ในใจของแม่เฒ่ายังคงหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย เพราะไม่ว่ายังไงคราวก่อนลูกชายของเธอเกือบจะแตกหักกับเธอเพราะผู้หญิงคนนี้ เวลาประมาณเที่ยงคืน ฟู่ซื่อถิงไข้ลดลงแล้ว และตื่นขึ้นมา ภายในห้องเปิดโคมไฟสีส้มอุ่นเอาไว้เขาลุกขึ้นนั่ง มองเห็นถังเฉียนนอนคว่ำหน้าหลับสนิทอยู่ข้างเตียงเขาขมวดคิ้วแล้วลุกจากเตียงเดินออกจากห้องไป ......เช้าวันรุ่งขึ้น ถังเฉียนตื่นขึ้นมา เห็นเตียงว่างเปล่า ใจก็ว่างเปล่าไปด้วยเธอรีบลงมาหาเขาที่ชั้นล่างทันที ป้าจางพูดอย่างประหลาดใจว่า “ดิฉันอยู่ข้างล่างตลอด คุณผู้ชายไม่ได้ลงมาเลยนะคะ!” ถังเฉียนตกตะลึง “เขาก็ไม่ได้อยู่ในห้องด้วยเหมือนกัน! ฉันเห็นว่าเขาไม่อยู่ ถึงได้ลงมา” ป้าจาง “โถ่พระเจ้า! คุณผู้ชายไม่มีทางจะหายตัวไปในอากาศได้หรอกค่ะ!” ว่าแล้วป้าจางก็วิ่งขึ้นไปชั้นบน เธอและถังเฉียนค้นหาทุกห้องบนชั้นสอง แต่ก็ไม่พบฟู่ซื่อถิง ถังเฉียนร้องไห้อย่างร้อนใจ “เป็นความผิดฉันเอง…เมื่อคืนฉันหลับลึกเกินไป ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาลุกจากเตียง…” ป้าจางรีบลงไปชั้นล่าง “ดิฉันจะไปถามยามเฝ้าประตู ถ้าหากคุณผู้ชายออกไป ยามจะต้องรู้” จากนั้นไม่นานป้าจางก็ได้รับคำตอบจากยามเฝ้
สิบโมงเช้า รถโรลส์รอยซ์สีดำขับมาจอดที่หน้าอาคารเก่าของเขตหมู่บ้าน เมื่อประตูรถเปิดออก ร่างสูงก็ลงมาจากรถฟู่ซื่อถิงสวมเสื้อนวมกันหนาวแบบยาวสีกรมท่า พันผ้าพันคอสีเทาและสวมรองเท้าบูทคู่ใหม่ ถึงแม้จะสวมเสื้อผ้าอย่างอบอุ่น สีหน้าของเขาก็ยังดูซีดเซียว บุคลิกที่เย็นชาและสูงส่งของเขาช่างไม่เข้ากับสถานที่รกร้างและทรุดโทรมรอบ ๆ ตัว คนขับรถและบอดี้การ์ดเดินตามเขาอยู่ด้านหลัง ในมือถือของขวัญหรูหราเอาไว้ด้วยเมื่อมีเสียงเคาะประตูบ้านเช่า จางหยุนวิ่งเหยาะ ๆ ออกมาจากครัวเพื่อเปิดประตู ทันทีที่เห็นฟู่ซื่อถิง เธอก็งุนงงเล็กน้อย “…คุณมาได้ยังไง?” จางหยุนสะดุ้งตกใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตู “รีบเข้ามาเถอะค่ะ! ได้ยินว่าคุณกำลังป่วย ยังไม่หายใช่ไหมคะ?” ถึงแม้จะเข้าสู่ฤดูหนาว แต่ก็ยังไม่ถึงกับต้องสวมเสื้อนวมกันหนาวแบบยาวเช่นนี้ฟู่ซื่อถิงเหลือบมองพื้นสะอาดเอี่ยมแล้วเอ่ยอย่างลังเล “ต้องถอดรองเท้าหรือเปล่าครับ?” จางหยุนส่ายหน้าทันที “ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง พวกคุณเข้ามาได้เลย!” เธอเชิญฟู่ซื่อถิงเข้ามาด้านใน จากนั้นก็เห็นว่าในมือของคนขับรถและบออดี้การ์ดมีของขวัญมาด้วย “ทำไมถึงเอาของขวัญม
”ยังไม่หายป่วยก็ควรเก็บตัวพักผ่อนอยู่บ้าน” ฉินอันอันพูดแล้วก็หันไปหยิบแก้วน้ำแล้วเทน้ำใส่แก้ว“วันนี้ดีขึ้นมากแล้ว” เขาถอดผ้าพันคอออก “เมื่อวานคุณก็พูดแบบนี้” ฉินอันอันดื่มน้ำแล้ววางแก้วลง เธอเดินไปที่ห้องรับแขกแล้วก็เห็นของขวัญบนพื้น “นี่คุณคิดจะทำอะไร?” ฉินอันอันถามเขา “มามือเปล่าไม่ใช่เรื่องดีนัก” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ผมเพิ่งรู้ว่าคุณกลับไปเมื่อคืนนี้” “คุณมาเพื่อพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะเหรอ?” ฉินอันอันเดินไปนั่งที่โซฟา ดวงตาทรงเม็ดอัลมอนด์มองใบหน้าซูบผอมของเขา ระหว่างคนทั้งสองอยู่ห่างกันมากกว่าหนึ่งเมตร “ผมกับถังเฉียน…” “ฉันไม่อยากฟังเรื่องนี้” เธอตัดบทเขา “ไม่ว่าคุณกับผู้หญิงคนไหน มีความสัมพันธ์ยังไง ฉันก็ไม่ได้สนใจอยากรู้” ฟู่ซื่อถิงเห็นใบหน้าที่เย็นชาของเธอ แล้วรู้สึกสิ้นหวังอยู่ลึก ๆ ในใจ “ต่อจากเรื่องนี้คุณจะพูดเรื่องของฉันกับถังเฉียวเซินใช่หรือเปล่าคะ?” เธอมองเขาแล้วเน้นคำพูดทีละคำ “ฟู่ซื่อถิง ถึงฉันจะถูกเขาหลอก ก็เป็นตัวฉันที่ยอมรับผลนั้นเอง ฉันจะไม่ดึงคุณมาเกี่ยว แล้วก็จะไม่ขอร้องให้คุณช่วย ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้กับฉันอีก” ตอนนี้เธอก
ฉินอันอัน! คุณลืมไปแล้วใช่ไหมว่าตัวเองเป็นภรรยาของใคร?!” เขาจับมือเล็ก ๆ ของเธอที่กำลังดิ้นรนเอาไว้แน่นแล้วประสานมันไว้บนเหนือศีรษะของเธอ “ผมบอกให้คุณอยู่ห่างจากถังเฉียวเซิน อย่าท้าทายความอดทนของผม!” เธอไม่เห็นเขาหงุดหงิดและบ้าคลั่งแบบนี้มาสักพักแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนแอมาก แต่ว่าความแข็งแกร่งของเขาก็ยังน่ากลัวเธอไม่กล้าต่อต้านกลับ เพราะว่าเธอยิ่งต่อต้านมากเท่าไหร่ ก็มีแต่จะกระตุ้นให้เขาปรามเธออย่างป่าเถื่อนยิ่งขึ้น เพราะว่าเด็กในท้อง เธอจึง ทำได้แค่นอนอยู่นิ่ง ๆ และรอให้เขาระบายความไม่พอใจออกมาเท่านั้น “ทำไมคุณไม่พูดล่ะ?” ดวงตาของเขามองใบหน้าเล็ก ๆ ของเธออย่างเร่าร้อน เขาใช้นิ้วลูบแก้มเธอ และสุดท้ายก็เลื่อนจากคิ้วไปถึงหลังหู “คุณอยากให้ฉันพูดอะไร? คุณอยากฟังอะไร ฉันจะพูดให้คุณฟัง” เธอพูดอย่างยอมรับชะตากรรม ความโกรธในใจของเขา ดับลงทันที “ฉินอันอัน ให้อภัยบาปของผมไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” เสียงของเขาแหบแห้งและนุ่มนวล ฝ่ามือของเขาลอดผ่านโคนผมของเธอและจับด้านหลังศีรษะของเธอเอาไว้ในฝ่ามือ ร่ายกายของเขาร้อนเล็กน้อย เธอกลับรู้สึกร้อนมาก ๆ “คุณไม่มีบาปที่ยกโทษให้ไม่ได้”
เขาหลับสนิท บนตัวมีเหงื่อออกตลอดเวลา ทว่าอุณหภูมิร่างกายปกติ เธอนอนลงข้าง ๆ เขาด้วยความเหนื่อยล้า ไม่นานก็ผล็อยหลับไปเช่นกัน ……เวลาบ่ายสามโมง ฉินอันอันตื่นแล้ว ในส่วนของกระเพาะอาหาร มวลความหิวเริ่มออกอาละวาดเธอลุกจากเตียงทันที เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้อง บอดี้การ์ดและคนขับรถกำลังนั่งดูทีวีบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จางหยุนกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องครัว ดูแล้วบรรยากาศช่างผสมกลมลืนกันอย่างมาก…เพียงแค่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนพวกาหลงรังอย่างไรอย่างนั้น “อันอัน ลูกหิวหรือยัง?” จางหยุนวางโทรศัพท์ แล้วยกอาหารที่เธอทำไว้ออกมา ฉินอันอันเดินไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วพูดกับคนขับรถว่า “อีกเดี๋ยวเจ้านายของคุณน่าจะตื่นแล้ว ตอนนี้คุณกลับไปเอาเสื้อผ้าที่สะอาดมาทีนะคะ” คนขับรถลุกขึ้นทันที “ได้ครับ” หลังจากคนขับรถออกไปแล้ว ฉินอันอันก็ปิดโทรทัศน์แล้วพูดกับบอดี้การ์ดว่า “แม่ของฉันเป็นไมเกรน เสียงดังไม่ได้ ตอนที่นายอยู่ที่นี่ก็ขอให้อยู่เงียบ ๆ ด้วย” บอดี้การ์ดไม่กล้าคัดค้าน ถึงยังไงเจ้านายก็อยู่บนเตียงของเธอ แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะตื่นเมื่อไหร่ ถ้าหากหลับไปจนถึงช่วง
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง คนขับรถนำของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันของฟู่ซื่อถิงมาทั้งหมด รวมทั้งอาหารเย็นสุดหรูด้วย ป้าจางใช้กล่องอาหารและกล่องเก็บความร้อนใส่อาหารมาสำหรับสามคนเป็นอย่างน้อย“คุณหนูฉินครับ นี่คือยาของเจ้านาย คืนนี้ลำบากคุณแล้ว!” คนขับรถมอบยาให้กับฉินอันอันอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เลิกงานไป ฉินอันอันนั่งโซฟามองดูข้าวของของฟู่ซื่อถิงแล้วจมลงสู่ห้วงความคิด ‘เธอใจอ่อนเกินไปหรือเปล่า?!’ ‘เธอน่าจะไล่เขาไปตั้งแต่ตอนเที่ยง! อย่างนั้นจะได้ไม่ต้องลำบากขนาดนี้!’ ทันใดนั้นเอง ในห้องนอนก็มีเสียงไอลอดออกมา เธอแอบถอนใจ หยิบยาของเขาแล้วผลักประตูห้องนอนให้เปิดออก ตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอกับเขาสองคน ดังนั้นเธอจึงเปิดประตูเพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเท เขาอาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าสะอาดทว่าบนเตียงกลับยุ่งเหยิง “มีน้ำร้อนหรือเปล่า?” เขากระหายน้ำนิดหน่อย เธอวางยาไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วออกไปเอาน้ำอุ่นให้เขา เขาเดินตามเธอไปจนถึงห้องครัว “แม่คุณล่ะ?” เขาถาม “โชคดีว่าเพราะคุณ แม่ของฉันเลยไปพักที่โรงแรมแล้ว” ฉินอันอันยื่นแก้วน้ำให้เขา “คุณหิวหรือเปล่า? คนขับรถเอาอาหารเย็นมาให้
และที่นี่มีเตียงแค่หลังเดียวเท่านั้น เขาคือคนป่วย ดังนั้นเธอวางแผนจะยกเตียงให้เขา หลังจากอาบน้ำเสร็จก็มานั่งที่โซฟา เธอคิดว่าคืนนี้จะนอนบนโซฟา ผลกลับเป็นว่าเขาเองก็มาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน เขานอนตลอดช่วงบ่าย ตอนนี้จะไม่ง่วงก็เข้าใจได้ เธอคงไม่สามารถบังคับให้เขาไปนอนได้ “ผมไม่ได้นอนหลับสบายแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วเพราะคุณเอาแต่ถ่วงเวลาอยู่แบบนี้นั่นแหละ! อันอัน พวกเราคุยกันอย่างเปิดเผยเถอะ!” ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคเอ่ยปากในวิดีโอ “ผมก็นอนไม่หลับอยู่ทุกวัน! ไม่เพียงแค่นอนไม่หลับ กินข้าวก็ไม่ลงด้วย!” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากล่าว “ระยะนี้ผมก็ร่วงรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ! เดิมทีก็มีเส้นผมไม่เยอะอยู่แล้ว!” ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลตามมาสมทบ ชายชราสองสามคนนี้ แต่ละคนต่างพูดเรื่องที่แย่กว่าอีกคน พวกเขากำลังบังคับให้ฉินอันอันตัดสินใจเดี๋ยวนี้ ฟู่ซื่อถิงขมวดคิ้วแล้วคว้าโทรศัพท์เธอไปฉินอันอัน “…นี่! ฉันกำลังคุยงานอยู่นะ! คืนโทรศัพท์ฉันมา!” เธอเดินไปทางเขา อย่างต้องการแย่งโทรศัพท์คืน“ผู้ชายคนนี้คือใครกัน? หน้าคุ้น ๆ แฮะ!” “นี่คือแฟนหนุ่มของอันอันสินะ! อยู่กับอันอันดึกขนา
“ฟู่ซื่อถิง ฉันไม่มีวันต้องการเงินของคุณ” เธอเอ่ยอย่างจริงจัง “ดังนั้นคุณอย่าพูดเรื่องนี้กับฉันอีก” “ทำไมถึงไม่ต้องการเงินของผมล่ะ? เงินผมต่างจากเงินของคนอื่นงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำลงอย่างชัดเจน ฉินอันอันลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูด “เงินใครฉันก็ไม่อยากได้ หน้าใครฉันก็ไม่อยากเห็น” ประโยคนี้ ปิดกั้นคำพูดที่ตามมาของเขาทั้งหมด “ฉันจะนอนแล้ว คุณก็อย่ารบกวนฉันเลย” ฉินอันอันพลิกตัว หันหลังให้เขา เมื่อมองดูแผ่นหลังที่บอบบางของเธอ เขาก็คลุมผ้าห่มบนตัวเขาให้เธอ เธอเลิกมันขึ้นทันที “ฉันห่มของฉัน คุณห่มของคุณ ไม่ต้องมาแตะต้องฉัน” บนเตียงมีผ้าห่มสองผืน บนตัวฟู่ซื่อถิงห่มแบบหนา เธอห่มผ้าห่มสำหรับฤดูร้อนเครื่องปรับอากาศในห้องเปิดไว้ค่อนข้างอุ่น “คุณห่มแบบหนา ผมจะห่มแบบบาง” ฟู่ซื่อถิงพูดอย่างใจดี ร่างกายเขาค่อนข้างอ่อนแอ รู้สึกหนาวเป็นระยะ ๆ ดังนั้นจึงคิดว่าเธอเองก็หนาวเช่นกัน “คุณอยากจะให้ฉันร้อนตายหรือไง?” ฉินอันอันพูดอย่างไม่เกรงใจ “คุณควรรีบนอน แล้วกลับไปก่อนที่แม่ของฉันจะกลับมาตอนเช้า คุณอยู่ที่นี่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเราอย่างร้ายแรง” ฟู่ซื่อถิงห่มผ้าให้ต
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง