ถังเฉียน “!!!” เธอปรับจิตใจให้ยอมรับมาได้ตลอดช่วงเช้า ไม่ให้ตัวเองต้องเดือดดาลเพราะเรื่องของฉินอันอันตอนที่พบกับฟู่ซื่อถิง แต่ตอนนี้กำแพงในจิตใจของเธอพังทลายลงแล้ว! เธออดกลั้นต่อความเจ็บปวด แล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยงไป ห่างไปไม่ไกล ถังเฉียวเซินมองดูน้องสาวตัวเองถูกฟู่ซื่อถิงปฏิเสธอีกครั้งแล้วยังเป็นที่บ้านของตัวเอง หากบอกว่าไม่เจ็บปวดใจ คงจะเป็นการโกหกและถ้าบอกว่าไม่อาย ก็คงโกหกเช่นกัน ช่วงเวลาสิบปีแห่งความเยาว์วัยของถังเฉียนที่ต้องเสียไปกับฟู่ซื่อถิงและความทุกข์ทรมานที่เธอได้รับ ถังเฉียวเซินต้องการให้เขาชดใช้ทุกอย่างในคืนนี้! หลังมื้อกลางวัน ฟู่ซื่อถิงไปที่ห้องพัก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าฉินอันอันจะยังมาไม่ถึงจริง ๆ ‘เธอบอกว่าอยู่กับถังเฉียวเซินแล้วสบายใจไม่ใช่เหรอ?’ ‘เธอโกหกเหรอ?’ หลังจากมาถึงห้องพัก เขาก็ไม่ได้เอนตัวลงนอนพักเลย เขาไม่ได้ง่วงมากนัก ที่มาห้องพักเพียงแค่เพราะไม่อยากเข้าสังคม เขาส่งข้อความถึงบอดี้การ์ด : ฉินอันอันมาถึงเมื่อไหร่บอกฉันด้วย ส่งข้อความเสร็จ เขาก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ เขาหยิบหนังสือจากชั้นหนังสือข้าง ๆ ประมาณสี่โมงเย็น มีเสี
“คุณฟู่ กรุณาหยุดด้วยครับ” บอดี้การ์ดตระกูลถังห้ามฟู่ซื่อถิงไว้ ฟู่ซื่อถิงพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ฉันจะเข้าไป! ภรรยาของฉันอยู่ในนั้น” บอดี้การ์ดตระกูลถัง “คุณหมายถึงคุณฉินหรือเปล่าครับ? เธอไปปีนเขากับคุณถังแล้วครับ” ฟู่ซื่อถิงเม้มริมฝีปากแน่น นัยน์ตาเผยให้เห็นความเย็นชา บอดี้การ์ดตระกูลถังชี้ไปยังยอดเขาที่อยู่ไม่ไกล “พวกเขาขึ้นไปทางนั้นครับ แต่ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วและทางขึ้นเขาค่อนข้างชัน คุณไม่คุ้นเคยเส้นทาง ผมขอแนะนำให้คุณไปรอที่ห้องจัดเลี้ยงดีกว่าครับ เดี๋ยวพวกเขาคงกลับมาแล้ว” ฟู่ซื่อถิงกำหมัดเล็กน้อยพลางเหยียดขายาวออกแล้วก้าวขาขึ้นไปบนภูเขา ...... ห้องรับแขกทิศใต้ ฉินอันอันไม่สามารถนั่งนิ่งได้หลังจากฟังพ่อของถังเฉียวเซินพูดเรื่องประวัติการก่อตั้งกิจการและมุมมองของเขาเกี่ยวกับฉินกรุ๊ปเป็นเวลาสองชั่วโมง “คุณลุง ขอบคุณนะคะที่ชวนหนูคุย วันนี้เป็นวันเกิดของคุณลุง สุขสันต์วันเกิดนะคะ ส่วนเรื่องงาน หนูจะคุยกับถังเฉียวเซินด้วยตัวเองค่ะ” หากวันนี้ไม่ใช่วันเกิดของอีกฝ่ายที่อายุเยอะกว่า ฉินอันอันก็คงไม่นั่งอยู่ที่นั่นได้นานขนาดนี้ “คุณพ่อพักผ่อนเถอะ ผมจะพาอันอันไปทานอาหารเย็น”
ถังเฉียวเซินตบแขนเสื้อที่มีรอยย่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถังเฉียน! ฉันไม่ใช่บอดี้การ์ดของเขา ฉันไม่มีเวลาช่วยเธอไปจับตาดูเขาหรอก! ถ้าเธออยากเจอ ก็ไปหาเขาเองสิ!” ถังเฉียนยกกำปั้นขึ้นแล้วต่อยถังเฉียวเซินที่หน้าอก “ฉันโทรหาเขาไม่ติด! แล้วก็หาเขาไม่เจอ! บอดี้การ์ดของเขาก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน! พี่ไม่ต้องมาเสแสร้งเลยนะ! พี่จงใจติดตั้งเครื่องสกัดสัญญาณไว้ที่บ้าน! พี่วางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว!” ถังเฉียนเซินปิดปากของเธอด้วยมือข้างหนึ่งแล้วอุ้มเธอขึ้นด้วยมืออีกข้าง “ถังเฉียน! ตอนนี้ฉันต้องขังเธอไว้ในห้อง! หลังจากคืนนี้ เธอจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป!”…… ในห้องจัดเลี้ยง ฉินอันอันผุดกายยืนขึ้น ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยอยู่รอบกาย ภายในใจรู้สึกไม่สบายใจขึ้นทีละน้อย เมื่อเปิดโทรศัพท์ เธอเห็นสายที่ไม่ได้รับและข้อความจากฟู่ซื่อถิงในตอนบ่าย ข้อความที่เขาส่งให้เธอคือ : มาหาผมทันทีหลังจากเห็นข้อความ! ผมจะรอคุณในห้องจัดเลี้ยง! ตอนนี้เธออยู่ในห้องจัดเลี้ยง แต่เขาไปไหน? เธอโทรหาเขา แต่ปลายสายตัดสัญญาณอัตโนมัติหลังจากที่โทรออก และมีข้อความแจ้งว่าไม่มีสัญญาณมีแค่เฉพาะฝั่งใต้ไม่ใช่เหรือที่ไม่มี
คฤหาสน์ตั้งอยู่บนไหล่เขา เส้นทางจากเชิงเขาถึงไหล่เขาค่อนข้างเรียบ สามารถขับรถตรงไปที่คฤหาสน์ได้ แต่จากคฤหาสน์ไม่มีถนนสายหลัก ตอนที่ฟู่ซื่อถิงปีนขึ้นไปถึงฟ้าก็มืดแล้ว เขาเปิดไฟฉายในโทรศัพท์แล้วเดินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของฉินอันอัน ถังเฉียวเซินมีเจตนาไม่ดีต่อเธอ เขากลัวว่าถ้าเขาไปช้าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ ถ้ารู้ว่าถังเฉียวเซินมีวิธีการร้ายกาจ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอมาคนเดียว หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง เขาหายใจเร็วขึ้นและปัญหาที่ยิ่งไปกว่านั้นคือขาของเขา หมอบอกเขาว่าห้ามออกกำลังกายหนัก ๆ หกเดือน เขาสามารถเดินได้ตามปกติแต่ไม่อาจเดินมากเกินไปได้ กีฬาที่ทำให้เข่าเสื่อมเช่นการปีนเขา ยิ่งต้องห้าม ไม่อย่างนั้นจะมีความเสี่ยงสูงมาก ในความมืด ลมหนาวพัดแรง ต้นไม้เสียดสีมีเสียงกรอบแกรบ เขาหยุดเมื่อร่างกายส่งสัญญาณเจ็บปวด เขาเปิดรายชื่อและพยายามโทรหาบอดี้การ์ด แต่มือถือไม่มีสัญญาณ เขาสามารถลงจากเขาได้ ด้วยความแข็งแรงของร่างกายที่มีสามารถพาเขาลงจากภูเขาได้ แต่เขากลับไม่มีความคิดนั้นเลยแม้แต่เสี้ยววินาที เขาอดทนต่อความเจ็บปวดและปีนต่อไป
จู่ ๆ ดวงตาของเธอก็ถูกดึงดูดด้วยลำแสงที่อยู่ไม่ไกล! เธอหันไฟฉายโทรศัพท์ไปทางลำแสงนั้น ในหุบเขาที่รกร้างนั้น มีร่างสูงโปร่งนอนอยู่! “ฟู่ซื่อถิง!” โทนเสียงของเธอต่ำลง เธอรีบวางมือลงบนพื้นแล้วปีนขึ้นไปบนหุบเขาสูงชัน “ฟู่ซื่อถิง ฉันอยู่นี่แล้ว! ไม่ต้องกลัวนะ! ไม่เป็นไร คุณจะไม่เป็นไร!” บอดี้การ์ดได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอ จึงตะโกนจากที่สูง “ฉินอันอัน! คุณเจอเจ้านายแล้วใช่ไหม?!” “...เจอแล้ว! เขาตกลงมา! หน้าเขามีเลือดเต็มเลย!” ฉินอันอันระงับอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้และขอความช่วยเหลือจากเขา “คุณรีบมาทางนี้เร็วเข้า!” หลังจากพูดจบ เธอสูดหายใจและกระโดดไปทางที่ฟู่ซื่อถิงอยู่ เท้าของเธอแพลง เธอเจ็บจนแทบจะหายใจไม่ออก จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตา เธอรีบคลานไปหาฟู่ซื่อถิงและกอดเขาไว้แน่น! “ฟู่ซื่อถิง! ตื่นสิ! อย่าหลับ! อย่าหลับนะ!” เธอจับใบหน้าที่เย็นเฉียบของเขาด้วยมือทั้งสองข้างพลางโน้มศีรษะลงและผายปอดให้เขา บนภูเขาไม่มีสัญญาณ พวกเขาไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้ บอดี้การ์ดแบกฟู่ซื่อถิงไว้บนหลังแล้วลงจากภูเขาไป มือของฉินอันอันจับกิ่งไม้พลางร้องไห้ขณะลงจากภูเขา ‘เกิดเรื่อ
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเอ หลังจากที่ฉินอันอันทานอาหารเย็นที่มหาวิทยาลัยเสร็จ เธอก็อยู่อ่านหนังสือต่อที่นี่ ขณะที่เธอกำลังตั้งใจอ่าน จู่ ๆ ก็เกิดเสียงโห่ดังมาจากรอบตัว! “หิมะตกแล้ว! นี่เป็นหิมะแรกของปีนี้! ตกหนักมากเลย! ไปเล่นหิมะกันเถอะพวกเรา!” “ได้! ฉันอยากออกไปถ่ายรูป!” ...... คนในห้องสมุดส่วนใหญ่รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ฉินอันอันอดไม่ได้ที่จะเดินไปดูหิมะที่กำลังตกหนักริมหน้าต่าง ‘หิมะตกหนักมาก สวยจัง!’ ไม่แปลกใจเลยที่ในอินเทอร์เน็ตบอกว่าการสารภาพรักในช่วงหิมะแรกจะประสบความสำเร็จ เพราะสิ่งสวยงามทำให้คนมีความสุข “เธอ มีคนโทรมา!” มีคนเดินเข้ามาด้านหลังของฉินอันอันและตบไหล่ของเธอ เธอได้สติและได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอ “ขอบคุณนะ!” เธอเดินกะโผลกกะเผลกจากหน้าต่างกลับไปยังที่นั่งของเธอครั้งก่อนที่เธอเท้าแพลงบนภูเขา เธอไปหาหมอช้าไปหน่อยเท้าของเธอบวมมากและยังไม่หายดีแต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเธอ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย ไม่รู้ว่าปลายสายพูดว่าอะไร แต่จู่ ๆ หางตาและคิ้วของเธอก็ยกขึ้น ดวงตาของเธอเป็นประกาย หลังจากวางสายแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของ
“ผมคิดว่าพี่ซื่อถิงไม่ได้โกรธเธอจนไม่อยากเจอหน้าหรอก...ผมถามบอดี้การ์ดของเขาแล้ว บอดี้การ์ดบอกว่าหน้าของเขาถูกกิ่งไม้ข่วน เขาเป็นคนที่รักหน้ายิ่งชีพ เมื่อใบหน้ามีบาดแผล ย่อมไม่อยากพบใคร” “อย่างนี้นี่เอง! ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกอันอันตอนนี้เลย! ไม่อย่างนั้นเธอคงคิดฟุ้งซ่านไปเองต่าง ๆ นานาแน่!” หลีเสี่ยวเถียนส่งข้อความถึงฉินอันอันเรื่องที่เฮ่อจุนจือพูด ฉินอันอันส่งหน้ายิ้มกลับมา หลีเสี่ยวเถียนยังคงส่งข้อความถึงเธอต่อ : อีกครึ่งเดือนก็ถึงวันเกิดของฟู่ซื่อถิงแล้ว เธอคิดหรือยังว่าจะให้ของขวัญอะไรเขา? ฉินอันอัน : ยังเลย ฉันไม่รู้จะให้อะไรเขาดี หลีเสี่ยวเถียน : อากาศหนาวแบบนี้ เธอก็ถักเสื้อกันหนาวให้เขาสิ! ฉินอันอัน : ถามจริง? สมัยนี้ใครเขาใส่เสื้อกันหนาวถักกันล่ะ? หลีเสี่ยวเถียน : บอกให้ถักก็ถักเถอะ ชายแท้เขาชอบใส่แบบนี้กัน ฉินอันอัน : ปัญหาคือฉันถักไม่เป็นน่ะสิ! หลีเสี่ยวเถียน : คนขายถักจะสอนเธอเอง! ถ้ายังทำไม่เป็นอีกก็ดูวิดีโอในอินเทอร์เน็ตสิ! เธอฉลาดจะตาย เรียนรู้แป๊บเดียวก็ทำได้แล้ว! ฉินอันอัน : ทำไมเธอถึงคะยั้นคะยอจะให้ฉันถักเสื้อกันหนาวให้ได้ล่ะ? หลีเสี่ยวเถียน :
“ผมให้ยารักษาโรคซึมเศร้าไปเมื่อเช้านี้ แต่เขาไม่ยอมกิน” หมอขมวดคิ้ว “ถ้าไม่กินก็ไม่หายนะครับ!” แม่เฒ่าฟู่ “พรุ่งนี้ฉันจะลองคุยกับเขาดู” หมอ “ผมได้ยินมาว่าเขาฟังฉินอันอันมากกว่า ถ้าอย่างนั้น...” “ไม่! เธอเป็นคนที่ทำให้ลูกชายของฉันเป็นแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้มีแต่จะนำโชคร้ายมาให้ลูกชายของฉัน!” แม่เฒ่าฟู่พูดด้วยอารมณ์ หมอหยุดแสดงความคิดเห็น เขามีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะสภาพร่างกายของฟู่ซื่อถิงเท่านั้น “ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจจะพูดแทนฉินอันอัน...พรุ่งนี้ค่อยคุยกันดีกว่า! มาดูกันว่าเขาจะเชื่อฟังฉันไหม” แม่เฒ่าฟู่รีบกล่าวประนีประนอม ขอแค่ให้ลูกชายหายดีขึ้นในเร็ววัน อย่างอื่นเธอไม่สนใจแล้ว ...... หลังจากฉินอันอันอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปดูหิมะที่ข้างนอกหน้าต่าง พื้นดินกลายเป็นสีขาว ค่ำคืนอันมืดมิดสว่างขึ้นเล็กน้อย ในหัวใจเริ่มมีแรงกระตุ้นมากขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานึกอยากโทรหาฟู่ซื่อถิง อยากได้ยินเสียงของเขา หลังจากคิดอยู่นานเธอก็กลัวว่าเขาจะไม่รับสาย เธอจึงส่งข้อความเสียงถึงเขาแทน แม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินเสียงของเขา แต่ก็เป็นการดีกว่าถ้าให้เขาได้ยินเสียงของเธอและให้เขา