แชร์

สำนักศึกษา

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-19 14:08:10

ฝ่ายคุณหนูใหญ่ผู้เปี่ยมไปด้วยความลึกลับอันหญิงใหญ่กลับถอนหายใจอยู่ในรถม้ามองท่านตาที่ทำตาอาลัยอาวรอย่างเสียไม่ได้

แบบนี้นางได้มีหวังไปเข้าเรียนสายตั้งแต่วันแรกเป็นแน่แท้

เด็กน้อยฉีกรอยหวานประจบเอาใจผู้เป็นตา พลางเอ่ยปลอยว่า “ท่านตาเจ้าขา เดี๋ยวตอนเย็นพวกเราก็ได้เจอกันแล้วเจ้าคะ”

เซียวจงสิงยังรำลาหลานพร้อมเช็ดน้ำตาในใจ ลูกนกที่เขาเริ่มฟูมฟักย่อมต้องเติบใหญ่ วันนี้บินไปเรียนที่สำหน้าศึกษา ไม่รู้ว่าวันหน้าจะโบยบินไปถึงที่ใด

ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจอยู่ใต้ปีกของตนได้ตลอดไป

“อิงเอ๋อร์จำที่ตาบอกได้หรือไม่”

เหมยลี่อิงพนักหน้าหงึกงัก พรางกระชับป้ายไม้อาคมให้มิดชิด ป้ายไม้อันนี้ท่านตาเชิญสหายนักพรตมาทำให้ตั้งแต่ยังเล็กเพื่อปกปิดพลังของนาง

เหมยลี่อิงค่อนข้างพิเศษนางเกิดมาพร้อมกับพลังปราณอันบริสุทธิ์ดุจของขวัญอันล้ำค่าจากสวรรค์ แต่น้ำหนักของของขวัญนี้ยิ่งใหญ่เกินไป เหมยลี่อิงยังเล็กเกินกว่าจะแบกรับมันไว้ได้

ขอเพียงมีข่าวลือสักเล็กน้อยว่าทารกอายุไม่กี่เดือนกลับเดินลมปราณด้วยตนเอง พลังปราณที่ได้จากกลั่นลมกายใจเจื่อความบริสุทธิ์ผ่องใส ทำให้ทุกผู้คนอยากเข้าใกล้ สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนชิดเชื้อ

ผลกระทบของเรื่องใหญ่หลวงเกินไป ผู้ฝึกเซียนทั้งหลายหากใครฟังแล้วจะอดใจไหวไม่เกิดความโลภในใจได้บ้าง

เคราะห์ดีที่มีผลึกปริศนาในร่างกายนาง ทำให้สิ่งเหล่านี้ไม่เล็ดลอดออกมา

ผนวกกับความพยายามของท่านตาและบรรดาสหายที่สรรหาวิธีการอาคมมาทำแถบป้ายไม้ผนึกกลิ่นอายของนางเอาไว้ได้อีกชั้น

เมื่อตระกูลเซียวล่มสลายชาติที่แล้วระหว่างหลบหนีนางได้ทำป้ายไม้หล่นหาย เคราะห์ที่ไปถึงหุบเขาบุปผาได้ ท่านพ่อของนางจึงได้แก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้

รวมถึงหลังจากพิษเหล่านั้นทำรากพรสวรรค์ของนางได้รับผลกระทบไปหรืออาจจะมีเรื่องของการถูกชิงวาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง กลิ่นอายเหล่านั้นของนางก็ลดลงไปมากเป็นธรรมดา

กว่านางจะมาถึงศาลาเรียนกลางได้ก็ใช้เวลาไปมากโข นับว่านางมาถึงยามผู้คนเริ่มบางตา นางรู้ตัวว่าตนจะมาสายเสียแล้ว

แม่นมฝู ผู้อาวุโสคนใหม่ที่ถูกส่งมาให้จากป้าสะใภ้ใหญ่เข้าไปติดต่ออาจารย์ให้

แม่นมคนใหม่ของนางแม้พูดน้อยเคร่งขรึมไปบ้างแต่ไม่เข้มงวดกวดขันกับนางมากนัก ในแง่ของสถานะและความอาวุโส นางคือฮูหยินของพ่อบ้านใหญ่ฝูถือว่ามีเกียรติไม่น้อย

ทั้งยังเป็นแม่นมหลักของพี่ใหญ่เมื่อยังเล็ก ควรรู้ว่าพี่ใหญ่เป็นทายาทสายตรงเพียงคนเดียวทีถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลรุ่นต่อไป บุตรชายของแม่นมยังเป็นหนึ่งในบ่าวรับใช้คนสนิทของพี่ใหญ่

การที่ป้าสะใภ้ใหญ่ส่งคนเช่นนี้มาให้ย่อมเป็นการแสดงความโปรดปรานถึงนางไม่ต้องสงสัย

ไม่ว่าจะชาติใด ทั้งป้าสะใภ้ใหญ่ ลุงใหญ่ ลุงรองล้วนมีน้ำใจกับนางเสมอมา แม้ไม่ค่อยได้พบหน้าแต่นางจดจำไว้ในใจชาติที่แล้วไม่มีโอกาสตอบแทนเพราะสายเกินไป ชีวิตนี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องตอบแทนความเมตตาของพวกเขาให้ได้

“เจ้าตื่นเต้นหรือไม่” นางหันไปทำเด็กชายตัวผอมที่นั่งนิ่งตัวเกร็งอยู่ในรถม้า

“ขอรับ” เซียวอวิ๋นหังตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทว่าแววตานั่นไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ปกปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด

คงจะตื่นเต้นมากจริงๆ

น่ารักจัง

แม้ในอนาคตเขากลายเป็นจอมมารผู้เหี้ยมหาญ ทว่ากาลนี้กลับเป็นเพียงเด็กน้อยที่ตื่นเต้นกับสถานศึกษาใหม่เท่านั้นเอง

“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมชราว่า

เซียวอวิ๋นหังกระโดดลงจากรถม้า หันกลับมาประคองนาง มือนุ่มเล็กสัมผัสแขนเด็กชาย ตัวเขาคล้ายชะงักงันไปพักหนึ่ง

เหมยลี่อิงกลับไม่ได้ใส่ใจ เดินเข้าอาคารไม้ไปอย่างผ่อนคลาย ไม่ได้สนใจสายตาวูบไหวของคนข้างกายเลยแม้แต่น้อย

เพื่อไม่ให้เด็กๆ ในสถานศึกษารู้สึกถึงความแตกต่างของสถานะมากเกินไป ศาลาเรียนจึงไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองมาส่งได้ ให้แค่เหล่าพี้เลี้ยงหรือแม่นมเท่านั้น

แม้ในความคิดเห็นนางทำเนียมเหล่านี้จะไม่ช่วยอะไรก็ตามที

“เซียวลี่อิงคาราวะท่านอาจารย์เจ้าค่ะ” เด็กหญิงย่อมกายคาราวะผู้อาวุโสด้วยกริยาเรียบร้อยน่ารัก

ผู้อาวุโสชราพยักหน้าด้วยความพึงพอใจกัยท่าทางรู้ความของนาง

หาได้ยากนักที่เด็กน้อยวัยกำลังซนจะทำตัวเรียบร้อยรู้ความเช่นนี้

ส่วนใหญ่อย่าแต่คาราวะผู้เป็นอาจารย์เลย

ขอเพียงเข้าเรียนวันแรกโดยไม่ร้องไห้โยเยได้ เหล่าอาจารย์ทั้งหลายก็แทบต้องขอบคุณสวรรค์ด้วยความโล่งอก

“เด็กดี เจ้าช่างเป็นเด็กดีนัก” นางยังหน้าตางดงามอีกด้วย

หน้าตาช่างน่ารักน่าชังเหมือนมารดานางเหมือนครั้งยังเด็กไม่มีผิด แต่การประพฤติกายกลับรู้ประสาน่าเบาใจกว่าสตรีนางนั้นมาก

มิน่า เหล่าผู้อาวุโสสายตรงถึงได้โปรดปรานนางเป็นการใหญ่

เมื่อเห็นว่านางไม่มีท่าทีผู้อาจารย์จึงพานางข้ามชั้นเรียนเด็กใหม่ไปยังชั้นเรียนทั่วไปอย่างรวดเร็ว

ชั้นเรียนศิษย์ใหม่ที่ว่าก็มีไว้สำหรับลูกศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามายังปรับตัวกับการนั่งเรียนนานๆ ไม่ได้ บ้างก็เป็นเด็กเล็กเอาแต่ใจ ไม่เคยถูกฝึกนิสัย

เมื่ออยู่ในบ้านก็เป็นดั่งบรรพบุรุษน้อยๆ ที่ทุกคนของครอบครัวต้องเทิดทูนเอาใจ

เมื่อเข้าสู้สถานที่ใหม่ๆ ก็ยังปรับตัวไม่ได้เป็นธรรมดา

ไม่นานรองเท้าปักคู่เล็กก็เดินถึงชั้นเรียนแรกภายในอาคาร ศาลาไม้แปดเหลี่ยมสูงสามชั้น เหล่าลูกศิษย์จะถูกแบ่งออกเป็นสามระดับตามระดับอายุและความสามารถเช่นกัน

มีชั้นเรียนแรก ชั้นเรียนที่สอง และชั้นเรียนสุดท้าย

มีจะกล่าวว่าเป็นสถานศึกษาแต่เป็นแค่ที่เรียนเบื้องต้นสำหรับเด็กเล็กภายในตระกูลมิได้เข้มงวดกวดขันอะไร ยิ่งสำหรับเด็กที่รากพรสวรรค์ยังไม่เบ่งบานยิ่งแล้วใหญ่

ส่วนใหญ่จะเป็นที่ให้เด็กๆ เรียนความรู้พื้นฐาน ธรรมเนียม มารยาท จรรยา ศาสตรศิลป์ทั้งสี่นอกจากนั้นก็เป็นเพียงแค่สถานที่ที่ให้เด็กจากตระกูลสายต่างๆ ผูกไมตรีต่อกันก็เท่านั้น

แต่สำหรับสายตรงของตระกูลทั้งหลาย มันคือที่ที่เอาไว้สอดส่องเหล่าเมล็ดพันธุ์พรสวรรค์ที่ควรค่าแก่การปลูกฝัง และโน้มน้าวตั้งแต่ยังเป็นต้นอ่อน

นี่จึงเป็นสาเหตุตระกูลสายหลักสามารถครองอำนาจในจวนได้ย่างยาวนานฃ

สุดท้ายในชีวิตนั้นของนาง กระทั่งตระกูลเซียวสายตรงล่มสลาย พวกสายรองที่คิดก่อกบฏก็ทำไม่สำเร็จและไม่ปัญญาทำสำเร็จด้วย

แพรผ้าสีกลับบัวพลิ้วไหว เสียงรองเท้าเล็กเดินกระทบพื้นไม้เป็นจังหวะเสนาะหู พู่ปลายปิ่นผีเสื้อเหนือมวยผมก้องกังวาลใส ใบหน้างดงามประดับรอยยิ้มแห่งความมั่นใจเดินไปยังชั้นแรก

เหล่าลูกศิษย์ต่างมองตรงมายังเด็กใหม่ที่ดูแปลกตา บางครายังได้ยินเสียงสูดลมหายใจลึกเพราะความตกตะลึงจนบรรยากาศเงียบสงัดก่อนดังจอแจราวนกแตกรัง

“เด็กคนนั้นผู้ใดกันน่ะงามนัก!”

“น่ารักจังเลย นี่เป็นพี่น้องจากสายใดกัน นางหน้าตาน่ารักราวตุ๊กตา!?”

"ขออยากจับแก้มของนาง !"

“ไม่ใช่แค่น่ารักนะ นางยังร่ำรวยมากอีกด้วย เจ้าดูเสื้อผ้านั้นสิ นี่ไม่ใช่ไหมจั๊กจั่นธาราหรอกหรือ?”

“เฮือก! ใช่ที่เจ้าอ้อนวอนขอมารดาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อเดือนก่อนแต่ได้มาเพียงผ้าเช็ดหน้าใช่หรือไม่ แต่นางกลับมาเย็บใส่เป็นชุดทั้งตัว! สวรรค์! น่าอิจฉานัก”

“ผู้ใดว่าไม่ใช่? ไม่รู้ว่าบุตรรักผู้มั่งคั่งจากสายตระกูลใด ปิ่นไม้ลายผีเสื้อนั้นก็ไม่ใช่ของธรรมดาเช่นกัน”

“แต่สวมบนตัวนางพวกมันกลับดูไม่สะดุดตา!”

“เพราะว่าทั้งตัวนางมีแต่สิ่งล้ำค่า โดยเฉพาะหน้าตานั้นเป็นที่ฟ้าตั้งใจประทานที่สุดต่างหาก เจ้าโง่!”

“แต่ว่านางงดงามมากนะ งดงามจริงๆ”

เหล่าเด็กๆ ซุบซิบพากันมองหน้าด้วยสายตาเป็นประกาย เหมยลี่อิงยิ้มผ่อนคลายพลางบ่นในใจ

ข้าได้ยินนะ! เมื่อพวกเจ้าจะวิจารณ์ข้าเสียงดังถึงเพียงนี้ได้ ไยไม่มาตะโกนใส่หูข้าเสียให้มันจบๆ ไปเสียเล่า !

อาจารย์เคาะไม้ให้นักเรียนที่ตื่นเต้นกับลูกศิษย์ใหม่เงียบเสียงลงก่อนแนะนำนางอย่างเป็นทางการ ทันใดนั้นก็มีคำถามจากผู้ไม่ประสงค์ดีเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที

“ท่านอาจารย์เจ้าคะ ถึงนางจะเป็นลูกศิษย์ใหม่ที่มาจากสายตรงของตระกูลเราก็จริง แต่เผื่อไม่เกิดข้อครหาศิษย์อยากทราบว่านางอาศัยคุณสมบัติใดผ่านจากชั้นเรียนมายังชั้นเรียนแรกโดยตรงเจ้าคะ?”

เหมยลี่อิงหันมองเด็กหญิงที่ถามอย่างประสงค์ร้าย ผู้อื่นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คุณหนูใหญ่จากสายรองหนึ่งในสาเหตุการล่มสลายของตระกูลเซียวนั่นเอง

เด็กหญิงชุดสีกลีบบัวสยะยิ้มร้ายในใจ ในที่สุดก็ได้เริ่มคิดบัญชีสักที!

ประโยคคำถามนี้ฟังดูเรียบง่าย ทว่าการตอบให้ดีนั้นเป็นเรื่องท้าทายมาก

หากเจ้าจะบอกว่าการที่เจ้าข้ามผ่านชั้นเรียนใหม่มาได้เพราะว่าตนเองไม่ร้องไห้งอแงล่ะก็ หากประโยคนี้แพร่ออกไปย่อมหมายความว่าเหล่าเด็กๆ ที่อยู่ในชั้นเรียนใหม่ล้วนไม่ได้ความ

การกล่าวความจริงย่อมไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัย

เมื่อเหล่าผู้ใหญ่ในสายตระกูลของเด็กๆ เหล่านั้นได้ยินย่อมถือว่านางได้ล่วงเกินคนเป็นจำนวนมาก แม้ไม่ถึงกลับขุ่นข้องหมองใจ แต่ย่อมกระทบทิ้งความประทับใจอันไม่น่าพิลัยไว้อย่างแน่นอน

ทว่าเหมยลี่อิงคลี่รอยยิ้ม ดวงตาใสกระจ่างยิ่งกว่าท้องฟ้า เอ่ยเสียงภาคภูมิใจ “คุณสมบัติข้าคือการเป็นหลานของท่านตาเจ้าค่ะ!”

นางว่าจบก็ขยิบตาท่าทางซุกซน เด็กหญิงหน้าประณีตน่ารักดุจตุ๊กตาหยกเมื่อเผยรอยยิ้มงดงามเจิดจ้าก็ราวกับสามารถเอื้อมคว้าโลกทั้งใบไว้ได้ในอุ้งมือ

ผู้ใดจะแข็งใจถือสานางได้?

อาจารย์และลูกศิษย์จำนวนมากกำลังหัวใจละลาย ทีเพียงผู้ประสงค์ร้ายที่รู้สึกกว่าไม่เป็นไปตามที่ตนมาดหมาย

เซียวมี่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยท่าทีไม่พอใจกล่าวแย้งว่า “เจ้าตอบเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหน?!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   อัจฉริยะน้อย

    ในความเห็นของนางสถานศึกษามักพร่ำบอกถึงความเที่ยงธรรมแม้จะเพียงฉากหน้าอย่างน้อยเรื่องนี้ก็ไม่ควรถูกผ่อนปรนง่ายๆ เพื่อทำลายภาพลักษณ์ที่ตระกูลเซียวสายหลักเป็นผู้สร้าง คำถามนี้เป็นกับดักที่บิดานางกำชับไว้อย่างแยบคาย นางไหนเลยจะปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ในความเห็นของนาง เด็กหญิงคนหนึ่งย่อมสะท้อนทัศนคติที่ถูกปลูกฝังออกมา จากนั้นนางจะทิ้งเมล็ดพันธุ์แห่งความบาดหมางเอาไว้กับสายตระกูลอื่นที่จึงจะเป็นผลลัพธ์ที่นางอยากได้ นางกลับไม่คาดคิดว่าเหมยลี่อิงจะไม่เดินตามสามัญสำนึกถึงกับยกพระพุทธรูปองค์ใหญ่๑ออกมา “เจ้ากำลังเอาท่านผู้อาวุโสมากล่าวอ้าง!” เหล่าอาจารย์ที่ฟังบทสนทนาสีหน้าขุ่นมัวพลัน คุณหนูใหญ่สายรองแม้มีแผนการแต่ก็เป็นการบงการของผู้ใหญ่ ตัวนางเล็กนักด้วยอายุเพียงเจ็ดขวบปีย่อมไม่เข้าใจความลึกล้ำของปลักน้ำ ความเที่ยงธรรมอาจนำกะเกณฑ์กับผู้อื่นได้ แต่เมื่อใช้กับผู้เฒ่าเซียวที่ถือเป็นว่าเป็นกำลังหลักของตระกูล ผู้ทุ่มเทเสียสละเพื่อตระกูลเซียวไปมากมายจนชีวิตครอบครัวแทบพังทลายภรรยาเอกตาย บุตรสาวอีกคนหายสาบสูญเป็นสิ่งสมควรงั้นหรือ ตัวนางไม่รู้จักพอ ยังสาวความต่อการกระทำเหล่านี้ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-19
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   ระดับวาสนา

    เนื่องจากเรือนศึกษาประกอบด้วยเด็กเล็กจำนวนมากจึงมีเพียงชั้นเรียนในช่วงเช้า หลังจากเที่ยงเหล่าคุณหนูนายน้อยล้วนสามารถกลับบ้านหรือเลือกพักผ่อนในห้องพักศิษย์ได้ตามอัธยาสัย เด็กส่วนใหญ่จะใช้เวลาเล่นกับสหายหรือทำความรู้จักกันในโถงกลาง มีบ้างที่กลับบ้านไปพักผ่อนหรือเรียนต่อกับครูที่ทางบ้านหามาเป็นการส่วนตัว เหมยลี่อิงเพิ่มมาใหม่นางไม่ได้สนิทสนมกับใครและไม่ใส่ใจจะสนิทสนม รวมถึงไม่มีภาระหน้าที่หรือแรงกกดดันใดๆ คุณหนูใหญ่เซียวพรูลมหายใจ ทรุดตัวลงบนตั่งด้วยอากาศเวียนศีรษะจากเสียงการแจ้งเตือนของระบบในหัวที่ดังระงมมาตั้งแต่เช้า ในหมู่เด็กๆ มีบ้างที่จะพบพานวาสนา ทว่าอย่างมากก็เป็นวาสนาระดับดินและระดับมนุษย์เท่านั้น ใช่แล้ว โชควาสนาเองก็มีระดับของมัน ตัวอย่างเช่นวาสนาของเซียวอวิ๋นหังที่สามารถพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตาถือว่าเป็นวาสนาระดับสวรรค์ วาสนาที่สามารถส่งเสริมเกื้อหนุนแก่ผู้คนได้เรียกว่าวาสนาระดับฟ้า ส่วนโชคลางหรือมงคลที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวเรียกว่าวาสนาระดับดิน สำหรับโชคลาภเล็กๆ น้อย ประเภทประเภทของหายได้คืน พ้นจากอากาศป่วยไข้จัดเป็นวาสนาระดับต่ำสุดคือวาสนาระดับมนุษย์ ส่วนวาสนาระดับที่สูงกว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-19
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   เซียวฟางฟรู เซียวฟาวหรง

    “เขาที่ว่านั่นคือผู้ใดกันเจ้าคะ การเลือกทำกับผู้อื่นเช่นนั้นเพราะความเชื่อที่ไร้ที่มาที่ไปนั่นนั่นคร่ำครึยิ่ง”เหมยลี่อิงยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ นางอยู่ในโลกจำลองมานานรับเอาค่านิยมเรื่องความเท่าเทียมและความขัดแย้งทางเผ่าพันธุ์มามาก ทั้งยังมองว่าอคติของพี่รองของนางนั้นไม่ดีต่อตัวเขาเท่าไรไม่ว่าในอตีดชาติหรือปัจจุบันก็ดีเซียวสือรุ่ยแม้จะซุกซนแขวกขนบ แต่ทระนงถือดียิ่ง แม้เขาจะฉลาดเฉลียวเพียงใดโลกทัศน์ก็ยังแคบนัก สายตาไม่กว่างไกล ผนวกกับความภาคภูมิใจและความเย่อยิ่งแบบเด็กๆ ที่ถูกปลูกฝังมาของชนชั้นสูงทำให้รับสิ่งที่นางพูดไม่ได้เขาได้แต่คิดว่าน้องหญิงถูกขังอยู่ในเรือนมานานเกินไป ไม่มีใครสอนสิ่งเหล่านี้ให้นางจึงถูกพวกมารหลอกลวงเอาได้ ส่วนท่านปู่ตามตามใจน้องยิ่งมากเกินไปเช่นนี้ใช้การไม่ได้ในฐานะพี่ชายที่ดีเขาต้องนำทางมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องทั้งสองถกเถียงกันไปไม่มีใครมองสีหน้า ‘มาร’ ที่อยู่ในบทสนทนาเซียวอวิ๋นหังยามนี้สับสนในใจ ใช่ เขาเองก็เคยได้ยินว่าใครที่อยู่ใกล้เผ่ามารจะโชคร้าย นี่เป็นเหตุผลที่แม้แต่บ่าวไพร่ในตระกูลเซียวก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขาด้วยสถานะของนางที่เป็นคุณหนูใหญ่ มีเหตุผลใดไฉนต้อง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-19
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   ค้นหาแดนลัพธ์บรรพบุรุษ

    เด็กหญิงยิ้มหวานอย่างไม่คิดอะไรให้พี่รองและเซียวอวิ๋นหังที่ห่วงกังวล แล้วพาพวกเขาออกไปจากตรงนั้น“แล้วเราจะไปที่ใด” เซียวสือรุ่นไพล่ตามเปี่ยนบรรยากาศ“ท่านเคยสำรวจที่ใดมาแล้วบ้าง”เซียวสือรุ่ยพออกทำท่าทางภาคภูมิใจ “ใคร่ควรถามว่าที่ใดที่พวกข้ายังไม่ได้ไปบ้างจะดีกว่า”“แต่ท่านก็ไม่เจอสิ่งใดไม่ใช่หรือ” เหมยลี่อิงกล่าวไม่เกรงใจ ทำเอาไหล่ที่ยกสูงของคุณชายน้อยชุดเขียวห่อเหี่ยวลงศาลบรรพชนแห่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาอย่างประณีตอย่างแท้จริง พื้นที่กว้างขวางโอ่โถงปลอดโปล่ง แต่คงไว้ซึ่งความสง่างามเคร่งขรึม เคยมีคนกล่าวว่าหากอยากรู้ว่าตระกูลนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานเพียงใด ให้ดูที่ศาลบรรพชนของตระกูลนั้นคำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องเพราะยิ่งตระกูลมีประวัติยาวนานและมีความมั่งคั่งมากเท่าใด ยิ่งให้ความสำคัญกับสถานที่หลังความตายของตนมากเท่านั้น ทั้งคนรุ่นหลังยังต้องขอบคุณบรรพบุรุษที่มอบรากฐานอันยาวนานเหล่านี้ให้สถานที่ตั้งศาลบรรพชนที่ดีต้องมีกี่อย่าง หนึ่งคือต้องมีที่ให้ลมผ่าน สองคือมีที่ให้ธารน้ำไหล ตามนิมิตของพี่รองที่นางเห็นคืออีกฝ่ายไปตามหาเพื่อนที่ขี้ขลาดและหายไปจนพบสะหายอยู่ใต้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-19
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   การทดสอบของแดนลับ

    ทันใดก็มีแสงปราณห้าสีก่อตัวขึ้นเป็นประตูห้าบาน บานประตูไม้จู่ๆ ก็โผล่มาบนพนังโถง เป็นประตูไม้เก่าแก่จะพังแร่มิพังแร่ไร้ลวดลายใดๆ มีเพียงสีและลายไม้ที่บ่งบอกว่าพวกมันถูกสร้างในช่วงเวลาแตกต่างกันบานไม้แต่ประตูเหมือนแฝงไว้ด้วยมนตร์ขลัง ชวนให้พินิจว่าอีกฝั่งของประตูจะเป็นสถานที่เช่นไร ใจผู้มองล้วนดูดึงดูดไปใต้แสงที่สองลอดออกมาจากเงาประตูไม้ รัศมีที่แผ่ออกมาดุจดั่งถูกเททับด้วยเหล็กกล้านับพันชั่งพร้อมจะพังครืนเหนือหัวได้ทุกเมื่อ ทั้งหนักหนาและอึดอัดจนยากจะหายใจกระต่ายขาวตาแดงฉ๊กยิ้มอย่างสดใส “ล่ะให้ข้าดูว่าโชคชะตาแบบใดกันนะที่พวกเจ้าเลือก~”เหมยลี่อิงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ ไพล่ไหล่ผายมือไปทางเซียวสือรุ่ย “พี่รองท่านเลือกเถอะ”เด็กชายชุดเขียวแขวะในใจว่าน้องสาวที่หน้าตาหน้ารักออกปานนี้ไปเรียนกริยาไม่งามเช่นนี้มาจากที่ใด“ประตูไม้บานนี้ก็แล้วกัน” เจ้าก้อนแป้งเหมยแอบโล่งใจเพราะประตูที่เด็กชายสุ่มชี้ไปเป็นประตูไม้ตรงกลางบานเดียวกันกับนางเห็นในนิมิต“โอ้ พวกเจ้าแน่ใจหรือ” กระต่ายขาวถามอย่างยียวนเมื่อเห็นเด็กทั้งสามพยักหน้าแน่ใจ มันก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไป ประตูไม้บานใหญ่ที่เหลือหายไปเหล่าเพียงหนึ่งบา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   สู้กับอักษรพิษไฟ

    เจ้าดวงตาสีแดงเป็นอสรพิษไฟตัวใหญ่เขื่องตัวหนึ่งที่ไม่รู้เลื้อยมาตั้งแต่เมื่อใด ดวงตาเดรัจฉานคู่นั้นแดงฉานลุกไหม้ราวลูกไฟ ด้านหลังมันที่ไม่รู้เรียกว่าอะไรแผ่ออกเป็นเชิงรุกราน ลิ้นสองแฉกสีแดงปานโลหิตหยดน้ำลาย“ฉิบหาย!”ไม่รอช้าพริบตาที่งูฉกลงมา เซียวอวิ๋นหังก็คว้างน้องสาวและสิ่งอื่นๆ (?) ไปทิศตรงข้ามแล้วล่อมันไปอีกทางหนึ่ง“นี่ท่านไปเอามันมาตั้งแต่เมื่อไร!” เหมยลี่อิงที่ถูกเซียวอวิ๋นหังรองรับไว้ ร้องเหวใส่อย่างอดใจไม่ได้ เพราะสิ่งที่พี่รองยัดใส่อกนางไม่ใช่อื่นใดนอกจากเจ้าลูกหมีศิลา!“ระวัง!”เด็กชายชุดเขียววัยแปดขวบเปรียบเทียบกับงูอัคคีตัวใหญ่ดูอย่างไรก็ไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อยทว่าเซียวอวิ๋นหังแม้พละกำลังสู้ไม่ได้ แต่เขาคล่องแคล้วว่องไว มีไหวพริบฉลาดฉลาด เมื่อรู้ว่าสู้แรงมันไม่ได้ก็ไม่ใช้การปะทะซึ่งหน้า อาศัยความเร็วล่อหลอกให้มันหัวหมุนไปรอบๆ เป็นวงใหญ่เพียงเจ้างูตัวใหญ่หาใช่ภัยคุกคามเดียว กลิ่นไหม้ของไฟป่าฉุนกรุ่นควันโชยฟ้า องศาความร้อนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะทนได้นาน เหมยลี่อิงและเซียวสือรุ่ยโชคดีที่ชุดทำจากไหมน้ำแข็งสถานะของเซียวอวิ๋นหังกลับสู้ไม่ได้ แม้เพิ่งย้ายมาอยู่เรือนรองของน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-23
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   หัวใจแห่งป่าไม้

    เซียวสือรุ่ยลองถามแน่นอนว่าเจ้าหมีตัวใหญ่ไม่เข้าใจ เขาเลยลองเดินตามมันตัวมันในที่สุดก็คิดว่าพวกเขาคงเข้าใจความนัยจึงนำทางพวกเขาไปในที่สุดแสงตะวันถอดผ่านแนวผา ชะแง่งหินขรุขระทางเดินคับแคบ เด็กมอมแมมสามคนเดินตามแม่หมีที่มีลูกน้อยนั่งอยู่บนหัวหนึ่งตัว“เจ้าจะพาพวกเราเดินไปถึงเมื่อไร”แน่นอนว่ามารดาหมีศิลาไม่อาจตอบพวกเขาได้ พวกเขาได้แต่เดินตามมันไป กระทั่งจวนจะเดินไม่ไหว เซียวสือรุ่ยได้ประคองเหมยลี่อิงที่กำลังจะล้มลงแม่มีสีน้ำตาลตัวใหญ่จึงผินหน้ากลับมาก็ค้อมตัวให้ เจ้าลูกหมีเข้าใจมันรีบลงจากหลังแม่ ดึงแขนเสื้อชุดเด็กๆ ให้ขึ้นมา“พวกเราขึ้นไปได้จริงหรือ” เหมยลี่อิงตามอย่างไม่ค่อยแน่ใจเซียวสือรุ่ยประคองน้องสาวขึ้นไปท่าทางระวังภัยอยู่ในที กระทั่งไม่เห็นแม่หมีโมโหก็ว่างใจ ให้เซียวอวิ๋นหังปีนตามขึ้นไปแล้วค่อยปิดท้ายด้วยตนเหมยลี่อิงลอบยิ้ม พี่รองของนางเป็นเช่นนี้เสมอ แม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่ค่อนใส่ใจอะไร แต่กลับขวัญกล้าจิตใจละเอียดอ่อนกลายเป็นสามคนหนึ่งตัวอยู่ถูกบรรทุกอยู่บนหลังแม่หมีตัวใหญ่ ขนสีน้ำตาลของหมีศิลาไม่อ่อนนุ่มเหมือนลูกหมี ขนเส้นหนาระคายสากบนแผ่นหลังกว้างทำให้นางไม่สบายตัวอยู่บ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-23
  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   ส่าหร่ายคลายวิญญาณ

    เซียวสือรุ่ยเบ้ปาก เดินไปยังลูกกลมสีทองที่ดูสว่างที่สุดในความคิดเขา แม้ความจริงๆ แล้วทุกๆ อันจะสว่างเท่ากันก็ตาม เซียวอวิ๋นหังเพียงหยิบลูกแก้วสีเงินที่โผล่ขึ้นมาข้างเท้า ในเมื่อทั้งหมดแล้วเป็นของดีจะอันไหนก็เหมือนกัน เขาจะมอบให้เสี่ยวอิงหมด เหมยลี่อิงเรียกระบบในใจ “ตอนนี้ข้ามีแต้มลิขิตเท่าไร”[โฮสต์ได้รับมาสองร้อยแต้ม รวมกับที่สะสมไว้ในโลกภารกิจ สามหมื่นสองพันสี่ร้อยแต้ม เป็นทั้งหมดสามหมื่นสองพันหกร้อยแต้ม ]“ใช้แรกเนตรหยั่งรู้ระดับแรก”[ทำการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น โฮสต์ได้รับเนตรหยั่งรู้ระดับหนึ่งคงเหลือ สามหมื่นหกร้อยแต้ม]นัยต์ตาดอกท้อของเด็กหญิงทอประกายสีทองจางๆ เหมยลี่อิงไม่รอช้ารับหยิบของที่นางต้องการทันทีผู้เฒ่ากระต่ายเท้าอุ้งเท้านุ่มนิ่มเท่าคางมองนางอย่าพิจารณาครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ว่าอะไร ความสามารถก็นับเป็นโชควาสนาอย่างหนึ่งเช่นกันกระต่ายเป็นสัตว์คิดไวใจร้อนเสร็จธุระแล้วก็จะใส่ใจเห็นพวกเขาเลือกของรางวัลกันแลวก็กระทืบเท้าเคาะพื้นส่งพวกมนุษย์จิ๋วออกจากแดนลับทันที“อ้ากก เจ้าอ้วกใส่เสื้อข้าแล้วเจ้าโง่ !”เซียวสือรุ่ยหยิบตัวเซียวอวิ๋นหังขึ้นมาโยนเข้าไปในธารน้ำจุดที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-23

บทล่าสุด

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   อักษรฝู

    นัยต์ตาดอกท้อทอประกายระยิบระยับ เหมยลี่อิงแย้มยิ้มอย่างน่ารัก นางหยิบกระระฆังเล็กๆ สีทองเหลืองขนาดเท่ากำมือออกมาพลางกล่าว “ลี่อิงคาราวะท่านตา ขอให้ท่านตาอายุยืนยาวเป็นพันๆ ปีดุจเขาไท่ซ่าน มีความสุขโชติช่วงไม่สิ้นสุดเจ้าค่ะ ” เสียงกระฆังน้อยในมือนางก้องกังวาลเป็นสัญญาณให้โคมลอยมากมายที่ถูกจุดจนส่องสว่างลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่มีใครรู้ว่านางใช้วิธีการใดเหล่าโคมกลับไม่ลอยปลิวหนีไป แต่ค่อยๆ เรียบตัวเหนือผืนฟ้าเป็นอักษร“福 (ฝู)—ความสุข มีโชค)” ที่สวยงามอย่างยิ่ง ใต้ท้องนภาสีดำเข้มราวน้ำหมึก ปรากฎประภาอักษร ‘ฝู’ สีทองส่องสว่างงดงามเป็นมงคล เฉิดฉายราวจะกลบแสงจันทร์ให้หม่นหมอง เหมยลี่อิงยิ้มตาหยีลั่นระฆังใบน้อยในมืออีกครั้ง ม้วนกระดาษใต้โคมไฟเหล่านั้นถูกปล่อยลงมา โคมทุกใบเต็มไปด้วยคำอวยพรอันเรียบง่ายแต่จริงใจจากพวกเขาสามคนพี่น้อง ‘ขอให้ท่านตาอายุยืนยาวเป็นที่รักของลี่อิงตลอดไป’ ‘ขอให้ท่านตามีความสุขดุจอาทิตย์เที่ยงวัน’ ‘ขอให้ท่านตารักข้ามากขึ้น ทำโทษข้าน้อยลง’ ‘…..’ ‘ขอใหท่านตาสุขภาพแข็งแรง’ ‘ขอให้ท่านตาแข็งแกร่งดั่งวัวเหล็กยักษ์ ก้าวขาทีสะเทือนขุนเขา’ ‘ขอให้เส้นทางบำเพ็ญข

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   อักษรฝู

    หากจ้าวลี่อิงคือดารากลางนภาสว่างไสวให้ผู้คนต้องเหลียวมองซ้ำ การคงอยู่เหมยลี่อิงนั้นกลับเจิดจรัสดั่งจันทร์ฉาย ทำให้ผู้คนไม่อาจล่ะสายตาจากนางได้ตั้งแต่แรกเริ่มเด็กหญิงในชุดสีแดงอิ่มเอิ่บดุจผลทับทิมสุกงอม ผิวขาวกระจ่างราวหิมะแรก คิ้วโก่งดั่งใบหลิว นัยต์ตาดอกท้อเปล่งประกายเหมือนบรรจุไว้ด้วยมหาสมุครดวงดาวนับหมื่นพันทั้งที่สามใส่อาภรณ์สีแดงสดใส แต่กลิ่นอายของนางกลับวิสุทธิ์สุกใสปราศจากมนทินใดๆ ดุจเซียนน้อยใต้อาสนะดอกบัวของพระโพธิ์สัตว์ผู้ค้ำจุนสรรพชีวิต ทำให้ผู้คนรู้สึกทั้งต้องเว้นระยะห่างและต้องการชิดใกล้นางโดยสัญชาตญาณกล่าวโดยสรุปนางเหมือนตุ๊กตามงคลตัวน้อยอันปราณีตที่ให้ความรู้สึกไม่คล้ายสมจริงเสียงไพเราะของปีกปิ่นผีเสี้อสีลูกหว้ากระทบกันเบาๆ เหนือศรีษะ เวลาที่นางย่างก้าวยังส่งเสริมให้นางดูศักดิ์สิทธิ์สง่างาม“ผู้คนสามารถงดงามได้ถึงเพียงนี้จริงๆ ” ซ่งจินรู้สึกว่าตนมีชีวิตอยู่มาสิบสี่ปีช่างเสียเปล่านัก วันนี้ถึงได้รู้ว่าอะไรเรียกว่าคนงามที่แท้จริง เขาอดไม่ได้เย้าแหย่สหายข้างกายเล็กน้อย “เจ้ามิใช่บอกว่านางมีข่าวลือว่าอัปลักษณ์พิกลพิการหรอกหรือ”คุณชายผู้นั้นพึมพำอย่างเลื่อนลอย “นางน่ะหร

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   วางหมาก

    ช่องสีเหลี่ยมตารางตัดขวางเสมอกัน เม็ดขาวดำกลมเกลี้ยงเป็นมันวาว ชั้นเรียนนี้วันนี้คือหมากล้อมหนึ่งในศาสตร์ศิลป์อันเลื่องลื่อหมากขาวบนกระดานค่อยๆ ถูกรุกไล่ ถูกกลืนกินที่ละนิดดุจชายฝั่งเซาะน้ำฝนค่อยเลือนหาย เม็ดทรายกระจัดกระจายลงผืนน้ำ สายน้ำนั้นทั้งอ่อนโยน ลุ่มลึกแต่กลับไม่อาจต้านทานได้เหมยลี่อิงได้แต่นั่งมองหมากขาวถูกกลืนหายปตาปริบๆ อย่างช่วยไม่ได้“ข้าแพ้อีกแล้ว!”นางทรุดตัวลงบนเก้าอี้ถามอย่างท้อแท้ “เจ้าเพิ่งเคยเล่นจริงๆ หรือ”“ถูกต้อง” เซียวอวิ๋นหังกล่าวโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีเหมยลี่อิงยิ่งฟังยิ่งโรยแรงดุจต้นกล้าน้อยที่เหี่ยวเฉา นางแทบทำใจเชื่อไม่ได้ว่าตัวนางที่ประสบการณ์มากมายกลับพ่ายแพ้ให้กลับเด็กที่เพิ่งหัดเล่นไม่ถึงครึ่งชั่วยามตาแรกยังพอแก้ตัวได้ว่าตนประมาทไปพอตาที่สองตาที่สามที่สี่ที่ห้า....นางอยากจะบ้าตาย ไม่รู้ว่าตัวเขาเป็นอัจฉริยะเกินไปหรือว่านางโง่เขลาเกินไปกันแน่เด็กหญิงเริ่มสงสัยในชีวิตหรือทุกสิ่งที่นางประสบมาล้วนเป็นเพียงภาพลวงตา เป็นฟองสบู่บางๆ ที่ถูกจิ้มแตกแล้วก็จางหาย“เป็นถึงคุณหนูใหญ่สายตรงกับไม่อาจเอาชนะแม้แต่ลูกอนุสายสี่ได้ เจ้าช่างน่าอนาจใจโดยแท้”เสียงดัดแ

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   เซียวปี้เหลียน

    “พิษ?” ในที่นี้มีเพียงเซียวสือรุ่ยที่ตกใจ“เป็นพิษไร้สี ไร้กลิ่น สะสมทีน้อยและออกฤทธิ์เมื่อผ่านไปหมื่นวันเท่านั้น เมื่อมันออกฤทธิ์ผู้ต้องพิษจะเส้นลมปราณสูญสลายและถึงแก่ความตายโดยไร้ยาแก้”เซียวสือหลงแทบทำใจเชื่อไม่ได้ “...ยาพิษที่ทำลายเส้นลมปราณ”“ผู้ใดกัน ช่างชั่วร้ายอะไรเช่นนี้!” เซียวสือรุ่ยกัดฟันกล่าวเซียวจงสิงถอนหายใจ “ข้ากลับไม่รู้ว่าตนถูกวางยาตั้งแต่เมื่อใด ยังดีที่ได้ส่าหร่ายคลายวิญญาณของอิงเอ๋อร์ มิเช่นนั้นครานี้คงย่ำแย่แล้วจริงๆ ”เด็กหญิงพูดไม่ออกคล้ายก้อนอะไรสักอย่างจุกอยู่ในลำคอ ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่คลอหน่วยของตัวเองเงียบๆในกาลก่อนท่านตาผู้ยิ่งใหญ่ของนางถูกยาพิษนี้เล่นงาน กว่ารู้ตัวก็สายเกินแก้ไข แต่ครานี้นางช่วยท่านตาเอาไว้ได้ตระกูลเซียวที่ไม่สูญเสียเสาค้ำยันก็สมควรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นใช่หรือไม่ไม่มีผู้ใดบอกได้กระทั่งตัวนางเองก็ยังไม่แน่ใจชีวิตที่เจ็บปวด ล้มเหลว ร่อนเร่ เซซังแหลกสลายยังคงเกิดขึ้นและไม่เคยผ่านไป ติดค้างอยู่ในความทรงจำอันเจ็บปวดเหมือยปลายเข็มซ่อนในยอดหญ้า รอคอยประเดประดังเข้ามาทุกคราที่นางล้มลงในความโดดเดี่ยวเด็กหญิงโผกอดท่านตาที่อุ้มนางเอาไว้

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   ส่าหร่ายคลายวิญญาณ

    เซียวสือรุ่ยเบ้ปาก เดินไปยังลูกกลมสีทองที่ดูสว่างที่สุดในความคิดเขา แม้ความจริงๆ แล้วทุกๆ อันจะสว่างเท่ากันก็ตาม เซียวอวิ๋นหังเพียงหยิบลูกแก้วสีเงินที่โผล่ขึ้นมาข้างเท้า ในเมื่อทั้งหมดแล้วเป็นของดีจะอันไหนก็เหมือนกัน เขาจะมอบให้เสี่ยวอิงหมด เหมยลี่อิงเรียกระบบในใจ “ตอนนี้ข้ามีแต้มลิขิตเท่าไร”[โฮสต์ได้รับมาสองร้อยแต้ม รวมกับที่สะสมไว้ในโลกภารกิจ สามหมื่นสองพันสี่ร้อยแต้ม เป็นทั้งหมดสามหมื่นสองพันหกร้อยแต้ม ]“ใช้แรกเนตรหยั่งรู้ระดับแรก”[ทำการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น โฮสต์ได้รับเนตรหยั่งรู้ระดับหนึ่งคงเหลือ สามหมื่นหกร้อยแต้ม]นัยต์ตาดอกท้อของเด็กหญิงทอประกายสีทองจางๆ เหมยลี่อิงไม่รอช้ารับหยิบของที่นางต้องการทันทีผู้เฒ่ากระต่ายเท้าอุ้งเท้านุ่มนิ่มเท่าคางมองนางอย่าพิจารณาครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ว่าอะไร ความสามารถก็นับเป็นโชควาสนาอย่างหนึ่งเช่นกันกระต่ายเป็นสัตว์คิดไวใจร้อนเสร็จธุระแล้วก็จะใส่ใจเห็นพวกเขาเลือกของรางวัลกันแลวก็กระทืบเท้าเคาะพื้นส่งพวกมนุษย์จิ๋วออกจากแดนลับทันที“อ้ากก เจ้าอ้วกใส่เสื้อข้าแล้วเจ้าโง่ !”เซียวสือรุ่ยหยิบตัวเซียวอวิ๋นหังขึ้นมาโยนเข้าไปในธารน้ำจุดที่

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   หัวใจแห่งป่าไม้

    เซียวสือรุ่ยลองถามแน่นอนว่าเจ้าหมีตัวใหญ่ไม่เข้าใจ เขาเลยลองเดินตามมันตัวมันในที่สุดก็คิดว่าพวกเขาคงเข้าใจความนัยจึงนำทางพวกเขาไปในที่สุดแสงตะวันถอดผ่านแนวผา ชะแง่งหินขรุขระทางเดินคับแคบ เด็กมอมแมมสามคนเดินตามแม่หมีที่มีลูกน้อยนั่งอยู่บนหัวหนึ่งตัว“เจ้าจะพาพวกเราเดินไปถึงเมื่อไร”แน่นอนว่ามารดาหมีศิลาไม่อาจตอบพวกเขาได้ พวกเขาได้แต่เดินตามมันไป กระทั่งจวนจะเดินไม่ไหว เซียวสือรุ่ยได้ประคองเหมยลี่อิงที่กำลังจะล้มลงแม่มีสีน้ำตาลตัวใหญ่จึงผินหน้ากลับมาก็ค้อมตัวให้ เจ้าลูกหมีเข้าใจมันรีบลงจากหลังแม่ ดึงแขนเสื้อชุดเด็กๆ ให้ขึ้นมา“พวกเราขึ้นไปได้จริงหรือ” เหมยลี่อิงตามอย่างไม่ค่อยแน่ใจเซียวสือรุ่ยประคองน้องสาวขึ้นไปท่าทางระวังภัยอยู่ในที กระทั่งไม่เห็นแม่หมีโมโหก็ว่างใจ ให้เซียวอวิ๋นหังปีนตามขึ้นไปแล้วค่อยปิดท้ายด้วยตนเหมยลี่อิงลอบยิ้ม พี่รองของนางเป็นเช่นนี้เสมอ แม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่ค่อนใส่ใจอะไร แต่กลับขวัญกล้าจิตใจละเอียดอ่อนกลายเป็นสามคนหนึ่งตัวอยู่ถูกบรรทุกอยู่บนหลังแม่หมีตัวใหญ่ ขนสีน้ำตาลของหมีศิลาไม่อ่อนนุ่มเหมือนลูกหมี ขนเส้นหนาระคายสากบนแผ่นหลังกว้างทำให้นางไม่สบายตัวอยู่บ้

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   สู้กับอักษรพิษไฟ

    เจ้าดวงตาสีแดงเป็นอสรพิษไฟตัวใหญ่เขื่องตัวหนึ่งที่ไม่รู้เลื้อยมาตั้งแต่เมื่อใด ดวงตาเดรัจฉานคู่นั้นแดงฉานลุกไหม้ราวลูกไฟ ด้านหลังมันที่ไม่รู้เรียกว่าอะไรแผ่ออกเป็นเชิงรุกราน ลิ้นสองแฉกสีแดงปานโลหิตหยดน้ำลาย“ฉิบหาย!”ไม่รอช้าพริบตาที่งูฉกลงมา เซียวอวิ๋นหังก็คว้างน้องสาวและสิ่งอื่นๆ (?) ไปทิศตรงข้ามแล้วล่อมันไปอีกทางหนึ่ง“นี่ท่านไปเอามันมาตั้งแต่เมื่อไร!” เหมยลี่อิงที่ถูกเซียวอวิ๋นหังรองรับไว้ ร้องเหวใส่อย่างอดใจไม่ได้ เพราะสิ่งที่พี่รองยัดใส่อกนางไม่ใช่อื่นใดนอกจากเจ้าลูกหมีศิลา!“ระวัง!”เด็กชายชุดเขียววัยแปดขวบเปรียบเทียบกับงูอัคคีตัวใหญ่ดูอย่างไรก็ไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อยทว่าเซียวอวิ๋นหังแม้พละกำลังสู้ไม่ได้ แต่เขาคล่องแคล้วว่องไว มีไหวพริบฉลาดฉลาด เมื่อรู้ว่าสู้แรงมันไม่ได้ก็ไม่ใช้การปะทะซึ่งหน้า อาศัยความเร็วล่อหลอกให้มันหัวหมุนไปรอบๆ เป็นวงใหญ่เพียงเจ้างูตัวใหญ่หาใช่ภัยคุกคามเดียว กลิ่นไหม้ของไฟป่าฉุนกรุ่นควันโชยฟ้า องศาความร้อนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะทนได้นาน เหมยลี่อิงและเซียวสือรุ่ยโชคดีที่ชุดทำจากไหมน้ำแข็งสถานะของเซียวอวิ๋นหังกลับสู้ไม่ได้ แม้เพิ่งย้ายมาอยู่เรือนรองของน

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   การทดสอบของแดนลับ

    ทันใดก็มีแสงปราณห้าสีก่อตัวขึ้นเป็นประตูห้าบาน บานประตูไม้จู่ๆ ก็โผล่มาบนพนังโถง เป็นประตูไม้เก่าแก่จะพังแร่มิพังแร่ไร้ลวดลายใดๆ มีเพียงสีและลายไม้ที่บ่งบอกว่าพวกมันถูกสร้างในช่วงเวลาแตกต่างกันบานไม้แต่ประตูเหมือนแฝงไว้ด้วยมนตร์ขลัง ชวนให้พินิจว่าอีกฝั่งของประตูจะเป็นสถานที่เช่นไร ใจผู้มองล้วนดูดึงดูดไปใต้แสงที่สองลอดออกมาจากเงาประตูไม้ รัศมีที่แผ่ออกมาดุจดั่งถูกเททับด้วยเหล็กกล้านับพันชั่งพร้อมจะพังครืนเหนือหัวได้ทุกเมื่อ ทั้งหนักหนาและอึดอัดจนยากจะหายใจกระต่ายขาวตาแดงฉ๊กยิ้มอย่างสดใส “ล่ะให้ข้าดูว่าโชคชะตาแบบใดกันนะที่พวกเจ้าเลือก~”เหมยลี่อิงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ ไพล่ไหล่ผายมือไปทางเซียวสือรุ่ย “พี่รองท่านเลือกเถอะ”เด็กชายชุดเขียวแขวะในใจว่าน้องสาวที่หน้าตาหน้ารักออกปานนี้ไปเรียนกริยาไม่งามเช่นนี้มาจากที่ใด“ประตูไม้บานนี้ก็แล้วกัน” เจ้าก้อนแป้งเหมยแอบโล่งใจเพราะประตูที่เด็กชายสุ่มชี้ไปเป็นประตูไม้ตรงกลางบานเดียวกันกับนางเห็นในนิมิต“โอ้ พวกเจ้าแน่ใจหรือ” กระต่ายขาวถามอย่างยียวนเมื่อเห็นเด็กทั้งสามพยักหน้าแน่ใจ มันก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไป ประตูไม้บานใหญ่ที่เหลือหายไปเหล่าเพียงหนึ่งบา

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   ค้นหาแดนลัพธ์บรรพบุรุษ

    เด็กหญิงยิ้มหวานอย่างไม่คิดอะไรให้พี่รองและเซียวอวิ๋นหังที่ห่วงกังวล แล้วพาพวกเขาออกไปจากตรงนั้น“แล้วเราจะไปที่ใด” เซียวสือรุ่นไพล่ตามเปี่ยนบรรยากาศ“ท่านเคยสำรวจที่ใดมาแล้วบ้าง”เซียวสือรุ่ยพออกทำท่าทางภาคภูมิใจ “ใคร่ควรถามว่าที่ใดที่พวกข้ายังไม่ได้ไปบ้างจะดีกว่า”“แต่ท่านก็ไม่เจอสิ่งใดไม่ใช่หรือ” เหมยลี่อิงกล่าวไม่เกรงใจ ทำเอาไหล่ที่ยกสูงของคุณชายน้อยชุดเขียวห่อเหี่ยวลงศาลบรรพชนแห่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาอย่างประณีตอย่างแท้จริง พื้นที่กว้างขวางโอ่โถงปลอดโปล่ง แต่คงไว้ซึ่งความสง่างามเคร่งขรึม เคยมีคนกล่าวว่าหากอยากรู้ว่าตระกูลนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานเพียงใด ให้ดูที่ศาลบรรพชนของตระกูลนั้นคำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องเพราะยิ่งตระกูลมีประวัติยาวนานและมีความมั่งคั่งมากเท่าใด ยิ่งให้ความสำคัญกับสถานที่หลังความตายของตนมากเท่านั้น ทั้งคนรุ่นหลังยังต้องขอบคุณบรรพบุรุษที่มอบรากฐานอันยาวนานเหล่านี้ให้สถานที่ตั้งศาลบรรพชนที่ดีต้องมีกี่อย่าง หนึ่งคือต้องมีที่ให้ลมผ่าน สองคือมีที่ให้ธารน้ำไหล ตามนิมิตของพี่รองที่นางเห็นคืออีกฝ่ายไปตามหาเพื่อนที่ขี้ขลาดและหายไปจนพบสะหายอยู่ใต้

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status