หรือว่าฉินอันอันกลับไปแล้ว? ไม่มีหรอกเหรอ? รองประธานสูดหายใจ แล้วเคาะประตูสำนักงานที่เปิดอยู่ ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นรองประธานก็พูดทันที “เข้ามา แล้วปิดประตู” รองประธานได้แต่อึ้ง น่ากลัวมาก! แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่แตกต่างจากปกติ แต่คำห้าคำนี้ ‘เข้ามา แล้วปิดประตู' ก็ดูน่ากลัวเล็กน้อย รองประธานเดินเข้ามาด้วยตัวสั่นเทาและปิดประตูสำนักงาน “ประธานครับ คุณฉินล่ะครับ?” ฟู่สือถิงผลักเอกสารไปด้านข้างแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายมีธุระอะไรกับเธอ?” เขาชะงักแล้วพูดเสียงเศร้า “เธอกลัวพวกนาย” เหงื่อท่วมแผ่นหลังรองประธาน “ประธานครับ ผมขอโทษจริง ๆ! ผมจะไปขอโทษคุณฉินเดี๋ยวนี้!” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “นายคิดว่าเธอยังอายไม่พอเหรอ?” รองประธานก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้าสื่อว่า 'อย่างที่คุณกล่าว' “สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ห้ามให้รั่วไหลเด็ดขาด!” ฟู่สือถิงกล่าว รองประธานพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “คุณไม่ต้องกังวล! ผมจะไม่พูดเด็ดขาด!” “ฉันยังมีเรื่องต้องทำ อีกครึ่งชั่วโมงนายพาคนเหล่านั้นมาหาฉันหน่อย” น้ำเสียงของฟู่สือถิงกลับมาเป็นน้ำเสียงสงบตามปกติ รองประธานถอนหายใ
หลีเสี่ยวเถียนส่ายหน้า “ไม่ได้สั่งนะ! ข้อมูลของผู้ส่งมีเขียนอยู่บนพัสดุไม่ใช่เหรอ?” “ฉันแค่ดูแวบเดียว เหมือนจะเป็นชื่อของบริษัทนะ” ฉินอันอันแสดงความสงสัย “ฉันบอกให้เขาเอามันไปวางไว้ในตู้พัสดุของหมู่บ้าน หรือกดกริ่งประตูบ้านแล้วส่งให้พี่เลี้ยง แต่เขายืนกรานจะให้ฉันเซ็นด้วยตัวเอง” “โอ้ บางทีอาจจะมีของมีค่าอยู่ข้างใน โดยปกติแล้ว ของมีค่าเท่านั้นที่ผู้รับจะต้องเซ็นรับด้วยตัวเอง” หลีเสี่ยวเถียนยิ้มกรุ้มกริ่ม “หรือว่ามันจะเป็นของขวัญที่ฟู่สือถิงซื้อให้เธอ? ตอนนี้พวกเธอกำลังมีความรักไม่ใช่เหรอ?” ฉินอันอันพูดโดยไม่คิด “ไม่น่าจะเป็นเขา เขาไม่เคยส่งของขวัญให้ฉันทางไปรษณีย์เลย ถึงจะซื้อมาจากต่างประเทศก็จะส่งไปให้เขาก่อน และเขาจะตรวจสอบก่อนที่จะให้ฉัน” “จุ๊จุ๊! สิ่งที่เธอพูดทำให้ฉันตกหลุมรักเขาอีกครั้ง ยังไงซะเขาก็เคยเป็นเทพบุตรของฉัน!” หลีเสี่ยวเถียนใช้ช้อนคนกาแฟในถ้วย “อันอัน เธอโล่งใจขึ้นบ้างรึยัง?” เมื่อดูจากพฤติกรรมของฉินอันอันในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอเหมือนสาวน้อยที่กำลังมีความรัก ฉินอันอันรู้ว่าตัวเองซ่อนมันไว้ไม่ได้จึงพยักหน้า “ปล่อยให้อดีตมันผ่านไปได้แล้ว!” “ฉันเคารพการตัดสิ
ฉินอันอันไม่คิดมากกับเรื่องเล็กน้อย “แม่ไม่โกรธอยู่แล้ว แต่พฤติกรรมแบบนี้มันไม่เหมาะสม” ฉินอันอันสอน “ลูกควรรอจนกว่าแม่จะกลับมาและถามแม่ว่าขอเปิดได้หรือไม่ ถ้าแม่ตอบว่าได้ ลูกก็เปิดได้” “ค่ะ แม่ หนูเปิดได้หรือยังคะ?” “ได้สิ!” ฉินอันอันหยิบพัสดุขึ้นมา ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เคร่งขรึม “รุ่ยลา แม่ไม่รู้ว่าใครส่งพัสดุนี้มา และไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน เอางี้ แม่เปิดเองดีกว่า!” ฉินอันอันกลัวว่าจะมีของแปลก ๆ อยู่ข้างใน และคงแย่ถ้ามันทำให้เด็ก ๆ ตกใจ “ค่ะ...” รุ่ยลาเริ่มสงสัยมากขึ้น ฉินอันอันหยิบกรรไกรมาตัดเทปบนบรรจุภัณฑ์ออก พี่เลี้ยงเข้ามาถามว่า “คุณอันอัน ไมค์จะกลับมาทานอาหารเย็นคืนนี้ไหมคะ?” ฉินอันอันตอบ “คืนนี้เขามีงานปาร์ตี้ ไม่กลับมาทานหรอกค่ะ” “โอเค งั้นฉันจะไปเอากับข้าวไปวางที่โต๊ะ” “ค่ะ” ฉินอันอันตัดเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ววางกรรไกรลง ไอความเย็นออกมาจากกล่อง เธอดึงถุงน้ำแข็งออกมา เธอเริ่มระแวง... โดยปกติแล้วบรรจุภัณฑ์ที่แพ็กมากับน้ำแข็งจะเป็นอาหารสด แต่กล่องนี้ขนาดไม่ใหญ่ นอกจากถุงน้ำแข็งที่เอาออกมาแล้ว ยังมีเทปสีดำชิ้นเล็กๆ อยู่ข้างในอีกด้วย เธอหยิบเทปอ
‘ท่าทางเป็นแบบนี้ จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง?’ แม้แต่รุ่ยลากับเสี่ยวหานก็ยังรู้สึกได้ว่าไม่เพียงแต่เธอกำลังประสบปัญหาเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องใหญ่อีกด้วย “เสี่ยวหาน เธอพาน้องไปทานอาหารเย็นก่อน ป้าจะเสิร์ฟอาหารเย็นให้แม่ของเธอ” พี่เลี้ยงพูด เสี่ยวหานพารุ่ยลาไปที่ห้องอาหาร พี่เลี้ยงถือถาดแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ที่ชั้นสอง ในห้องนอนใหญ่ ฉินอันอันหยิบปากกาอัดเสียงออกจากกล่องกระดาษแข็งด้วยมือที่สั่นเทา เธอกดเล่นโดยไม่ลังเล “ได้ยินมาว่าหูชิงมีลูกศิษย์ลับที่มีทักษะทางการแพทย์ดีกว่าหูชิงด้วย! คุณบอกฉันหน่อยว่าใครคือลูกศิษย์คนนั้น?” “ฉันไม่รู้ อาจารย์ไม่เคยบอกฉันเลย” เสียงที่คุ้นเคยทำให้ร่างกายของเธอสั่นแรงยิ่งขึ้น! นั่นคือเสียงของเว่ยเจิน! “อืม ในเมื่อคุณไม่รู้ งั้นฉันจะตัดนิ้วของคุณออกแล้วส่งไปให้คนที่มีแนวโน้มเป็นไปได้มากที่สุด… ดูสิว่าจะเรียกร้องความสนใจจากเธอได้ไหม?” เสียงอันชั่วร้ายทำให้ขนลุก ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘ปัง’ ดังมาจากเครื่องบันทึก! มีดหล่นลงมาและมีเสียงกรีดร้อง! เสียงร้องไห้แสนเจ็บปวดและน่าสังเวชของเว่ยเจินทำให้ฉินอันอันทรุดลงทันที! น้ำตาทำให้สายตาของเธอพ
พี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดก็ตกตะลึงเช่นกัน “คุณฉิน ดึกแล้ว คุณจะไปไหนเหรอครับ?” ร่างกายของฉินอันอันแข็งทื่อ เธอไม่สามารถแสร้งทำเป็นสงบได้และไม่สามารถแม้แต่แกล้งยิ้มให้ลูกของเธอได้ด้วย เธอมองเสี่ยวหานด้วยดวงตาสีแดงเข้ม “เสี่ยวหาน ดูแลน้องดี ๆ นะลูก” เสี่ยวหานเป็นคนเข้มแข็งมาโดยตลอด แต่ท่าทางของแม่ตอนนี้ทำให้เขากลัว ไม่ว่าเขาจะแก่แดดแค่ไหน เขาก็ยังเป็นแค่เด็กอายุห้าขวบเท่านั้น เขาเอื้อมมือออกไปคว้าชายเสื้อของฉินอันอันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจและหวาดกลัว “แม่จะไปไหนเหรอครับ?”โดยปกติ ฉินอันอันจะอธิบายให้ลูก ๆ ฟัง แม้ว่าจะเป็นเรื่องโกหก แต่ก็ต้องสงบอารมณ์ของลูก ๆ ก่อน แต่ตอนนี้ร่างกายของเธอชาและสมองไม่สามารถคิดได้ตามปกติ! ในสมองมีแค่ความคิดเดียวเท่านั้น เธอจะไปประเทศบีเพื่อช่วยเว่ยเจิน! ไม่ว่าจะเสี่ยงแค่ไหนก็ไม่สน! เว่ยเจินถูกพาตัวไปเพราะเธอ ถ้าเว่ยเจินไม่รู้จักเธอ เขาคงไม่ต้องมาทนทรมานกับการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้! นิ้วที่เปื้อนเลือดนั้นเหมือนใบมีดแหลมคมทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเธอ! ...... แท็กซี่จอดอยู่ด้านนอกประตูลานบ้าน ก่อนที่ไมค์จะลงจากรถ เขาได้ยินเสียงร้
วางสายโทรศัพท์ เธอเหลือบมองนาฬิกา ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ที่ตั้งทางของสนามบินค่อนข้างไกล ตราบใดที่เขาอยู่ในเมืองก็จะใช้เวลามาอย่างน้อยเกือบหนึ่งชั่วโมง และเธอกำลังจะขึ้นเครื่องในอีกสี่สิบนาที ไม่มีทางที่เธอจะรอเขาได้ ถ้าเธอพลาดเที่ยวบินรอบนี้ เที่ยวบินถัดไปก็จะต้องรอจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้ เธอไม่มีเวลามากขนาดนั้นแล้ว ไมค์เห็นว่าเธอสีหน้าดูแย่มาก เขาจึงยื่นมือออกไปจับมือเล็ก ๆ ที่เย็นเฉียบของเธอไว้ “ฉินอันอัน เธอไม่ต้องกลัวนะ คนคนนั้นหาเธอ อาจเป็นเพราะเขาต้องการให้เธอช่วยรักษาอาการป่วยของเขาก็ได้” ไมค์ปลอบใจเธอ “เธอยื้อเวลาออกไปให้ได้มากที่สุด ฉันจะหาทางช่วยเธอเอง” ฉินอันอันพึมพำ “ช่วยพี่เว่ยก่อน” “อืม” “พี่เว่ยกับฉันรู้จักกันมาหลายปีแล้ว ฉันขอความช่วยเหลือจากเขานับครั้งไม่ถ้วนและเขาก็ไม่เคยปฏิเสธฉันเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่เขาได้รับอะไรดี ๆ เขาก็จะแบ่งปันให้ฉันตลอด เขาไม่เคยขอให้ฉันทำอะไรให้เขาไม่เคยเลย… ทุกครั้งที่ฉันชวนเขาไปกินข้าว สุดท้ายเขาก็เป็นคนจ่ายเงินตลอด สำหรับฉัน เขาเปรียบเสมือนพี่ชายที่คลานตามกันออกมา” ฉินอันอันน้ำตาไหลขณะพูด “แค่เขาพูดชื่อฉัน เขาก็
