“เขาบอกว่าเขามีจุดอ่อนของคุณในมือ แต่เขาจะไม่เอามันออกมาใช้ในตอนนี้ เพราะเขาจะใช้มันในช่วงเวลาสำคัญ” หวังหว่านจือพูดเร็วอย่างมาก “แต่ฉันไม่รู้ว่าช่วงเวลาสำคัญที่เขาพูดถึงคือเมื่อไหร่นะ ถังเฉียวเซินคนนี้ฉลาดมาก ฉันเองก็รู้จักเขาได้ไม่นานแล้วฉันก็ไม่ได้ไว้ใจเขามากนัก แต่ตอนนี้ฉันร่วมมือกับเขาได้อย่างราบรื่นมาก ถ้าคุณให้เวลาฉันอีกสักหน่อย ฉันต้องคิดวิธีช่วยคุณเอากล่องใบนั้นกลับคืนมาได้อย่างแน่นอน” ฟู่สือถิงหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “คุณรู้แล้วว่าในกล่องนั้นมีบางอย่างที่ใช้ควบคุมผมได้ ถ้าคุณได้กล่องนั้นมาแล้วคุณจะคืนผมได้ยังไง?” หวังหว่านจือตกตะลึงทันใดนั้นหัวสมองเธอก็ว่างเปล่า นี่เธอพิ่งพูดอะไรไป? ทำไมถึงรู้สึกว่าฟู่สือถิงกำลังยั่วยุเธอ? “ผมแค่อยากแน่ใจว่ากล่องใบนั้นอยู่ในมือของถังเฉียวเซินเท่านั้นเอง ในเมื่อมันอยู่ในมือเขา งั้นคุณก็ไม่มีประโยชน์สำหรับผมแล้ว” ฟู่สือถิงพูดทีละคำอย่างเย็นชา “หวังหว่านจือ ผมรู้ดีว่าคุณวางแผนอะไรอยู่ในใจ” แค่หวังหว่านจือได้ยินเสียงของเขา ก็รู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นแล้ว “ฟู่สือถิง! ฉันไม่ได้วางแผนอะไรเลย! ฉันจะกล้าคิดร้ายใส่คุณได้ยังไง? ศัตรูของฉันแต
ในชีวิตของเขา เขาเกลียดการถูกข่มขู่มากที่สุด ถังเฉียวเซินมีจุดอ่อนของเขาอยู่ในมือ แต่กลับไม่ยอมลงมือเสียที จะรอจนถึงช่วงเวลาสำคัญงั้นหรือ? หึ ฟู่สือถิงไมมีวันยอมมอบโอกาสนี้ให้ถังเฉียวเซิน ในเมื่อถังเฉียวเซินไม่ทำอะไรเสียที งั้นก็ให้เขาถือกล่องนั้นไปพร้อมกับการทำลายล้างเสียเลยแล้วกัน! แม้ว่าเปลวเพลิงคืนนี้จะไม่ฆ่าเขา แต่บ้านของเขาจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านรถพยาบาลแผดเสียงดังก้องในค่ำคืนอันเงียบสงบ ในสตาร์ริเวอร์วิลล่า เสี่ยวหานถูกปลุกให้ตื่น เขาเห็นแสงสีแดงจากด้านนอก รู้สึกประหลาดใจมาก เขาปีนลงจากเตียงแล้วเดินท่ามกลางความมืดไปจนถึงประตูห้อง เปิดประตูออก ก่อนเดินไปทางห้องของไมค์ไมค์เพิ่งผล็อยหลับไปไม่นานและกำลังหลับสนิท ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยินสิ่งใดเกิดขึ้นจากภายนอก“ท้องฟ้าข้างนอกเป็นสีแดง” เสี่ยวหานชี้ให้ไมค์ดูด้านนอกหน้าต่าง ไมค์เอื้อมมือมาขยี้ตา หลังจากที่เขาเห็นสถานการณ์นอกหน้าต่างอย่างชัดเจน เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาตรวจสอบข่าว“เกิดเพลิงไหม้ในอาคารที่พักอาศัยใจกลางเมือง” ไมค์หาว “ไม่รู้ว่าอะไรระเบิดถึงได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่”หลังจากที่เสี่ยวหานรู้สาเหตุแล้
ไมค์พิมพ์ข้อความสั้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ส่งไป แล้วก็แอบถ่ายรูปของฟู่สือถิงส่งตามไปด้วย ตอนนี้ที่ประเทศบีเป็นเวลาสี่ทุ่ม ฉินอันอันเพิ่งเข้านอน แต่ยังไม่หลับ หลังจากเห็นข้อความที่ไมค์ส่งมาแล้ว เธอพยายามคิดหาเหตุผลว่าทำไมฟู่สือถิงถึงทำเช่นนี้ แต่เธอขาด จินตนาการและไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ฟู่สือถิงลงมือโจมตีพี่น้องตระกูลถังกะทันหันแบบนี้ถ้าหากต้องการคิดบัญชีกับถังเชี่ยนเรื่องคลอดก่อนกำหนด แล้วทำไมบ้านของถังเฉียวเซินถึงเกิดไฟไหม้ได้ล่ะ และทำไมถึงเลือกเวลานี้? ดูเหมือนว่าระหว่างเขากับพี่น้องตระกูลถัง คงยังมีเรื่องอื่นอีก ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถามอย่างกระตือรือร้นว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา แต่ตอนนี้ เธอไม่มีแรงมากขนาดนั้นแล้วลูกสามคน แทบจะใช้พลังงานของเธอไปเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ พลังงานที่ยังเหลืออีกเล็กน้อย เธอใช้มันในการรักษาอวิ๋นโม่ เธอได้ตกลงกับตระกูลอวิ๋นแล้วว่าหลังเทศกาลตรุษจีน เธอจะทำการผ่าตัดครั้งแรกให้อวิ๋นโม่หลังจากการผ่าตัดครั้งแรกแล้วถึงจะทำการพิจารณาจากผลลัพธ์ของการรักษาว่าจะทำการผ่าตัดครั้งที่สองหรือไม่ ไมค์เห็นว่าเธอไม่ตอบกลับ ดังนั้นจึงถ่ายรูปเด็กสองค
เมื่อหวังหว่านจือจากไป ในดวงตาของถังเฉียวเซินมีทั้งความเคียดแค้นและน้ำตาเขายังไม่ตายเลยนะ! แต่หวังหว่านจือกลับไม่เห็นหัวเขาแล้ว!ฟู่สือถิงไม่เห็นหัวเขาก็ช่างปะไร แต่หวังหว่านจือมีสิทธิ์อะไรดูถูกเขา? สถานที่จัดงานรำลึก หลังจากเสร็จสิ้นพิธี ของใช้ส่วนตัวที่เป็นตัวแทนของร่างของอิ๋นอิ๋นถูกนำขึ้นรถของที่เป็นตัวแทนเธอจะถูกฝังไว้ข้างหลุมศพของคุณนายฟู่แขกคนอื่นต่างทยอยมุ่งหน้าไปที่โรงแรมเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ไมค์พาเด็กสองคนไปด้วยและตั้งใจจะไปที่โรงแรม แต่รุ่ยลาและเสี่ยวหานกำลังจ้องมองไปทางฟู่สือถิง ตอนนี้ฟู่สือถิงต้องการส่งของแทนตัวอิ๋นอิ๋นไปยังสุสาน ไมค์ “เขาจะไปสุสาน พวกเธออยากไปด้วยหรือเปล่า?” เสี่ยวหานพยักหน้า รุ่ยลาเองก็พยักหน้าเช่นกัน“ได้เลย! งั้นพวกเราไปกับเขากันเถอะ” ไมค์พาเด็กทั้งสองคนไปที่สุสาน สุสานตั้งอยู่บนเชิงเขา ที่นี่หนาวเย็นเป็นพิเศษ หลังจากฝังสิ่งของแทนตัวอิ๋นอิ๋นไปแล้ว หลุมศพก็ถูกสร้างขึ้น เมื่อมองภาพอิ๋นอิ๋นที่มีรอยยิ้มบนหลุมศพแล้ว ฟู่สือถิงก็ย่อตัวลงและวางช่อดอกลิลลี่สีขาวไว้หน้าหลุมศพ“อิ๋นอิ๋น ถ้าชาติหน้ามีจริง เธออย่าโง่แบบนี้อีกนะ” รุ
เสิ่นอวี๋เป็นเรื่องโกหกครั้งใหญ่ ! แต่เขากลับน่าหัวเราะยิ่งกว่าเสิ่นอวี๋ อย่างน้อยเสิ่นอวี๋ก็รู้มาโดยตลอดว่านี่คือเรื่องโกหก แต่เขากลับคิดว่าเป็นเรื่องจริง “ฉินอันอัน ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้ ?” ฟู่สือถิงพึมพำ เสียงคล้ายทั้งคร่ำครวญทั้งพร่ำบ่น “ทำไม?” ที่ตอบรับเขามีเพียงเสียงลมเท่านั้น ระหว่างทางรุ่ยลาถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมพ่อถึงไม่ดีใจเลยล่ะคะที่รู้ว่าแม่เป็นคนผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋น ?” “รุ่ยลา ถ้าพี่ชายโกหกเธอ เธอจะโกรธหรือเปล่า?” ไมค์อธิบายให้เธอฟังโดยใช้คำอุปมาเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน “ถ้าพ่อของเธอรู้เรื่องนี้แต่แรก เขาไม่โกรธแน่นอน” “งั้นทำไมก่อนหน้านี้แม่ของหนูไม่บอกเขาก่อนล่ะคะ?” “เพราะว่าตอนนั้นแม่ของเธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขา กลัวว่าถ้าเกี่ยวข้องกันแล้ว เขาจะมาแย่งสิทธิ์เลี้ยงดูเธอกับพี่ชาย ต่อมาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คลี่คลายลงนิดหน่อย แต่เรื่องนี้มันผ่านมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมันหรอก” คำอธิบายของไมค์ทำให้รุ่ยลาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง “โลกของผู้ใหญ่ ซับซ้อนมากจริง ๆ เลย !” “ใช่แล้ว ! ดังนั้นคนแบบอิ๋นอิ๋นเลยมีความสุขมากจริง ๆ” ไมค์พูดถึงตรงนี้ เขาก็เหลือบมอง
รุ่ยลาไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ความอะไร เธอใช้หางตาแอบมองคุณป้าที่ตามเข้ามา เธอไม่รู้จักคุณป้าคนนี้เลยแล้วคุณป้าท่านนี้จะมีธุระอะไรกับเธอได้ยังไง ? เธอปัสสาวะเสร็จแล้วก็รีบใส่กางเกงอย่างรวดเร็ว “รุ่ยลาไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ ฉันไม่ใช่คนไม่ดี” ผู้หญิงคนนั้นเห็นเธอแต่งตัวอยู่ ก็รีบพูดทันที “ฟู่สือถิงส่งฉันมาจ้ะ” รุ่ยลาได้ยินคำว่า ‘ฟู่สือถิง’ สามคำ การป้องกันในใจก็หายไปทันที ถึงแม้เธอกับฟู่สือถิงจะไม่ได้รู้จักกัน แต่ฟู่สือถิงก็ดีกับเธอ อย่างน้อยฟู่สือถิงจะไม่ทำร้ายเธอ ดังนั้นเธอจึงถอนใจด้วยความโล่งอก “คุณป้า เมื่อกี้คุณทำหนูตกใจแทบแย่เลยค่ะ ! ทำไมฟู่สือถิงถึงให้คุณมาหาหนูล่ะคะ ? ถ้าเขามีธุระแล้วทำไมไม่มาหาหนูเองเลย ? หนูเพิ่งพบเขาเมื่อวานนี้เอง !” ความรู้สึกผิดฉายวาบขึ้นมาในดวงตาผู้หญิงคนนั้น “เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญและพิเศษมาก เขากลัวว่าถ้ามาคุยต่อหน้าหนูจะทำให้หนูกลัวจ้ะ ดังนั้นเลยให้ฉันมาคุยกับหนู” รุ่ยลาที่เพิ่งผ่อนคลายกังวลขึ้นมาอีกเพราะว่าคำพูดของผู้หญิงคนนั้น“ทำไมเรื่องสำคัญและพิเศษขนาดนั้นต้องคุยกับเด็กน้อยอย่างหนูด้วยล่ะคะ ?” ถึงปกติแล้วรุ่ยลาจะชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ตั
ฟู่สือถิงรู้ได้ยังไงว่าเธอเอากล่องไปรุ่ยลารู้สึกไม่สบายใจ แต่ตอนนี้ไม่มีคนให้เธอพึ่งพา เธอไม่รู้ว่าควรทำยังไง “หนู…หนูไม่รู้ค่ะ…คุณป้าคะ หนูอยากกลับบ้านแล้ว” รุ่ยลาหลุบตาลงอยากออกจากห้องน้ำ ผู้หญิงคนนั้นขวางอยู่ที่หน้าประตู ไม่ยอมให้เธอออกไป“รุ่ยลา ป้ารู้ว่าตอนนี้หนูอาจจะรู้สึกกลัว ป้าก็เหมือนกันจ้ะ” ผู้หญิงคนนั้นลดเสียงเบาลง “ถ้าหนูไม่บอกว่ากล่องใบนั้นอยู่ที่ไหน ไม่เพียงแต่ฟู่สือถิงจะฆ่าฉัน บอดี้การ์ดที่มาส่งหนูก็จะถูกเขาฆ่าเช่นกัน ฟู่สือถิงเป็นคนยังไง หนูคงเคยได้ยินแล้วใช่ไหมจ๊ะ ?” รุ่ยลายส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่แม้แต่จะคิด “ถ้าหนูไม่บอก เขาก็จะฆ่าหนูด้วยใช่ไหมคะ ?! ไม่มีทาง ! เขาไม่ทำแน่นอน !” “เขาไม่มีทางฆ่าหนูแน่นอนจ้ะ ไม่ว่ายังไงหนูก็เป็นลูกสาวของเขา แต่หนูอยากเห็นคุณลุงบอดี้การ์ดที่มาส่งหนูถูกฆ่าเหรอจ๊ะ ?” ถึงแม้น้ำเสียงของหญิงสาวจะเบา แต่คำพูดของเธอเต็มไปด้วยการข่มขู่ ทันใดนั้นดวงตาของรุ่ยลาก็แดงแล้วร้องไห้คร่ำครวญ “ไม่เอาค่ะ…หนูไม่อยากให้คุณลุงบอดี้การ์ดตาย…” “รุ่ยลา กล่องใบนั้นเป็นของฟู่สือถิง แค่หนูส่งกล่องใบนั้นคืนมาเดี๋ยวนี้เลย มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแ
“คุณป้าคนนั้นเป็นคนที่ฟู่สือถิงส่งมาค่ะ” รุ่ยลาอธิบายให้บอดี้การ์ดฟังอย่างจริงจัง “ฟู่สือถิงเป็นคนเลว ! คุณป้าบอกว่าถ้าหนูไม่เอาของให้ ฟู่สือถิงจะฆ่าคุณ คุณปกป้องหนูทุกวัน หนูจะยอมให้ฟู่สือถิงฆ่าคุณได้ยังไง ?” บอดี้การ์ดที่ทั้งรู้สึกประหลาดใจและดีใจกับความห่วงใยที่ได้รับ ถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมผมรู้สึกว่าฟู่สือถิงไม่ใช่คนแบบนั้น ? จะตีสุนัขต้องดูเจ้าของ แม่ของหนูเรียกผมมา ถ้าเขาฆ่าผมแล้วเขาจะอธิบายกับคุณแม่ของหนูยังไง ?” รุ่ยลากะพริบตากลมโตแล้วพูดด้วยสีหน้าสับสน “คุณหมายความว่าเขาไม่กล้าทำให้แม่หนูโกรธเหรอคะ ?” “ใช่แล้ว ! หนูเคยเห็นเขารังแกคนในครอบครัวหรือเปล่าล่ะ ? ไม่ว่าจะเป็นหนูกับพี่ชายแล้วยังมีลุงไมค์ของหนู ทุกครั้งที่เขาเจอพวกหนู เขาก็สุภาพเรียบร้อยไม่ใช่เหรอ ?” บอดี้การ์ดให้เหตุผลกับเธอว่า “แล้วผมก็ไม่ได้มีเรื่องกับเขา เขาจะฆ่าผมได้ยังไง ?” “แต่ว่าหนูขโมยของเขามาค่ะ” มือเล็ก ๆ ของรุ่ยลาดึงชายเสื้อและพึมพำเสียงเบา “หนูขโมยกล่องใบนั้นมาจากบ้านเขาค่ะ ข้างในมีของที่สำคัญมาก ถ้าหนูคืนให้เขาเลยตอนนี้ เขาจะได้ไม่โกรธค่ะ” บอดี้การ์ดคิดว่าเรื่องนี้ซับซ้อนเล็กน้อย แต่ว่ารุ่ย