“โอ้…ตกลงค่ะพี่ชาย! พวกเราไปเล่นกับอิ๋นอิ๋นกันเถอะ!” รุ่ยลาดึงเสี่ยวหานเดินไปหาอิ๋นอิ๋น “อิ๋นอิ๋นบอกว่าจะพาพวกเราออกไปเล่น! บอดี้การ์ดของเธอจะขับรถไปส่งพวกเรา!” ห้าโมงเย็น ฟู่สือถิงประคองฉินอันอันเดินลงชั้นล่าง ทุกคนเห็นภาพอันอบอุ่นและกลมกลืนของพวกเขาสองคน ความคิดก็ทยอยผุดขึ้นมาในหัว ปกติการพักช่วงกลางวันหนึ่งชั่วโมงก็พอแล้ว สองชั่วโมงถือว่านานเกินไป แต่ว่าพวกเขาสองคนพักผ่อนชั้นบนตลอดบ่าย ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะนอนตลอดทั้งบ่ายได้ยังไง?ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าทั้งสองคนทำอะไร ถึงพวกเขาสองคนจะไม่พูด ทุกคนต่างก็รู้ดี “พวกคุณไม่เล่นไพ่กันแล้วเหรอ?” ฉินอันอันหน้าแดงเมื่อถูกพวกเขามอง ดังนั้นจึงหาเรื่องมาคุยเรื่อยเปื่อย “พวกเราเลิกเล่นตั้งแต่สี่โมงแล้ว และช่วยโจวจื่ออี้ทำอาหาร! พวกเธอนอนหลับอยู่ชั้นบนไม่ได้ยินเสียงจริง ๆ เหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนทำหน้าสงสัย ใบหน้าของฉินอันอันแดงยิ่งขึ้น “หลับอยู่จริง ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคิดว่าทำอะไร?” “ฮ่า ๆ ๆ ๆ!” หลีเสี่ยวเถียนหัวเราะแล้วดึงเธอมาอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดกับฟู่สือถิงว่า “ประธานฟู่ คุณรีบโทรหาอิ๋นอิ๋นเถอะค่ะ เรียกพวกเขากลับมากินข้าว
หลังอาหารเย็น รุ่ยลาจับมือฉินอันอัน ใบหน้าดูเหนื่อยล้า “แม่ขา หนูอยากนอนแล้ว…แม่อาบน้ำให้หนูหน่อย…” พี่เลี้ยงรีบเข้ามาทันทีและจะช่วยอาบให้เพราะรุ่ยลารู้สึกง่วงจึงอารมณ์ไม่ดี “หนูอยากให้แม่อาบให้…ฮือ ๆ ๆ…” หลีเสี่ยวเถียนยิ้มเดินเข้ามา “รุ่ยลา อีกเดี๋ยว ท้องของแม่หนูก็จะใหญ่ขึ้นแล้ว ถึงตอนนั้นแม่อาบน้ำให้หนูไม่ได้แล้วนะ!” รุ่ยลาตะลึง แล้วมือน้อย ๆ ก็ลูบไปที่ท้องแบนราบของฉินอันอัน “ถึงตอนนั้นท้องของแม่หนูจะเปลี่ยนเป็นใหญ่ขนาดนี้” หลีเสี่ยวเถียนทำท่าทางบนท้องของฉินอันอัน รุ่ยลาตกใจมากจนปากเล็ก ๆ ของเธออ้ากว้าง มีคำว่าเหลือเชื่อเขียนไว้บนหน้า หลีเสี่ยวเถียนอุ้มรุ่ยลาขึ้นไปชั้นบน พร้อมกันนั้นก็พูดกับฉินอันอันว่า “อันอัน เธอไปพักผ่อนเถอะ!” ฉินอันอันยังไม่ค่อยวางใจและอยากขึ้นไปดูที่ชั้นบน ฟู่สือถิงยึดแขนเธอไว้ “คุณออกมาหน่อย “คุณทำอะไรเหรอ?” เธอเดินมาตรงหน้าเขา “วันนี้อิ๋นอิ๋นเองก็เล่นจนเหนื่อยแล้ว พวกคุณควรกลับได้แล้ว” “บอดี้การ์ดไปส่งเธอแล้ว” เขาจูงมือเธอพามาด้านนอก “พวกเราออกไปเดินกันเล่นกันเถอะ” ใกล้จะเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว กลางวันเริ่มยาวนานมากขึ้นและอากาศก็อุ่นขึ้น
ฉินอันอัน : เขาอาจคิดว่าตอนนี้ฉันคือคนสองคนแล้ว จำเป็นต้องกินให้เยอะขึ้นหลีเสี่ยวเถียน : ฮ่า ๆ ๆ! เอาซื้ออะไรให้เธอ? รีบถ่ายรูปให้ฉันดูเร็ว! ฉินอันอันส่งรูปถ่ายของรางวัลที่พิชิตได้ในสงครามคืนนี้ไปหลังจากหลีเสี่ยวเถียนเห็นรูปแล้วก็โทรกลับมา “”ทำไมถึงซื้อเครื่องประดับล่ะ? ฮ่า ๆ เพราะถ้าผู้ชายชอบผู้หญิงคนไหนก็จะซื้อเครื่องประดับให้ใช่หรือเปล่า?!” ฉินอันอันเอามือกุมหน้าผาก “เขามีจุดประสงค์บางอย่าง” “จุดประสงค์อะไร?” หลีเสี่ยวเถียนตะลึง “สำหรับกิจกรรมสัปดาห์หน้าน่ะ” ในที่สุดคืนนี้ฉินอันอันก็ได้ตระหนักถึงความใจแคบของผู้ชายคนนี้ เธอปฏิเสธเสื้อผ้าและเครื่องประดับตั้งแต่แรก แต่ว่าเขายืนกรานจะซื้อให้เธอ เธอให้เขาบอกเหตุผลว่าทำไมเขายืนกรานที่จะซื้อให้ได้เขาจึงบอกกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอกับจิ้นซือเหนียนร่วมกิจกรรมลงนามที่โรงแรม ทั้งสองคนสวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาวทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นชุดคู่รัก แถมตอนนั้นเธอยังสวมสร้อยที่จิ้นซือเหนียนมอบให้ ก่อให้เกิดข้อขัดแย้งไม่น้อย เรื่องมันผ่านไปแล้ว แต่ในใจของฟู่สือถิงยังไม่ปล่อยผ่าน เขาพาเธอไปชอปปิงคืนนี้ ชุดที่เขาเลือกซื้อให้เธอคือชุด
“อันอัน ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลย?” หลีเสี่ยวเถียนพูดอย่างุนงง “เธอจะบอกว่าเด็กที่เสิ่นวี๋ตั้งท้องก่อนหน้านี้ไม่ใช่ลูกของฟู่สือถิงงั้นเหรอ? เพราะไม่ว่ายังไงเปอร์เซ็นต์ที่จะท้องได้ในครั้งเดียวก็ต่ำมาก! ยิ่งไปกว่านั้นเสิ่นอวี๋ยังอยู่กับผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างฟู่เย่เฉิน มันก็อธิบายได้มากพอแล้วว่าพวกเขาอยู่บนเส้นทางเดียวกัน!” ฉินอันอันเจ็บปวดใจอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาคบกันจริง ๆ หรือเปล่า…เสี่ยวเถียน ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย…”“โอ้ ถ้างั้นเธอรีบพักผ่อนเลย” เสี่ยวเถียนกล่าว ฉินอันอันวางสายและมองดูค่ำคืนอันมืดมิดภายนอกหน้าต่างอย่างว่างเปล่า น้ำตาไหลรินเงียบ ๆ เธอคิดว่าฟู่สือถิงและเสิ่นอวี๋ก็เป็นเฉกเช่นคู่รักอื่นที่อยู่ด้วยกันเธอนึกว่าเด็กในท้องเสิ่นอวี๋เป็นการตกผลึกจากความรักของหลาย ๆ ค่ำคืนของพวกเขา ช่างไร้สาระเหลือเกิน! ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความเกลียดชังที่เธอมีต่อฟู่สือถิง ส่วนใหญ่แล้วมาจากความสัมพันธ์ของเขากับเสิ่นอวี๋ เธอเกลียดเขา ไม่พอใจเขา จนถึงขั้นอยากฆ่าเขาด้วยมือตัวเองเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธอก็ไม่ฟัง ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เธอคิดเพี
หลังจากที่ฟู่สือถิง โจวจื่ออี้และเซิ่งเป่ยมาในตอนเช้าแล้วก็อยู่ที่นี่ตลอด พวกเขากำลังพิจารณาปัญหาของฉินกรุ๊ป พูดว่าพิจารณาปัญหา แต่ที่จริงแล้วเป็นการรับประทานอาหารร่วมกัน “หวังหว่านจือเข้าใจการตลาดเป็นอย่างดี” เซิ่งเป่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเลื่อนข่าว แต่มาเจอเรา ก็เหมือนเธอชนกับแผ่นเหล็กแล้วล่ะ” “แต่ว่ายอดขายของพวกเขาดีมากจริง ๆ” โจวจื่ออี้กล่าว “ศักยภาพในตลาดระดับล่างก็ยังมีมาก” “ถึงยังไงก็ราคาถูก! พวกเขากำลังเสียเงินเพื่อสร้างชื่อเสียง ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งขาดทุน… เดิมพวกเขาต้องการครองตลาดอย่างรวดเร็ว โค่นฉินกรุ๊ปแล้วผูกขาดตลาด จากนั้นก็ขึ้นราคา” เซิ่งเป่ยกล่าว “แต่พวกเขาตระหนักแล้วว่าการโค่นฉินกรุ๊ปไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาจึงเริ่มคิดวิธีอื่นแล้ว” “ลดต้นทุนงั้นเหรอ? และหลังจากครองตลาดทั้งระดับกลางและตลาดล่างแล้วก็ให้คำสัญญาที่เกินจริงกับนักลงทุนอย่างต่อเนื่องเนี่ยนะ?” เขาพูดต่อว่า “สุดท้ายก็จะระดมทุนและเสนอขายแก่สาธารณะใช่ไหมครับ?” “ทั้งสองอย่าง และยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่ยังมองพวกเขาในแง่ดี” เซิ่งเป่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “หวังหว่านจือมีความเฉียบแหลมเรื่องธุรกิจจริง ๆ” ฉินอันอ
เธอขับรถไปที่ประตูบ้านแล้วจอด คนส่งของกำลังรอเธออยู่ที่ทางเข้าลานบ้าน หลังจากที่เธอลงจากรถและเซ็นรับพัสดุ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้น เธอถือพัสดุด้วยมือข้างหนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยอีกมือหนึ่ง หลังจากเปิดประตูลานบ้านเธอก็รับสาย “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เสียงทุ้มของฟู่สือถิงดังมาจากปลายสาย ฉินอันอัน “อยู่บ้าน” “คุณไม่สบายหรือเปล่า?” น้ำเสียงของเขาเป็นกังวล “เปล่า ฉันกลับมาเอาพัสดุ” เธอเดินผ่านลานหน้าบ้านไปที่ประตูวิลล่าแล้วเปิดประตู หลังจากเข้าไปในบ้านเธอก็วางพัสดุไว้บนตู้รองเท้าแล้วถามว่า “คุณโทรหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า?” เธอสวมรองเท้าแตะแล้วเดินไปที่โซฟาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ “เสิ่นอวี๋คบกับฟู่เย่เฉินจริง ๆ ครับ” บอดี้การ์ดของฟู่สือถิงเพิ่งพาฟู่เย่เฉินมาหาเขา ฟู่เย่เฉินสารภาพทุกอย่างแล้ว ดังนั้นเขาจึงโทรหาเธอ “คุณรู้ได้ยังไง?” “แล้วคุณแน่ใจได้ยังไง?” เธอกระชับนิ้วบนโทรศัพท์เล็กน้อย “ฟู่เย่เฉินพูดอย่างนั้น เขาบอกว่าหลังจากที่ผมเลิกกับเสิ่นอวี๋ เขาก็เริ่มคบกับเสิ่นอวี๋ เพิ่งมั่นใจความสัมพันธ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา” น้ำเสียงของฟู่สือถิงนิ่งส
เอสทีกรุ๊ป โจวจื่ออี้กำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องทำงานของเซิ่งเป่ย “ผมไม่ได้เห็นเจ้านายของเรามีความสุขขนาดนี้นานแล้ว!” โจวจื่ออี้ถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม “ผมยืนอยู่ที่ประตูห้องทำงานของเขาและเห็นเขากลับมาพร้อมกับขนมและผลไม้ถุงใหญ่ ฉินอันอันจะกินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ? ฮ่าๆๆ!” เซิ่งเป่ยขมวดคิ้ว “ทำไมจู่ ๆ ฉินอันอันถึงเข้าใจล่ะ? หัวใจของผู้หญิงอย่างกับเข็มในทะเล!” “หรือเป็นเพราะเสิ่นอวี๋คบกับฟู่เย่เฉินแล้ว?” โจวจื่ออี้เดา “นอกจากเหตุผลนี้ ผมก็คิดความเป็นไปได้อย่างอื่นไม่ออกเลย” “แต่หวังว่ามันจะเป็นจริง” เซิ่งเป่ยยกถ้วยชาขึ้นชนกับโจวจื่ออี้ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินอันอันก็ขับรถมาถึงตึกเอสทีกรุ๊ป หลังจากที่โจวจื่ออี้ดื่มชาที่ห้องทำงานของเซิ่งเป่ยเสร็จ เขาก็ไปรออยู่ที่ประตูบริษัท หลังจากเห็นรถแลนด์โรเวอร์ของฉินอันอัน เขาก็รีบก้าวไปหาทันที เมื่อฉินอันอันเห็นโจวจื่ออี้ก็รีบลดหน้าต่างลงทันทีและพูดว่า “พี่โจว ดูเหมือนจะไม่มีที่จอดรถค่ะ ฉันจะไปจอดรถข้างนอกก่อน” โจวจื่ออี้ยิ้มและพูดว่า “ที่นี่มีที่ว่างตั้งมากมาย คุณสามารถจอดรถได้ทุกที่ที่คุณต้องการเลย! จะจอดรถหน้าประตูบริษัทก็ยังได้เลย” ฉ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รองประธานรีบไปที่ห้องทำงานของเซิ่งเป่ย “จื่ออี้ ฉันตามหานายทุกที่แต่ไม่เจอเลย ฉันรู้ว่านายต้องอยู่ที่นี่แน่ ๆ!” รองประธานนั่งลงข้าง ๆ โจวจื่ออี้ โจวจื่ออี้เห็นว่ารองประธานเหงื่อท่วมไปหมดจึงถามอย่างสับสนว่า “เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นเหรอครับ? คุณถึงได้เป็นแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนบริษัทของเรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ” รองประธานหยิบถ้วยเปล่าแล้วรินชาให้ตัวเอง “นายสองคนรู้ไหมว่าฉินอันอันอยู่ที่นี่? ทำไมถึงไม่บอกฉัน?” รองประธานดื่มชารวดเดียว “พวกนายไม่รู้ ฉันเพิ่งไปที่ห้องทำงานของประธานมา... เอ่อ ตอนนี้ฉันคิดออกแล้ว ฉันแทบจะขุดดิน! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ฉันรู้สึกเหมือนประธานจะมาไล่ให้ฉันไปลาออก” เซิ่งเป่ยและโจวจื่ออี้สีหน้าประหลาดใจ “หรือว่าพวกเขาจะอยู่ในออฟฟิศกันสองคน…” เซิงเป่ยเริ่ม แต่คำพูดที่เหลือไม่ได้พูดออกมา รองประธานพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก “ที่แย่กว่านั้นคือไม่ใช่ฉันคนเดียวที่เจอ ตอนนั้นฉันพาคนในทีมไปด้วย...พวกเขาเห็นหมดแล้ว… จริง ๆ ฉันคงเก็บข้าวของออกไปได้เลย...” รองประธานปิดหน้าด้วยมือเดียวและรู้สึกสิ้นหวัง ทุกคนรู้ดีว่า ฟู่สือถิงประธานเอ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง