม่เจอ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคุณคงทำความสะอาดห้องหลังจากที่พ่อของคุณเสียชีวิตแล้วก็ได้ ตอนนี้ผมเองก็ยังบอกอะไรไม่ได้มากนักคงต้องรอให้ทีมพิสูจน์กันให้ละเอียดอีกที เรื่องเครื่องดักฟังนั่นก็เจอแค่อันเดียวที่อื่นไม่พบ เอาเป็นว่าถ้ามีความคืบหน้าอะไรผมจะรีบแจ้งให้ทราบทันทีครับ”“ขอบคุณมากครับคุณตำรวจ ทางผมก็เหมือนกัน ถ้าหากเจออะไรที่พอจะเป็นประโยชน์กับเรื่องนี้ได้ พวกเราจะรีบแจ้งไปทันที” รชตพูดพร้อมกับเดินไปส่งตำรวจที่มาตรวจสอบสถานที่ถึงหน้าประตูรั้วโดยมีแพรพิไลกับปารุสเดินตามออกมาด้วยเขายืนมองจนกระทั่งรถตำรวจเค
“แต่การที่เขาทิ้งแพรแล้วไปทำกับที่อื่นดูจะเป็นการเนรคุณเกินไปหน่อย” รชตพูดไปตามที่ใจคิด ตอนที่ฟังเธอเล่าว่านักสืบคนเก่า ๆ ตบเท้าลาออกไปทำที่อื่นทันทีที่เธอเข้ามาบริหารงานแทนบิดา เขายังรู้สึกโกรธคนพวกนั้นแทนเธอเลย“ทำไงได้คนเราก็ต้องกินต้องใช้ค่ะ จะไปโทษเขาไม่ได้หรอก อีกอย่าง ช่วงแรก ๆ ก็ไม่ค่อยมีงานเข้ามาด้วยแหละ”ทว่ายังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรกันต่อ ปารุสก็เดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้วบอกว่า “ตำรวจมาแล้วครับ”รชตกับแพรพิไลหันมองหน้ากันก่อนลุกขึ้นเดินไปหน้าบ้าน มีรถตำรวจคันหนึ่งจอดไว้โดยมีนายตำรวจสามนายยืนอยู่หน้าประตูรั้ว ตำรวจยศร้อยตรีนายหนึ่งเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมาจึงพูดขึ้น“ผมได้รับแจ้งว่าที่นี่มีโจรเข้ามารื้อค้นทรัพย์สิน และมีของหายไปด้วยก็เลยมาตรวจสอบน่ะครับ”“ใช่ครับ เชิญครับคุณตำรวจ” รชตเปิดประตูรั้วให้แล้วผายมือเชิญให้ตำรวจทั้งสามนายเข้ามาในบ้านเมื่อเข้ามาในบ้านแล้วนายตำรวจคนเดิมก็ถามขึ้นอีกครั้งพลางมองไปรอบบ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วน“อะไรบ้างครับที่หายไป&rdq
“แพรไว้ใจพี่อาร์ตได้ใช่ไหมคะ” เธอรู้ตัวว่าเป็นคำถามที่โง่มาก เพราะคงไม่มีใครบอกมาแน่นอนว่าตนเองไว้ใจไม่ได้“แล้วแพรคิดว่ายังไงล่ะ ถ้าแพรคิดว่าพี่ไว้ใจได้แพรก็เล่า แต่ถ้าแพรยังไม่มั่นใจก็ไม่ต้องเล่า พี่ยอมรับการตัดสินใจของแพร เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มันเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของแพรด้วย” ชายหนุ่มมองลึกเข้ามาในนัยน์ตาของเธออย่างจริงจัง สุ้มเสียงไม่มีความน้อยใจปนอยู่ในนั้น นั่นจึงทำให้หญิงสาวตัดสินใจได้“ข้อมูลทุกอย่างถูกเก็บเอาไว้ในนี้หมดค่ะ ในโน้ตบุ๊กไม่มีไฟล์งานสำคัญอะไรอยู่เลย จะมีก็แค่ไฟล์ที่ต้องใช้ทั่วไปอย่างพวกใบเสร็จรับเงินหรือใบเสนอราคา เวลาคุณพ่อทำงานท่านจะเอาสายยูเอสบีมาเสียบพ่วงไว้ด้วยกัน เสร็จแล้วก็เก็บไว้ในลิ้นชักชั้นล่างสุด ซ่อนมันไว้ในแฟ้มเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตหากมีใครมารื้อค้น”แพรพิไลเงียบไปครู่หนึ่งก่อนมองเขาอย่างชั่งใจอีกครั้งแล้วพูดต่อ“และความจริงแล้วข้อมูลพวกนี้คุณพ่อจะก๊อบปี้ไว้อีกชุดแล้วแยกเก็บไว้อีกที่เพื่อป้องกันการสูญหายค่ะ แต่ตรงนี้แพรขอเก็บเป็นความลับนะคะ” เธอมองเขาอย่