หรือว่าฉินอันอันกลับไปแล้ว? ไม่มีหรอกเหรอ? รองประธานสูดหายใจ แล้วเคาะประตูสำนักงานที่เปิดอยู่ ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นรองประธานก็พูดทันที “เข้ามา แล้วปิดประตู” รองประธานได้แต่อึ้ง น่ากลัวมาก! แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่แตกต่างจากปกติ แต่คำห้าคำนี้ ‘เข้ามา แล้วปิดประตู' ก็ดูน่ากลัวเล็กน้อย รองประธานเดินเข้ามาด้วยตัวสั่นเทาและปิดประตูสำนักงาน “ประธานครับ คุณฉินล่ะครับ?” ฟู่สือถิงผลักเอกสารไปด้านข้างแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายมีธุระอะไรกับเธอ?” เขาชะงักแล้วพูดเสียงเศร้า “เธอกลัวพวกนาย” เหงื่อท่วมแผ่นหลังรองประธาน “ประธานครับ ผมขอโทษจริง ๆ! ผมจะไปขอโทษคุณฉินเดี๋ยวนี้!” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “นายคิดว่าเธอยังอายไม่พอเหรอ?” รองประธานก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้าสื่อว่า 'อย่างที่คุณกล่าว' “สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ห้ามให้รั่วไหลเด็ดขาด!” ฟู่สือถิงกล่าว รองประธานพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “คุณไม่ต้องกังวล! ผมจะไม่พูดเด็ดขาด!” “ฉันยังมีเรื่องต้องทำ อีกครึ่งชั่วโมงนายพาคนเหล่านั้นมาหาฉันหน่อย” น้ำเสียงของฟู่สือถิงกลับมาเป็นน้ำเสียงสงบตามปกติ รองประธานถอนหายใ
หลีเสี่ยวเถียนส่ายหน้า “ไม่ได้สั่งนะ! ข้อมูลของผู้ส่งมีเขียนอยู่บนพัสดุไม่ใช่เหรอ?” “ฉันแค่ดูแวบเดียว เหมือนจะเป็นชื่อของบริษัทนะ” ฉินอันอันแสดงความสงสัย “ฉันบอกให้เขาเอามันไปวางไว้ในตู้พัสดุของหมู่บ้าน หรือกดกริ่งประตูบ้านแล้วส่งให้พี่เลี้ยง แต่เขายืนกรานจะให้ฉันเซ็นด้วยตัวเอง” “โอ้ บางทีอาจจะมีของมีค่าอยู่ข้างใน โดยปกติแล้ว ของมีค่าเท่านั้นที่ผู้รับจะต้องเซ็นรับด้วยตัวเอง” หลีเสี่ยวเถียนยิ้มกรุ้มกริ่ม “หรือว่ามันจะเป็นของขวัญที่ฟู่สือถิงซื้อให้เธอ? ตอนนี้พวกเธอกำลังมีความรักไม่ใช่เหรอ?” ฉินอันอันพูดโดยไม่คิด “ไม่น่าจะเป็นเขา เขาไม่เคยส่งของขวัญให้ฉันทางไปรษณีย์เลย ถึงจะซื้อมาจากต่างประเทศก็จะส่งไปให้เขาก่อน และเขาจะตรวจสอบก่อนที่จะให้ฉัน” “จุ๊จุ๊! สิ่งที่เธอพูดทำให้ฉันตกหลุมรักเขาอีกครั้ง ยังไงซะเขาก็เคยเป็นเทพบุตรของฉัน!” หลีเสี่ยวเถียนใช้ช้อนคนกาแฟในถ้วย “อันอัน เธอโล่งใจขึ้นบ้างรึยัง?” เมื่อดูจากพฤติกรรมของฉินอันอันในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอเหมือนสาวน้อยที่กำลังมีความรัก ฉินอันอันรู้ว่าตัวเองซ่อนมันไว้ไม่ได้จึงพยักหน้า “ปล่อยให้อดีตมันผ่านไปได้แล้ว!” “ฉันเคารพการตัดสิ
ฉินอันอันไม่คิดมากกับเรื่องเล็กน้อย “แม่ไม่โกรธอยู่แล้ว แต่พฤติกรรมแบบนี้มันไม่เหมาะสม” ฉินอันอันสอน “ลูกควรรอจนกว่าแม่จะกลับมาและถามแม่ว่าขอเปิดได้หรือไม่ ถ้าแม่ตอบว่าได้ ลูกก็เปิดได้” “ค่ะ แม่ หนูเปิดได้หรือยังคะ?” “ได้สิ!” ฉินอันอันหยิบพัสดุขึ้นมา ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เคร่งขรึม “รุ่ยลา แม่ไม่รู้ว่าใครส่งพัสดุนี้มา และไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน เอางี้ แม่เปิดเองดีกว่า!” ฉินอันอันกลัวว่าจะมีของแปลก ๆ อยู่ข้างใน และคงแย่ถ้ามันทำให้เด็ก ๆ ตกใจ “ค่ะ...” รุ่ยลาเริ่มสงสัยมากขึ้น ฉินอันอันหยิบกรรไกรมาตัดเทปบนบรรจุภัณฑ์ออก พี่เลี้ยงเข้ามาถามว่า “คุณอันอัน ไมค์จะกลับมาทานอาหารเย็นคืนนี้ไหมคะ?” ฉินอันอันตอบ “คืนนี้เขามีงานปาร์ตี้ ไม่กลับมาทานหรอกค่ะ” “โอเค งั้นฉันจะไปเอากับข้าวไปวางที่โต๊ะ” “ค่ะ” ฉินอันอันตัดเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ววางกรรไกรลง ไอความเย็นออกมาจากกล่อง เธอดึงถุงน้ำแข็งออกมา เธอเริ่มระแวง... โดยปกติแล้วบรรจุภัณฑ์ที่แพ็กมากับน้ำแข็งจะเป็นอาหารสด แต่กล่องนี้ขนาดไม่ใหญ่ นอกจากถุงน้ำแข็งที่เอาออกมาแล้ว ยังมีเทปสีดำชิ้นเล็กๆ อยู่ข้างในอีกด้วย เธอหยิบเทปอ
‘ท่าทางเป็นแบบนี้ จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง?’ แม้แต่รุ่ยลากับเสี่ยวหานก็ยังรู้สึกได้ว่าไม่เพียงแต่เธอกำลังประสบปัญหาเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องใหญ่อีกด้วย “เสี่ยวหาน เธอพาน้องไปทานอาหารเย็นก่อน ป้าจะเสิร์ฟอาหารเย็นให้แม่ของเธอ” พี่เลี้ยงพูด เสี่ยวหานพารุ่ยลาไปที่ห้องอาหาร พี่เลี้ยงถือถาดแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ที่ชั้นสอง ในห้องนอนใหญ่ ฉินอันอันหยิบปากกาอัดเสียงออกจากกล่องกระดาษแข็งด้วยมือที่สั่นเทา เธอกดเล่นโดยไม่ลังเล “ได้ยินมาว่าหูชิงมีลูกศิษย์ลับที่มีทักษะทางการแพทย์ดีกว่าหูชิงด้วย! คุณบอกฉันหน่อยว่าใครคือลูกศิษย์คนนั้น?” “ฉันไม่รู้ อาจารย์ไม่เคยบอกฉันเลย” เสียงที่คุ้นเคยทำให้ร่างกายของเธอสั่นแรงยิ่งขึ้น! นั่นคือเสียงของเว่ยเจิน! “อืม ในเมื่อคุณไม่รู้ งั้นฉันจะตัดนิ้วของคุณออกแล้วส่งไปให้คนที่มีแนวโน้มเป็นไปได้มากที่สุด… ดูสิว่าจะเรียกร้องความสนใจจากเธอได้ไหม?” เสียงอันชั่วร้ายทำให้ขนลุก ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘ปัง’ ดังมาจากเครื่องบันทึก! มีดหล่นลงมาและมีเสียงกรีดร้อง! เสียงร้องไห้แสนเจ็บปวดและน่าสังเวชของเว่ยเจินทำให้ฉินอันอันทรุดลงทันที! น้ำตาทำให้สายตาของเธอพ
พี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดก็ตกตะลึงเช่นกัน “คุณฉิน ดึกแล้ว คุณจะไปไหนเหรอครับ?” ร่างกายของฉินอันอันแข็งทื่อ เธอไม่สามารถแสร้งทำเป็นสงบได้และไม่สามารถแม้แต่แกล้งยิ้มให้ลูกของเธอได้ด้วย เธอมองเสี่ยวหานด้วยดวงตาสีแดงเข้ม “เสี่ยวหาน ดูแลน้องดี ๆ นะลูก” เสี่ยวหานเป็นคนเข้มแข็งมาโดยตลอด แต่ท่าทางของแม่ตอนนี้ทำให้เขากลัว ไม่ว่าเขาจะแก่แดดแค่ไหน เขาก็ยังเป็นแค่เด็กอายุห้าขวบเท่านั้น เขาเอื้อมมือออกไปคว้าชายเสื้อของฉินอันอันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจและหวาดกลัว “แม่จะไปไหนเหรอครับ?”โดยปกติ ฉินอันอันจะอธิบายให้ลูก ๆ ฟัง แม้ว่าจะเป็นเรื่องโกหก แต่ก็ต้องสงบอารมณ์ของลูก ๆ ก่อน แต่ตอนนี้ร่างกายของเธอชาและสมองไม่สามารถคิดได้ตามปกติ! ในสมองมีแค่ความคิดเดียวเท่านั้น เธอจะไปประเทศบีเพื่อช่วยเว่ยเจิน! ไม่ว่าจะเสี่ยงแค่ไหนก็ไม่สน! เว่ยเจินถูกพาตัวไปเพราะเธอ ถ้าเว่ยเจินไม่รู้จักเธอ เขาคงไม่ต้องมาทนทรมานกับการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้! นิ้วที่เปื้อนเลือดนั้นเหมือนใบมีดแหลมคมทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเธอ! ...... แท็กซี่จอดอยู่ด้านนอกประตูลานบ้าน ก่อนที่ไมค์จะลงจากรถ เขาได้ยินเสียงร้
วางสายโทรศัพท์ เธอเหลือบมองนาฬิกา ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ที่ตั้งทางของสนามบินค่อนข้างไกล ตราบใดที่เขาอยู่ในเมืองก็จะใช้เวลามาอย่างน้อยเกือบหนึ่งชั่วโมง และเธอกำลังจะขึ้นเครื่องในอีกสี่สิบนาที ไม่มีทางที่เธอจะรอเขาได้ ถ้าเธอพลาดเที่ยวบินรอบนี้ เที่ยวบินถัดไปก็จะต้องรอจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้ เธอไม่มีเวลามากขนาดนั้นแล้ว ไมค์เห็นว่าเธอสีหน้าดูแย่มาก เขาจึงยื่นมือออกไปจับมือเล็ก ๆ ที่เย็นเฉียบของเธอไว้ “ฉินอันอัน เธอไม่ต้องกลัวนะ คนคนนั้นหาเธอ อาจเป็นเพราะเขาต้องการให้เธอช่วยรักษาอาการป่วยของเขาก็ได้” ไมค์ปลอบใจเธอ “เธอยื้อเวลาออกไปให้ได้มากที่สุด ฉันจะหาทางช่วยเธอเอง” ฉินอันอันพึมพำ “ช่วยพี่เว่ยก่อน” “อืม” “พี่เว่ยกับฉันรู้จักกันมาหลายปีแล้ว ฉันขอความช่วยเหลือจากเขานับครั้งไม่ถ้วนและเขาก็ไม่เคยปฏิเสธฉันเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่เขาได้รับอะไรดี ๆ เขาก็จะแบ่งปันให้ฉันตลอด เขาไม่เคยขอให้ฉันทำอะไรให้เขาไม่เคยเลย… ทุกครั้งที่ฉันชวนเขาไปกินข้าว สุดท้ายเขาก็เป็นคนจ่ายเงินตลอด สำหรับฉัน เขาเปรียบเสมือนพี่ชายที่คลานตามกันออกมา” ฉินอันอันน้ำตาไหลขณะพูด “แค่เขาพูดชื่อฉัน เขาก็
ที่ผ่านมาเธอได้บอกอะไรเขาบ้าง? ตอนนี้เธอต้องไปประเทศบี ไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้ นอกจากนี้เธอไม่อยากให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอสูดหายใจแล้วเดินต่อ... เดินต่อไปอีกไม่ถึงสิบเมตรก็ถึงทางเลี้ยว แค่เลี้ยวไปเขาก็มองไม่เห็นเธอแล้ว “ฉินอันอัน!” ฟู่สือถิงเห็นเธอเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามอง เลือดในร่างกายของเขาก็เดือดพล่านทันที! เขารีบวิ่งไปที่ประตูเช็คอินด้วยดวงตาสีแดงสด...เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้ามเขาทันที “ฉินอันอัน! หันกลับมา!” เขาทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดในห้องโถงสนามบินที่มีผู้คนพลุกพล่านและตะโกน “หันกลับมา! มองผม!” เท้าของฉินอันอันรู้สึกเหมือนถูกเข็มตำ เดินไปถึงมุมทางเดินที่ห่างออกไปเพียงสิบเมตร แต่กลับต้องใช้กำลังทั้งหมดของเธอที่มี หลังจากที่เขามองไม่เห็นเธอ เธอก็พิงผนังกระจกและร้องไห้ออกมา “ไมค์ ปล่อยเขาไป!” เธอเอามือปิดหน้าแล้วพูดด้วยความเจ็บปวด ไมค์ขมวดคิ้วสีหน้าลำบากใจ “เขาไม่มีทางฟังฉันหรอก ถ้าเธอเป็นแบบนี้อย่าไปดีกว่า ฉันจะโทรหาจื่ออี้!” หลังจากที่ไมค์โทรหาโจวจื่ออี้แล้ว เขาก็จับมือของฉินอันอันแล้วพาเธอออกไป
โจวจื่ออี้สามารถเข้าใจความรู้สึกของเขาได้อย่างลึกซึ้งและยืนเคียงข้างเขา เช่นเดียวกับที่ไมค์ยืนเคียงข้างฉินอันอันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เวลาตีสอง โรลส์รอยซ์สีดำค่อย ๆ ขับเข้าไปในบ้านตระกูลฟู่ช้า ๆ ในห้องนั่งเล่นมีแสงไฟส่องสว่าง ฟู่สือถิงลงจากรถ ป้าจางเดินออกไปรายงานทันที “คุณผู้ชายคะ มีอะไรเกิดขึ้นกับอันอันหรือเปล่าคะ? เมื่อคืนตอนสี่ทุ่มเสี่ยวหานโทรมาให้อิ๋นอิ๋นไปหาค่ะ” เมื่อฟู่สือถิงได้ยินชื่อของเสี่ยวหาน หัวใจที่เย็นชาของเขาก็ปวดร้าวอีกครั้ง ฉินอันอันไม่เพียงแต่ทอดทิ้งเขาเท่านั้น แต่ยังทอดทิ้งลูกสองคนของเธอด้วย “คุณผู้ชายคะ ดึกมากแล้ว คุณควรไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ!” ป้าจางเห็นใบหน้าที่มืดมนของฟู่สือถิงจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาเหมือนซอมบี้ ลากร่างที่หนักอึ้งเข้าไปในห้องนอน ดวงตาสีแดงมองไปที่เตียงขนาดใหญ่ จู่ ๆ ร่างที่จากไปอย่างโหดร้ายของฉินอันอันก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา เขาอดคิดไม่ได้ว่าหรือจริง ๆ แล้วพวกเขาทั้งสองไม่เคยคืนดีกันเลย และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนเช้าเป็นสิ่งเขาที่มโนขึ้นมาเอง! เขาเคยเห็นเธอเข้าหาเขาแค่ในความฝันเท่านั้น ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นเรื่องโกหก! แ