เธอไม่เคยเชื่อในโชคชะตาเลย ถึงแม้พระเจ้าต้องการยับยั้งเธอ เธอไม่มีทางยอมแพ้เธอเปิดประตูรถ ลมหนาวพัดมา เธอย่ำลงไปในหิมะอย่างไม่ลังเล! เธอวิ่งตะบึงไปทางสนามบิน! เธอต้องการข้อสรุป เธอไม่อยากให้เขาไปแบบนี้!ที่สนามบิน ในห้องรับรองวีไอพี ฟู่สือถิงยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ตั๋วของเขาคือบ่ายโมง เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องจะขึ้นเขายืนอยู่ข้างหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มองดูหิมะตกหนักที่กำลังตกอยู่ข้างนอก หัวใจของเขาเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งหากมีวิธีอื่น เขาไม่มีทางทำเรื่องที่เป็นการทำร้ายเธอและลูกเด็ดขาดการโหดร้ายกับเธอและลูกคือการโหดร้ายกับตัวเอง มีแต่ทำให้เขาเจ็บปวดมากกว่าพวกเขาตอนนี้ในมือถังเฉียวเซินกำจุดอ่อนของเขาเอาไว้แล้วบังคับให้เขาแต่งงานกับถังเชี่ยน เขาไม่มีทางเลือก ถ้าหากเขาสดงละครในฉากนี้ได้ไม่ดี ในอนาคตก็จะเจ็บปวดไม่มีวันจบเขาไม่ต้องการให้ลูกทั้งสามของเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวของเขาและเขาไม่อยากให้ฉินอันอันรู้เรื่องนี้เช่นกันชื่อเสียงของเขาเสียหายได้ และเขาไม่สนสายตาของใครเลยก็ได้เช่นกัน แต่ว่าเขาใส่ใจฉินอันอัน ถ้าไม่มีฉินอ
หลังจากที่เธอพูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เข้ามาเตือนฟู่สือถิงให้รีบขึ้นเครื่อง“อันอัน ผมต้องกลับไปแก้ไขเรื่องภายใน คุณให้เวลาผมหน่อยนะ…” “ไม่ให้! ถ้าฉันให้เวลาคุณ คุณจะไปแต่งงานกับถังเชี่ยน! ฟู่สือถิง ฉันยอมรับเรื่องที่คุณจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้! ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นถังเชี่ยนหรือใครก็ตาม! ถ้าเจ้าสาวไม่ใช่ฉัน ก็ไม่ได้!” เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “ถ้าวันนี้คุณกล้าจากไปจากฉัน คุณไม่มีวันได้เจอฉันอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเจอลูกเลย!” เมื่อขอร้องอย่างถ่อมตัวก็ไร้ผล เหลือเพียงต้องข่มขู่เขาเท่านั้น หากตระกูลถังใช้อะไรบางอย่างเพื่อข่มขู่เขาหรือชักจูงเขาได้ เธอก็อาจขู่เขาได้เหมือนกัน!เธอไม่เชื่อว่าเบี้ยที่เธอใช้ต่อรองจะแย่กว่าของตระกูลถัง ดวงตาของเขาแดงก่ำและในดวงตามีน้ำตาเอ่อล้น เขามองดูเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวดเธอเห็นเขาจากพยายามทำใจให้สงบไปจนถึงน้ำตาคลอในชั่วพริบตาเดียว เธอไม่อยากบีบคั้นให้เขาร้องไห้ เธอไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อนแบบนี้ แต่เธอทนไม่ได้ที่เขาแต่งงานกับถังเชี่ยน “ฟู่สือถิง ถ้าตอนนี้เปลี่ยนเป็นฉันจะไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น คุณใจร้ายขนาดนี้ไม่สนใจกันแบบนี้ไ
ตอนเย็น ในที่สุดฉินอันอันก็เดินกลับมาถึงบ้าน วันนี้อากาศไม่ดี ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าเดิมป้าจางตกใจมากเมื่อเห็นท่าทางที่ไร้วิญญาณและเปียกโชกของเธอ“อันอัน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” ป้าจางจับมือของเธอ “คุณทำใจไม่ได้ที่คุณผู้ชายไปแล้วเหรอคะ? คุณอย่าทำแบบนี้เลย คุณอยากกลับประเทศตอนไหนก็ได้!” ฉินอันอันส่ายหัว ถามเสียงแหบพร่า “เด็ก ๆ ล่ะคะ?” “จื่อชิวกำลังหลับค่ะ รุ่ยลากับเสี่ยวหานไปอาบน้ำแล้ว พวกเขาเพิ่งเล่นปั้นตุ๊กตาหิมะที่สนามหน้าบ้าน เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว” ป้าจางกล่าว “อันอัน ผมกับชุดของคุณเปียกหมดแล้ว คุณไปอาบน้ำอุ่นก่อนเถอะค่ะ! ให้ดิฉันช่วยไหมคะ?” เธอส่ายหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางห้อง ป้าจางเดินตามเธออย่างไม่สบายใจ“อีกอย่าง ต่อจากนี้อย่าพูดชื่อฟู่สือถิงต่อหน้าพวกเด็ก ๆ อีกนะคะ” เธอหยุดเดิน มองไปทางป้าจาง “ฉันเลิกกับเขาแล้วค่ะ ป้าจางกับป้าหงเป็นคนของเขา…” เธอพูดคำต่อไปออกมาไม่ไหว เธออยากขอให้ป้าจางกับป้าหงกลับไปอยู่กับฟู่สือถิง เธอเลิกกับฟู่สือถิงแล้ว ไม่สามารถใช้คนรับใช้ของเขาได้อีกต่อไป ป้าจางมีสีหน้าซีดเผือดและไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ “อันอัน เรื่องนี้กะทันหันเกินไ
ตอนนี้เธอกำลังจะไปที่ห้องของฉินอันอันเพื่อเอากระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงออกมาให้ป้าหง พิจารณาแล้วว่าฉินอันอันต้องไม่อยากเห็นกระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงแน่นอน แทนที่จะถูกโยนทิ้ง สู้ให้ป้าหงเอาไปดีกว่า หลังจากที่ป้าจางเคาะประตู เธอก็เปิดประตูและเข้าไปในห้อง“อันอัน ดิฉันลาออกกับคุณผู้ชายแล้วนะคะ” ป้าจางเดินมาที่เตียงแล้วเห็นฉินอันอันนอนลืมตาอยู่จึงพูดต่อ “ดิฉันมาเอากระเป๋าเดินทางของคุณผู้ชายให้ป้าหงเอากลับไปด้วย” ฉินอันอันสีหน้าท่าทางซีดเซียว แต่ว่าน้ำเสียงนั้นหนักแน่น “ในเมื่อลาออกแล้ว ต่อจากนี้ป้าจางอย่าติดต่อกับเขาอีกและอย่าส่งรูปจื่อชิวให้เขาด้วยนะคะ” “ตกลงค่ะ” “ฉันเก็บข้าวของเขาเรียบร้อยแล้วค่ะ กระเป๋าเดินทางของเขาอยู่ข้างโต๊ะทำงาน” ฉินอันอันไข้ขึ้นเมื่อคืน เธอเห็นกระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงหลังจากที่ลุกขึ้นมากินยาลดไข้ เธอจึงเก็บข้าวของทั้งหมดของเขาใส่ลงไป“อันอัน สีหน้าคุณไม่ค่อยดี คุณนอนต่ออีกหน่อยเถอะค่ะ!” หลังจากที่ป้าจางพูดจบก็รีบลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องหลังจากส่งป้าหงไปแล้ว ป้าจางก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงกดหมายเลขของไมค์แล้วขอให้ไมค์โทรหาหลีเสี่ยวเถียนไมค์พู
“นายเจอเธอแล้วหรอ?”ฟู่สือถิงหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วคีบไว้ระหว่างนิ้ว “เจอแล้ว” เซิ่งเป่ยเห็นว่าเขาไม่ได้หงุดหงิด ความโกรธในใจก็หายไปเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีไฟแช็ก ยังเป็นฝ่ายจุดไฟให้เขาด้วย “เธอนัดพบฉัน” เซิ่งเป่ยนั่งลงข้างเขาพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากโต๊ะกาแฟแล้วจุด “เธอมีจุดอ่อนของนายอยู่ในมือหรือเปล่า?” ฟู่สือถิงหรี่ตาลงแล้วพูดอย่างขมขื่น “ไม่ใช่เธอหรอก” “อ้อ จุดอ่อนของนายตกอยู่ในมือของตระกูลถังสินะ? ฉันว่านะ ตามความเข้าใจที่ฉันมีต่อถังเชี่ยน ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้แล้ว ไม่มีทางกล้าปรากฏตัวต่อสาธารณะอย่างอึกทึกครึกโครมแน่นอน ถึงแม้ว่าเธอแต่งงานกับนายจริง ๆ ก็ไม่มีทางอยากจัดงานใหญ่หรอก” ฟู่สือถิงมองไปทางเซิ่งเป่ย “เธอเปลี่ยนไปยังไง?” “มันอธิบายได้ยาก แต่ในหัวของฉันพอคิดถึงใบหน้าของเธอ ฉันก็กลัวมาก” เซิ่งเป่ยกัดฟันพูดพร้อมกับหักบุหรี่ที่อยู่ระหว่างนิ้ว “ความรักและความเกลียดชังในอดีตซีดจางลงมาก ตอนนี้ฉันอธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับเธอ มีความกลัวนิดหน่อยแล้วก็เห็นใจด้วย” ฟู่สือเขย่าขี้เถ้าลงในที่เขี่ยบุหรี่และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “พรุ่งนี้ฉันจะไปดู” “ไม่แน่นายเจอเธอพ
ไม่ว่าจะพูดยังไง ครั้งนี้เป็นปัญหาที่เจ้านายจริง ๆ ถึงแม้เจ้านายจะน้ำท่วมปากพูดไม่ได้ แต่ว่าฉินอันอันผิดอะไรล่ะ? ไมค์นั่งอย่างมั่นคงบนที่นั่งผู้โดยสารแล้วจึงคาดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่ป้าจางบอกเขาเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหลีเสี่ยวเถียน …… ประเทศบี หลังจากที่หลีเสี่ยวเถียนรับสายของไมค์ เธอก็รีบขับรถไปที่บ้านของฉินอันอันทันทีเมื่อคืนนี้ฉินอันอันไข้ขึ้น หลังจากกินยาลดไข้แล้ว อาการไข้ก็ลดลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น พอตอนเช้าไข้ก็กลับมาอีกเดิมทีเธอตั้งใจว่าหลังจากตื่นแล้วจะบอกลูกสองคนถึงการเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่สือถิง แต่ไข้ไม่ทุเลาและเธอกลัวว่าจะแพร่เชื้อให้ลูก ๆ เธอจึงนอนพักอยู่ในห้องตลอด หลังจากหลีเสี่ยวเถียนเข้ามาในห้อง เธอก็ปิดประตู ฉินอันอันลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว “อันอัน เธอไม่สบายเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนเดินมาข้างเตียงแล้วยกมือขึ้นแตะหน้าผาก “ร้อนนิดหน่อย เธอกินยาแล้วใช่ไหม?” “อืม” เธอมองหลีเสี่ยวเถียนแล้วถามอย่างอ่อนแรง “ใครเรียกเธอมาเหรอ?” “ไมค์โทรหาฉัน” หลีเสี่ยวเถียนนั่งลงข้างเตียง ภายในไม่กี่วินาทีเธอก
หลีเสี่ยวเถียนรู้สึกว่าตัวเองโหดร้ายมาก เห็นอยู่แล้วว่าเรื่องนี้รอให้ฉินอันอันหายป่วยแล้วค่อยพูดก็ได้ แต่ว่าหลีเสี่ยวเถียนทนเห็นพวกเด็ก ๆ ถูกปิดบังไว้จากเรื่องนี้ไม่ไหว“คุณป้าเสี่ยวเถียน! พี่ชายบอกหนูตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” เมื่อรุ่ยลาพูด ดวงตาของเธอก็เริ่มแดง “หนูจะไม่เชื่อพ่ออีกแล้ว เขาเป็นคนเลว!” หลีเสี่ยวเถียนอุ้มรุ่ยลาขึ้นมาแล้วพูดปลอบว่า “รุ่ยลา หนูอย่าร้องไห้เลยนะ ไม่มีคุณพ่อ หนูยังมีคุณแม่และพี่ชายแล้วยังมีป้าด้วย พวกเราจะรักหนูตลอดไป” “หนูโกรธที่คุณพ่อหลอกหนูค่ะ” รุ่ยลายื่นมือออกมาขยี้ตา “หนูยังโกรธที่เขาทำให้คุณแม่ไม่มีความสุขด้วย แม่โกรธจนไม่สบาย หนูจะร้องไห้ไม่ได้…ถ้าหนูร้องแม่จะยิ่งเสียใจ” ถึงปากของรุ่ยลาจะพูดแบบนี้ แต่น้ำตาก็ร่วงพราวลงมา “ฮือ ๆ…หนูจะพยายามร้องไห้เบา ๆ…” หลีเสี่ยวเถียนเจ็บปวดใจอย่างมาก “ที่รัก พวกเราร้องไห้อีกเดี๋ยวแล้วก็ไม่ต้องร้องแล้ว ไม่จำเป็นต้องร้องให้ให้คนสารเลวหรอก ตอนนี้เขากลับประเทศไป ไม่รู้ว่ากำลังมีความสุขขนาดไหน!”รุ่ยลารู้สึกว่าตนเองถูกหักหลัง ปากเล็ก ๆ บ่นพึมพำ “เห็นอยู่ว่าเขาดีกับหนูมาก พวกเราออกไปเที่ยว เขากลัวหนูจะเหนื่อยเลยอุ
“อืม” “สือถิง ไม่ใช่ฉันที่อยากแต่งงานกับคุณ” ถังเชี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจบอกเขาอย่างชัดเจน “ถังเฉียวเซินต้องการใช้ฉันทำให้คุณอับอาย ฉันไม่อยากแต่งงานเลย แล้วก็ไม่อยากจัดงานแต่งงานด้วย” “เรื่องนี้ไม่สำคัญอีกแล้ว” เขาพูดเบา ๆ เธออึ้งไปทันทีพร้อมกับใบหน้าเย็นชาของเขาแล้วถามว่า “แล้วทางฉินอันอันล่ะคะ…?” “ถังเชี่ยน เธอแค่ทำสิ่งที่รับปากฉันไว้ก็พอ ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉัน” “ฉันช่วยคุณอธิบายได้นะคะ!” ถังเชี่ยนพูดอย่างใจดี “ไม่ต้อง!” ฟู่สือถิงพูดด้วยความโกรธ “อย่าไปรบกวนเธอ!” เขารู้ถึงสภาพจิตใจของฉินอันอันในตอนนี้ดีหากตอนนี้มีใครพูดถึงเขาต่อหน้าเธอ เธอจะต้องโกรธแน่นอน ยิ่งถ้าถังเชี่ยนเป็นคนพูด เธอจะยิ่งโกรธก่อนที่เรื่องจะคลี่คลาย อย่าไปรบกวนเธอจะดีที่สุดหลังจากแก้ปัญหาจนเสร็จสิ้นแล้ว เขาจะไปอธิบายและยอมรับผิดกับเธอด้วยตัวเอง สองชั่วโมงต่อมา พาดหัวข่าวบนอินเทอร์เน็ตก็ระเบิดขึ้น - ฟู่สือถิง ประธานเอสทีกรุ๊ปใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อจัดงานแต่งงานกับถังเชี่ยน ทายาทบริษัทหลักทรัพย์ซิ่นเหอข่าวนี้เผยแพร่ตามข้อเรียกร้องของถังเฉียวเซิน ถังเฉียวเซินต้องการทำให้