ตอนเย็น ในที่สุดฉินอันอันก็เดินกลับมาถึงบ้าน วันนี้อากาศไม่ดี ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าเดิมป้าจางตกใจมากเมื่อเห็นท่าทางที่ไร้วิญญาณและเปียกโชกของเธอ“อันอัน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” ป้าจางจับมือของเธอ “คุณทำใจไม่ได้ที่คุณผู้ชายไปแล้วเหรอคะ? คุณอย่าทำแบบนี้เลย คุณอยากกลับประเทศตอนไหนก็ได้!” ฉินอันอันส่ายหัว ถามเสียงแหบพร่า “เด็ก ๆ ล่ะคะ?” “จื่อชิวกำลังหลับค่ะ รุ่ยลากับเสี่ยวหานไปอาบน้ำแล้ว พวกเขาเพิ่งเล่นปั้นตุ๊กตาหิมะที่สนามหน้าบ้าน เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว” ป้าจางกล่าว “อันอัน ผมกับชุดของคุณเปียกหมดแล้ว คุณไปอาบน้ำอุ่นก่อนเถอะค่ะ! ให้ดิฉันช่วยไหมคะ?” เธอส่ายหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางห้อง ป้าจางเดินตามเธออย่างไม่สบายใจ“อีกอย่าง ต่อจากนี้อย่าพูดชื่อฟู่สือถิงต่อหน้าพวกเด็ก ๆ อีกนะคะ” เธอหยุดเดิน มองไปทางป้าจาง “ฉันเลิกกับเขาแล้วค่ะ ป้าจางกับป้าหงเป็นคนของเขา…” เธอพูดคำต่อไปออกมาไม่ไหว เธออยากขอให้ป้าจางกับป้าหงกลับไปอยู่กับฟู่สือถิง เธอเลิกกับฟู่สือถิงแล้ว ไม่สามารถใช้คนรับใช้ของเขาได้อีกต่อไป ป้าจางมีสีหน้าซีดเผือดและไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ “อันอัน เรื่องนี้กะทันหันเกินไ
ตอนนี้เธอกำลังจะไปที่ห้องของฉินอันอันเพื่อเอากระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงออกมาให้ป้าหง พิจารณาแล้วว่าฉินอันอันต้องไม่อยากเห็นกระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงแน่นอน แทนที่จะถูกโยนทิ้ง สู้ให้ป้าหงเอาไปดีกว่า หลังจากที่ป้าจางเคาะประตู เธอก็เปิดประตูและเข้าไปในห้อง“อันอัน ดิฉันลาออกกับคุณผู้ชายแล้วนะคะ” ป้าจางเดินมาที่เตียงแล้วเห็นฉินอันอันนอนลืมตาอยู่จึงพูดต่อ “ดิฉันมาเอากระเป๋าเดินทางของคุณผู้ชายให้ป้าหงเอากลับไปด้วย” ฉินอันอันสีหน้าท่าทางซีดเซียว แต่ว่าน้ำเสียงนั้นหนักแน่น “ในเมื่อลาออกแล้ว ต่อจากนี้ป้าจางอย่าติดต่อกับเขาอีกและอย่าส่งรูปจื่อชิวให้เขาด้วยนะคะ” “ตกลงค่ะ” “ฉันเก็บข้าวของเขาเรียบร้อยแล้วค่ะ กระเป๋าเดินทางของเขาอยู่ข้างโต๊ะทำงาน” ฉินอันอันไข้ขึ้นเมื่อคืน เธอเห็นกระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงหลังจากที่ลุกขึ้นมากินยาลดไข้ เธอจึงเก็บข้าวของทั้งหมดของเขาใส่ลงไป“อันอัน สีหน้าคุณไม่ค่อยดี คุณนอนต่ออีกหน่อยเถอะค่ะ!” หลังจากที่ป้าจางพูดจบก็รีบลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องหลังจากส่งป้าหงไปแล้ว ป้าจางก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงกดหมายเลขของไมค์แล้วขอให้ไมค์โทรหาหลีเสี่ยวเถียนไมค์พู
“นายเจอเธอแล้วหรอ?”ฟู่สือถิงหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วคีบไว้ระหว่างนิ้ว “เจอแล้ว” เซิ่งเป่ยเห็นว่าเขาไม่ได้หงุดหงิด ความโกรธในใจก็หายไปเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีไฟแช็ก ยังเป็นฝ่ายจุดไฟให้เขาด้วย “เธอนัดพบฉัน” เซิ่งเป่ยนั่งลงข้างเขาพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากโต๊ะกาแฟแล้วจุด “เธอมีจุดอ่อนของนายอยู่ในมือหรือเปล่า?” ฟู่สือถิงหรี่ตาลงแล้วพูดอย่างขมขื่น “ไม่ใช่เธอหรอก” “อ้อ จุดอ่อนของนายตกอยู่ในมือของตระกูลถังสินะ? ฉันว่านะ ตามความเข้าใจที่ฉันมีต่อถังเชี่ยน ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้แล้ว ไม่มีทางกล้าปรากฏตัวต่อสาธารณะอย่างอึกทึกครึกโครมแน่นอน ถึงแม้ว่าเธอแต่งงานกับนายจริง ๆ ก็ไม่มีทางอยากจัดงานใหญ่หรอก” ฟู่สือถิงมองไปทางเซิ่งเป่ย “เธอเปลี่ยนไปยังไง?” “มันอธิบายได้ยาก แต่ในหัวของฉันพอคิดถึงใบหน้าของเธอ ฉันก็กลัวมาก” เซิ่งเป่ยกัดฟันพูดพร้อมกับหักบุหรี่ที่อยู่ระหว่างนิ้ว “ความรักและความเกลียดชังในอดีตซีดจางลงมาก ตอนนี้ฉันอธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับเธอ มีความกลัวนิดหน่อยแล้วก็เห็นใจด้วย” ฟู่สือเขย่าขี้เถ้าลงในที่เขี่ยบุหรี่และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “พรุ่งนี้ฉันจะไปดู” “ไม่แน่นายเจอเธอพ
ไม่ว่าจะพูดยังไง ครั้งนี้เป็นปัญหาที่เจ้านายจริง ๆ ถึงแม้เจ้านายจะน้ำท่วมปากพูดไม่ได้ แต่ว่าฉินอันอันผิดอะไรล่ะ? ไมค์นั่งอย่างมั่นคงบนที่นั่งผู้โดยสารแล้วจึงคาดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่ป้าจางบอกเขาเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหลีเสี่ยวเถียน …… ประเทศบี หลังจากที่หลีเสี่ยวเถียนรับสายของไมค์ เธอก็รีบขับรถไปที่บ้านของฉินอันอันทันทีเมื่อคืนนี้ฉินอันอันไข้ขึ้น หลังจากกินยาลดไข้แล้ว อาการไข้ก็ลดลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น พอตอนเช้าไข้ก็กลับมาอีกเดิมทีเธอตั้งใจว่าหลังจากตื่นแล้วจะบอกลูกสองคนถึงการเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่สือถิง แต่ไข้ไม่ทุเลาและเธอกลัวว่าจะแพร่เชื้อให้ลูก ๆ เธอจึงนอนพักอยู่ในห้องตลอด หลังจากหลีเสี่ยวเถียนเข้ามาในห้อง เธอก็ปิดประตู ฉินอันอันลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว “อันอัน เธอไม่สบายเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนเดินมาข้างเตียงแล้วยกมือขึ้นแตะหน้าผาก “ร้อนนิดหน่อย เธอกินยาแล้วใช่ไหม?” “อืม” เธอมองหลีเสี่ยวเถียนแล้วถามอย่างอ่อนแรง “ใครเรียกเธอมาเหรอ?” “ไมค์โทรหาฉัน” หลีเสี่ยวเถียนนั่งลงข้างเตียง ภายในไม่กี่วินาทีเธอก
หลีเสี่ยวเถียนรู้สึกว่าตัวเองโหดร้ายมาก เห็นอยู่แล้วว่าเรื่องนี้รอให้ฉินอันอันหายป่วยแล้วค่อยพูดก็ได้ แต่ว่าหลีเสี่ยวเถียนทนเห็นพวกเด็ก ๆ ถูกปิดบังไว้จากเรื่องนี้ไม่ไหว“คุณป้าเสี่ยวเถียน! พี่ชายบอกหนูตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” เมื่อรุ่ยลาพูด ดวงตาของเธอก็เริ่มแดง “หนูจะไม่เชื่อพ่ออีกแล้ว เขาเป็นคนเลว!” หลีเสี่ยวเถียนอุ้มรุ่ยลาขึ้นมาแล้วพูดปลอบว่า “รุ่ยลา หนูอย่าร้องไห้เลยนะ ไม่มีคุณพ่อ หนูยังมีคุณแม่และพี่ชายแล้วยังมีป้าด้วย พวกเราจะรักหนูตลอดไป” “หนูโกรธที่คุณพ่อหลอกหนูค่ะ” รุ่ยลายื่นมือออกมาขยี้ตา “หนูยังโกรธที่เขาทำให้คุณแม่ไม่มีความสุขด้วย แม่โกรธจนไม่สบาย หนูจะร้องไห้ไม่ได้…ถ้าหนูร้องแม่จะยิ่งเสียใจ” ถึงปากของรุ่ยลาจะพูดแบบนี้ แต่น้ำตาก็ร่วงพราวลงมา “ฮือ ๆ…หนูจะพยายามร้องไห้เบา ๆ…” หลีเสี่ยวเถียนเจ็บปวดใจอย่างมาก “ที่รัก พวกเราร้องไห้อีกเดี๋ยวแล้วก็ไม่ต้องร้องแล้ว ไม่จำเป็นต้องร้องให้ให้คนสารเลวหรอก ตอนนี้เขากลับประเทศไป ไม่รู้ว่ากำลังมีความสุขขนาดไหน!”รุ่ยลารู้สึกว่าตนเองถูกหักหลัง ปากเล็ก ๆ บ่นพึมพำ “เห็นอยู่ว่าเขาดีกับหนูมาก พวกเราออกไปเที่ยว เขากลัวหนูจะเหนื่อยเลยอุ
“อืม” “สือถิง ไม่ใช่ฉันที่อยากแต่งงานกับคุณ” ถังเชี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจบอกเขาอย่างชัดเจน “ถังเฉียวเซินต้องการใช้ฉันทำให้คุณอับอาย ฉันไม่อยากแต่งงานเลย แล้วก็ไม่อยากจัดงานแต่งงานด้วย” “เรื่องนี้ไม่สำคัญอีกแล้ว” เขาพูดเบา ๆ เธออึ้งไปทันทีพร้อมกับใบหน้าเย็นชาของเขาแล้วถามว่า “แล้วทางฉินอันอันล่ะคะ…?” “ถังเชี่ยน เธอแค่ทำสิ่งที่รับปากฉันไว้ก็พอ ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉัน” “ฉันช่วยคุณอธิบายได้นะคะ!” ถังเชี่ยนพูดอย่างใจดี “ไม่ต้อง!” ฟู่สือถิงพูดด้วยความโกรธ “อย่าไปรบกวนเธอ!” เขารู้ถึงสภาพจิตใจของฉินอันอันในตอนนี้ดีหากตอนนี้มีใครพูดถึงเขาต่อหน้าเธอ เธอจะต้องโกรธแน่นอน ยิ่งถ้าถังเชี่ยนเป็นคนพูด เธอจะยิ่งโกรธก่อนที่เรื่องจะคลี่คลาย อย่าไปรบกวนเธอจะดีที่สุดหลังจากแก้ปัญหาจนเสร็จสิ้นแล้ว เขาจะไปอธิบายและยอมรับผิดกับเธอด้วยตัวเอง สองชั่วโมงต่อมา พาดหัวข่าวบนอินเทอร์เน็ตก็ระเบิดขึ้น - ฟู่สือถิง ประธานเอสทีกรุ๊ปใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อจัดงานแต่งงานกับถังเชี่ยน ทายาทบริษัทหลักทรัพย์ซิ่นเหอข่าวนี้เผยแพร่ตามข้อเรียกร้องของถังเฉียวเซิน ถังเฉียวเซินต้องการทำให้
“อันอัน ช่วงนี้เธอห้ามดูโทรศัพท์เลยนะ” หลีเสี่ยวเถียนอดพูดเตือนไม่ได้ “ฟู่สือถิงซื้อข่าวประชาสัมพันธ์ของประเทศบี เห็นแล้วรังเกียจชะมัด” ฉินอันอันไม่ตอบประโยคนี้ แม้ว่าไข้ของเธอจะลดลงแล้ว แต่ตอนนี้เธอหิวมากเพราะไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน นอกจากนี้คอยังแห้งมาก จนไม่สามารถส่งเสียงได้“อันอัน เธอควรกินอะไรหน่อยนะ! ไมค์ขอให้ฉันไปรับเขาที่สนามบิน เขาใกล้จะมาถึงแล้ว ฉันจะไปสนามบินแล้ว” หลีเสี่ยวเถียนพูดจบแล้วออกไปป้าจางเดินถือชามโจ๊กเข้ามาแล้วส่งให้ฉินอันอัน หลังจากที่ฉินอันอันกินโจ๊กเสร็จแล้ว เรี่ยวแรงก็ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย“รุ่ยลา เสี่ยวหาน ทำไมพวกหนูสองคนถึงเอาแต่มองแม่ล่ะ?” ฉินอันอันยิ้มแล้วพูดว่า “แม่แค่เป็นหวัดเอง เดี๋ยวก็หายแล้ว” “แม่ขา แม่แอบร้องไห้ใช่ไหมคะ?”รุ่ยลามองดวงตาที่แดงและบวมของแม่แล้วเม้มริมฝีปาก “คุณแม่อย่าเศร้าไปเลยนะคะ แม่ยังมีหนู พี่ชายแล้วยังมีน้องชายด้วย พวกเราจะไม่มีวันทิ้งแม่นะคะ”“แม่รู้ แม่ถึงหายป่วยและอารมณ์ดีขึ้นด้วยไง” ฉินอันอันลูบแพรผมอันอ่อนนุ่มของลูกสาวเธอเวลานี้เอง เสี่ยวหานเข้ามากอดเธออย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเธอโอบลูกไว้ด้วยแขนข้า
“งั้นฉันจะกลับไปดูความครึกครื้น คุณเห็นใบหน้าเสียโฉมของถังเชี่ยนหรือเปล่า? น่ากลัวขนาดนั้น ฟู่สือถิงไม่ได้แต่งงานกับเธอเพราะความรักแน่นอน! ในประเทศคงปั่นป่วนไปหมด! ฉันอยากกลับไปหาคำตอบว่าทำไมเขาถึงแต่งงานกับถังเชี่ยน นี่มันน่าสนใจมากกว่าเรื่องเรียนต่อของฉันเสียอีก!” สักพักรถก็ขับไปที่ลานหน้าวิลล่าแล้วหยุด ไมค์เปิดประตูแล้วก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไปในห้องนั่งเล่นฉินอันอันกำลังต่อบล็อกไม้กับรุ่ยลา ไมค์เดินมาหาเธอแล้วสำรวจใบหน้าเธออย่างละเอียด “นายทำอะไร?” ฉินอันอันผลักเขา “เริ่มทำงานแล้วไม่ใช่เหรอ? ใครให้นายมาที่นี่?” ไมค์ทำเสียงจุ๊ปาก “ฉันอยากมาก็มา บริษัทไม่มีฉันจะเริ่มทำงานไม่ได้เลยเหรอ? ทำไมฉันไม่ยักรู้ว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้น?” หลีเสี่ยวเถียนยิ้มและพูดว่า “อันอัน เธออย่าตำหนิเขาเลย เขาใส่ชุดนอน ไม่สวมเสื้อคลุมด้วยซ้ำ เห็นได้เลยว่าเขาร้อนใจแค่ไหน” ฉันอันอันได้ยินก็เหลือบมองไมค์แล้วเย้ยหยันพอดี ๆ ว่า “ฉันไม่ได้กำลังจะตาย เธอไม่ต้องพูดโอเวอร์ขนาดนี้ได้หรือเปล่า?”ไมค์ “เห็นเธอเป็นแบบนี้ ฉันก็เบาใจขึ้นเยอะเลย” ถ้าเธอเศร้ามาก จะไม่มีเรี่ยวแรงมาประชดประชันใครได้ ……กลางคืน ในค