ฉินอันอัน : เขาอาจคิดว่าตอนนี้ฉันคือคนสองคนแล้ว จำเป็นต้องกินให้เยอะขึ้นหลีเสี่ยวเถียน : ฮ่า ๆ ๆ! เอาซื้ออะไรให้เธอ? รีบถ่ายรูปให้ฉันดูเร็ว! ฉินอันอันส่งรูปถ่ายของรางวัลที่พิชิตได้ในสงครามคืนนี้ไปหลังจากหลีเสี่ยวเถียนเห็นรูปแล้วก็โทรกลับมา “”ทำไมถึงซื้อเครื่องประดับล่ะ? ฮ่า ๆ เพราะถ้าผู้ชายชอบผู้หญิงคนไหนก็จะซื้อเครื่องประดับให้ใช่หรือเปล่า?!” ฉินอันอันเอามือกุมหน้าผาก “เขามีจุดประสงค์บางอย่าง” “จุดประสงค์อะไร?” หลีเสี่ยวเถียนตะลึง “สำหรับกิจกรรมสัปดาห์หน้าน่ะ” ในที่สุดคืนนี้ฉินอันอันก็ได้ตระหนักถึงความใจแคบของผู้ชายคนนี้ เธอปฏิเสธเสื้อผ้าและเครื่องประดับตั้งแต่แรก แต่ว่าเขายืนกรานจะซื้อให้เธอ เธอให้เขาบอกเหตุผลว่าทำไมเขายืนกรานที่จะซื้อให้ได้เขาจึงบอกกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอกับจิ้นซือเหนียนร่วมกิจกรรมลงนามที่โรงแรม ทั้งสองคนสวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาวทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นชุดคู่รัก แถมตอนนั้นเธอยังสวมสร้อยที่จิ้นซือเหนียนมอบให้ ก่อให้เกิดข้อขัดแย้งไม่น้อย เรื่องมันผ่านไปแล้ว แต่ในใจของฟู่สือถิงยังไม่ปล่อยผ่าน เขาพาเธอไปชอปปิงคืนนี้ ชุดที่เขาเลือกซื้อให้เธอคือชุด
“อันอัน ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลย?” หลีเสี่ยวเถียนพูดอย่างุนงง “เธอจะบอกว่าเด็กที่เสิ่นวี๋ตั้งท้องก่อนหน้านี้ไม่ใช่ลูกของฟู่สือถิงงั้นเหรอ? เพราะไม่ว่ายังไงเปอร์เซ็นต์ที่จะท้องได้ในครั้งเดียวก็ต่ำมาก! ยิ่งไปกว่านั้นเสิ่นอวี๋ยังอยู่กับผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างฟู่เย่เฉิน มันก็อธิบายได้มากพอแล้วว่าพวกเขาอยู่บนเส้นทางเดียวกัน!” ฉินอันอันเจ็บปวดใจอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาคบกันจริง ๆ หรือเปล่า…เสี่ยวเถียน ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย…”“โอ้ ถ้างั้นเธอรีบพักผ่อนเลย” เสี่ยวเถียนกล่าว ฉินอันอันวางสายและมองดูค่ำคืนอันมืดมิดภายนอกหน้าต่างอย่างว่างเปล่า น้ำตาไหลรินเงียบ ๆ เธอคิดว่าฟู่สือถิงและเสิ่นอวี๋ก็เป็นเฉกเช่นคู่รักอื่นที่อยู่ด้วยกันเธอนึกว่าเด็กในท้องเสิ่นอวี๋เป็นการตกผลึกจากความรักของหลาย ๆ ค่ำคืนของพวกเขา ช่างไร้สาระเหลือเกิน! ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความเกลียดชังที่เธอมีต่อฟู่สือถิง ส่วนใหญ่แล้วมาจากความสัมพันธ์ของเขากับเสิ่นอวี๋ เธอเกลียดเขา ไม่พอใจเขา จนถึงขั้นอยากฆ่าเขาด้วยมือตัวเองเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธอก็ไม่ฟัง ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เธอคิดเพี
