เขามองใบหน้าที่ดื้อดึงของเธอก็แน่ใจแล้วว่าเธอต้องรู้เรื่องของเขากับถังเชี่ยนแล้ว ตอนที่พวกเขาออกไปเที่ยวเมื่อวาน เธอยังดีมากอยู่เลย ถ้าเธอรู้เรื่องเมื่อวานนี้ เธอคงไม่พาเขาไปถ่ายรูปครอบครัวอย่างมีความสุข ดูเหมือนหลังจากที่เขาหลับจะมีคนพูดอะไรบางอย่างกับเธอ“งั้นผมค่อยไปพรุ่งนี้แล้วกัน” เขาไม่รู้จะตอบคำถามของเธอยังไงทำได้เพียงตามน้ำไป เขายอมไปพรุ่งนี้แต่ไม่อยากบอกเธอรายละเอียดว่าเขาจะกลับไปทำอะไร เธอปล่อยมือเขาโดยที่สายตายังมองเขาอยู่แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ฟู่สือถิง คุณคบกับถังเชี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่?” เขาตอบตามจริง “ผมไม่ได้เจอเธอนานแล้ว” ความหมายอีกนัยหนึ่งก็คือเขาไม่ได้คบกับเธอ “โอ้…หลังจากที่เธอได้รับบาดเจ็บ คุณไม่ได้เจอเธอเลยเหรอ?” “ไม่เลย” เขาหลุบศีรษะลงเล็กน้อย การจ้องมองของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนได้รับการลงโทษที่รุนแรงที่สุด “งั้นคุณชอบเธอหรือเปล่า? เคยชอบเธอไหมทั้งเมื่อก่อนและตอนนี้? คุณตอบฉันสิ!” มือของเธอจับผ้าห่มไว้แน่น แต่กลับไม่สามารถควบคุมตัวที่สั่นเทาเล็กน้อยได้ “ไม่เคย” เสียงของเขาคมชัดและเด็ดขาด เขาไม่เคยชอบถังเชี่ยน แม้แต่ก่อนที่เขาจะพบเธอก็ไม่เค
ลูกสาวจะผิดหวังขนาดไหนหากรู้ว่าพ่อของเธอกำลังจะกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น! และถ้าเสี่ยวหานรู้เรื่องนี้จะต้องเกลียดเขายิ่งขึ้นแน่นอนเขาทำสิ่งนี้เพื่อผลประโยชน์จริงเหรอ? แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์แล้วทำเพื่ออะไร? เขาให้คำตอบจากปากของเขาแล้วว่าเขาไม่ได้รักถังเชี่ยน เงินสำคัญกว่าความรักของพวกเขาและลูก ๆ ทั้งสามคนเลยเหรอ? เธอไม่เข้าใจการเลือกของฟู่สือถิง เห็น ๆ อยู่ว่าเขาสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง และหาได้มากด้วย บริษัทของเธอเองก็ทำเงินมาตลอด เขาต้องการเงินมากเท่าไหร่ถึงจะพอใจ? น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเธอจนหมอนเปียกโชก ด้านนอกประตูไม่มีเสียงอะไรแล้ว เธอพลิกตัวมองเพดานแล้วร้องไห้เงียบ ๆ ที่ชั้นล่าง หลังจากกินข้าวเช้าแล้ว ฟู่สือถิงอุ้มจื่อชิวไว้ในอ้อมแขน จื่อชิวลืมตาสีดำโตจ้องหน้าพ่อเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าในหัวเล็ก ๆ กำลังคิดอะไร ฟู่สือถิงมองหน้าลูกชายพร้อมรอยยิ้ม ในใจกลับคิดว่า ‘ตอนนี้พ่อกอดหนูไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้กอดอีกครั้งเมื่อไหร่’ “คุณผู้ชาย เที่ยวบินของคุณกี่โมงเหรอคะ? ดิฉันจะไปจัดกระเป๋าให้ก่อน!” ป้าจางกล่าว ฟู่สือถิงคิดถึงฉินอันอันที่กำลังร้องไห้อยู่ในห้องและรีบต
เธอไม่เคยเชื่อในโชคชะตาเลย ถึงแม้พระเจ้าต้องการยับยั้งเธอ เธอไม่มีทางยอมแพ้เธอเปิดประตูรถ ลมหนาวพัดมา เธอย่ำลงไปในหิมะอย่างไม่ลังเล! เธอวิ่งตะบึงไปทางสนามบิน! เธอต้องการข้อสรุป เธอไม่อยากให้เขาไปแบบนี้!ที่สนามบิน ในห้องรับรองวีไอพี ฟู่สือถิงยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ตั๋วของเขาคือบ่ายโมง เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องจะขึ้นเขายืนอยู่ข้างหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มองดูหิมะตกหนักที่กำลังตกอยู่ข้างนอก หัวใจของเขาเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งหากมีวิธีอื่น เขาไม่มีทางทำเรื่องที่เป็นการทำร้ายเธอและลูกเด็ดขาดการโหดร้ายกับเธอและลูกคือการโหดร้ายกับตัวเอง มีแต่ทำให้เขาเจ็บปวดมากกว่าพวกเขาตอนนี้ในมือถังเฉียวเซินกำจุดอ่อนของเขาเอาไว้แล้วบังคับให้เขาแต่งงานกับถังเชี่ยน เขาไม่มีทางเลือก ถ้าหากเขาสดงละครในฉากนี้ได้ไม่ดี ในอนาคตก็จะเจ็บปวดไม่มีวันจบเขาไม่ต้องการให้ลูกทั้งสามของเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวของเขาและเขาไม่อยากให้ฉินอันอันรู้เรื่องนี้เช่นกันชื่อเสียงของเขาเสียหายได้ และเขาไม่สนสายตาของใครเลยก็ได้เช่นกัน แต่ว่าเขาใส่ใจฉินอันอัน ถ้าไม่มีฉินอ
หลังจากที่เธอพูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เข้ามาเตือนฟู่สือถิงให้รีบขึ้นเครื่อง“อันอัน ผมต้องกลับไปแก้ไขเรื่องภายใน คุณให้เวลาผมหน่อยนะ…” “ไม่ให้! ถ้าฉันให้เวลาคุณ คุณจะไปแต่งงานกับถังเชี่ยน! ฟู่สือถิง ฉันยอมรับเรื่องที่คุณจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้! ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นถังเชี่ยนหรือใครก็ตาม! ถ้าเจ้าสาวไม่ใช่ฉัน ก็ไม่ได้!” เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “ถ้าวันนี้คุณกล้าจากไปจากฉัน คุณไม่มีวันได้เจอฉันอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเจอลูกเลย!” เมื่อขอร้องอย่างถ่อมตัวก็ไร้ผล เหลือเพียงต้องข่มขู่เขาเท่านั้น หากตระกูลถังใช้อะไรบางอย่างเพื่อข่มขู่เขาหรือชักจูงเขาได้ เธอก็อาจขู่เขาได้เหมือนกัน!เธอไม่เชื่อว่าเบี้ยที่เธอใช้ต่อรองจะแย่กว่าของตระกูลถัง ดวงตาของเขาแดงก่ำและในดวงตามีน้ำตาเอ่อล้น เขามองดูเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวดเธอเห็นเขาจากพยายามทำใจให้สงบไปจนถึงน้ำตาคลอในชั่วพริบตาเดียว เธอไม่อยากบีบคั้นให้เขาร้องไห้ เธอไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อนแบบนี้ แต่เธอทนไม่ได้ที่เขาแต่งงานกับถังเชี่ยน “ฟู่สือถิง ถ้าตอนนี้เปลี่ยนเป็นฉันจะไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น คุณใจร้ายขนาดนี้ไม่สนใจกันแบบนี้ไ
ตอนเย็น ในที่สุดฉินอันอันก็เดินกลับมาถึงบ้าน วันนี้อากาศไม่ดี ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าเดิมป้าจางตกใจมากเมื่อเห็นท่าทางที่ไร้วิญญาณและเปียกโชกของเธอ“อันอัน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” ป้าจางจับมือของเธอ “คุณทำใจไม่ได้ที่คุณผู้ชายไปแล้วเหรอคะ? คุณอย่าทำแบบนี้เลย คุณอยากกลับประเทศตอนไหนก็ได้!” ฉินอันอันส่ายหัว ถามเสียงแหบพร่า “เด็ก ๆ ล่ะคะ?” “จื่อชิวกำลังหลับค่ะ รุ่ยลากับเสี่ยวหานไปอาบน้ำแล้ว พวกเขาเพิ่งเล่นปั้นตุ๊กตาหิมะที่สนามหน้าบ้าน เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว” ป้าจางกล่าว “อันอัน ผมกับชุดของคุณเปียกหมดแล้ว คุณไปอาบน้ำอุ่นก่อนเถอะค่ะ! ให้ดิฉันช่วยไหมคะ?” เธอส่ายหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางห้อง ป้าจางเดินตามเธออย่างไม่สบายใจ“อีกอย่าง ต่อจากนี้อย่าพูดชื่อฟู่สือถิงต่อหน้าพวกเด็ก ๆ อีกนะคะ” เธอหยุดเดิน มองไปทางป้าจาง “ฉันเลิกกับเขาแล้วค่ะ ป้าจางกับป้าหงเป็นคนของเขา…” เธอพูดคำต่อไปออกมาไม่ไหว เธออยากขอให้ป้าจางกับป้าหงกลับไปอยู่กับฟู่สือถิง เธอเลิกกับฟู่สือถิงแล้ว ไม่สามารถใช้คนรับใช้ของเขาได้อีกต่อไป ป้าจางมีสีหน้าซีดเผือดและไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ “อันอัน เรื่องนี้กะทันหันเกินไ
ตอนนี้เธอกำลังจะไปที่ห้องของฉินอันอันเพื่อเอากระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงออกมาให้ป้าหง พิจารณาแล้วว่าฉินอันอันต้องไม่อยากเห็นกระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงแน่นอน แทนที่จะถูกโยนทิ้ง สู้ให้ป้าหงเอาไปดีกว่า หลังจากที่ป้าจางเคาะประตู เธอก็เปิดประตูและเข้าไปในห้อง“อันอัน ดิฉันลาออกกับคุณผู้ชายแล้วนะคะ” ป้าจางเดินมาที่เตียงแล้วเห็นฉินอันอันนอนลืมตาอยู่จึงพูดต่อ “ดิฉันมาเอากระเป๋าเดินทางของคุณผู้ชายให้ป้าหงเอากลับไปด้วย” ฉินอันอันสีหน้าท่าทางซีดเซียว แต่ว่าน้ำเสียงนั้นหนักแน่น “ในเมื่อลาออกแล้ว ต่อจากนี้ป้าจางอย่าติดต่อกับเขาอีกและอย่าส่งรูปจื่อชิวให้เขาด้วยนะคะ” “ตกลงค่ะ” “ฉันเก็บข้าวของเขาเรียบร้อยแล้วค่ะ กระเป๋าเดินทางของเขาอยู่ข้างโต๊ะทำงาน” ฉินอันอันไข้ขึ้นเมื่อคืน เธอเห็นกระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงหลังจากที่ลุกขึ้นมากินยาลดไข้ เธอจึงเก็บข้าวของทั้งหมดของเขาใส่ลงไป“อันอัน สีหน้าคุณไม่ค่อยดี คุณนอนต่ออีกหน่อยเถอะค่ะ!” หลังจากที่ป้าจางพูดจบก็รีบลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องหลังจากส่งป้าหงไปแล้ว ป้าจางก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงกดหมายเลขของไมค์แล้วขอให้ไมค์โทรหาหลีเสี่ยวเถียนไมค์พู
“นายเจอเธอแล้วหรอ?”ฟู่สือถิงหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วคีบไว้ระหว่างนิ้ว “เจอแล้ว” เซิ่งเป่ยเห็นว่าเขาไม่ได้หงุดหงิด ความโกรธในใจก็หายไปเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีไฟแช็ก ยังเป็นฝ่ายจุดไฟให้เขาด้วย “เธอนัดพบฉัน” เซิ่งเป่ยนั่งลงข้างเขาพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากโต๊ะกาแฟแล้วจุด “เธอมีจุดอ่อนของนายอยู่ในมือหรือเปล่า?” ฟู่สือถิงหรี่ตาลงแล้วพูดอย่างขมขื่น “ไม่ใช่เธอหรอก” “อ้อ จุดอ่อนของนายตกอยู่ในมือของตระกูลถังสินะ? ฉันว่านะ ตามความเข้าใจที่ฉันมีต่อถังเชี่ยน ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้แล้ว ไม่มีทางกล้าปรากฏตัวต่อสาธารณะอย่างอึกทึกครึกโครมแน่นอน ถึงแม้ว่าเธอแต่งงานกับนายจริง ๆ ก็ไม่มีทางอยากจัดงานใหญ่หรอก” ฟู่สือถิงมองไปทางเซิ่งเป่ย “เธอเปลี่ยนไปยังไง?” “มันอธิบายได้ยาก แต่ในหัวของฉันพอคิดถึงใบหน้าของเธอ ฉันก็กลัวมาก” เซิ่งเป่ยกัดฟันพูดพร้อมกับหักบุหรี่ที่อยู่ระหว่างนิ้ว “ความรักและความเกลียดชังในอดีตซีดจางลงมาก ตอนนี้ฉันอธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับเธอ มีความกลัวนิดหน่อยแล้วก็เห็นใจด้วย” ฟู่สือเขย่าขี้เถ้าลงในที่เขี่ยบุหรี่และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “พรุ่งนี้ฉันจะไปดู” “ไม่แน่นายเจอเธอพ
ไม่ว่าจะพูดยังไง ครั้งนี้เป็นปัญหาที่เจ้านายจริง ๆ ถึงแม้เจ้านายจะน้ำท่วมปากพูดไม่ได้ แต่ว่าฉินอันอันผิดอะไรล่ะ? ไมค์นั่งอย่างมั่นคงบนที่นั่งผู้โดยสารแล้วจึงคาดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่ป้าจางบอกเขาเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหลีเสี่ยวเถียน …… ประเทศบี หลังจากที่หลีเสี่ยวเถียนรับสายของไมค์ เธอก็รีบขับรถไปที่บ้านของฉินอันอันทันทีเมื่อคืนนี้ฉินอันอันไข้ขึ้น หลังจากกินยาลดไข้แล้ว อาการไข้ก็ลดลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น พอตอนเช้าไข้ก็กลับมาอีกเดิมทีเธอตั้งใจว่าหลังจากตื่นแล้วจะบอกลูกสองคนถึงการเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่สือถิง แต่ไข้ไม่ทุเลาและเธอกลัวว่าจะแพร่เชื้อให้ลูก ๆ เธอจึงนอนพักอยู่ในห้องตลอด หลังจากหลีเสี่ยวเถียนเข้ามาในห้อง เธอก็ปิดประตู ฉินอันอันลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว “อันอัน เธอไม่สบายเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนเดินมาข้างเตียงแล้วยกมือขึ้นแตะหน้าผาก “ร้อนนิดหน่อย เธอกินยาแล้วใช่ไหม?” “อืม” เธอมองหลีเสี่ยวเถียนแล้วถามอย่างอ่อนแรง “ใครเรียกเธอมาเหรอ?” “ไมค์โทรหาฉัน” หลีเสี่ยวเถียนนั่งลงข้างเตียง ภายในไม่กี่วินาทีเธอก