ประเทศบี ไมค์เห็นข่าวแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาค้นหาข่าวจากประเทศเอ แต่ผู้บริหารระดับสูงของฉินกรุ๊ปเป็นคนส่งข่าวมาให้เขา เพราะมีสื่อบางกลุ่มโทรไปถามฉินกรุ๊ปว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผู้บริหารจะรู้เรื่องส่วนตัวที่เป็นความลับของเจ้านายได้ยังไง? พวกเขารู้เพียงว่าฉินอันอันไปประเทศบี แต่พวกเขาไม่รู้ว่าฉินอันอันกำลังทำอะไรอยู่ในประเทศบี พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินอันอันถูกลักพาตัว ไมค์โกรธมากหลังจากได้อ่านข่าว หลังจากดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับฉินอันอันหรือไม่ ช่วงนี้ฉินอันอันพักอยู่ที่บ้าน ในทุก ๆ วัน ยกเว้นออกไปกินข้าวนอกบ้าน เธอก็พักผ่อนในห้องนอนตลอด ตอนที่เธอออกไปกินข้าวข้างนอกตามปกติ สภาวะอารมณ์ของเธอดีขึ้นกว่าก่อนที่ฟู่สือถิงจะจากไปมาก ไมค์คิดว่าเธอสบายดีจึงไม่อยากเอาข่าวนี้มากระทบจิตใจเธอ แต่หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข ชื่อเสียงของเธอในประเทศเอก็จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ไมค์เริ่มพูด “อันอัน อาการบาดเจ็บของเธอเป็นยังไงบ้าง?” ฉินอันอันดื่มซุปแล้วพูดอย่างใจเย็น “ดีขึ้นเยอะแล้ว” “อืม ไม่ต้องใช้ยาก็ดีขึ
ที่ประเทศเอ วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันจันทร์ ฟู่สือถิงมาถึงบริษัท โจวจื่ออี้เดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงานของอีกฝ่าย “มีอะไร?” ฟู่สือถิงเปิดคอมพิวเตอร์และเงยหน้าขึ้นมองโจวจื่ออี้ “ประธานครับ คุณยังไม่เปิดเครื่องโทรศัพท์ใช่ไหมครับ?” โจวจื่ออี้พูดอย่างระมัดระวัง หลังจากที่โจวจื่ออี้ถามคำถามนี้ ฟู่สือถิงก็ตระหนักว่าเขาไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือมาด้วย เขานอนที่บ้านสองวันในช่วงสุดสัปดาห์และนอนหลับอย่างสบาย แต่หัวของเขายังคงวิงเวียนอยู่เล็กน้อย การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ และการนอนหลับมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้เหมือนกัน “ประธานครับ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ” โจวจื่ออี้เน้นย้ำประเด็นสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้และรายงานให้เขาทราบ หลังจากได้ยินข่าว สีหน้าแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “นายไปบอกให้บอดี้การ์ดเอาโทรศัพท์มือถือมาให้ฉัน” เขาสั่งโจวจื่ออี้ หลังจากที่โจวจื่ออี้ออกไป เขาก็มองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พาดหัวข่าววันนี้โผล่ขึ้นมา ฟู่สือถิงประธานเอสทีกรุ๊ปถูกโกงเงินหมื่นล้าน! ถึงเขาจะได้ฟังโจวจื่ออี้อธิบาย
