ในใจของแม่เฒ่ายังคงหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย เพราะไม่ว่ายังไงคราวก่อนลูกชายของเธอเกือบจะแตกหักกับเธอเพราะผู้หญิงคนนี้ เวลาประมาณเที่ยงคืน ฟู่ซื่อถิงไข้ลดลงแล้ว และตื่นขึ้นมา ภายในห้องเปิดโคมไฟสีส้มอุ่นเอาไว้เขาลุกขึ้นนั่ง มองเห็นถังเฉียนนอนคว่ำหน้าหลับสนิทอยู่ข้างเตียงเขาขมวดคิ้วแล้วลุกจากเตียงเดินออกจากห้องไป ......เช้าวันรุ่งขึ้น ถังเฉียนตื่นขึ้นมา เห็นเตียงว่างเปล่า ใจก็ว่างเปล่าไปด้วยเธอรีบลงมาหาเขาที่ชั้นล่างทันที ป้าจางพูดอย่างประหลาดใจว่า “ดิฉันอยู่ข้างล่างตลอด คุณผู้ชายไม่ได้ลงมาเลยนะคะ!” ถังเฉียนตกตะลึง “เขาก็ไม่ได้อยู่ในห้องด้วยเหมือนกัน! ฉันเห็นว่าเขาไม่อยู่ ถึงได้ลงมา” ป้าจาง “โถ่พระเจ้า! คุณผู้ชายไม่มีทางจะหายตัวไปในอากาศได้หรอกค่ะ!” ว่าแล้วป้าจางก็วิ่งขึ้นไปชั้นบน เธอและถังเฉียนค้นหาทุกห้องบนชั้นสอง แต่ก็ไม่พบฟู่ซื่อถิง ถังเฉียนร้องไห้อย่างร้อนใจ “เป็นความผิดฉันเอง…เมื่อคืนฉันหลับลึกเกินไป ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาลุกจากเตียง…” ป้าจางรีบลงไปชั้นล่าง “ดิฉันจะไปถามยามเฝ้าประตู ถ้าหากคุณผู้ชายออกไป ยามจะต้องรู้” จากนั้นไม่นานป้าจางก็ได้รับคำตอบจากยามเฝ้
สิบโมงเช้า รถโรลส์รอยซ์สีดำขับมาจอดที่หน้าอาคารเก่าของเขตหมู่บ้าน เมื่อประตูรถเปิดออก ร่างสูงก็ลงมาจากรถฟู่ซื่อถิงสวมเสื้อนวมกันหนาวแบบยาวสีกรมท่า พันผ้าพันคอสีเทาและสวมรองเท้าบูทคู่ใหม่ ถึงแม้จะสวมเสื้อผ้าอย่างอบอุ่น สีหน้าของเขาก็ยังดูซีดเซียว บุคลิกที่เย็นชาและสูงส่งของเขาช่างไม่เข้ากับสถานที่รกร้างและทรุดโทรมรอบ ๆ ตัว คนขับรถและบอดี้การ์ดเดินตามเขาอยู่ด้านหลัง ในมือถือของขวัญหรูหราเอาไว้ด้วยเมื่อมีเสียงเคาะประตูบ้านเช่า จางหยุนวิ่งเหยาะ ๆ ออกมาจากครัวเพื่อเปิดประตู ทันทีที่เห็นฟู่ซื่อถิง เธอก็งุนงงเล็กน้อย “…คุณมาได้ยังไง?” จางหยุนสะดุ้งตกใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตู “รีบเข้ามาเถอะค่ะ! ได้ยินว่าคุณกำลังป่วย ยังไม่หายใช่ไหมคะ?” ถึงแม้จะเข้าสู่ฤดูหนาว แต่ก็ยังไม่ถึงกับต้องสวมเสื้อนวมกันหนาวแบบยาวเช่นนี้ฟู่ซื่อถิงเหลือบมองพื้นสะอาดเอี่ยมแล้วเอ่ยอย่างลังเล “ต้องถอดรองเท้าหรือเปล่าครับ?” จางหยุนส่ายหน้าทันที “ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง พวกคุณเข้ามาได้เลย!” เธอเชิญฟู่ซื่อถิงเข้ามาด้านใน จากนั้นก็เห็นว่าในมือของคนขับรถและบออดี้การ์ดมีของขวัญมาด้วย “ทำไมถึงเอาของขวัญม
”ยังไม่หายป่วยก็ควรเก็บตัวพักผ่อนอยู่บ้าน” ฉินอันอันพูดแล้วก็หันไปหยิบแก้วน้ำแล้วเทน้ำใส่แก้ว“วันนี้ดีขึ้นมากแล้ว” เขาถอดผ้าพันคอออก “เมื่อวานคุณก็พูดแบบนี้” ฉินอันอันดื่มน้ำแล้ววางแก้วลง เธอเดินไปที่ห้องรับแขกแล้วก็เห็นของขวัญบนพื้น “นี่คุณคิดจะทำอะไร?” ฉินอันอันถามเขา “มามือเปล่าไม่ใช่เรื่องดีนัก” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ผมเพิ่งรู้ว่าคุณกลับไปเมื่อคืนนี้” “คุณมาเพื่อพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะเหรอ?” ฉินอันอันเดินไปนั่งที่โซฟา ดวงตาทรงเม็ดอัลมอนด์มองใบหน้าซูบผอมของเขา ระหว่างคนทั้งสองอยู่ห่างกันมากกว่าหนึ่งเมตร “ผมกับถังเฉียน…” “ฉันไม่อยากฟังเรื่องนี้” เธอตัดบทเขา “ไม่ว่าคุณกับผู้หญิงคนไหน มีความสัมพันธ์ยังไง ฉันก็ไม่ได้สนใจอยากรู้” ฟู่ซื่อถิงเห็นใบหน้าที่เย็นชาของเธอ แล้วรู้สึกสิ้นหวังอยู่ลึก ๆ ในใจ “ต่อจากเรื่องนี้คุณจะพูดเรื่องของฉันกับถังเฉียวเซินใช่หรือเปล่าคะ?” เธอมองเขาแล้วเน้นคำพูดทีละคำ “ฟู่ซื่อถิง ถึงฉันจะถูกเขาหลอก ก็เป็นตัวฉันที่ยอมรับผลนั้นเอง ฉันจะไม่ดึงคุณมาเกี่ยว แล้วก็จะไม่ขอร้องให้คุณช่วย ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้กับฉันอีก” ตอนนี้เธอก
ฉินอันอัน! คุณลืมไปแล้วใช่ไหมว่าตัวเองเป็นภรรยาของใคร?!” เขาจับมือเล็ก ๆ ของเธอที่กำลังดิ้นรนเอาไว้แน่นแล้วประสานมันไว้บนเหนือศีรษะของเธอ “ผมบอกให้คุณอยู่ห่างจากถังเฉียวเซิน อย่าท้าทายความอดทนของผม!” เธอไม่เห็นเขาหงุดหงิดและบ้าคลั่งแบบนี้มาสักพักแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนแอมาก แต่ว่าความแข็งแกร่งของเขาก็ยังน่ากลัวเธอไม่กล้าต่อต้านกลับ เพราะว่าเธอยิ่งต่อต้านมากเท่าไหร่ ก็มีแต่จะกระตุ้นให้เขาปรามเธออย่างป่าเถื่อนยิ่งขึ้น เพราะว่าเด็กในท้อง เธอจึง ทำได้แค่นอนอยู่นิ่ง ๆ และรอให้เขาระบายความไม่พอใจออกมาเท่านั้น “ทำไมคุณไม่พูดล่ะ?” ดวงตาของเขามองใบหน้าเล็ก ๆ ของเธออย่างเร่าร้อน เขาใช้นิ้วลูบแก้มเธอ และสุดท้ายก็เลื่อนจากคิ้วไปถึงหลังหู “คุณอยากให้ฉันพูดอะไร? คุณอยากฟังอะไร ฉันจะพูดให้คุณฟัง” เธอพูดอย่างยอมรับชะตากรรม ความโกรธในใจของเขา ดับลงทันที “ฉินอันอัน ให้อภัยบาปของผมไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” เสียงของเขาแหบแห้งและนุ่มนวล ฝ่ามือของเขาลอดผ่านโคนผมของเธอและจับด้านหลังศีรษะของเธอเอาไว้ในฝ่ามือ ร่ายกายของเขาร้อนเล็กน้อย เธอกลับรู้สึกร้อนมาก ๆ “คุณไม่มีบาปที่ยกโทษให้ไม่ได้”
เขาหลับสนิท บนตัวมีเหงื่อออกตลอดเวลา ทว่าอุณหภูมิร่างกายปกติ เธอนอนลงข้าง ๆ เขาด้วยความเหนื่อยล้า ไม่นานก็ผล็อยหลับไปเช่นกัน ……เวลาบ่ายสามโมง ฉินอันอันตื่นแล้ว ในส่วนของกระเพาะอาหาร มวลความหิวเริ่มออกอาละวาดเธอลุกจากเตียงทันที เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้อง บอดี้การ์ดและคนขับรถกำลังนั่งดูทีวีบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จางหยุนกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องครัว ดูแล้วบรรยากาศช่างผสมกลมลืนกันอย่างมาก…เพียงแค่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนพวกาหลงรังอย่างไรอย่างนั้น “อันอัน ลูกหิวหรือยัง?” จางหยุนวางโทรศัพท์ แล้วยกอาหารที่เธอทำไว้ออกมา ฉินอันอันเดินไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วพูดกับคนขับรถว่า “อีกเดี๋ยวเจ้านายของคุณน่าจะตื่นแล้ว ตอนนี้คุณกลับไปเอาเสื้อผ้าที่สะอาดมาทีนะคะ” คนขับรถลุกขึ้นทันที “ได้ครับ” หลังจากคนขับรถออกไปแล้ว ฉินอันอันก็ปิดโทรทัศน์แล้วพูดกับบอดี้การ์ดว่า “แม่ของฉันเป็นไมเกรน เสียงดังไม่ได้ ตอนที่นายอยู่ที่นี่ก็ขอให้อยู่เงียบ ๆ ด้วย” บอดี้การ์ดไม่กล้าคัดค้าน ถึงยังไงเจ้านายก็อยู่บนเตียงของเธอ แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะตื่นเมื่อไหร่ ถ้าหากหลับไปจนถึงช่วง
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง คนขับรถนำของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันของฟู่ซื่อถิงมาทั้งหมด รวมทั้งอาหารเย็นสุดหรูด้วย ป้าจางใช้กล่องอาหารและกล่องเก็บความร้อนใส่อาหารมาสำหรับสามคนเป็นอย่างน้อย“คุณหนูฉินครับ นี่คือยาของเจ้านาย คืนนี้ลำบากคุณแล้ว!” คนขับรถมอบยาให้กับฉินอันอันอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เลิกงานไป ฉินอันอันนั่งโซฟามองดูข้าวของของฟู่ซื่อถิงแล้วจมลงสู่ห้วงความคิด ‘เธอใจอ่อนเกินไปหรือเปล่า?!’ ‘เธอน่าจะไล่เขาไปตั้งแต่ตอนเที่ยง! อย่างนั้นจะได้ไม่ต้องลำบากขนาดนี้!’ ทันใดนั้นเอง ในห้องนอนก็มีเสียงไอลอดออกมา เธอแอบถอนใจ หยิบยาของเขาแล้วผลักประตูห้องนอนให้เปิดออก ตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอกับเขาสองคน ดังนั้นเธอจึงเปิดประตูเพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเท เขาอาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าสะอาดทว่าบนเตียงกลับยุ่งเหยิง “มีน้ำร้อนหรือเปล่า?” เขากระหายน้ำนิดหน่อย เธอวางยาไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วออกไปเอาน้ำอุ่นให้เขา เขาเดินตามเธอไปจนถึงห้องครัว “แม่คุณล่ะ?” เขาถาม “โชคดีว่าเพราะคุณ แม่ของฉันเลยไปพักที่โรงแรมแล้ว” ฉินอันอันยื่นแก้วน้ำให้เขา “คุณหิวหรือเปล่า? คนขับรถเอาอาหารเย็นมาให้
และที่นี่มีเตียงแค่หลังเดียวเท่านั้น เขาคือคนป่วย ดังนั้นเธอวางแผนจะยกเตียงให้เขา หลังจากอาบน้ำเสร็จก็มานั่งที่โซฟา เธอคิดว่าคืนนี้จะนอนบนโซฟา ผลกลับเป็นว่าเขาเองก็มาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน เขานอนตลอดช่วงบ่าย ตอนนี้จะไม่ง่วงก็เข้าใจได้ เธอคงไม่สามารถบังคับให้เขาไปนอนได้ “ผมไม่ได้นอนหลับสบายแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วเพราะคุณเอาแต่ถ่วงเวลาอยู่แบบนี้นั่นแหละ! อันอัน พวกเราคุยกันอย่างเปิดเผยเถอะ!” ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคเอ่ยปากในวิดีโอ “ผมก็นอนไม่หลับอยู่ทุกวัน! ไม่เพียงแค่นอนไม่หลับ กินข้าวก็ไม่ลงด้วย!” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากล่าว “ระยะนี้ผมก็ร่วงรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ! เดิมทีก็มีเส้นผมไม่เยอะอยู่แล้ว!” ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลตามมาสมทบ ชายชราสองสามคนนี้ แต่ละคนต่างพูดเรื่องที่แย่กว่าอีกคน พวกเขากำลังบังคับให้ฉินอันอันตัดสินใจเดี๋ยวนี้ ฟู่ซื่อถิงขมวดคิ้วแล้วคว้าโทรศัพท์เธอไปฉินอันอัน “…นี่! ฉันกำลังคุยงานอยู่นะ! คืนโทรศัพท์ฉันมา!” เธอเดินไปทางเขา อย่างต้องการแย่งโทรศัพท์คืน“ผู้ชายคนนี้คือใครกัน? หน้าคุ้น ๆ แฮะ!” “นี่คือแฟนหนุ่มของอันอันสินะ! อยู่กับอันอันดึกขนา
“ฟู่ซื่อถิง ฉันไม่มีวันต้องการเงินของคุณ” เธอเอ่ยอย่างจริงจัง “ดังนั้นคุณอย่าพูดเรื่องนี้กับฉันอีก” “ทำไมถึงไม่ต้องการเงินของผมล่ะ? เงินผมต่างจากเงินของคนอื่นงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำลงอย่างชัดเจน ฉินอันอันลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูด “เงินใครฉันก็ไม่อยากได้ หน้าใครฉันก็ไม่อยากเห็น” ประโยคนี้ ปิดกั้นคำพูดที่ตามมาของเขาทั้งหมด “ฉันจะนอนแล้ว คุณก็อย่ารบกวนฉันเลย” ฉินอันอันพลิกตัว หันหลังให้เขา เมื่อมองดูแผ่นหลังที่บอบบางของเธอ เขาก็คลุมผ้าห่มบนตัวเขาให้เธอ เธอเลิกมันขึ้นทันที “ฉันห่มของฉัน คุณห่มของคุณ ไม่ต้องมาแตะต้องฉัน” บนเตียงมีผ้าห่มสองผืน บนตัวฟู่ซื่อถิงห่มแบบหนา เธอห่มผ้าห่มสำหรับฤดูร้อนเครื่องปรับอากาศในห้องเปิดไว้ค่อนข้างอุ่น “คุณห่มแบบหนา ผมจะห่มแบบบาง” ฟู่ซื่อถิงพูดอย่างใจดี ร่างกายเขาค่อนข้างอ่อนแอ รู้สึกหนาวเป็นระยะ ๆ ดังนั้นจึงคิดว่าเธอเองก็หนาวเช่นกัน “คุณอยากจะให้ฉันร้อนตายหรือไง?” ฉินอันอันพูดอย่างไม่เกรงใจ “คุณควรรีบนอน แล้วกลับไปก่อนที่แม่ของฉันจะกลับมาตอนเช้า คุณอยู่ที่นี่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเราอย่างร้ายแรง” ฟู่ซื่อถิงห่มผ้าให้ต