ที่ผ่านมาเธอได้บอกอะไรเขาบ้าง? ตอนนี้เธอต้องไปประเทศบี ไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้ นอกจากนี้เธอไม่อยากให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอสูดหายใจแล้วเดินต่อ... เดินต่อไปอีกไม่ถึงสิบเมตรก็ถึงทางเลี้ยว แค่เลี้ยวไปเขาก็มองไม่เห็นเธอแล้ว “ฉินอันอัน!” ฟู่สือถิงเห็นเธอเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามอง เลือดในร่างกายของเขาก็เดือดพล่านทันที! เขารีบวิ่งไปที่ประตูเช็คอินด้วยดวงตาสีแดงสด...เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้ามเขาทันที “ฉินอันอัน! หันกลับมา!” เขาทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดในห้องโถงสนามบินที่มีผู้คนพลุกพล่านและตะโกน “หันกลับมา! มองผม!” เท้าของฉินอันอันรู้สึกเหมือนถูกเข็มตำ เดินไปถึงมุมทางเดินที่ห่างออกไปเพียงสิบเมตร แต่กลับต้องใช้กำลังทั้งหมดของเธอที่มี หลังจากที่เขามองไม่เห็นเธอ เธอก็พิงผนังกระจกและร้องไห้ออกมา “ไมค์ ปล่อยเขาไป!” เธอเอามือปิดหน้าแล้วพูดด้วยความเจ็บปวด ไมค์ขมวดคิ้วสีหน้าลำบากใจ “เขาไม่มีทางฟังฉันหรอก ถ้าเธอเป็นแบบนี้อย่าไปดีกว่า ฉันจะโทรหาจื่ออี้!” หลังจากที่ไมค์โทรหาโจวจื่ออี้แล้ว เขาก็จับมือของฉินอันอันแล้วพาเธอออกไป
โจวจื่ออี้สามารถเข้าใจความรู้สึกของเขาได้อย่างลึกซึ้งและยืนเคียงข้างเขา เช่นเดียวกับที่ไมค์ยืนเคียงข้างฉินอันอันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เวลาตีสอง โรลส์รอยซ์สีดำค่อย ๆ ขับเข้าไปในบ้านตระกูลฟู่ช้า ๆ ในห้องนั่งเล่นมีแสงไฟส่องสว่าง ฟู่สือถิงลงจากรถ ป้าจางเดินออกไปรายงานทันที “คุณผู้ชายคะ มีอะไรเกิดขึ้นกับอันอันหรือเปล่าคะ? เมื่อคืนตอนสี่ทุ่มเสี่ยวหานโทรมาให้อิ๋นอิ๋นไปหาค่ะ” เมื่อฟู่สือถิงได้ยินชื่อของเสี่ยวหาน หัวใจที่เย็นชาของเขาก็ปวดร้าวอีกครั้ง ฉินอันอันไม่เพียงแต่ทอดทิ้งเขาเท่านั้น แต่ยังทอดทิ้งลูกสองคนของเธอด้วย “คุณผู้ชายคะ ดึกมากแล้ว คุณควรไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ!” ป้าจางเห็นใบหน้าที่มืดมนของฟู่สือถิงจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาเหมือนซอมบี้ ลากร่างที่หนักอึ้งเข้าไปในห้องนอน ดวงตาสีแดงมองไปที่เตียงขนาดใหญ่ จู่ ๆ ร่างที่จากไปอย่างโหดร้ายของฉินอันอันก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา เขาอดคิดไม่ได้ว่าหรือจริง ๆ แล้วพวกเขาทั้งสองไม่เคยคืนดีกันเลย และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนเช้าเป็นสิ่งเขาที่มโนขึ้นมาเอง! เขาเคยเห็นเธอเข้าหาเขาแค่ในความฝันเท่านั้น ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นเรื่องโกหก! แ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง