ในชีวิตของเขา เขาเกลียดการถูกข่มขู่มากที่สุด ถังเฉียวเซินมีจุดอ่อนของเขาอยู่ในมือ แต่กลับไม่ยอมลงมือเสียที จะรอจนถึงช่วงเวลาสำคัญงั้นหรือ? หึ ฟู่สือถิงไมมีวันยอมมอบโอกาสนี้ให้ถังเฉียวเซิน ในเมื่อถังเฉียวเซินไม่ทำอะไรเสียที งั้นก็ให้เขาถือกล่องนั้นไปพร้อมกับการทำลายล้างเสียเลยแล้วกัน! แม้ว่าเปลวเพลิงคืนนี้จะไม่ฆ่าเขา แต่บ้านของเขาจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านรถพยาบาลแผดเสียงดังก้องในค่ำคืนอันเงียบสงบ ในสตาร์ริเวอร์วิลล่า เสี่ยวหานถูกปลุกให้ตื่น เขาเห็นแสงสีแดงจากด้านนอก รู้สึกประหลาดใจมาก เขาปีนลงจากเตียงแล้วเดินท่ามกลางความมืดไปจนถึงประตูห้อง เปิดประตูออก ก่อนเดินไปทางห้องของไมค์ไมค์เพิ่งผล็อยหลับไปไม่นานและกำลังหลับสนิท ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยินสิ่งใดเกิดขึ้นจากภายนอก“ท้องฟ้าข้างนอกเป็นสีแดง” เสี่ยวหานชี้ให้ไมค์ดูด้านนอกหน้าต่าง ไมค์เอื้อมมือมาขยี้ตา หลังจากที่เขาเห็นสถานการณ์นอกหน้าต่างอย่างชัดเจน เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาตรวจสอบข่าว“เกิดเพลิงไหม้ในอาคารที่พักอาศัยใจกลางเมือง” ไมค์หาว “ไม่รู้ว่าอะไรระเบิดถึงได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่”หลังจากที่เสี่ยวหานรู้สาเหตุแล้
ไมค์พิมพ์ข้อความสั้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ส่งไป แล้วก็แอบถ่ายรูปของฟู่สือถิงส่งตามไปด้วย ตอนนี้ที่ประเทศบีเป็นเวลาสี่ทุ่ม ฉินอันอันเพิ่งเข้านอน แต่ยังไม่หลับ หลังจากเห็นข้อความที่ไมค์ส่งมาแล้ว เธอพยายามคิดหาเหตุผลว่าทำไมฟู่สือถิงถึงทำเช่นนี้ แต่เธอขาด จินตนาการและไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ฟู่สือถิงลงมือโจมตีพี่น้องตระกูลถังกะทันหันแบบนี้ถ้าหากต้องการคิดบัญชีกับถังเชี่ยนเรื่องคลอดก่อนกำหนด แล้วทำไมบ้านของถังเฉียวเซินถึงเกิดไฟไหม้ได้ล่ะ และทำไมถึงเลือกเวลานี้? ดูเหมือนว่าระหว่างเขากับพี่น้องตระกูลถัง คงยังมีเรื่องอื่นอีก ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถามอย่างกระตือรือร้นว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา แต่ตอนนี้ เธอไม่มีแรงมากขนาดนั้นแล้วลูกสามคน แทบจะใช้พลังงานของเธอไปเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ พลังงานที่ยังเหลืออีกเล็กน้อย เธอใช้มันในการรักษาอวิ๋นโม่ เธอได้ตกลงกับตระกูลอวิ๋นแล้วว่าหลังเทศกาลตรุษจีน เธอจะทำการผ่าตัดครั้งแรกให้อวิ๋นโม่หลังจากการผ่าตัดครั้งแรกแล้วถึงจะทำการพิจารณาจากผลลัพธ์ของการรักษาว่าจะทำการผ่าตัดครั้งที่สองหรือไม่ ไมค์เห็นว่าเธอไม่ตอบกลับ ดังนั้นจึงถ่ายรูปเด็กสองค
เมื่อหวังหว่านจือจากไป ในดวงตาของถังเฉียวเซินมีทั้งความเคียดแค้นและน้ำตาเขายังไม่ตายเลยนะ! แต่หวังหว่านจือกลับไม่เห็นหัวเขาแล้ว!ฟู่สือถิงไม่เห็นหัวเขาก็ช่างปะไร แต่หวังหว่านจือมีสิทธิ์อะไรดูถูกเขา? สถานที่จัดงานรำลึก หลังจากเสร็จสิ้นพิธี ของใช้ส่วนตัวที่เป็นตัวแทนของร่างของอิ๋นอิ๋นถูกนำขึ้นรถของที่เป็นตัวแทนเธอจะถูกฝังไว้ข้างหลุมศพของคุณนายฟู่แขกคนอื่นต่างทยอยมุ่งหน้าไปที่โรงแรมเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ไมค์พาเด็กสองคนไปด้วยและตั้งใจจะไปที่โรงแรม แต่รุ่ยลาและเสี่ยวหานกำลังจ้องมองไปทางฟู่สือถิง ตอนนี้ฟู่สือถิงต้องการส่งของแทนตัวอิ๋นอิ๋นไปยังสุสาน ไมค์ “เขาจะไปสุสาน พวกเธออยากไปด้วยหรือเปล่า?” เสี่ยวหานพยักหน้า รุ่ยลาเองก็พยักหน้าเช่นกัน“ได้เลย! งั้นพวกเราไปกับเขากันเถอะ” ไมค์พาเด็กทั้งสองคนไปที่สุสาน สุสานตั้งอยู่บนเชิงเขา ที่นี่หนาวเย็นเป็นพิเศษ หลังจากฝังสิ่งของแทนตัวอิ๋นอิ๋นไปแล้ว หลุมศพก็ถูกสร้างขึ้น เมื่อมองภาพอิ๋นอิ๋นที่มีรอยยิ้มบนหลุมศพแล้ว ฟู่สือถิงก็ย่อตัวลงและวางช่อดอกลิลลี่สีขาวไว้หน้าหลุมศพ“อิ๋นอิ๋น ถ้าชาติหน้ามีจริง เธออย่าโง่แบบนี้อีกนะ” รุ
เสิ่นอวี๋เป็นเรื่องโกหกครั้งใหญ่ ! แต่เขากลับน่าหัวเราะยิ่งกว่าเสิ่นอวี๋ อย่างน้อยเสิ่นอวี๋ก็รู้มาโดยตลอดว่านี่คือเรื่องโกหก แต่เขากลับคิดว่าเป็นเรื่องจริง “ฉินอันอัน ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้ ?” ฟู่สือถิงพึมพำ เสียงคล้ายทั้งคร่ำครวญทั้งพร่ำบ่น “ทำไม?” ที่ตอบรับเขามีเพียงเสียงลมเท่านั้น ระหว่างทางรุ่ยลาถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมพ่อถึงไม่ดีใจเลยล่ะคะที่รู้ว่าแม่เป็นคนผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋น ?” “รุ่ยลา ถ้าพี่ชายโกหกเธอ เธอจะโกรธหรือเปล่า?” ไมค์อธิบายให้เธอฟังโดยใช้คำอุปมาเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน “ถ้าพ่อของเธอรู้เรื่องนี้แต่แรก เขาไม่โกรธแน่นอน” “งั้นทำไมก่อนหน้านี้แม่ของหนูไม่บอกเขาก่อนล่ะคะ?” “เพราะว่าตอนนั้นแม่ของเธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขา กลัวว่าถ้าเกี่ยวข้องกันแล้ว เขาจะมาแย่งสิทธิ์เลี้ยงดูเธอกับพี่ชาย ต่อมาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คลี่คลายลงนิดหน่อย แต่เรื่องนี้มันผ่านมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมันหรอก” คำอธิบายของไมค์ทำให้รุ่ยลาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง “โลกของผู้ใหญ่ ซับซ้อนมากจริง ๆ เลย !” “ใช่แล้ว ! ดังนั้นคนแบบอิ๋นอิ๋นเลยมีความสุขมากจริง ๆ” ไมค์พูดถึงตรงนี้ เขาก็เหลือบมอง
รุ่ยลาไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ความอะไร เธอใช้หางตาแอบมองคุณป้าที่ตามเข้ามา เธอไม่รู้จักคุณป้าคนนี้เลยแล้วคุณป้าท่านนี้จะมีธุระอะไรกับเธอได้ยังไง ? เธอปัสสาวะเสร็จแล้วก็รีบใส่กางเกงอย่างรวดเร็ว “รุ่ยลาไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ ฉันไม่ใช่คนไม่ดี” ผู้หญิงคนนั้นเห็นเธอแต่งตัวอยู่ ก็รีบพูดทันที “ฟู่สือถิงส่งฉันมาจ้ะ” รุ่ยลาได้ยินคำว่า ‘ฟู่สือถิง’ สามคำ การป้องกันในใจก็หายไปทันที ถึงแม้เธอกับฟู่สือถิงจะไม่ได้รู้จักกัน แต่ฟู่สือถิงก็ดีกับเธอ อย่างน้อยฟู่สือถิงจะไม่ทำร้ายเธอ ดังนั้นเธอจึงถอนใจด้วยความโล่งอก “คุณป้า เมื่อกี้คุณทำหนูตกใจแทบแย่เลยค่ะ ! ทำไมฟู่สือถิงถึงให้คุณมาหาหนูล่ะคะ ? ถ้าเขามีธุระแล้วทำไมไม่มาหาหนูเองเลย ? หนูเพิ่งพบเขาเมื่อวานนี้เอง !” ความรู้สึกผิดฉายวาบขึ้นมาในดวงตาผู้หญิงคนนั้น “เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญและพิเศษมาก เขากลัวว่าถ้ามาคุยต่อหน้าหนูจะทำให้หนูกลัวจ้ะ ดังนั้นเลยให้ฉันมาคุยกับหนู” รุ่ยลาที่เพิ่งผ่อนคลายกังวลขึ้นมาอีกเพราะว่าคำพูดของผู้หญิงคนนั้น“ทำไมเรื่องสำคัญและพิเศษขนาดนั้นต้องคุยกับเด็กน้อยอย่างหนูด้วยล่ะคะ ?” ถึงปกติแล้วรุ่ยลาจะชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ตั
ฟู่สือถิงรู้ได้ยังไงว่าเธอเอากล่องไปรุ่ยลารู้สึกไม่สบายใจ แต่ตอนนี้ไม่มีคนให้เธอพึ่งพา เธอไม่รู้ว่าควรทำยังไง “หนู…หนูไม่รู้ค่ะ…คุณป้าคะ หนูอยากกลับบ้านแล้ว” รุ่ยลาหลุบตาลงอยากออกจากห้องน้ำ ผู้หญิงคนนั้นขวางอยู่ที่หน้าประตู ไม่ยอมให้เธอออกไป“รุ่ยลา ป้ารู้ว่าตอนนี้หนูอาจจะรู้สึกกลัว ป้าก็เหมือนกันจ้ะ” ผู้หญิงคนนั้นลดเสียงเบาลง “ถ้าหนูไม่บอกว่ากล่องใบนั้นอยู่ที่ไหน ไม่เพียงแต่ฟู่สือถิงจะฆ่าฉัน บอดี้การ์ดที่มาส่งหนูก็จะถูกเขาฆ่าเช่นกัน ฟู่สือถิงเป็นคนยังไง หนูคงเคยได้ยินแล้วใช่ไหมจ๊ะ ?” รุ่ยลายส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่แม้แต่จะคิด “ถ้าหนูไม่บอก เขาก็จะฆ่าหนูด้วยใช่ไหมคะ ?! ไม่มีทาง ! เขาไม่ทำแน่นอน !” “เขาไม่มีทางฆ่าหนูแน่นอนจ้ะ ไม่ว่ายังไงหนูก็เป็นลูกสาวของเขา แต่หนูอยากเห็นคุณลุงบอดี้การ์ดที่มาส่งหนูถูกฆ่าเหรอจ๊ะ ?” ถึงแม้น้ำเสียงของหญิงสาวจะเบา แต่คำพูดของเธอเต็มไปด้วยการข่มขู่ ทันใดนั้นดวงตาของรุ่ยลาก็แดงแล้วร้องไห้คร่ำครวญ “ไม่เอาค่ะ…หนูไม่อยากให้คุณลุงบอดี้การ์ดตาย…” “รุ่ยลา กล่องใบนั้นเป็นของฟู่สือถิง แค่หนูส่งกล่องใบนั้นคืนมาเดี๋ยวนี้เลย มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแ
“คุณป้าคนนั้นเป็นคนที่ฟู่สือถิงส่งมาค่ะ” รุ่ยลาอธิบายให้บอดี้การ์ดฟังอย่างจริงจัง “ฟู่สือถิงเป็นคนเลว ! คุณป้าบอกว่าถ้าหนูไม่เอาของให้ ฟู่สือถิงจะฆ่าคุณ คุณปกป้องหนูทุกวัน หนูจะยอมให้ฟู่สือถิงฆ่าคุณได้ยังไง ?” บอดี้การ์ดที่ทั้งรู้สึกประหลาดใจและดีใจกับความห่วงใยที่ได้รับ ถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมผมรู้สึกว่าฟู่สือถิงไม่ใช่คนแบบนั้น ? จะตีสุนัขต้องดูเจ้าของ แม่ของหนูเรียกผมมา ถ้าเขาฆ่าผมแล้วเขาจะอธิบายกับคุณแม่ของหนูยังไง ?” รุ่ยลากะพริบตากลมโตแล้วพูดด้วยสีหน้าสับสน “คุณหมายความว่าเขาไม่กล้าทำให้แม่หนูโกรธเหรอคะ ?” “ใช่แล้ว ! หนูเคยเห็นเขารังแกคนในครอบครัวหรือเปล่าล่ะ ? ไม่ว่าจะเป็นหนูกับพี่ชายแล้วยังมีลุงไมค์ของหนู ทุกครั้งที่เขาเจอพวกหนู เขาก็สุภาพเรียบร้อยไม่ใช่เหรอ ?” บอดี้การ์ดให้เหตุผลกับเธอว่า “แล้วผมก็ไม่ได้มีเรื่องกับเขา เขาจะฆ่าผมได้ยังไง ?” “แต่ว่าหนูขโมยของเขามาค่ะ” มือเล็ก ๆ ของรุ่ยลาดึงชายเสื้อและพึมพำเสียงเบา “หนูขโมยกล่องใบนั้นมาจากบ้านเขาค่ะ ข้างในมีของที่สำคัญมาก ถ้าหนูคืนให้เขาเลยตอนนี้ เขาจะได้ไม่โกรธค่ะ” บอดี้การ์ดคิดว่าเรื่องนี้ซับซ้อนเล็กน้อย แต่ว่ารุ่ย
หลังจากที่แน่ใจแล้ว เธอออกมาจากบริษัทแล้วขับรถมุ่งตรงไปสตาร์ริเวอร์วิลล่าทันที เธอรีบไปยังสตาร์ริเวอร์วิลล่าโดยเร็วที่สุด เมื่อมาถึงถนนสายหลักหน้าวิลล่าเธอก็มองเห็นสถานที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วเธอลงจากรถแล้วเดินไปทางฝูงชนที่มุงดูอยู่ รถยนต์สีดำและสีขาวสองคันมีรูปร่างผิดปกติ สถานที่เกิดเหตุเต็มไปด้วยความวุ่นวาย โดยมีรอยเลือดที่มองเห็นได้ชัดเจนปะปนอยู่ นอกจากคราบเลือดแล้ว สิ่งที่ดึงดูดผู้คนมากที่สุดคือ คนที่นอนเหยียดยาวและถูกผ้าสีขาวคลุมอยู่บนพื้น…ไม่อาจพูดได้ว่าคือ ‘คน’ ควรพูดว่าคือ ‘ศพ’ มากกว่าหวังหว่านจือยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เมื่อมองดูเสื้อผ้าของคนตายที่โผล่ออกมาใต้ผ้าสีขาว จากเสื้อผ้าเธอตัดสินได้ว่านี่คือคนที่เธอจ้าง ทันใดนั้นในใจของเธอรู้สึกหนาวสั่น ! คนตายก็ตายแล้ว ! แต่ว่ากล่องสีแดงเข้มใบนั้นล่ะ ? ! กล่องหายไปไหน ! เธออยากรีบรุดเข้าไปค้นหาในรถ แต่ว่าตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่กำลังถ่ายภาพที่เกิดเหตุด้วยกล้อง เธอเลยไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น ! ถ้าหากฟู่สือถิงรู้ว่าเธอปรากฏตัวในที่เกิดเหตุ ถึงเธอไม่ได้มาหากล่องนั้น ฟู่สือถิงยังใช้โอกาสนี้ทำให้เธอเดือดร้อนได้
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง