เขาหลับสนิท บนตัวมีเหงื่อออกตลอดเวลา ทว่าอุณหภูมิร่างกายปกติ เธอนอนลงข้าง ๆ เขาด้วยความเหนื่อยล้า ไม่นานก็ผล็อยหลับไปเช่นกัน ……เวลาบ่ายสามโมง ฉินอันอันตื่นแล้ว ในส่วนของกระเพาะอาหาร มวลความหิวเริ่มออกอาละวาดเธอลุกจากเตียงทันที เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้อง บอดี้การ์ดและคนขับรถกำลังนั่งดูทีวีบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จางหยุนกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องครัว ดูแล้วบรรยากาศช่างผสมกลมลืนกันอย่างมาก…เพียงแค่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนพวกาหลงรังอย่างไรอย่างนั้น “อันอัน ลูกหิวหรือยัง?” จางหยุนวางโทรศัพท์ แล้วยกอาหารที่เธอทำไว้ออกมา ฉินอันอันเดินไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วพูดกับคนขับรถว่า “อีกเดี๋ยวเจ้านายของคุณน่าจะตื่นแล้ว ตอนนี้คุณกลับไปเอาเสื้อผ้าที่สะอาดมาทีนะคะ” คนขับรถลุกขึ้นทันที “ได้ครับ” หลังจากคนขับรถออกไปแล้ว ฉินอันอันก็ปิดโทรทัศน์แล้วพูดกับบอดี้การ์ดว่า “แม่ของฉันเป็นไมเกรน เสียงดังไม่ได้ ตอนที่นายอยู่ที่นี่ก็ขอให้อยู่เงียบ ๆ ด้วย” บอดี้การ์ดไม่กล้าคัดค้าน ถึงยังไงเจ้านายก็อยู่บนเตียงของเธอ แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะตื่นเมื่อไหร่ ถ้าหากหลับไปจนถึงช่วง
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง คนขับรถนำของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันของฟู่ซื่อถิงมาทั้งหมด รวมทั้งอาหารเย็นสุดหรูด้วย ป้าจางใช้กล่องอาหารและกล่องเก็บความร้อนใส่อาหารมาสำหรับสามคนเป็นอย่างน้อย“คุณหนูฉินครับ นี่คือยาของเจ้านาย คืนนี้ลำบากคุณแล้ว!” คนขับรถมอบยาให้กับฉินอันอันอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เลิกงานไป ฉินอันอันนั่งโซฟามองดูข้าวของของฟู่ซื่อถิงแล้วจมลงสู่ห้วงความคิด ‘เธอใจอ่อนเกินไปหรือเปล่า?!’ ‘เธอน่าจะไล่เขาไปตั้งแต่ตอนเที่ยง! อย่างนั้นจะได้ไม่ต้องลำบากขนาดนี้!’ ทันใดนั้นเอง ในห้องนอนก็มีเสียงไอลอดออกมา เธอแอบถอนใจ หยิบยาของเขาแล้วผลักประตูห้องนอนให้เปิดออก ตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอกับเขาสองคน ดังนั้นเธอจึงเปิดประตูเพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเท เขาอาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าสะอาดทว่าบนเตียงกลับยุ่งเหยิง “มีน้ำร้อนหรือเปล่า?” เขากระหายน้ำนิดหน่อย เธอวางยาไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วออกไปเอาน้ำอุ่นให้เขา เขาเดินตามเธอไปจนถึงห้องครัว “แม่คุณล่ะ?” เขาถาม “โชคดีว่าเพราะคุณ แม่ของฉันเลยไปพักที่โรงแรมแล้ว” ฉินอันอันยื่นแก้วน้ำให้เขา “คุณหิวหรือเปล่า? คนขับรถเอาอาหารเย็นมาให้
และที่นี่มีเตียงแค่หลังเดียวเท่านั้น เขาคือคนป่วย ดังนั้นเธอวางแผนจะยกเตียงให้เขา หลังจากอาบน้ำเสร็จก็มานั่งที่โซฟา เธอคิดว่าคืนนี้จะนอนบนโซฟา ผลกลับเป็นว่าเขาเองก็มาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน เขานอนตลอดช่วงบ่าย ตอนนี้จะไม่ง่วงก็เข้าใจได้ เธอคงไม่สามารถบังคับให้เขาไปนอนได้ “ผมไม่ได้นอนหลับสบายแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วเพราะคุณเอาแต่ถ่วงเวลาอยู่แบบนี้นั่นแหละ! อันอัน พวกเราคุยกันอย่างเปิดเผยเถอะ!” ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคเอ่ยปากในวิดีโอ “ผมก็นอนไม่หลับอยู่ทุกวัน! ไม่เพียงแค่นอนไม่หลับ กินข้าวก็ไม่ลงด้วย!” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากล่าว “ระยะนี้ผมก็ร่วงรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ! เดิมทีก็มีเส้นผมไม่เยอะอยู่แล้ว!” ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลตามมาสมทบ ชายชราสองสามคนนี้ แต่ละคนต่างพูดเรื่องที่แย่กว่าอีกคน พวกเขากำลังบังคับให้ฉินอันอันตัดสินใจเดี๋ยวนี้ ฟู่ซื่อถิงขมวดคิ้วแล้วคว้าโทรศัพท์เธอไปฉินอันอัน “…นี่! ฉันกำลังคุยงานอยู่นะ! คืนโทรศัพท์ฉันมา!” เธอเดินไปทางเขา อย่างต้องการแย่งโทรศัพท์คืน“ผู้ชายคนนี้คือใครกัน? หน้าคุ้น ๆ แฮะ!” “นี่คือแฟนหนุ่มของอันอันสินะ! อยู่กับอันอันดึกขนา
“ฟู่ซื่อถิง ฉันไม่มีวันต้องการเงินของคุณ” เธอเอ่ยอย่างจริงจัง “ดังนั้นคุณอย่าพูดเรื่องนี้กับฉันอีก” “ทำไมถึงไม่ต้องการเงินของผมล่ะ? เงินผมต่างจากเงินของคนอื่นงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำลงอย่างชัดเจน ฉินอันอันลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูด “เงินใครฉันก็ไม่อยากได้ หน้าใครฉันก็ไม่อยากเห็น” ประโยคนี้ ปิดกั้นคำพูดที่ตามมาของเขาทั้งหมด “ฉันจะนอนแล้ว คุณก็อย่ารบกวนฉันเลย” ฉินอันอันพลิกตัว หันหลังให้เขา เมื่อมองดูแผ่นหลังที่บอบบางของเธอ เขาก็คลุมผ้าห่มบนตัวเขาให้เธอ เธอเลิกมันขึ้นทันที “ฉันห่มของฉัน คุณห่มของคุณ ไม่ต้องมาแตะต้องฉัน” บนเตียงมีผ้าห่มสองผืน บนตัวฟู่ซื่อถิงห่มแบบหนา เธอห่มผ้าห่มสำหรับฤดูร้อนเครื่องปรับอากาศในห้องเปิดไว้ค่อนข้างอุ่น “คุณห่มแบบหนา ผมจะห่มแบบบาง” ฟู่ซื่อถิงพูดอย่างใจดี ร่างกายเขาค่อนข้างอ่อนแอ รู้สึกหนาวเป็นระยะ ๆ ดังนั้นจึงคิดว่าเธอเองก็หนาวเช่นกัน “คุณอยากจะให้ฉันร้อนตายหรือไง?” ฉินอันอันพูดอย่างไม่เกรงใจ “คุณควรรีบนอน แล้วกลับไปก่อนที่แม่ของฉันจะกลับมาตอนเช้า คุณอยู่ที่นี่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเราอย่างร้ายแรง” ฟู่ซื่อถิงห่มผ้าให้ต
“ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้…ลูกชายของฉันไม่เคยต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้มาก่อน…ไม่เคยเลย! นี่เขาไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้! ต้องโทษฉัน! ทำไมฉันถึงให้เขาไปหาฉินอันอันมาเป็นภรรยา! มีผู้หญิงเยอะแยะ แต่ฉันดันเลือกนังจิ้งจอกคนนี้!” ......ภายในห้อง ลมหายใจของฟู่ซื่อถิงสม่ำเสมอฉินอันอันเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเขา มีเหงื่อออกที่หน้าผาก ทว่าอุณหภูมิยังปกติ ด้วยกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมากระหายน้ำกลางดึก เธอจึงลุกจากเตียงไปเทน้ำมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงข้างเขา เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่ฉินอันอันตื่นขึ้นมา ข้างกายเธอไม่มีเงาของฟู่ซื่อถิงแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เป็นเวลาแปดโมงกว่าตอนเช้าแล้ว เวลาประมาณหกโมงเช้าฟู่ซื่อถิงส่งข้อความถึงเธอ : เมื่อคืนนี้หลับสบายมาก ผมกลับก่อนนะ แก้มของเธอร้อนผ่าว ‘ก็แค่ข้อความเท่านั้นเอง ทำไมถึงได้ร้อนแบบนี้ล่ะ?’ เธอพบรีโมทคอนโทรลแล้วปิดเครื่องปรับอากาศ หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้วออกจากห้อง จางหยุนก็เรียกเธอมากินข้าวเช้า “ตอนนี้สถานการณ์ลูกกับเขาเป็นยังไง?” จางหยุนนำชามบะหมี่และตะเกียบมาให้เธอ “อะไรคะ สถานการณ์อะไร?” ฉินอันอันแสร้างทำเป็นไม่เข
รอยยิ้มบนใบหน้าของถังเฉียนเลือนหายไป “สายตาของคุณไม่เคยมองมาที่ฉันเลย” ฟู่ซื่อถิง “ไปหาคนที่มองคุณเถอะ” ถังเฉียนหันหลังเดินจากไป ……ตอนเย็น ถังเฉียนรู้สึกหดหู่ จึงมาหาถังเฉียวเซินเพื่อดื่มไวน์ถังเฉียวเซินมองท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเธอแล้วก็พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “เธอเป็นแบบนี้ ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบเธอหรอกนะ” ถังเฉียนโกรธจนตาแดง “ฉันอยู่ข้างนอกก็เหนื่อยพอแล้ว! ตอนนี้ฉันอยู่บ้านตัวเองยังต้องเสแสร้งอีกเหรอ?!” ถังเฉียวเซินเทไวน์ให้เธอ “ถังเฉียน พวกเราสองคนพี่น้องยังทำงานเป็นทีมเดียวกันไม่พอ เธอต้องฟังที่ฉันพูดแล้วเธอจะได้ทุกอย่าง” “แล้วฉันจะได้ฟู่ซื่อถิงหรือเปล่าล่ะ?” ถังเฉียนดื่มไวน์รวดเดียวจนหมด ถามเขาด้วยดวงตาแดงก่ำแขนยาวของถังเฉียวเซินโอบรอบตัวเธอ แล้วโน้มไปกระซิบข้างหูเธอ “เธอไม่ได้เขาที่มีชีวิต แต่ถ้าเขาตายแล้ว ฉันจะเอาเถ้ากระดูกเขาให้เธอก็ได้ แบบนี้เธอก็ได้ครอบครองเขาทางอ้อมแล้ว ว่ายังไงล่ะ?” ทันใดนั้นสีหน้าของถังเฉียนเปลี่ยนไปอย่างแรง เธอผลักเขาออก! “ถังเฉียวเซิน! พี่บ้าไปแล้วเหรอ? ถ้าพี่กล้าแตะต้องฟู่ซื่อถิง ก็ถือว่าพี่ก็เป็นศัตรูของฉัน!” มีเสียง ‘ปึง’ ดังขึ้น
ถังเฉียน “!!!” เธอปรับจิตใจให้ยอมรับมาได้ตลอดช่วงเช้า ไม่ให้ตัวเองต้องเดือดดาลเพราะเรื่องของฉินอันอันตอนที่พบกับฟู่ซื่อถิง แต่ตอนนี้กำแพงในจิตใจของเธอพังทลายลงแล้ว! เธออดกลั้นต่อความเจ็บปวด แล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยงไป ห่างไปไม่ไกล ถังเฉียวเซินมองดูน้องสาวตัวเองถูกฟู่ซื่อถิงปฏิเสธอีกครั้งแล้วยังเป็นที่บ้านของตัวเอง หากบอกว่าไม่เจ็บปวดใจ คงจะเป็นการโกหกและถ้าบอกว่าไม่อาย ก็คงโกหกเช่นกัน ช่วงเวลาสิบปีแห่งความเยาว์วัยของถังเฉียนที่ต้องเสียไปกับฟู่ซื่อถิงและความทุกข์ทรมานที่เธอได้รับ ถังเฉียวเซินต้องการให้เขาชดใช้ทุกอย่างในคืนนี้! หลังมื้อกลางวัน ฟู่ซื่อถิงไปที่ห้องพัก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าฉินอันอันจะยังมาไม่ถึงจริง ๆ ‘เธอบอกว่าอยู่กับถังเฉียวเซินแล้วสบายใจไม่ใช่เหรอ?’ ‘เธอโกหกเหรอ?’ หลังจากมาถึงห้องพัก เขาก็ไม่ได้เอนตัวลงนอนพักเลย เขาไม่ได้ง่วงมากนัก ที่มาห้องพักเพียงแค่เพราะไม่อยากเข้าสังคม เขาส่งข้อความถึงบอดี้การ์ด : ฉินอันอันมาถึงเมื่อไหร่บอกฉันด้วย ส่งข้อความเสร็จ เขาก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ เขาหยิบหนังสือจากชั้นหนังสือข้าง ๆ ประมาณสี่โมงเย็น มีเสี
“คุณฟู่ กรุณาหยุดด้วยครับ” บอดี้การ์ดตระกูลถังห้ามฟู่ซื่อถิงไว้ ฟู่ซื่อถิงพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ฉันจะเข้าไป! ภรรยาของฉันอยู่ในนั้น” บอดี้การ์ดตระกูลถัง “คุณหมายถึงคุณฉินหรือเปล่าครับ? เธอไปปีนเขากับคุณถังแล้วครับ” ฟู่ซื่อถิงเม้มริมฝีปากแน่น นัยน์ตาเผยให้เห็นความเย็นชา บอดี้การ์ดตระกูลถังชี้ไปยังยอดเขาที่อยู่ไม่ไกล “พวกเขาขึ้นไปทางนั้นครับ แต่ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วและทางขึ้นเขาค่อนข้างชัน คุณไม่คุ้นเคยเส้นทาง ผมขอแนะนำให้คุณไปรอที่ห้องจัดเลี้ยงดีกว่าครับ เดี๋ยวพวกเขาคงกลับมาแล้ว” ฟู่ซื่อถิงกำหมัดเล็กน้อยพลางเหยียดขายาวออกแล้วก้าวขาขึ้นไปบนภูเขา ...... ห้องรับแขกทิศใต้ ฉินอันอันไม่สามารถนั่งนิ่งได้หลังจากฟังพ่อของถังเฉียวเซินพูดเรื่องประวัติการก่อตั้งกิจการและมุมมองของเขาเกี่ยวกับฉินกรุ๊ปเป็นเวลาสองชั่วโมง “คุณลุง ขอบคุณนะคะที่ชวนหนูคุย วันนี้เป็นวันเกิดของคุณลุง สุขสันต์วันเกิดนะคะ ส่วนเรื่องงาน หนูจะคุยกับถังเฉียวเซินด้วยตัวเองค่ะ” หากวันนี้ไม่ใช่วันเกิดของอีกฝ่ายที่อายุเยอะกว่า ฉินอันอันก็คงไม่นั่งอยู่ที่นั่นได้นานขนาดนี้ “คุณพ่อพักผ่อนเถอะ ผมจะพาอันอันไปทานอาหารเย็น”