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเธอ ไมค์เดาว่า “เธอยังไม่อยากคืนเงินให้เขาใช่ไหม?! เราไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น!” หลังจากที่ไมค์พูดจบเขาก็ถอนหายใจ ฉินอันอันดูจริงจังและถามเขาว่า “ตอนนี้เรามีเงินเท่าไหร่?” คำถามนี้ทำให้ไมค์หยุดพูด “ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย! เธอเป็นประธาน เธอไม่รู้เหรอ?” ฉินอันอันไม่เคยใส่ใจกับปัญหานี้เลย “เธอพาเด็ก ๆ กลับก่อนเถอะ! ฉันจะตามไป” เธอเปลี่ยนเรื่อง “ถึงเวลาที่พวกเธอต้องออกไปแล้วหรือยัง ? อย่าเลื่อนเที่ยวบินนะ” ไมค์รู้จักเธอดี เขาจึงอดไม่ได้ที่จะโน้มน้าวใจ “ฉินอันอัน ฟู่สือถิงไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าวนี้ โจวจื่ออี้บอกฉันว่าฟู่สือถิงเป็นคนบอกเอง ข่าวนี้โจมตีเธอทั้งสองคน สำหรับเรา เงินหมื่นล้านนั้นเป็นตัวเลขที่มากมายมหาศาล แต่สำหรับฟู่สือถิงไม่เหมือนกัน เธอไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองเรื่องเงินขนาดนั้น สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือเธอต้องดูแลตัวเองให้ดี เธอยังมีลูกอีกคนอยู่ในท้องนะ!” “ฉันรู้” อารมณ์ของฉินอันอันสงบลงมาก “เธอให้กำเนิดลูกของเขาเยอะขนาดนั้น ดังนั้นเงินจำนวนนี้ก็ควรถือเป็นค่าเลี้ยงดูบุตรสิ!” ไมค์ยังคงปลอบเธอต่อ เธอเหลือบมองเด็กสองคนที่อยู่ไม่ไกล “อย
เขาบีบนิ้วบนโทรศัพท์แน่นโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองพัฒนามาจากคู่รักที่เลิกราเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ แม้ว่าความสัมพันธ์นี้จะค่อนข้างน่าขัน แต่อย่างน้อยก็ทำให้พวกเขาได้ติดต่อกัน เขาไม่ตอบกลับเธอ แล้วถ้าเขาไม่ตกลงล่ะ? เธอไม่ยอมฟังเขา ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาเปิดข้อความและเห็นการแจ้งเตือนจากธนาคาร บัญชีส่วนตัวของเขาเพิ่งได้รับเงินหนึ่งพันล้าน หมายเหตุคือ ชำระคืน เขาจ้องมองไปที่ตัวเลข แสงในดวงตาของก็หรี่ลงเล็กน้อย นี่น่าจะเป็นเงินทั้งหมดที่เธอคืนได้ในตอนนี้ ...... หลังจากที่ฉินอันอันโอนเงินแล้ว เธอก็จ้องมองโทรศัพท์อย่างเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง ‘เขาจะไม่ตอบข้อความเลยเหรอ?’ ‘ข้อความถูกส่งไปแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวเขาก็เห็น’ เธอวางโทรศัพท์ลงในกระเป๋าแล้วเดินออกไปที่ประตูพร้อมกับกระเป๋าของเธอ เมื่อวานเธอติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหวังว่าตำรวจจะสามารถสอบสวนได้ว่าอิ๋นหวังไปเจอใครก่อนหน้าที่จะลักพาตัวเว่ยเจิน แม้ว่าอิ๋นหวังจะตายไปแล้ว แต่ผู้สมรู้ร่วมคิดยังมีชีวิตอยู่ ตามคำขอของเธอ ตำรวจได้สอบสวนคนของอิ๋นหวังหลายคน และได้รับคำสารภาพอย่างละเอีย
เขาไปบังคับให้เธอคืนเงินตอนไหน?! เธอนั้นแหละ บังคับตัวเอง! “นายคิดว่าฉันไปหาเธอเพราะอยากได้เงินเหรอ?” ในขณะที่พูด น้ำเสียงของเขาก็สั่นเทา โจวจื่ออี้ส่ายหน้าอย่างแรง “ผมรู้ว่าคุณไม่มีทางอยากได้เงินจากเธอ แต่คุณสามารถบอกให้เธอไม่ต้อคืนเงินคืนได้นะครับ” “นายคิดว่าเธอจะฟังฉันเหรอ?” น้ำเสียงของเขาฟังดูประชดประชัน “ทำไมนายถึงคิดว่าเธอจะฟังฉันล่ะ?!” โจวจื่ออี้ตกตะลึง “ไมค์สั่งให้นายบอกเรื่องนี้กับฉันเหรอ?” ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงกลิ้งขึ้นลงและคิ้วของเขาก็ขมวดแน่นขึ้น โจวจื่ออี้ส่ายหน้า “เขารู้ว่าถึงพูดกับคุณก็ไม่มีประโยชน์ แต่...ผมคิดว่าแม้ว่าคุณจะบอกว่ามันไม่มีประโยชน์ อย่างน้อยคุณก็ได้แสดงความรู้สึกของคุณ ถ้าเธอไม่ฟัง ต่อไปถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ก็ไม่มีใครมาตำหนิคุณได้” “ฉันเข้าใจแล้ว นายออกไปเถอะ” ฟู่สือถิงไม่กลัวใครตำหนิ เขาแค่กลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ หลังจากที่โจวจื่ออี้ออกไป เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขของฉินอันอันแล้วโทรออก หลังจากโทรออกแล้ว มีเสียงเรียกแต่ไม่มีใครรับสาย หลังจากที่ระบบวางสายโดยอัตโนมัติ เขาก็วางโทรศัพท์ลง ตอนนี้เขารู้สึก
เขาหยิบกาแฟร้อนบนโต๊ะมาจิบ กาแฟมีรสขมมาก เช่นเดียวกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้ ฉินอันอันเป็นประเภท ‘ฉันจะไปตามทางของฉัน’ มาโดยตลอด ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของเขาเลย แม้ว่าพวกเขาจะเลิกกัน เธอก็ยังคงหาวิธีมาทรมานเขาได้ …… ชั้นเรียนอัจฉริยะ ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน เด็กผู้ชายคนหนึ่งถือกล่องอาหารกลางวันเดินไปหาเสี่ยวหาน “ฉินจือหาน ผู้หญิงในข่าวที่โกงเงินฟู่สือถิงเป็นหมื่นล้านเป็นแม่ของนายใช่ไหม?!” เด็กผู้ชายที่พูดชื่อว่าเสี่ยวตง แต่เพราะเขามีร่างกายอวบอ้วน ทุกคนจึงเรียกเขาว่าเสี่ยวพ่าง “แม่ของฉันไม่ได้โกง!” เสี่ยวหานโกรธ “ฉันรู้ว่าแม่ของนายไม่ใช่คนขี้โกง ถ้าแม่ของนายเป็นคนขี้โกง ฟู่สือถิงจะต้องสร้างปัญหาให้แม่ของนายแน่ ๆ” เสี่ยวพ่างสงสัย “ตอนนี้แม่ของนายคงจะสบายดี คงจะอยู่บ้านใช่ไหม?” “แม่ของฉันอยู่ต่างประเทศ” เสี่ยวพ่างดันแว่นตาบนดั้งจมูกของเขาแล้วมองเสี่ยวหานด้วยสายตาเฉียบแหลม “โอ้… ทำไมเธอไม่กลับมาล่ะ?” เสี่ยวหานขมวดคิ้ว เสี่ยวพ่าง “เสี่ยวหาน นายอย่าโกรธเลยนะ! ฉันไม่ได้บอกว่าแม่ของนายเป็นคนขี้โกง… ฉันแค่อยากรู้ว่า แม่นายจะคืนเงินฟู่สือถิงไหม? ครอบครัวของนายม
ทั้งสองคนตกตะลึง “พี่หาน...อย่าเพิ่งขายเหรียญพวกนี้นะ! ลุงเดาว่าพวกมันยังขึ้นได้อีก” ไมค์สูดหายใจและเตือน เสี่ยวหาน “ครับ” “อย่าเพิ่งบอกแม่เรื่องนี้ล่ะ” ไมค์พูดต่อ “ลุงเกรงว่าถ้าเธอรู้ใจของเธอจะรับไม่ไหว” “ไว้ผมจะให้เงินลุงแล้วลุงก็ค่อยเอาให้แม่ก็แล้วกัน” เสี่ยวหานกล่าว “ตกลง…เราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ!” ไมค์พยุงเสี่ยวหานขึ้น วันนี้ใจของเสี่ยวหานลอยสูงสองเมตร! …… ที่ประเทศบี หลังจากที่ฉินอันอันทำการผ่าตัดพ่อของลูกค้าเสร็จ ลูกค้าก็เชิญเธอไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหาร “หมอฉิน คุณรู้จักเสินอวี๋ไหมครับ?” หัวใจของฉินอันอันบีบรัด แต่ไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของเธอ “ไม่ถึงกับสนิทค่ะ ทำไมเหรอคะ?” “เธอถามเพื่อนของผมเรื่องคุณ” ลูกค้ากล่าวว่า “ไม่รู้ว่าเธอไปได้ยินมาจากใครว่าคุณกำลังเดทกับผมอยู่ ในเมื่อคุณไม่ได้สนิทกัน ทำไมเธอถึงถามถึงคุณลับหลังล่ะ?” ฉินอันอัน “เพื่อนของคุณตอบเธอว่ายังไงคะ?” “ผมบอกเพื่อนว่าไม่ต้องตอบอะไร เดิมผมขอให้คุณทำการผ่าตัดพ่อของผม แต่ผมไม่ได้บอกใครเลย ไม่รู้ว่าเธอรู้มาจากไหน” “โอ้ ในเมื่อเธอถามเพื่อนของคุณ นั่นหมายความว่าเธอรู้แล้ว” “ใช่! แต่เร
“ค่ะ” “พัฒนาการของเด็กไม่ค่อยดีนัก” หลังจากนั้นไม่นาน หมอก็ค่อย ๆ พูดว่า “คุณบอกว่าการตรวจเมื่อครึ่งเดือนก่อนพบว่าทารกตัวเล็กเกินไปสองสัปดาห์หรือเปล่า?” “ใช่ค่ะ แล้วตอนนี้ล่ะคะ?” หัวใจของฉินอันบีบรัดขณะรอการวินิจฉัยจากหมอ หากเด็กหยุดเจริญเติบโต แม้ว่าเธออยากจะเก็บเด็กไว้ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด “คุณช่วยเอาแผ่นอัลตราซาวนด์ล่าสุดให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?” หมอวางเครื่องอัลตราซาวนด์ลงแล้วยื่นทิชชู่ให้เธอ เธอหยิบทิชชู่เช็ดหน้าท้องให้สะอาด จากนั้นก็หยิบแผ่นอัลตราซาวนด์ออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้หมอ หลังจากเห็นอัลตราซาวนด์ของครั้งที่แล้ว หมอก็จึงพูดกับเธอว่า “ถึงแม้พัฒนาการของเด็กจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังพัฒนาเมื่อเทียบกับคราวที่แล้ว ถ้าอยากเก็บลูกคนนี้ไว้ก็ควรพักผ่อนให้เต็มที่และเสริมโภชนาการต่อไปดู” หัวใจของฉินอันอันตกลงกับพื้นทันที “คุณได้ตรวจดาวน์ซินโดรมแล้วหรือยัง?” คุณหมอพิมพ์แผ่นอัลตราซาวนด์ออกมาแล้วยื่นให้เธอ ฉินอันอันส่ายหน้า “ตอนนี้คุณสามารถทำได้แล้ว” หมอพูดเสียงเคร่งขรึม “เช้านี้คุณทานอาหารเช้าหรือยัง? ถ้ายัง วันนี้คุณก็ทำได้เลย!” การ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง