เมื่อมาถึงเครื่องเล่นที่สอง ทางเข้าก็ยังมีผู้คนต่อแถวยาวเหยียดรุ่ยลาเดินไปที่ช่องทางวีไอพีอย่างเป็นธรรมชาติและไปต่อแถวฟู่สือถิงจะยอมให้ลูกสาวของเขามาต่อแถวรอเหมือนคนอื่น ๆ ได้อย่างไรถึงแม้ว่าอากาศภายนอกจะเย็นสบาย แต่การต่อแถวเป็นเวลานานก็ทำให้เหนื่อยและร้อนเอามาก ๆเขาเกลียดการต่อแถวเป็นที่สุด!เขาเดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จับแขนรุ่ยลาอย่างทะนุถนอมและพูดว่า “ที่รัก พ่อจะพาลูกเข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้เลย”รุ่ยลาขมวดคิ้ว “พ่อหมายความว่าเรากำลังจะแซงคิวคนอื่นเหรอคะ?”ฟู่สือถิงไม่คิดอะไรเลย พยักหน้าไมค์กำมือแน่น เตรียมใจไว้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปขณะนั้น โจวจื่ออี้เดินไปหาฟู่สือถิงและรายงานเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนให้เขาฟัง“หนูเกลียดการแซงคิวที่สุด! เมื่อกี้มีป้าคนหนึ่งแซงคิว หนูเลยไล่เธอออกไป! ถ้าหนูเป็นคนแซงคิวเสียเอง มันจะดูดีเหรอคะ?” ถึงแม้ว่ารุ่ยลาจะไม่อยากต่อแถว แต่เธอก็ไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองเกลียดได้หลังจากที่ฟู่สือถิงเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวแล้ว เขาก็ยังไม่อยากให้ลูกสาวต้องต่อแถวให้เหนื่อยอยู่ดีดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเด็ดขาด “
โจวจื่ออี้พยักหน้า “คุณน่าจะรู้ดีว่าเจ้านายผมเป็นคนยังไง เขาไม่กลัวว่าอันอันจะรู้เลยด้วยซ้ำ”…… วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอตกเย็น ฟู่สือถิงก็วางแผนจะพาทุกคนไปทานอาหารค่ำวันนี้รุ่ยลาสนุกมากที่ได้เล่นในสวนสนุก แต่เธอก็หิวมากเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงไม่คัดค้านเรื่องที่ฟู่สือถิงจะเลี้ยงอาหารค่ำขณะนั้น เสียงโทรศัพท์ของไมค์ก็ดังขึ้น ไมค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พอเห็นสายที่โทรเข้าก็ทำท่า ‘ชู่ว’ ทันที “อันอันโทรมา พวกนายอย่าเพิ่งพูดอะไรนะ”ไมค์พูดจบก็รับสาย “อันอัน อยากวิดีโอคอลกับรุ่ยลาเหรอ ตอนนี้เราอยู่ข้างนอก เดี๋ยวกลับบ้านแล้วค่อยโทรกลับหาเธอนะ”“ฉันกลับมาแล้ว ตอนนี้อยู่บ้าน” เสียงของฉินอันอันไม่รีบร้อนและไม่เร่งรัด “พารุ่ยลากลับมาเดี๋ยวนี้เลย”ไมค์อึ้งไปชั่วครู่ ไม่ทันได้แปลกใจ สายก็ถูกตัดไปแล้ว“เฮ้ย!” ไมค์หน้าแดงหูแดง หัวใจเต้นแรง “อันอันกลับมาแล้ว! ตอนนี้อยู่บ้าน! เธอสั่งให้ฉันพารุ่ยลากลับไปเดี๋ยวนี้! เธอคงรู้เรื่องอะไรมาแล้วแน่ ๆ!”หัวใจของโจวจื่ออี้ก็พลอยเต้นแรงตามไปด้วย“ไม่น่านะ น้ำเสียงเธอฟังดูราบเรียบมาก” ไมค์ปลอบใจตัวเอง “เธออาจจะยังไม่รู้... งั้นฉันจะพารุ่ยลากลั
ฟู่สือถิงมาอีกแล้ว ทุกคนต่างก็ประหลาดใจฉินอันอันเกลียดเขา ไม่ต้องการเจอหน้าเขา เขารู้ดีแก่ใจนี่นาเขาเป็นคนที่ห่วงศักดิ์ศรีมาก ทำไมถึงต้องหาเรื่องอับอายให้ตัวเองด้วย?ฟู่สือถิงผลักประตูรถแล้วก้าวลงมา เขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน เห็นโจวจื่ออี้เดินออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็ว“เจ้านาย ผมว่าคุณกลับไปเถอะ!” โจวจื่ออี้ผลักประตูบ้านแล้วเดินไปหาเขา พูดด้วยความอึดอัด “เธอไม่อยากพบหน้าคุณหรอกครับ ผมเองก็โดนไล่ออกมาเหมือนกัน”จริง ๆ แล้วสถานการณ์ไม่รุนแรงอย่างที่โจวจื่ออี้พูด ฉินอันอันให้โอกาสเขาไถ่โทษ ถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงยอมกลับไปได้ เรื่องที่เขาพารุ่ยลาไปดรีมซิตี้ เธอก็จะไม่ถือสาที่เขาพูดรุนแรงขนาดนี้ก็เพื่อให้ฟู่สือถิงรีบไป“เธอไม่ได้โทษรุ่ยลาใช่ไหม?” ฟู่สือถิงถาม“เปล่าครับ รุ่ยลาเป็นเด็ก ถึงเธอจะทำผิดจริง ๆ อันอันก็ไม่ตำหนิเธอ คุณไม่ต้องกังวลเลยครับ” โจวจื่ออี้พูดมาถึงตรงนี้แล้วก็พยายามโน้มน้าว “ตอนนี้อันอันกลับมาแล้ว คุณยังมีโอกาสและเวลาอีกมาก ตอนนี้ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ”ใบหน้าหล่อเหลาของฟู่สือถิงปรากฏร่องรอยเย็นชา “นายพูดอย่างกับฉันจะทำร้ายเธออย่างนั้นแหละ”โจวจื่ออี้ “คว
ไมค์ “ไม่เป็นไรหรอก พี่ชายหนูหล่อจะตายไป เดี๋ยวอีกหน่อยก็มีสาวมาตามจีบ ถ้าหาแฟนผู้หญิงไม่ได้ ก็หาแฟนหนุ่มไปเลย”รุ่ยลาอึ้ง “...”เสี่ยวหานวางชามข้าวลงด้วยใบหน้าบึ้งตึง “น่าเบื่อ”หลังจากที่เสี่ยวหานลุกจากโต๊ะ ฉินอันอันก็กินอิ่มและลุกจากโต๊ะด้วยเช่นกันเนื่องจากมีอาการเจ็ตแล็ก เธอจึงไม่ค่อยสบายตัวนักเธอเดินกลับห้องนอนแล้วจัดการสิ่งต่าง ๆ ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียงเธอหยิบโทรศัพท์ ตั้งใจจะส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียนเพื่อบอกว่าเธอกลับมาแล้วแต่พอเปิดหน้าจอโทรศัพท์ก็เห็นข้อความหลายสิบข้อความที่ฟู่สือถิงส่งมาเธอตกใจไปชั่วครู่ แล้วก็คลิกเข้าไปดูกล่องข้อความของเขาข้อความที่เขาส่งมาทั้งหมดเป็นรูปถ่ายของรุ่ยลาที่ดรีมซิตี้ในวันนี้ในรูปถ่ายแต่ละรูป รอยยิ้มของรุ่ยลาล้วนสดใสและร่าเริงหลังจากดูรูปถ่ายเสร็จ เธอก็กดบันทึกรูปถ่ายที่ดูดีที่สุด แล้วก็ปิดกล่องข้อความของเขาทิ้งเธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเขา ภาพการแยกจากกันครั้งสุดท้ายที่สนามบิน เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะลืมความเจ็บปวดในตอนนั้นได้อย่างรวดเร็วเธอโทรหาหลีเสี่ยวเถียน “เสี่ยวเถียน ฉันกลับมาแล้วนะ”
เขาบอกว่า ‘อันอัน ให้โอกาสผมเป็นครั้งสุดท้ายนะ!’เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้ววางโทรศัพท์ลง‘โอกาสสุดท้าย!’ คำสี่คำนี้ทำให้หัวใจของเธอตึงเครียดเธอคิดถึงเสียงร้องไห้ของหลีเสี่ยวเถียนตอนที่หลีเสี่ยวเถียนพูดว่าจะหย่า เธอเด็ดขาดมาก! หลังจากหย่าแล้วก็ออกจากประเทศเอไปอย่างเด็ดเดี่ยว แต่การแต่งงานใหม่ของเฮ่อจุ่นจือกลับทำให้เธอต้องแหลกสลายอีกครั้งใครบ้างไม่อยากเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีถ้าจะพูดว่าในโลกนี้มีอะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งเสียสติได้ ก็คงหนีไม่พ้นความรัก……ฟู่สือถิงออกจากสตาร์ริเวอร์วิลล่า เปิดโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็เปิดวีแชทฉินอันอันไม่ได้ตอบกลับเขาคาดเดาว่าฉินอันอันคงเห็นข้อความของเขาแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตอบกลับ แต่เขาก็ไม่รีบร้อนหลังจากนี้จะไม่มีใครหรืออะไรมาคุกคามเขาได้อีกต่อไปเขาสามารถวางแผนและรอคอยอย่างอดทนได้วันรุ่งขึ้น หลีเสี่ยวเถียนมาที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า พร้อมกับของว่างและของขวัญมากมายป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “แบบนี้ดีจัง รู้สึกเหมือนกลับไปอยู่ในบรรยากาศเดิม ๆ เลย”ฉินอันอันเห็นสีหน้าของหลีเสี่ยวเถียนแข็งค้างไปชั่วครู่ จึงพูดขึ้นทันที “เสี่ยวเถียน เข้ามาดูจื่อชิวสิ!
ขณะที่ขับผ่านร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง สายตาของหลีเสี่ยวเถียนก็ถูกดึงดูดด้วยรถหรูที่จอดเรียงรายอยู่หน้าร้านหลีเสี่ยวเถียนมีไหวพริบ “อันอัน เราไปกินอาหารมื้อใหญ่กันดีกว่า!”ฉินอันอันกำลังดูโทรศัพท์ ตอบรับไปตามน้ำ “ได้สิ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”หลีเสี่ยวเถียนขับรถไปจอดที่หน้าร้านอาหารหรูแห่งนั้น หลังลงจากรถแล้ว เธอก็ส่งกุญแจให้พนักงานรับรถฉินอันอันเพิ่งจะเก็บโทรศัพท์แล้วมองไปที่ร้านอาหารเต็ม ๆ ตา “ร้านนี้ฉันเคยมาแล้ว รสชาติใช้ได้เลย”“เธอเคยมาตอนไหน? ฉันยังไม่เคยมาเลย! ร้านนี้นอกจากราคาจะเอาเรื่องแล้ว ยังต้องจองล่วงหน้าด้วย ไม่งั้นจะไม่ได้กินเมนูขึ้นชื่อของพวกเขา”ฉินอันอันนึกย้อนกลับไป สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เคยมากับฟู่สือถิงก่อนหน้านี้”“โอ้ ไม่น่าแปลกใจ! คนอย่างเขาไปที่ไหนไม่มีเลยที่จะไม่หรูหรา ฉันเดาว่าตอนที่พวกเธอคบกัน คงจะตระเวนกินร้านอาหารหรูในเมืองนี้จนครบแล้วสินะ”“ไม่ขนาดนั้นหรอก ร้านที่เขาชอบมีอยู่แค่ไม่กี่ร้านเอง”หลีเสี่ยวเถียนถึงบางอ้อในทันทีไม่แปลกใจที่ฟู่สือถิงจะมาทานอาหารที่นี่ เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เขาชอบนี่เองเมื่อกี้เธอเห็นรถของเขาจอดอยู่ด้า
ขมับของฉินอันอันเต้นตุบ ๆ “ในเมื่อร้านคุณไม่มีจริง ๆ แค่บอกฉันตรง ๆ ว่าไม่มีก็ได้ ทำไมต้องไปหาเขาด้วย?”ผู้จัดการ “ขอโทษด้วยครับ ผมนึกว่าคุณกับคุณฟู่เคยมาที่นี่ด้วยกัน ความสัมพันธ์คงจะไม่ธรรมดา แล้วเพื่อนของคุณก็กำลังโมโหอยู่ด้วย ก็เลย...”ฉินอันอันขัดจังหวะเขาทันที “ปลาจานนี้ราคาเท่าไหร่?”“ทางเรารวมอยู่ในบิลคุณฟู่แล้วครับ” ผู้จัดการพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าคุณรู้สึกเกรงใจจริง ๆ สามารถโอนค่าอาหารจานนี้ให้คุณฟู่โดยตรงได้ จานนี้ราคาสองแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทครับ”ฉินอันอันตกตะลึงกับราคา “???”เธอรู้ว่าจานปลากระบอกของร้านนี้ขึ้นชื่อ ทั้งยังรสชาติอร่อยและราคาแพงกว่าที่อื่น แต่ก็ไม่คิดว่าจะแพงขนาดนี้ผู้จัดการเห็นเธออึ้งไปก็รีบอธิบาย “ปลากระบอกตัวนี้ไม่เหมือนปลากระบอกทั่วไปครับ เป็นของคุณภาพดีที่สุดในบรรดาวัตถุดิบชั้นดีทั้งหมด ร้านเราไม่ได้ปลากระบอกที่สวยขนาดนี้มาหลายปีแล้ว”ฉินอันอันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็โบกมือให้เขา “เข้าใจแล้วค่ะ”หลังจากที่ผู้จัดการออกไป หลีเสี่ยวเถียนก็พูดด้วยความรู้สึกผิด “มื้อนี้ฉันจ่ายเองก็ได้นะ ไม่คิดว่าเมนูปลาจะแพงขนาดนี้ ที่จริงฉันก็เคยมากิ
“การดูแลที่ผมพูดถึง ไม่ใช่การตามใจเขาไปทุกอย่าง แต่เป็นการเพิ่มความท้าทายให้กับการเรียนของเขา เพื่อให้เขาได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น... เขาเป็นลูกชายของผม ดังนั้นก็ควรจะเป็นเหมือนผม เจอเรื่องยาก ๆ แล้วจะก้าวหน้าได้เร็วขึ้น”“ครับ ต่อไปนี้เรื่องการเรียนของเสี่ยวหาน เราจะรายงานให้คุณทราบเป็นระยะ ๆ”“อืม ติวเตอร์ที่ผมจ้างจะมาถึงคืนนี้ ไว้ผมจะส่งข้อมูลการติดต่อของเขาให้คุณในภายหลัง เขาคนนี้เคยพาเด็กนักเรียนในชั้นเรียนอัจฉริยะเข้าร่วมการแข่งขันเขียนโปรแกรมระดับนานาชาติอย่างแฮ็กเกอร์คัพด้วย” ฟู่สือถิงอธิบายนี่คือหนทางที่เขาตั้งใจปูไว้ให้เสี่ยวหานเขาหวังให้เสี่ยวหานประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ ไม่ใช่เพราะเขาคาดหวังให้เสี่ยวหานหาเงินได้มากมาย แต่เพราะเขาคิดว่านี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของเสี่ยวหานในฐานะพ่อ เขาจะพยายามช่วยให้เสี่ยวหานบรรลุเป้าหมาย“คุณฟู่ คุณเป็นพ่อที่ดีจริง ๆ น่าเสียดายที่เสี่ยวหานยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจความตั้งใจของคุณ” หัวหน้าฝ่ายกล่าวด้วยความรู้สึกชื่นชม “เมื่อเขาโตขึ้น เขาจะเข้าใจคุณอย่างแน่นอน”“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” ตอนนี้ฟู่สือถิงไม่ได้ต้องการให้เสี่ยวหานเข้าใจ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง