“ฉันกลับมาแล้ว เธอว่างเมื่อไหร่มาเจอกันหน่อย” หลังจากเชื่อมต่อสายเธอก็พูด อีกฝ่ายประหลาดใจมาก “เราจำเป็นต้องเจอกันด้วยเหรอ?” “คุณสนใจฉันมากไม่ใช่เหรอ? คุณเคยไปประเทศบีเพื่อสอบถามเกี่ยวกับฉันด้วยนี่” ฉินอันอันแซว “ฉันเห็นว่าคุณสนใจฉันมาก พอกลับมาแล้ว ฉันจึงติดต่อคุณเป็นคนแรกเลยไงล่ะ” เสิ่นอวี๋หัวเราะเยาะ “อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ฉันไปประเทศบีเพื่อเยี่ยมญาติ และฉันก็ถามสถานการณ์ปัจจุบันของคุณ สุดท้าย ลูกทั้งสองของคุณก็กลับมาแล้ว แต่คุณไม่กลับมาด้วย ฉันคิดว่าคุณป่วยหนัก ฉันก็เลยถามไง” “ยังจะพูดอีกว่าไม่ได้สนใจฉัน” ฉินอันอันพูดเบา ๆ “คุณไม่สนใจฉัน แล้วรู้ได้ยังไงว่าลูกสองคนของฉันกลับมาแล้ว? ลูกของฉันคงไม่ได้ไปเดินเตร่อยู่ตรงหน้าคุณหรอกมั้ง?” เสิ่นอวี๋พูดไม่ออก “เจอกันตอนบ่าย แล้วมาดูกันว่าฉันฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง” ฉินอันอันเป็นคนเริ่ม “ฉันไม่สนเรื่องสุขภาพของคุณหรอก... แต่ในเมื่อคุณต้องการเจอฉันมาก งั้นก็มาเจอกัน!” เสิ่นอวี๋พูดน้ำเสียงเกียจคร้าน “อืม คุณเลือกสถานที่เลย เดี๋ยวจะหาว่าฉันรังแกคุณอีก” ฉินอันอันล้อเลียน เสิ่นอวี๋รู้สึกว่าวันนี้เธอพูดแปลก ๆ และคิดเสมอว่าจุดประสง
เสิ่นอวี๋ตะลึง “???” น้ำที่เพิ่งดื่มลงไปแทบพุ่งออกมา! คายเงินทุกสตางค์ออกมานี่มันหมายถึงอะไร? เงินที่ฟู่สือถิงให้เธอมันเป็นของเธอแล้ว! จะให้คายมาจากไหน? “ฉินอันอัน ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณต้องการคืนเงินให้ฟู่สือถิง ดังนั้นคุณจึงต้องการเงินมาก” เสิ่นอวี๋กล่าวอย่างกังวล “แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะมาขอเงินจากฉัน! ฉันต้องใช้ความพยายามและเวลาเท่าไรในการรักษาอิ๋นอิ๋น…” “แต่คุณไม่ได้ทำการผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋นนี่” ฉินอันอันพูดอย่างใจเย็น “ฉันแค่บอกให้คุณคายเงินสองพันล้านออกมา ไม่ได้บอกให้คุณคายดอกเบี้ยด้วย ผลประโยชน์เหล่านั้นถือได้ว่าเป็นผลตอบแทนจากการทำงานอย่างหนัก!” เสิ่นอวี๋ตกใจมากจนริมฝีปาแดงของเธอกระตุก แต่เธอก็พูดไม่ออก ‘น่าขัน!’ ‘ฉินอันอันไร้สาระมาก!’ “เสิ่นอวี๋ ไม่มีใครบอกคุณเหรอว่าไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ?” ฉินอันอันยิ้มเยาะ “ที่คุณโกงฟู่สือถิงนับว่ากล้ามาก แถมยังรับเงินจากเขาอีก คุณไม่กลัวตายเหรอ?” ดวงตาของเสิ่นอวี๋เบิกกว้าง เธอพูดด้วยความโกรธ “ฉินอันอัน อย่าพึ่งเอาความจริงที่ว่าคุณเป็นศิษย์คนสนิทของศาสตราจารย์ฟูชิงมาพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าฉัน! ยุคนี้เราให้ความสนใจกับหลักฐาน คุ
จินจือกรุ๊ป หลังจากที่เสิ่นอวี๋บอกหวังหว่านจือถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งน้ำตา หวังหว่านจือก็มีสีหน้าบูดบึ้งมาก “ฉันไม่มีเงินจะคืนเงินให้เธอมากขนาดนั้นหรอก!” หวังหว่านจือพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “เงินหมดไปตั้งนานแล้ว ถ้าเธอไม่เชื่อก็ไปถามฝ่ายการเงินได้เลย! ดูสิว่าในบัญชีบริษัทยังมีสองพันล้านเหลือไหม!” เสิ่นอวี๋สูดลมหายใจ “หวังหว่านจือ มีดไม่ได้อยู่บนคอของป้า แน่นอนป้าต้องบอกว่าไม่มี! ถ้าป้าเป็นฉัน ป้าจะทำยังไง?” หวังหว่านจือหันมาต่อต้านเธอ “ฉันไม่ได้โง่เหมือนเธอ! ที่แม้กระทั่งเก็บเงินที่ตัวเองหามาได้ไว้ไม่อยู่! ถ้าเธอรู้ว่าตัวเองเก็บมันไว้ไม่ได้ เธอก็แค่หนีไปให้ไกล ๆ กับเงินสองพันล้านสิ!” “ตอนที่ป้าขอให้ฉันลงทุนกับป้า ป้าไม่ได้มีประพฤติแบบนี้นี่!” เสิ่นอวี๋รู้สึกราวกับมีไฟสุมขึ้นในใจ ฉินอันอันให้เวลาเธอเพียงสามวันเท่านั้น เธอต้องระดมเงินสองพันล้านให้ได้ภายในเวลาสามวัน! เธอไม่อยากให้ฟู่สือถิงรู้ความจริง ถ้าฟู่สือถิงรู้ความจริง เขาจะไม่ใช่แค่ทวงเงินธรรมดา ๆ! “แล้วเธอมาบอกฉันทำไม?! ถ้าฉันมีเงินมากขนาดนั้น ฉันคงคืนให้เธอไปแล้ว! เธอคิดว่าฉันจงใจสร้างเรื่องให้เธอเหรอ?” หวังหว่านจือ
ดวงตาของเธอแดงก่ำ ขณะที่กดหมายเลขที่ไม่ได้ติดต่อมานาน หลังจากต่อสายแล้ว ไม่ช้าก็มีเสียงหวานดังขึ้นมาจากปลายสาย “คุณหมอเสิ่น คุณไม่ได้กดเบอร์ผิดใช่ไหม? คุณไม่ได้ติดต่อฉันมานานแล้ว ฉันนึกว่าคุณจำฉันไม่ได้แล้วเสียอีก! ฮ่า ๆ ๆ!” อีกด้านของโทรศัพท์คือเสียงหัวเราะอย่างภาคภูมิใจของถังเชี่ยน ถังเชี่ยนคือคนที่พาเธอมาที่นี่จากประเทศบีถังเชี่ยนบอกเธอว่า ตราบใดที่เธอเชื่อฟังเธอจะต้องได้รับสิ่งตอบแทนมากกว่าประเทศบีแน่นอน! แต่ว่าเธอไม่เชื่อฟังถังเชี่ยน หลังจากที่เธอมีเบี้ยต่อรองกับฟู่สือถิง เธอก็เตะถังเชี่ยนออกไปทันที “ถังเชี่ยน คุณหัวเราะทำไม?!” “หัวเราะคุณไงล่ะ! คุณโดนเขี่ยทิ้งแล้ว” น้ำเสียงของถังเชี่ยนฟังดูมีความสุขเป็นพิเศษ “ตอนนี้ฉันบดขยี้คุณให้ตายเหมือนมดได้อย่างง่ายดาย แต่ฉันไม่อยากทำแบบนั้นเพราะว่าฉันไม่อยากให้มือที่สูงส่งของฉันต้องสกปรก” “จริงเหรอ?” เสิ่นอวี๋พึมพำ “แล้วคุณจะได้อะไรล่ะ? ฟู่สือถิงเป็นของฉินอันอัน! ไม่ใช่ของคุณ!” “ฮ่า ๆ ๆ! ฟู่สือถิงไม่ใช่ของฉันจริง ๆ นั่นแหละ แต่ตอนนี้คุณที่อยู่ข้างกายเขาไม่ใช่คุณแล้วก็ไม่ใช่ฉินอันอัน” ถังเชี่ยนพูดเน้นทีละคำ “เป็นฉัน คือฉั
เป็นข้อความจากธนาคาร บัตรธนาคารของเธอได้รับการเงินโอนจำนวนสองพันล้าน “อันอัน ฉันได้ยินว่าที่พวกเธอเลิกกันครั้งนี้เธอเป็นคนขอเลิก” หลีเสี่ยวเถียนคาดเดาว่า “เดาว่าเขาทำแบบนี้เพราะจงใจให้เธอโกรธ” ฉินอันอันได้รับเงินสองพันล้านแล้วรู้สึกอารมณ์ดี “เขามีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้” เธอหยิบกล้วยออกมาจากชามผลไม้ ปอกเปลือกแล้วส่งให้หลีเสี่ยวเถียน หลีเสี่ยวเถียนไม่เต็มใจ “ยัยถังเชี่ยนนั่นหลอกหลอนไม่เลิกจริง ๆ! เธอเงียบไปปีกว่าแล้ว ฉันเกือบจะคิดว่าเธอไม่ได้ทำงานที่เอสทีกรุ๊ปอีกต่อไปแล้ว! เธอข่มอารมณ์ได้นิ่งมากจริง ๆ” ฉินอันอันมความประทับใจต่อถังเชี่ยนอย่างมาก ถึงแม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้เจอกันมานานมากก็ตาม “ความรักที่ถังเชี่ยนมีต่อฟู่สือถิงนั้นยิ่งใหญ่กว่าฉันมาก” ฉินอันอันพูดทีละคำ “ฟู่สือถิงไม่ชอบเด็ก ดังนั้นเธอจึงเอามดลูกของเธอออกเพื่อให้ฟู่สือถิงวางใจ” หลีเสี่ยวเถียนตะลึงจนตาค้าง “ฟู่สือถิงกลับมาคบกับเธออีกครั้ง บางทีอาจเป็นเพราะเข้าใจแล้วว่าหาคนที่รักเขามากกว่าถึงจะเป็นทางเลือกที่ถูก” ฉินอันอันรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก “แบบนี้ก็ดีแล้ว ชีวิตจะได้กลับสู่สภาพปกติ” ตอนที่เธอรู้จักกับฟู่
“พี่โจว ฟู่สือถิงยกเลิกบัตรธนาคารที่เขาใช้เป็นประจำหรือเปล่าคะ?” ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางโจวจื่ออี้ โจวจื่ออี้ผงะไปชั่วขณะ “เขาไม่เคยให้ผมจัดการเรื่องนี้ ดังนั้นผมเองก็ไม่ค่อยรู้ บัตรของเขาโอนเงินไม่ได้งั้นเหรอ?” ฉินอันอันพยักหน้า “พรุ่งนี้ผมไปทำงานแล้วจะไปถามให้นะ” โจวจื่ออี้พูดอย่างกระอักกระอ่วน “บางทีเขาอาจจะไม่อยากรับเงินจากคุณแล้ว!” “น่าสนใจจริง เขาอยากให้ฉินอันอันเป็นหนี้เขาไปตลอดชีวิตหรือไง?” หลีเสี่ยวเถียนพุ่งเป้าไปที่โจวจื่ออี้ “ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับถังเชี่ยนเป็นยังไงกันแน่? เฮ่อจุ่นจือบอกว่ากินข้าวด้วยกันครั้งก่อน เขาพาถังเชี่ยนไปด้วย” เหงื่อร้อนผะผ่าวแตกเม็ดบนหน้าผากโจวจื่ออี้ “…ความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมงานไง! เขารู้จักกับถังเชี่ยนมานานแล้ว บางครั้งเขาก็เลยพาถังเชี่ยนไปทานข้าวด้วย” “คุณโกหก! เฮ่นจุ่นจือบอกว่าถังเชี่ยนตักอาหารให้เขา แล้วเขาก็กินมันด้วย… ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานในบริษัทของคุณเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?” โจวจื่ออี้ตอบ “หลีเสี่ยวเถียน คุณไม่เห็นต้องพูดแบบนี้ต่อหน้าฉินอันอันกับเด็ก ๆ เลย” “คุณเองก็รู้สึกอายเหรอ?” แต่ไหนแต่ไรหลีเสี่ยว
หลังจากเงียบไปสองวินาที ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อีกต่อไป เขาตะโกนเรียกชื่อเธอ “ฉินอันอัน!” เสียงของเขาปิดบังความห่วงใยและใส่ใจที่มีต่อเธอไม่อยู่ หลังจากเธออาเจียนอยู่สามสี่ครั้ง ความรู้สึกคลื่นไส้ก็หายไป อารมณ์ของเขาค่อย ๆ สงบลงและพูดเสียงแหบแห้ง “ฉินอันอัน ถ้าคุณไม่สบายก็ไปนอนบนเตียง” “ฉันไม่ได้ต้องการให้คุณมาสงสารฉัน!” เธอโกรธกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดถังเชี่ยนดีทุกอย่าง นั่นเขาไม่ต้องมาบอกเธอ! “ผมสงสารลูกของเรา!” เสียงของเขาตึงเครียด นิ้วจับโทรศัพท์แน่นขึ้น “คุณสงสารเขาทำไม?” เธอเย้ยหยัน “สงสารที่ไม่ถูกทำแท้งงั้นเหรอ?!” “ฉินอันอัน คุณจำเป็นต้องก้าวร้าวขนาดนี้ด้วยเหรอ?!” ฟู่สือถิงเกือบนึกสงสัยแล้วว่าตัวเองเป็นคนชั่วร้ายแบบที่เธอว่าจริง เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขมากกับการมาของลูก เฝ้ารอวันที่ลูกจะคลอดออกมาตอนที่เกิดอุบัติเหตุ เขาเจ็บปวดใจมากเช่นกัน “ใครก้าวร้าวก่อนล่ะ?” ฉินอันอันนั่งอยู่บนขอบเตียง ดวงตาของเธอแดงก่ำ นิ้วมือกำผ้าปูที่นอนแน่น “ถังเชี่ยนว่าง่าย พูดรู้เรื่อง… พูดคำที่คุณเพิ่งพูดอีกรอบสิ!” ริมฝีปากฟู่สือถิงขยับ แต่ไม่พูดออกสักคำ “อย่
“ฉันชอบความรู้สึกเวลาอยู่กับอิ๋นอิ๋นมาก มันให้รู้สึกผ่อนคลายมาก ดังนั้นฉันจึงตอบตกลง” เว่ยเจินกล่าว “เขาแอบมอบเงินก้อนใหญ่ให้พ่อแม่ของฉันด้วย” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของฉินอันอัน “ในเมื่อเขาอยากให้ งั้นพวกพี่ก็รับไว้ได้ค่ะ” เว่ยเจินส่ายหน้า “ฉันให้พ่อกับแม่เอาเงินไปบริจาคแล้ว ฉันไม่ชอบความรู้สึกถูกให้ทาน เหมือนฉันน่าสงสารมาก ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสาร” ฉินอันอัน “พี่เว่ย บางทีเขาอาจไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ดวงตาของเว่ยเจินอบอุ่น น้ำเสียงสงบ “ฉันรู้ว่าเขาจิตใจดี อันอัน ในเมื่อตอนนี้เธอเกลี้ยกล่อมฉันได้ ทำไมตัวเธอถึงคิดไม่ออกล่ะ?” “มีอะไรคะ?” เธอหน้าแดงเล็กน้อย “มันไม่ฉลาดมาก ๆ เลยที่เธอเลิกกับฟู่สือถิง ตอนนี้เธอท้อง จำเป็นต้องมีคนดูแล” เว่ยเจินมองใบหน้าของเธอ น้ำเสียงจริงจังมากขึ้นเล็กน้อย “เธอมองไม่เห็นความรู้สึกของเขาจากเรื่องครั้งนี้งั้นเหรอ?” เธอลดคิ้วลงและรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น “เธอเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีเหตุผลเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่กลับเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจเฉพาะเขาคนเดียวเท่านั้น” เว่ยเจินกล่าว “ซึ่งเขาเคยชินกับมันแล้ว” “พี่เว่ย ทำไมพูดแบบนี้กับฉันล
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง