ช่วงบ่าย ที่ตลาดดอกไม้ ฉินอันอันซื้อดอกแดฟโฟดิลไปสองกระถางเธออุ้มดอกแดฟโฟดิลไว้แล้วกลับไปที่บ้านเช่าของแม่ ยังไม่ถึงเวลาห้าโมงเย็น พูดตามหลักแล้วจางหยุนน่าจะยังไม่เลิกงาน แต่ทว่าจางหยุนกลับกำลังวุ่นอยู่ในครัว “แม่คะ วันนี้เลิกงานเร็วเหรอคะ?” ฉินอันอันเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะ แล้วถือกระถางดอกไม้วางลงบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น จางหยุนเดินออกมาห้องครัวท่าทางกระดากอายเล็กน้อย “อันอัน แม่ไม่ได้ทำงานนั้นแล้วล่ะจ้ะ” จางหยุนอธิบาย “ลูกสะใภ้ของพี่สาวแม่เจอพี่เลี้ยงเด็กที่เป็นมืออาชีพมากกว่าแม่แล้ว” อันอันตอบรับเสียงเบา จากนั้นก็กอดแม่ “แม่ ไม่ต้องเศร้านะคะ” จางหยุนยิ้ม “แม่ไม่เป็นไรจ้ะ…ทำไมลูกถึงซื้อดอกไม้กลับมาสองกระถางล่ะ?” ฉินอันอันเหลือบมองบ้านเช่าที่เรียบง่ายแล้วเอ่ยว่า “บังเอิญเดินผ่านตลาดดอกไม้น่ะค่ะเลยซื้อกลับมาสองกระถาง” “อืม อันอัน ลูกไม่ต้องกังวลเรื่องงานของแม่ ไม่มีงานก็หาใหม่ได้” “แม่คะ แม่ไม่ต้องหางานแล้ว พักผ่อนอยู่บ้านเถอะค่ะ!” ฉินอันอันพูดพร้อมกับหยิบบัตรธนาคารของเธอออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้แม่ “มีเงินอยู่ในบัตร แม่เอาไปใช้ได้เลย” จางหยุนผลักบัตรของเธอออก
ฉินอันอันรู้สึกช็อคอยู่ในใจตอนที่จางหยุนหย่ากับฉินเจี๋ย ฉินอันอันยังเด็กมาก แต่ละวันเธอเองยังเอาตัวแทบไม่รอด เธอจึงไม่ได้สนใจเลยว่าแม่ของเธอใช้ชีวิตอย่างไรดังนั้นแม่มีเงินเก็บได้อย่างไรนั้นเธอไม่เคยรู้เลย “ลูกไม่อยากไปเมืองนอกก็ไม่เป็นไร…แม่กำลังคิดว่า หรือเราจะซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ สักหลังดี? พวกเราสองคนลำบากก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เด็กจะลำบากไม่ได้!” จางหยุนพูดต่อ ฉินอันอัน “แม่คะ พวกเรามีเงินมากขนาดนั้นจริงเหรอคะ?” จางหยุน “มีเงินสำหรับจ่ายเงินดาวน์น่ะ” ฉินอันอัน “อ้อ…ยังไม่ต้องรีบหรอกค่ะ เด็กยังอีกหลายเดือน!” “นั่นเร็วมากนะ ลูกควรคิดให้รอบคอบ” ฉินอันอันพยักหน้า “แม่คะ เดี๋ยวสักพักหนูจะออกไปข้างนอก อาทิตย์หน้าเป็นวันเกิดพ่อเพื่อน หนูต้องไปซื้อของขวัญ” จางหยุน “ไปซื้อตอนกลางวันไม่ได้เหรอ? มันมืดแล้ว ลูกออกไปคนเดียว แม่เป็นห่วง” ฉินอันอัน “ข้างนอกมีไฟถนน ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” จางหยุน “ถ้าอย่างนั้นลูกรีบไปรีบกลับล่ะ” ฉินอันอันลุกขึ้น หยิบกระเป๋าจากโซฟาแล้วออกไป เธอขึ้นรถแทกซี่ที่ริมถนน แล้วบอกพิกัดบ้านตระกูลฟู่ให้คนขับฟังใบหน้าผ่ายผอมและซีดเซียวของฟู่ซื่อถิงปรากฏขึ้น
ภายในห้องยังมีหมอและแม่เฒ่าฟู่อยู่ด้วยพวกเขายืนอยู่ริมหน้าต่างกำลังพูดคุยเรื่องสภาพร่างกายของฟู่ซื่อถิง เท้าของฉินอันอันราวกับเต็มไปด้วยตะกั่ว อย่างไรก็ไม่อาจสาวเท้าเข้าไปในห้องได้ ถังเฉียนหันหลังกลับจากเตียงพร้อมกับถืออ่างน้ำในมือ พลันเห็นฉินอันอันยืนอยู่ที่ด้านนอก“ฉินอันอัน! เธอมาทำอะไร?” ถังเฉียนลดเสียงของเธอลง ด้วยกลัวจะปลุกฟู่ซื่อถิงเข้า เธอวางอ่างใส่น้ำลงที่โต๊ะข้างเตียง แล้วก้าวเท้าไปทางฉินอันอัน แม่เฒ่าฟู่ได้ยินเสียงจึงเดินไปที่ประตูด้วยเช่นกัน ......ฉินอันอันกลัวว่าจะเสียงดังจนปลุกฟู่ซื่อถิง ดังนั้นจึงเดินไปทางหัวบันไดสองสามก้าว ถังเฉียนคิดว่าเธอจะหนี จึงก้าวเท้าเข้าไปขวางเธอเอาไว้“ฉินอันอัน! เธอกำลังปั่นหัวให้ฟู่ซื่อถิงกลายเป็นคนโง่งมใช่ไหม?! เธอไม่ชอบเขา ก็ปล่อยเขาไปสิ! ถ้าเธอทำร้ายเขาอีก ฉันไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่!” ดวงตาของถังเฉียนส่อแววเกลียดชังอย่างรุนแรง แม่เฒ่าฟู่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและเฉียบขาด “ฉินอันอัน ซื่อถิงไม่ยอมหย่ากับเธอก่อนหน้านี้ย่อมต้องทำให้เธอรำคาญใจ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะมองไม่เห็นค่าของคนอื่นได้ขนาดนี้! ฉันมันตาบอดที่ตอนแรกชมชอบเธอ! ถ
ในใจของแม่เฒ่ายังคงหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย เพราะไม่ว่ายังไงคราวก่อนลูกชายของเธอเกือบจะแตกหักกับเธอเพราะผู้หญิงคนนี้ เวลาประมาณเที่ยงคืน ฟู่ซื่อถิงไข้ลดลงแล้ว และตื่นขึ้นมา ภายในห้องเปิดโคมไฟสีส้มอุ่นเอาไว้เขาลุกขึ้นนั่ง มองเห็นถังเฉียนนอนคว่ำหน้าหลับสนิทอยู่ข้างเตียงเขาขมวดคิ้วแล้วลุกจากเตียงเดินออกจากห้องไป ......เช้าวันรุ่งขึ้น ถังเฉียนตื่นขึ้นมา เห็นเตียงว่างเปล่า ใจก็ว่างเปล่าไปด้วยเธอรีบลงมาหาเขาที่ชั้นล่างทันที ป้าจางพูดอย่างประหลาดใจว่า “ดิฉันอยู่ข้างล่างตลอด คุณผู้ชายไม่ได้ลงมาเลยนะคะ!” ถังเฉียนตกตะลึง “เขาก็ไม่ได้อยู่ในห้องด้วยเหมือนกัน! ฉันเห็นว่าเขาไม่อยู่ ถึงได้ลงมา” ป้าจาง “โถ่พระเจ้า! คุณผู้ชายไม่มีทางจะหายตัวไปในอากาศได้หรอกค่ะ!” ว่าแล้วป้าจางก็วิ่งขึ้นไปชั้นบน เธอและถังเฉียนค้นหาทุกห้องบนชั้นสอง แต่ก็ไม่พบฟู่ซื่อถิง ถังเฉียนร้องไห้อย่างร้อนใจ “เป็นความผิดฉันเอง…เมื่อคืนฉันหลับลึกเกินไป ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาลุกจากเตียง…” ป้าจางรีบลงไปชั้นล่าง “ดิฉันจะไปถามยามเฝ้าประตู ถ้าหากคุณผู้ชายออกไป ยามจะต้องรู้” จากนั้นไม่นานป้าจางก็ได้รับคำตอบจากยามเฝ้
สิบโมงเช้า รถโรลส์รอยซ์สีดำขับมาจอดที่หน้าอาคารเก่าของเขตหมู่บ้าน เมื่อประตูรถเปิดออก ร่างสูงก็ลงมาจากรถฟู่ซื่อถิงสวมเสื้อนวมกันหนาวแบบยาวสีกรมท่า พันผ้าพันคอสีเทาและสวมรองเท้าบูทคู่ใหม่ ถึงแม้จะสวมเสื้อผ้าอย่างอบอุ่น สีหน้าของเขาก็ยังดูซีดเซียว บุคลิกที่เย็นชาและสูงส่งของเขาช่างไม่เข้ากับสถานที่รกร้างและทรุดโทรมรอบ ๆ ตัว คนขับรถและบอดี้การ์ดเดินตามเขาอยู่ด้านหลัง ในมือถือของขวัญหรูหราเอาไว้ด้วยเมื่อมีเสียงเคาะประตูบ้านเช่า จางหยุนวิ่งเหยาะ ๆ ออกมาจากครัวเพื่อเปิดประตู ทันทีที่เห็นฟู่ซื่อถิง เธอก็งุนงงเล็กน้อย “…คุณมาได้ยังไง?” จางหยุนสะดุ้งตกใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตู “รีบเข้ามาเถอะค่ะ! ได้ยินว่าคุณกำลังป่วย ยังไม่หายใช่ไหมคะ?” ถึงแม้จะเข้าสู่ฤดูหนาว แต่ก็ยังไม่ถึงกับต้องสวมเสื้อนวมกันหนาวแบบยาวเช่นนี้ฟู่ซื่อถิงเหลือบมองพื้นสะอาดเอี่ยมแล้วเอ่ยอย่างลังเล “ต้องถอดรองเท้าหรือเปล่าครับ?” จางหยุนส่ายหน้าทันที “ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง พวกคุณเข้ามาได้เลย!” เธอเชิญฟู่ซื่อถิงเข้ามาด้านใน จากนั้นก็เห็นว่าในมือของคนขับรถและบออดี้การ์ดมีของขวัญมาด้วย “ทำไมถึงเอาของขวัญม
”ยังไม่หายป่วยก็ควรเก็บตัวพักผ่อนอยู่บ้าน” ฉินอันอันพูดแล้วก็หันไปหยิบแก้วน้ำแล้วเทน้ำใส่แก้ว“วันนี้ดีขึ้นมากแล้ว” เขาถอดผ้าพันคอออก “เมื่อวานคุณก็พูดแบบนี้” ฉินอันอันดื่มน้ำแล้ววางแก้วลง เธอเดินไปที่ห้องรับแขกแล้วก็เห็นของขวัญบนพื้น “นี่คุณคิดจะทำอะไร?” ฉินอันอันถามเขา “มามือเปล่าไม่ใช่เรื่องดีนัก” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ผมเพิ่งรู้ว่าคุณกลับไปเมื่อคืนนี้” “คุณมาเพื่อพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะเหรอ?” ฉินอันอันเดินไปนั่งที่โซฟา ดวงตาทรงเม็ดอัลมอนด์มองใบหน้าซูบผอมของเขา ระหว่างคนทั้งสองอยู่ห่างกันมากกว่าหนึ่งเมตร “ผมกับถังเฉียน…” “ฉันไม่อยากฟังเรื่องนี้” เธอตัดบทเขา “ไม่ว่าคุณกับผู้หญิงคนไหน มีความสัมพันธ์ยังไง ฉันก็ไม่ได้สนใจอยากรู้” ฟู่ซื่อถิงเห็นใบหน้าที่เย็นชาของเธอ แล้วรู้สึกสิ้นหวังอยู่ลึก ๆ ในใจ “ต่อจากเรื่องนี้คุณจะพูดเรื่องของฉันกับถังเฉียวเซินใช่หรือเปล่าคะ?” เธอมองเขาแล้วเน้นคำพูดทีละคำ “ฟู่ซื่อถิง ถึงฉันจะถูกเขาหลอก ก็เป็นตัวฉันที่ยอมรับผลนั้นเอง ฉันจะไม่ดึงคุณมาเกี่ยว แล้วก็จะไม่ขอร้องให้คุณช่วย ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้กับฉันอีก” ตอนนี้เธอก
ฉินอันอัน! คุณลืมไปแล้วใช่ไหมว่าตัวเองเป็นภรรยาของใคร?!” เขาจับมือเล็ก ๆ ของเธอที่กำลังดิ้นรนเอาไว้แน่นแล้วประสานมันไว้บนเหนือศีรษะของเธอ “ผมบอกให้คุณอยู่ห่างจากถังเฉียวเซิน อย่าท้าทายความอดทนของผม!” เธอไม่เห็นเขาหงุดหงิดและบ้าคลั่งแบบนี้มาสักพักแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนแอมาก แต่ว่าความแข็งแกร่งของเขาก็ยังน่ากลัวเธอไม่กล้าต่อต้านกลับ เพราะว่าเธอยิ่งต่อต้านมากเท่าไหร่ ก็มีแต่จะกระตุ้นให้เขาปรามเธออย่างป่าเถื่อนยิ่งขึ้น เพราะว่าเด็กในท้อง เธอจึง ทำได้แค่นอนอยู่นิ่ง ๆ และรอให้เขาระบายความไม่พอใจออกมาเท่านั้น “ทำไมคุณไม่พูดล่ะ?” ดวงตาของเขามองใบหน้าเล็ก ๆ ของเธออย่างเร่าร้อน เขาใช้นิ้วลูบแก้มเธอ และสุดท้ายก็เลื่อนจากคิ้วไปถึงหลังหู “คุณอยากให้ฉันพูดอะไร? คุณอยากฟังอะไร ฉันจะพูดให้คุณฟัง” เธอพูดอย่างยอมรับชะตากรรม ความโกรธในใจของเขา ดับลงทันที “ฉินอันอัน ให้อภัยบาปของผมไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” เสียงของเขาแหบแห้งและนุ่มนวล ฝ่ามือของเขาลอดผ่านโคนผมของเธอและจับด้านหลังศีรษะของเธอเอาไว้ในฝ่ามือ ร่ายกายของเขาร้อนเล็กน้อย เธอกลับรู้สึกร้อนมาก ๆ “คุณไม่มีบาปที่ยกโทษให้ไม่ได้”
เขาหลับสนิท บนตัวมีเหงื่อออกตลอดเวลา ทว่าอุณหภูมิร่างกายปกติ เธอนอนลงข้าง ๆ เขาด้วยความเหนื่อยล้า ไม่นานก็ผล็อยหลับไปเช่นกัน ……เวลาบ่ายสามโมง ฉินอันอันตื่นแล้ว ในส่วนของกระเพาะอาหาร มวลความหิวเริ่มออกอาละวาดเธอลุกจากเตียงทันที เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้อง บอดี้การ์ดและคนขับรถกำลังนั่งดูทีวีบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จางหยุนกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องครัว ดูแล้วบรรยากาศช่างผสมกลมลืนกันอย่างมาก…เพียงแค่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนพวกาหลงรังอย่างไรอย่างนั้น “อันอัน ลูกหิวหรือยัง?” จางหยุนวางโทรศัพท์ แล้วยกอาหารที่เธอทำไว้ออกมา ฉินอันอันเดินไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วพูดกับคนขับรถว่า “อีกเดี๋ยวเจ้านายของคุณน่าจะตื่นแล้ว ตอนนี้คุณกลับไปเอาเสื้อผ้าที่สะอาดมาทีนะคะ” คนขับรถลุกขึ้นทันที “ได้ครับ” หลังจากคนขับรถออกไปแล้ว ฉินอันอันก็ปิดโทรทัศน์แล้วพูดกับบอดี้การ์ดว่า “แม่ของฉันเป็นไมเกรน เสียงดังไม่ได้ ตอนที่นายอยู่ที่นี่ก็ขอให้อยู่เงียบ ๆ ด้วย” บอดี้การ์ดไม่กล้าคัดค้าน ถึงยังไงเจ้านายก็อยู่บนเตียงของเธอ แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะตื่นเมื่อไหร่ ถ้าหากหลับไปจนถึงช่วง