หลังจากที่ฟู่สือถิง โจวจื่ออี้และเซิ่งเป่ยมาในตอนเช้าแล้วก็อยู่ที่นี่ตลอด พวกเขากำลังพิจารณาปัญหาของฉินกรุ๊ป พูดว่าพิจารณาปัญหา แต่ที่จริงแล้วเป็นการรับประทานอาหารร่วมกัน “หวังหว่านจือเข้าใจการตลาดเป็นอย่างดี” เซิ่งเป่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเลื่อนข่าว แต่มาเจอเรา ก็เหมือนเธอชนกับแผ่นเหล็กแล้วล่ะ” “แต่ว่ายอดขายของพวกเขาดีมากจริง ๆ” โจวจื่ออี้กล่าว “ศักยภาพในตลาดระดับล่างก็ยังมีมาก” “ถึงยังไงก็ราคาถูก! พวกเขากำลังเสียเงินเพื่อสร้างชื่อเสียง ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งขาดทุน… เดิมพวกเขาต้องการครองตลาดอย่างรวดเร็ว โค่นฉินกรุ๊ปแล้วผูกขาดตลาด จากนั้นก็ขึ้นราคา” เซิ่งเป่ยกล่าว “แต่พวกเขาตระหนักแล้วว่าการโค่นฉินกรุ๊ปไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาจึงเริ่มคิดวิธีอื่นแล้ว” “ลดต้นทุนงั้นเหรอ? และหลังจากครองตลาดทั้งระดับกลางและตลาดล่างแล้วก็ให้คำสัญญาที่เกินจริงกับนักลงทุนอย่างต่อเนื่องเนี่ยนะ?” เขาพูดต่อว่า “สุดท้ายก็จะระดมทุนและเสนอขายแก่สาธารณะใช่ไหมครับ?” “ทั้งสองอย่าง และยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่ยังมองพวกเขาในแง่ดี” เซิ่งเป่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “หวังหว่านจือมีความเฉียบแหลมเรื่องธุรกิจจริง ๆ” ฉินอันอ
เธอขับรถไปที่ประตูบ้านแล้วจอด คนส่งของกำลังรอเธออยู่ที่ทางเข้าลานบ้าน หลังจากที่เธอลงจากรถและเซ็นรับพัสดุ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้น เธอถือพัสดุด้วยมือข้างหนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยอีกมือหนึ่ง หลังจากเปิดประตูลานบ้านเธอก็รับสาย “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เสียงทุ้มของฟู่สือถิงดังมาจากปลายสาย ฉินอันอัน “อยู่บ้าน” “คุณไม่สบายหรือเปล่า?” น้ำเสียงของเขาเป็นกังวล “เปล่า ฉันกลับมาเอาพัสดุ” เธอเดินผ่านลานหน้าบ้านไปที่ประตูวิลล่าแล้วเปิดประตู หลังจากเข้าไปในบ้านเธอก็วางพัสดุไว้บนตู้รองเท้าแล้วถามว่า “คุณโทรหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า?” เธอสวมรองเท้าแตะแล้วเดินไปที่โซฟาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ “เสิ่นอวี๋คบกับฟู่เย่เฉินจริง ๆ ครับ” บอดี้การ์ดของฟู่สือถิงเพิ่งพาฟู่เย่เฉินมาหาเขา ฟู่เย่เฉินสารภาพทุกอย่างแล้ว ดังนั้นเขาจึงโทรหาเธอ “คุณรู้ได้ยังไง?” “แล้วคุณแน่ใจได้ยังไง?” เธอกระชับนิ้วบนโทรศัพท์เล็กน้อย “ฟู่เย่เฉินพูดอย่างนั้น เขาบอกว่าหลังจากที่ผมเลิกกับเสิ่นอวี๋ เขาก็เริ่มคบกับเสิ่นอวี๋ เพิ่งมั่นใจความสัมพันธ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา” น้ำเสียงของฟู่สือถิงนิ่งส
เอสทีกรุ๊ป โจวจื่ออี้กำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องทำงานของเซิ่งเป่ย “ผมไม่ได้เห็นเจ้านายของเรามีความสุขขนาดนี้นานแล้ว!” โจวจื่ออี้ถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม “ผมยืนอยู่ที่ประตูห้องทำงานของเขาและเห็นเขากลับมาพร้อมกับขนมและผลไม้ถุงใหญ่ ฉินอันอันจะกินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ? ฮ่าๆๆ!” เซิ่งเป่ยขมวดคิ้ว “ทำไมจู่ ๆ ฉินอันอันถึงเข้าใจล่ะ? หัวใจของผู้หญิงอย่างกับเข็มในทะเล!” “หรือเป็นเพราะเสิ่นอวี๋คบกับฟู่เย่เฉินแล้ว?” โจวจื่ออี้เดา “นอกจากเหตุผลนี้ ผมก็คิดความเป็นไปได้อย่างอื่นไม่ออกเลย” “แต่หวังว่ามันจะเป็นจริง” เซิ่งเป่ยยกถ้วยชาขึ้นชนกับโจวจื่ออี้ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินอันอันก็ขับรถมาถึงตึกเอสทีกรุ๊ป หลังจากที่โจวจื่ออี้ดื่มชาที่ห้องทำงานของเซิ่งเป่ยเสร็จ เขาก็ไปรออยู่ที่ประตูบริษัท หลังจากเห็นรถแลนด์โรเวอร์ของฉินอันอัน เขาก็รีบก้าวไปหาทันที เมื่อฉินอันอันเห็นโจวจื่ออี้ก็รีบลดหน้าต่างลงทันทีและพูดว่า “พี่โจว ดูเหมือนจะไม่มีที่จอดรถค่ะ ฉันจะไปจอดรถข้างนอกก่อน” โจวจื่ออี้ยิ้มและพูดว่า “ที่นี่มีที่ว่างตั้งมากมาย คุณสามารถจอดรถได้ทุกที่ที่คุณต้องการเลย! จะจอดรถหน้าประตูบริษัทก็ยังได้เลย” ฉ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รองประธานรีบไปที่ห้องทำงานของเซิ่งเป่ย “จื่ออี้ ฉันตามหานายทุกที่แต่ไม่เจอเลย ฉันรู้ว่านายต้องอยู่ที่นี่แน่ ๆ!” รองประธานนั่งลงข้าง ๆ โจวจื่ออี้ โจวจื่ออี้เห็นว่ารองประธานเหงื่อท่วมไปหมดจึงถามอย่างสับสนว่า “เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นเหรอครับ? คุณถึงได้เป็นแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนบริษัทของเรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ” รองประธานหยิบถ้วยเปล่าแล้วรินชาให้ตัวเอง “นายสองคนรู้ไหมว่าฉินอันอันอยู่ที่นี่? ทำไมถึงไม่บอกฉัน?” รองประธานดื่มชารวดเดียว “พวกนายไม่รู้ ฉันเพิ่งไปที่ห้องทำงานของประธานมา... เอ่อ ตอนนี้ฉันคิดออกแล้ว ฉันแทบจะขุดดิน! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ฉันรู้สึกเหมือนประธานจะมาไล่ให้ฉันไปลาออก” เซิ่งเป่ยและโจวจื่ออี้สีหน้าประหลาดใจ “หรือว่าพวกเขาจะอยู่ในออฟฟิศกันสองคน…” เซิงเป่ยเริ่ม แต่คำพูดที่เหลือไม่ได้พูดออกมา รองประธานพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก “ที่แย่กว่านั้นคือไม่ใช่ฉันคนเดียวที่เจอ ตอนนั้นฉันพาคนในทีมไปด้วย...พวกเขาเห็นหมดแล้ว… จริง ๆ ฉันคงเก็บข้าวของออกไปได้เลย...” รองประธานปิดหน้าด้วยมือเดียวและรู้สึกสิ้นหวัง ทุกคนรู้ดีว่า ฟู่สือถิงประธานเอ
หรือว่าฉินอันอันกลับไปแล้ว? ไม่มีหรอกเหรอ? รองประธานสูดหายใจ แล้วเคาะประตูสำนักงานที่เปิดอยู่ ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นรองประธานก็พูดทันที “เข้ามา แล้วปิดประตู” รองประธานได้แต่อึ้ง น่ากลัวมาก! แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่แตกต่างจากปกติ แต่คำห้าคำนี้ ‘เข้ามา แล้วปิดประตู' ก็ดูน่ากลัวเล็กน้อย รองประธานเดินเข้ามาด้วยตัวสั่นเทาและปิดประตูสำนักงาน “ประธานครับ คุณฉินล่ะครับ?” ฟู่สือถิงผลักเอกสารไปด้านข้างแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายมีธุระอะไรกับเธอ?” เขาชะงักแล้วพูดเสียงเศร้า “เธอกลัวพวกนาย” เหงื่อท่วมแผ่นหลังรองประธาน “ประธานครับ ผมขอโทษจริง ๆ! ผมจะไปขอโทษคุณฉินเดี๋ยวนี้!” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “นายคิดว่าเธอยังอายไม่พอเหรอ?” รองประธานก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้าสื่อว่า 'อย่างที่คุณกล่าว' “สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ห้ามให้รั่วไหลเด็ดขาด!” ฟู่สือถิงกล่าว รองประธานพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “คุณไม่ต้องกังวล! ผมจะไม่พูดเด็ดขาด!” “ฉันยังมีเรื่องต้องทำ อีกครึ่งชั่วโมงนายพาคนเหล่านั้นมาหาฉันหน่อย” น้ำเสียงของฟู่สือถิงกลับมาเป็นน้ำเสียงสงบตามปกติ รองประธานถอนหายใ
หลีเสี่ยวเถียนส่ายหน้า “ไม่ได้สั่งนะ! ข้อมูลของผู้ส่งมีเขียนอยู่บนพัสดุไม่ใช่เหรอ?” “ฉันแค่ดูแวบเดียว เหมือนจะเป็นชื่อของบริษัทนะ” ฉินอันอันแสดงความสงสัย “ฉันบอกให้เขาเอามันไปวางไว้ในตู้พัสดุของหมู่บ้าน หรือกดกริ่งประตูบ้านแล้วส่งให้พี่เลี้ยง แต่เขายืนกรานจะให้ฉันเซ็นด้วยตัวเอง” “โอ้ บางทีอาจจะมีของมีค่าอยู่ข้างใน โดยปกติแล้ว ของมีค่าเท่านั้นที่ผู้รับจะต้องเซ็นรับด้วยตัวเอง” หลีเสี่ยวเถียนยิ้มกรุ้มกริ่ม “หรือว่ามันจะเป็นของขวัญที่ฟู่สือถิงซื้อให้เธอ? ตอนนี้พวกเธอกำลังมีความรักไม่ใช่เหรอ?” ฉินอันอันพูดโดยไม่คิด “ไม่น่าจะเป็นเขา เขาไม่เคยส่งของขวัญให้ฉันทางไปรษณีย์เลย ถึงจะซื้อมาจากต่างประเทศก็จะส่งไปให้เขาก่อน และเขาจะตรวจสอบก่อนที่จะให้ฉัน” “จุ๊จุ๊! สิ่งที่เธอพูดทำให้ฉันตกหลุมรักเขาอีกครั้ง ยังไงซะเขาก็เคยเป็นเทพบุตรของฉัน!” หลีเสี่ยวเถียนใช้ช้อนคนกาแฟในถ้วย “อันอัน เธอโล่งใจขึ้นบ้างรึยัง?” เมื่อดูจากพฤติกรรมของฉินอันอันในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอเหมือนสาวน้อยที่กำลังมีความรัก ฉินอันอันรู้ว่าตัวเองซ่อนมันไว้ไม่ได้จึงพยักหน้า “ปล่อยให้อดีตมันผ่านไปได้แล้ว!” “ฉันเคารพการตัดสิ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง