ฉินอันอัน : เขาอาจคิดว่าตอนนี้ฉันคือคนสองคนแล้ว จำเป็นต้องกินให้เยอะขึ้นหลีเสี่ยวเถียน : ฮ่า ๆ ๆ! เอาซื้ออะไรให้เธอ? รีบถ่ายรูปให้ฉันดูเร็ว! ฉินอันอันส่งรูปถ่ายของรางวัลที่พิชิตได้ในสงครามคืนนี้ไปหลังจากหลีเสี่ยวเถียนเห็นรูปแล้วก็โทรกลับมา “”ทำไมถึงซื้อเครื่องประดับล่ะ? ฮ่า ๆ เพราะถ้าผู้ชายชอบผู้หญิงคนไหนก็จะซื้อเครื่องประดับให้ใช่หรือเปล่า?!” ฉินอันอันเอามือกุมหน้าผาก “เขามีจุดประสงค์บางอย่าง” “จุดประสงค์อะไร?” หลีเสี่ยวเถียนตะลึง “สำหรับกิจกรรมสัปดาห์หน้าน่ะ” ในที่สุดคืนนี้ฉินอันอันก็ได้ตระหนักถึงความใจแคบของผู้ชายคนนี้ เธอปฏิเสธเสื้อผ้าและเครื่องประดับตั้งแต่แรก แต่ว่าเขายืนกรานจะซื้อให้เธอ เธอให้เขาบอกเหตุผลว่าทำไมเขายืนกรานที่จะซื้อให้ได้เขาจึงบอกกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอกับจิ้นซือเหนียนร่วมกิจกรรมลงนามที่โรงแรม ทั้งสองคนสวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาวทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นชุดคู่รัก แถมตอนนั้นเธอยังสวมสร้อยที่จิ้นซือเหนียนมอบให้ ก่อให้เกิดข้อขัดแย้งไม่น้อย เรื่องมันผ่านไปแล้ว แต่ในใจของฟู่สือถิงยังไม่ปล่อยผ่าน เขาพาเธอไปชอปปิงคืนนี้ ชุดที่เขาเลือกซื้อให้เธอคือชุด
“อันอัน ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลย?” หลีเสี่ยวเถียนพูดอย่างุนงง “เธอจะบอกว่าเด็กที่เสิ่นวี๋ตั้งท้องก่อนหน้านี้ไม่ใช่ลูกของฟู่สือถิงงั้นเหรอ? เพราะไม่ว่ายังไงเปอร์เซ็นต์ที่จะท้องได้ในครั้งเดียวก็ต่ำมาก! ยิ่งไปกว่านั้นเสิ่นอวี๋ยังอยู่กับผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างฟู่เย่เฉิน มันก็อธิบายได้มากพอแล้วว่าพวกเขาอยู่บนเส้นทางเดียวกัน!” ฉินอันอันเจ็บปวดใจอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาคบกันจริง ๆ หรือเปล่า…เสี่ยวเถียน ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย…”“โอ้ ถ้างั้นเธอรีบพักผ่อนเลย” เสี่ยวเถียนกล่าว ฉินอันอันวางสายและมองดูค่ำคืนอันมืดมิดภายนอกหน้าต่างอย่างว่างเปล่า น้ำตาไหลรินเงียบ ๆ เธอคิดว่าฟู่สือถิงและเสิ่นอวี๋ก็เป็นเฉกเช่นคู่รักอื่นที่อยู่ด้วยกันเธอนึกว่าเด็กในท้องเสิ่นอวี๋เป็นการตกผลึกจากความรักของหลาย ๆ ค่ำคืนของพวกเขา ช่างไร้สาระเหลือเกิน! ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความเกลียดชังที่เธอมีต่อฟู่สือถิง ส่วนใหญ่แล้วมาจากความสัมพันธ์ของเขากับเสิ่นอวี๋ เธอเกลียดเขา ไม่พอใจเขา จนถึงขั้นอยากฆ่าเขาด้วยมือตัวเองเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธอก็ไม่ฟัง ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เธอคิดเพี
หลังจากที่ฟู่สือถิง โจวจื่ออี้และเซิ่งเป่ยมาในตอนเช้าแล้วก็อยู่ที่นี่ตลอด พวกเขากำลังพิจารณาปัญหาของฉินกรุ๊ป พูดว่าพิจารณาปัญหา แต่ที่จริงแล้วเป็นการรับประทานอาหารร่วมกัน “หวังหว่านจือเข้าใจการตลาดเป็นอย่างดี” เซิ่งเป่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเลื่อนข่าว แต่มาเจอเรา ก็เหมือนเธอชนกับแผ่นเหล็กแล้วล่ะ” “แต่ว่ายอดขายของพวกเขาดีมากจริง ๆ” โจวจื่ออี้กล่าว “ศักยภาพในตลาดระดับล่างก็ยังมีมาก” “ถึงยังไงก็ราคาถูก! พวกเขากำลังเสียเงินเพื่อสร้างชื่อเสียง ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งขาดทุน… เดิมพวกเขาต้องการครองตลาดอย่างรวดเร็ว โค่นฉินกรุ๊ปแล้วผูกขาดตลาด จากนั้นก็ขึ้นราคา” เซิ่งเป่ยกล่าว “แต่พวกเขาตระหนักแล้วว่าการโค่นฉินกรุ๊ปไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาจึงเริ่มคิดวิธีอื่นแล้ว” “ลดต้นทุนงั้นเหรอ? และหลังจากครองตลาดทั้งระดับกลางและตลาดล่างแล้วก็ให้คำสัญญาที่เกินจริงกับนักลงทุนอย่างต่อเนื่องเนี่ยนะ?” เขาพูดต่อว่า “สุดท้ายก็จะระดมทุนและเสนอขายแก่สาธารณะใช่ไหมครับ?” “ทั้งสองอย่าง และยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่ยังมองพวกเขาในแง่ดี” เซิ่งเป่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “หวังหว่านจือมีความเฉียบแหลมเรื่องธุรกิจจริง ๆ” ฉินอันอ
เธอขับรถไปที่ประตูบ้านแล้วจอด คนส่งของกำลังรอเธออยู่ที่ทางเข้าลานบ้าน หลังจากที่เธอลงจากรถและเซ็นรับพัสดุ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้น เธอถือพัสดุด้วยมือข้างหนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยอีกมือหนึ่ง หลังจากเปิดประตูลานบ้านเธอก็รับสาย “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เสียงทุ้มของฟู่สือถิงดังมาจากปลายสาย ฉินอันอัน “อยู่บ้าน” “คุณไม่สบายหรือเปล่า?” น้ำเสียงของเขาเป็นกังวล “เปล่า ฉันกลับมาเอาพัสดุ” เธอเดินผ่านลานหน้าบ้านไปที่ประตูวิลล่าแล้วเปิดประตู หลังจากเข้าไปในบ้านเธอก็วางพัสดุไว้บนตู้รองเท้าแล้วถามว่า “คุณโทรหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า?” เธอสวมรองเท้าแตะแล้วเดินไปที่โซฟาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ “เสิ่นอวี๋คบกับฟู่เย่เฉินจริง ๆ ครับ” บอดี้การ์ดของฟู่สือถิงเพิ่งพาฟู่เย่เฉินมาหาเขา ฟู่เย่เฉินสารภาพทุกอย่างแล้ว ดังนั้นเขาจึงโทรหาเธอ “คุณรู้ได้ยังไง?” “แล้วคุณแน่ใจได้ยังไง?” เธอกระชับนิ้วบนโทรศัพท์เล็กน้อย “ฟู่เย่เฉินพูดอย่างนั้น เขาบอกว่าหลังจากที่ผมเลิกกับเสิ่นอวี๋ เขาก็เริ่มคบกับเสิ่นอวี๋ เพิ่งมั่นใจความสัมพันธ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา” น้ำเสียงของฟู่สือถิงนิ่งส
เอสทีกรุ๊ป โจวจื่ออี้กำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องทำงานของเซิ่งเป่ย “ผมไม่ได้เห็นเจ้านายของเรามีความสุขขนาดนี้นานแล้ว!” โจวจื่ออี้ถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม “ผมยืนอยู่ที่ประตูห้องทำงานของเขาและเห็นเขากลับมาพร้อมกับขนมและผลไม้ถุงใหญ่ ฉินอันอันจะกินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ? ฮ่าๆๆ!” เซิ่งเป่ยขมวดคิ้ว “ทำไมจู่ ๆ ฉินอันอันถึงเข้าใจล่ะ? หัวใจของผู้หญิงอย่างกับเข็มในทะเล!” “หรือเป็นเพราะเสิ่นอวี๋คบกับฟู่เย่เฉินแล้ว?” โจวจื่ออี้เดา “นอกจากเหตุผลนี้ ผมก็คิดความเป็นไปได้อย่างอื่นไม่ออกเลย” “แต่หวังว่ามันจะเป็นจริง” เซิ่งเป่ยยกถ้วยชาขึ้นชนกับโจวจื่ออี้ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินอันอันก็ขับรถมาถึงตึกเอสทีกรุ๊ป หลังจากที่โจวจื่ออี้ดื่มชาที่ห้องทำงานของเซิ่งเป่ยเสร็จ เขาก็ไปรออยู่ที่ประตูบริษัท หลังจากเห็นรถแลนด์โรเวอร์ของฉินอันอัน เขาก็รีบก้าวไปหาทันที เมื่อฉินอันอันเห็นโจวจื่ออี้ก็รีบลดหน้าต่างลงทันทีและพูดว่า “พี่โจว ดูเหมือนจะไม่มีที่จอดรถค่ะ ฉันจะไปจอดรถข้างนอกก่อน” โจวจื่ออี้ยิ้มและพูดว่า “ที่นี่มีที่ว่างตั้งมากมาย คุณสามารถจอดรถได้ทุกที่ที่คุณต้องการเลย! จะจอดรถหน้าประตูบริษัทก็ยังได้เลย” ฉ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รองประธานรีบไปที่ห้องทำงานของเซิ่งเป่ย “จื่ออี้ ฉันตามหานายทุกที่แต่ไม่เจอเลย ฉันรู้ว่านายต้องอยู่ที่นี่แน่ ๆ!” รองประธานนั่งลงข้าง ๆ โจวจื่ออี้ โจวจื่ออี้เห็นว่ารองประธานเหงื่อท่วมไปหมดจึงถามอย่างสับสนว่า “เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นเหรอครับ? คุณถึงได้เป็นแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนบริษัทของเรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ” รองประธานหยิบถ้วยเปล่าแล้วรินชาให้ตัวเอง “นายสองคนรู้ไหมว่าฉินอันอันอยู่ที่นี่? ทำไมถึงไม่บอกฉัน?” รองประธานดื่มชารวดเดียว “พวกนายไม่รู้ ฉันเพิ่งไปที่ห้องทำงานของประธานมา... เอ่อ ตอนนี้ฉันคิดออกแล้ว ฉันแทบจะขุดดิน! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ฉันรู้สึกเหมือนประธานจะมาไล่ให้ฉันไปลาออก” เซิ่งเป่ยและโจวจื่ออี้สีหน้าประหลาดใจ “หรือว่าพวกเขาจะอยู่ในออฟฟิศกันสองคน…” เซิงเป่ยเริ่ม แต่คำพูดที่เหลือไม่ได้พูดออกมา รองประธานพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก “ที่แย่กว่านั้นคือไม่ใช่ฉันคนเดียวที่เจอ ตอนนั้นฉันพาคนในทีมไปด้วย...พวกเขาเห็นหมดแล้ว… จริง ๆ ฉันคงเก็บข้าวของออกไปได้เลย...” รองประธานปิดหน้าด้วยมือเดียวและรู้สึกสิ้นหวัง ทุกคนรู้ดีว่า ฟู่สือถิงประธานเอ
หรือว่าฉินอันอันกลับไปแล้ว? ไม่มีหรอกเหรอ? รองประธานสูดหายใจ แล้วเคาะประตูสำนักงานที่เปิดอยู่ ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นรองประธานก็พูดทันที “เข้ามา แล้วปิดประตู” รองประธานได้แต่อึ้ง น่ากลัวมาก! แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่แตกต่างจากปกติ แต่คำห้าคำนี้ ‘เข้ามา แล้วปิดประตู' ก็ดูน่ากลัวเล็กน้อย รองประธานเดินเข้ามาด้วยตัวสั่นเทาและปิดประตูสำนักงาน “ประธานครับ คุณฉินล่ะครับ?” ฟู่สือถิงผลักเอกสารไปด้านข้างแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายมีธุระอะไรกับเธอ?” เขาชะงักแล้วพูดเสียงเศร้า “เธอกลัวพวกนาย” เหงื่อท่วมแผ่นหลังรองประธาน “ประธานครับ ผมขอโทษจริง ๆ! ผมจะไปขอโทษคุณฉินเดี๋ยวนี้!” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “นายคิดว่าเธอยังอายไม่พอเหรอ?” รองประธานก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้าสื่อว่า 'อย่างที่คุณกล่าว' “สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ห้ามให้รั่วไหลเด็ดขาด!” ฟู่สือถิงกล่าว รองประธานพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “คุณไม่ต้องกังวล! ผมจะไม่พูดเด็ดขาด!” “ฉันยังมีเรื่องต้องทำ อีกครึ่งชั่วโมงนายพาคนเหล่านั้นมาหาฉันหน่อย” น้ำเสียงของฟู่สือถิงกลับมาเป็นน้ำเสียงสงบตามปกติ รองประธานถอนหายใ
หลีเสี่ยวเถียนส่ายหน้า “ไม่ได้สั่งนะ! ข้อมูลของผู้ส่งมีเขียนอยู่บนพัสดุไม่ใช่เหรอ?” “ฉันแค่ดูแวบเดียว เหมือนจะเป็นชื่อของบริษัทนะ” ฉินอันอันแสดงความสงสัย “ฉันบอกให้เขาเอามันไปวางไว้ในตู้พัสดุของหมู่บ้าน หรือกดกริ่งประตูบ้านแล้วส่งให้พี่เลี้ยง แต่เขายืนกรานจะให้ฉันเซ็นด้วยตัวเอง” “โอ้ บางทีอาจจะมีของมีค่าอยู่ข้างใน โดยปกติแล้ว ของมีค่าเท่านั้นที่ผู้รับจะต้องเซ็นรับด้วยตัวเอง” หลีเสี่ยวเถียนยิ้มกรุ้มกริ่ม “หรือว่ามันจะเป็นของขวัญที่ฟู่สือถิงซื้อให้เธอ? ตอนนี้พวกเธอกำลังมีความรักไม่ใช่เหรอ?” ฉินอันอันพูดโดยไม่คิด “ไม่น่าจะเป็นเขา เขาไม่เคยส่งของขวัญให้ฉันทางไปรษณีย์เลย ถึงจะซื้อมาจากต่างประเทศก็จะส่งไปให้เขาก่อน และเขาจะตรวจสอบก่อนที่จะให้ฉัน” “จุ๊จุ๊! สิ่งที่เธอพูดทำให้ฉันตกหลุมรักเขาอีกครั้ง ยังไงซะเขาก็เคยเป็นเทพบุตรของฉัน!” หลีเสี่ยวเถียนใช้ช้อนคนกาแฟในถ้วย “อันอัน เธอโล่งใจขึ้นบ้างรึยัง?” เมื่อดูจากพฤติกรรมของฉินอันอันในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอเหมือนสาวน้อยที่กำลังมีความรัก ฉินอันอันรู้ว่าตัวเองซ่อนมันไว้ไม่ได้จึงพยักหน้า “ปล่อยให้อดีตมันผ่านไปได้แล้ว!” “ฉันเคารพการตัดสิ