หลังจากที่แน่ใจแล้ว เธอออกมาจากบริษัทแล้วขับรถมุ่งตรงไปสตาร์ริเวอร์วิลล่าทันที เธอรีบไปยังสตาร์ริเวอร์วิลล่าโดยเร็วที่สุด เมื่อมาถึงถนนสายหลักหน้าวิลล่าเธอก็มองเห็นสถานที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วเธอลงจากรถแล้วเดินไปทางฝูงชนที่มุงดูอยู่ รถยนต์สีดำและสีขาวสองคันมีรูปร่างผิดปกติ สถานที่เกิดเหตุเต็มไปด้วยความวุ่นวาย โดยมีรอยเลือดที่มองเห็นได้ชัดเจนปะปนอยู่ นอกจากคราบเลือดแล้ว สิ่งที่ดึงดูดผู้คนมากที่สุดคือ คนที่นอนเหยียดยาวและถูกผ้าสีขาวคลุมอยู่บนพื้น…ไม่อาจพูดได้ว่าคือ ‘คน’ ควรพูดว่าคือ ‘ศพ’ มากกว่าหวังหว่านจือยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เมื่อมองดูเสื้อผ้าของคนตายที่โผล่ออกมาใต้ผ้าสีขาว จากเสื้อผ้าเธอตัดสินได้ว่านี่คือคนที่เธอจ้าง ทันใดนั้นในใจของเธอรู้สึกหนาวสั่น ! คนตายก็ตายแล้ว ! แต่ว่ากล่องสีแดงเข้มใบนั้นล่ะ ? ! กล่องหายไปไหน ! เธออยากรีบรุดเข้าไปค้นหาในรถ แต่ว่าตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่กำลังถ่ายภาพที่เกิดเหตุด้วยกล้อง เธอเลยไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น ! ถ้าหากฟู่สือถิงรู้ว่าเธอปรากฏตัวในที่เกิดเหตุ ถึงเธอไม่ได้มาหากล่องนั้น ฟู่สือถิงยังใช้โอกาสนี้ทำให้เธอเดือดร้อนได้
ใครเอาของในกล่องไป ? ความจริงเหมือนจะอยู่ตรงหน้า ทว่ากลับยุ่งเหยิงวุ่นวาย แต่แน่นอนว่าคนผู้นี้ต้องอยู่ใต้จมูกเขา อุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ถนนสายหลักด้านนอกสตาร์ริเวอร์วิลล่า ดังนั้นกล่องนี้อาจมาจากสตาร์ริเวอร์วิลล่า แล้วอาจเป็นไปได้ด้วยว่าสิ่งของในกล่องอาจหลุดเข้าไปในสตาร์ริเวอร์วิลล่า ไม่อย่างนั้นคงอธิบายได้ยากว่าทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุรถชนที่นี่ ที่โรงพยาบาล ถึงแม้ว่าถังเชี่ยนจะโชคดีได้รับการช่วยชีวิตกลับมาได้ แต่เธอก็เจ็บปวดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะว่าใบหน้าข้างซ้ายของเธอถูกไฟไหม้ คุณหมอบอกเธอว่าใบหน้าข้างซ้ายของเธอจะทิ้งรอยแผลเป็นที่ไม่สามารถรักษาได้ ตั้งแต่เด็กจนโต เธอใส่ใจรูปร่างหน้าตาของตนเองอย่างมาก เธอทนไม่ได้ที่จะมีใบหน้าน่าเกลียด สิ่งนี้ทำให้เธอสิ้นหวังมากกว่าการฆ่าเธอให้ตายเสียอีก แต่ความตาย มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ? “ถังเชี่ยน ตอนนี้แกควรตื่นได้แล้ว !” คุณแม่ถังนั่งอยู่ข้างเตียงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันบอกให้แกแยกออกมาจากฟู่สือถิงตั้งนานแล้วแกก็ไม่ฟัง ตอนนี้แกเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ฉันกังวลกับชีวิตในอนาคตของแกจริง ๆ” คุณแม่ถังเป็นแม่แท้ ๆ ของถังเชี่
ตอนนี้เห็นแล้วว่าถังเฉียวเซินเหมือนจะพูดไม่ได้ ไม่มีทางออกคำสั่งใด ๆ ได้เลย จะพูดเรื่องไปหยิบของในกล่องได้ยังไง “เจ้านาย ห้องคนไข้ของถังเชี่ยนอยู่ข้าง ๆ คุณอยากไปดูหรือเปล่าครับ ?” บอดี้การ์ดพูดกับฟู่สือถิง “เธอเสียโฉมใช่ไหมครับ ? เธอรักสวยรักงามขนาดนั้น ตอนนี้เสียโฉมแล้วต้องเสียใจยิ่งกว่าตายแน่ ๆ” บอดี้การ์ดรู้ว่าฟู่สือถิงเกลียดถังเชี่ยน ดังนั้นถึงได้พูดเช่นนี้ เดิมฟู่สือถิงไม่มีความตั้งใจไปเยี่ยมเธอ เมื่อได้ยินบอดี้การ์ดพูดเช่นนี้ ฝีเท้าของเขาก็หยุดชะงักทันที เขาเดินมาถึงประตูห้องคนไข้ของถังเชี่ยนแล้วผลักให้เปิดออก ถังเชี่ยนเหลือบมองไปด้านข้างแล้วสบตาเข้ากับเขา …ในดวงตาของเธอเกิดความตื่นตระหนกขึ้นทันที ! เธอเอามือปิดใบหน้าที่ห่อหุ้มด้วยผ้าก๊อซแล้วหลบสายตาของเขาโดยไม่รู้ตัว “ไม่ได้หนีไปต่างประเทศแล้วงั้นเหรอ ?” ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงขยับขึ้นลงและเหน็บแนมอย่างเย็นชา “ยังกล้ากลับมาอีกเหรอ ?” ดวงตาของถังเชี่ยนเต็มไปด้วยน้ำตา เธอเอ่ยอย่างสิ้นหวัง “สือถิง ฉันไม่วิ่งหนีอีกแล้ว ! คุณฆ่าฉันเถอะ !” เธอพูดพร้อมกับยกผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียงคนไข้ เธอเดินตัวสั่นเทาไปอยู่ตรงห
ทำไมจู่ ๆ เขาถึงมาที่นี่ล่ะ ? เธอคืนกล่องให้เขาแล้วนะ ! รุ่ยลากลัวว่าเขาจะมาหาเรื่องเธอ ดังนั้นเธอจึงหนีออกจากห้องนั่งเล่นและตะโกนว่า “ลุงไมค์คะ !” เสียงกรีดร้องของรุ่ยลาทำให้ฉินอันอันที่อยู่ปลายสายตกใจกลัวจนหน้าถอดสี หลังจากรุ่ยลาทำโทรศัพท์ตกลงบนพื้น เลนส์กล้องชี้ไปที่เพดานห้องนั่งเล่น ฉินอันอันพึ่งได้แค่เสียงที่ดังลอดมาจากโทรศัพท์เพื่อคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอมองไม่เห็นภาพ เธอคาดเดาไม่ได้เลย ทว่าต้องเกิดอันตรายขึ้นแน่นอน ! “รุ่ยลา !” ฉินอันอันเดินออกจากห้องพร้อมกับถือโทรศัพท์ไว้ด้วยหัวใจเธอบีบรัดแน่น ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในประเทศบี แต่ถ้าลูกสาวของเธอตกอยู่ในอันตราย เธอจะบินกลับทันที!คิ้วสวยของฟู่สือถิงขมวดแน่นเมื่อเห็นรุ่ยลาวิ่งหนีอย่างตกใจเขาเคยเจอรุ่ยลาหลายครั้ง ถึงแม้ในอดีตรุ่ยลาจะไม่ค่อยสุภาพมากนักเมื่อเจอเขา แต่ไม่ถึงกับตกใจกลัวแบบนี้ เขายกมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง ไม่มีสิ่งผิดปกติบนหน้าของเขาแล้วรุ่ยลากลัวอะไร ? เมื่อเขาเดินมาถึงห้องนั่งเล่นและเห็นโทรศัพท์มือถืออยู่บนพื้นเขาก็ก้มลงหยิบขึ้นมาทันทีฉินอันอันยังคงร้องเรียกรุ่ยลา เสียงร้องของรุ่ยลาเมื
รุ่ยลาถือโทรศัพท์ มองหน้าของแม่ในหน้าจอแล้วกระซิบ “แม่ขา เขาเข้ามาโดยไม่เคาะประตู…หนูนึกว่ามีคนร้ายเข้ามาค่ะ…” เธอไม่มีความกล้าจะสารภาพกับแม่ของเธอจริง ๆ ถ้าพี่ชายอยู่บ้านก็คงจะดี รอจนพี่ชายกลับมา เธอจะบอกเขาและให้เขาช่วยแนะนำ ฉินอันอันถอนใจโล่งอกหลังจากได้ยินคำอธิบายของลูกสาว “รุ่ยลา แม่รู้สึกว่าวันนี้ลูกอารมณ์ไม่ดีมาก ๆ ลูกรู้สึกอึดอัดใจที่บ้านของเพื่อนร่วมชั้นหรือเปล่าจ๊ะ ? ลูกไม่ต้องกลัวนะ หนูบอกแม่ได้ทุกอย่าง” ฟู่สือถิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในคำพูดของฉินอันอัน วันนี้รุ่ยลาไปบ้านเพื่อนร่วมชั้นงั้นเหรอ ? ตอนนี้ที่รุ่ยลาผิดปกติจากเดิมอย่างมากต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ “แม่คะ หนูสบายดีค่ะ” ตอนที่รุ่ยลาพูดคำนี้ เธอเหลือบมองไปทางฟู่สือถิง “ลูกมีเรื่องอะไรต้องบอกแม่นะจ๊ะ ลูกโทรหาแม่ได้ตลอดเวลา” ฉินอันอันกำชับ “หนูรู้ค่ะแม่” รุ่ยลาพูดพร้อมส่งจูบให้ฉินอันอัน หลังจากวิดีโอคอลเสร็จแล้ว รุ่ยลาคืนโทรศัพท์ให้ไมค์ ไมค์เก็บโทรศัพท์แล้วมองไปทางฟู่สือถิงอย่างระแวดระวัง “คุณมาหาใคร ? มีธุระอะไร ?” “ผมอยากคุยกับรุ่ยลาตามลำพัง” ฟู่สือถิงกล่าว “ผมอยากขอโ
รุ่ยลาพูดจบแล้วก็ร้องไห้เสียใจยิ่งขึ้น ฟู่สือถิงไม่แปลกใจเลย ถ้าหากรุ่ยลาเอากล่องของเขาไป มันอธิบายได้ว่าทำไมหลังจากกล่องถูกขโมยไป กลับไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครขโมย เพราะไม่มีใครสงสัยเด็กอายุสี่ขวบหรอก ตอนนั้นรุ่ยลาต้องพึ่งพาคนอื่นมากว่าตอนนี้ ใครจะสงสัยเด็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้ ? ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งนี้ยังสามารถอธิบายได้ว่าทำไมหลังจากที่กล่องถูกนำออกไปแล้ว ของที่อยู่ในกล่องไม่เคยถูกเปิดเผยและไม่เคยถูกเอามาข่มขู่เขาด้วย“รุ่ยลา คุณป้าคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบบไหน ?” ฟู่สือถิงวางเธอลงบนเก้าอี้แล้วนั่งลง เขาเช็ดใบหน้าเธอด้วยกระดาษทิชชู่รอจนเธอร้องไห้น้อยลงแล้วก็พูดว่า “เธอใส่เสื้อโค้ตสีน้ำตาลใช่ไหม ?” “คุณรู้ได้ยังไงคะ ?” ดวงตาสีแดงของรุ่ยลามองเขา “คุณได้กล่องใบนั้นแล้วใช่ไหมคะ ?” ฟู่สือถิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจบอกความจริงกับเธอ “ยังจ้ะ คุณป้าที่โกหกหนูเกิดอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตแล้ว ของในกล่องถูกคนเอาไป แต่หนูไม่ต้องเสียใจ ของหายแล้วก็แล้วไป” “แต่พี่ชายของหนูบอกว่าของในกล่องสำคัญมาก…” รุ่ยลาสูดจมูก ขนตายาวของเธอตกลงเล็กน้อย “ขอโทษนะคะ หนูไม่ควรหยิบของคุณมา” ฟังคำข
เหตุผลที่เธอเรียกเขาอย่างเชื่อฟังแบบนี้เพราะว่าในห้องมีเพียงพวกเขาสองคน ถ้าเสี่ยวหานอยู่ด้วย เธอไม่กล้าเรียกแน่นอน พี่ชายของเธอเกลียดพ่อมากขนาดนั้น ระหว่างพ่อกับพี่ชาย เธอย่อมอยู่ฝั่งพี่ชาย รอยยิ้มอบอุ่นเบ่งบานในดวงตาของฟู่สือถิง “ถ้าคุณจะไม่โกรธน้องชายของหนู หนูเรียกคุณอีกครั้งได้นะคะ” รุ่ยลาเห็นรอยยิ้มบนหน้าของเขา จึงเจรจากับเขา “น้องชายของหนูยังเล็กมาก หนูอยากปกป้องเขา” ดวงตาฟู่สือถิงแดงก่ำและพูดเสียงแหบพร่า “รุ่ยลา ฉันไม่โกรธน้องชายของหนูเลย ฉันโกรธตัวเอง เพราะฉันไม่ระวังมากพอถึงได้ละเลยอิ๋นอิ๋น” “พ่อคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเลย” รุ่ยลาแก้ไขคำพูดของเขาอย่างจริงจัง “อิ๋นอิ๋นอยากช่วยน้องชาย ถึงคุณไม่ยอมให้เธอทำ เธอก็จะแอบทำมันเหมือนที่หนูอย่างขโมยของ ๆ คุณ หนูรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง แต่หนูก็อยากทำแบบนี้” การเปรียบเทียบของรุ่ยลานั้นไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไร แต่เสียงที่เธอเรียกว่า ‘พ่อ’มันทำให้ฟู่สือถิงค้นพบความหมายของชีวิตอีกครั้ง ไมค์ยืนอยู่นอกประตูและแอบฟังพวกเขาคุยกัน น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ยินอะไรเลย เนื่องจากพวกเขาไม่ได้พูดเสียงดัง และไมค์มั่นใจว่าฟู่สือถิงไม่กล้าทำ
รุ่ยลาพูดอย่างงุนงงว่า “พี่ชาย ลูกชายคนใหม่อะไร? พี่พูดถึงจื่อชิวเหรอคะ? ลูกชายยังมีทั้งเก่าและใหม่เหรอ ! ไม่ได้เป็นลูกชายทั้งหมดเหรอคะ ?” เสี่ยวหานพูดไม่ออก “ถ้าต่อไปเขามีลูกสาวอีกคนกับแม่ งั้นหนูต้องเปลี่ยนเป็นลูกสาวเก่างั้นเหรอ ?” รุ่ยลาพูดอย่างไม่พอใจ “พี่ชาย หนูคิดว่าพ่อไม่ใช่คนที่ได้ใหม่ลืมเก่าหรอกนะคะ” “เขาดีกับเธอ ดังนั้นเธอเลยรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี แต่เขาไม่ได้ทำแบบนี้กับฉัน !” เสี่ยวหานไม่อยากฟังอะไรเกี่ยวกับฟู่สือถิงทั้งนั้น “เธออย่าพูดถึงเขาต่อหน้าฉันอีกนะ ฉันไม่อยากได้ยิน” “พี่ชาย ก่อนหน้านี้เขาทำไม่ดีกับพี่ เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าพี่คือลูกชายของเขา…ต้องเป็นแบบนี้แน่เลยค่ะ” ถึงแม้รุ่ยลาจะกลัวเล็กน้อยว่าพี่ชายจะโกรธ แต่เธอไม่อยากเห็นพี่ชายกับพ่อมีความสัมพันธ์ย่ำแย่แบบนี้ “ถึงแม้ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกชายของเขา แต่เขาก็รู้ว่าฉันคือลูกชายของแม่” เสี่ยวหานแย้งเธอ “พอเขาเป็นบ้าแล้วก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย” “เอางี้นะคะ พี่ชาย…งั้นหนูจะไม่ยอมรับเขาแล้ว แต่วันนี้หนูเรียกเขาว่าพ่อสองครั้งแล้ว” รุ่ยลาพูดอย่างพะว้าพะวัง “ในเมื่อวันนี้เธอเรียกเขาว่าพ่อแล้ว เท่ากับเธอยอมร
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง