ที่ผ่านมาเธอได้บอกอะไรเขาบ้าง? ตอนนี้เธอต้องไปประเทศบี ไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้ นอกจากนี้เธอไม่อยากให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอสูดหายใจแล้วเดินต่อ... เดินต่อไปอีกไม่ถึงสิบเมตรก็ถึงทางเลี้ยว แค่เลี้ยวไปเขาก็มองไม่เห็นเธอแล้ว “ฉินอันอัน!” ฟู่สือถิงเห็นเธอเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามอง เลือดในร่างกายของเขาก็เดือดพล่านทันที! เขารีบวิ่งไปที่ประตูเช็คอินด้วยดวงตาสีแดงสด...เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้ามเขาทันที “ฉินอันอัน! หันกลับมา!” เขาทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดในห้องโถงสนามบินที่มีผู้คนพลุกพล่านและตะโกน “หันกลับมา! มองผม!” เท้าของฉินอันอันรู้สึกเหมือนถูกเข็มตำ เดินไปถึงมุมทางเดินที่ห่างออกไปเพียงสิบเมตร แต่กลับต้องใช้กำลังทั้งหมดของเธอที่มี หลังจากที่เขามองไม่เห็นเธอ เธอก็พิงผนังกระจกและร้องไห้ออกมา “ไมค์ ปล่อยเขาไป!” เธอเอามือปิดหน้าแล้วพูดด้วยความเจ็บปวด ไมค์ขมวดคิ้วสีหน้าลำบากใจ “เขาไม่มีทางฟังฉันหรอก ถ้าเธอเป็นแบบนี้อย่าไปดีกว่า ฉันจะโทรหาจื่ออี้!” หลังจากที่ไมค์โทรหาโจวจื่ออี้แล้ว เขาก็จับมือของฉินอันอันแล้วพาเธอออกไป
โจวจื่ออี้สามารถเข้าใจความรู้สึกของเขาได้อย่างลึกซึ้งและยืนเคียงข้างเขา เช่นเดียวกับที่ไมค์ยืนเคียงข้างฉินอันอันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เวลาตีสอง โรลส์รอยซ์สีดำค่อย ๆ ขับเข้าไปในบ้านตระกูลฟู่ช้า ๆ ในห้องนั่งเล่นมีแสงไฟส่องสว่าง ฟู่สือถิงลงจากรถ ป้าจางเดินออกไปรายงานทันที “คุณผู้ชายคะ มีอะไรเกิดขึ้นกับอันอันหรือเปล่าคะ? เมื่อคืนตอนสี่ทุ่มเสี่ยวหานโทรมาให้อิ๋นอิ๋นไปหาค่ะ” เมื่อฟู่สือถิงได้ยินชื่อของเสี่ยวหาน หัวใจที่เย็นชาของเขาก็ปวดร้าวอีกครั้ง ฉินอันอันไม่เพียงแต่ทอดทิ้งเขาเท่านั้น แต่ยังทอดทิ้งลูกสองคนของเธอด้วย “คุณผู้ชายคะ ดึกมากแล้ว คุณควรไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ!” ป้าจางเห็นใบหน้าที่มืดมนของฟู่สือถิงจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาเหมือนซอมบี้ ลากร่างที่หนักอึ้งเข้าไปในห้องนอน ดวงตาสีแดงมองไปที่เตียงขนาดใหญ่ จู่ ๆ ร่างที่จากไปอย่างโหดร้ายของฉินอันอันก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา เขาอดคิดไม่ได้ว่าหรือจริง ๆ แล้วพวกเขาทั้งสองไม่เคยคืนดีกันเลย และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนเช้าเป็นสิ่งเขาที่มโนขึ้นมาเอง! เขาเคยเห็นเธอเข้าหาเขาแค่ในความฝันเท่านั้น ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นเรื่องโกหก! แ
หลังจากที่เสี่ยวหานพูดจบ ฟู่สือถิงกับอิ๋นอิ๋นก็เดินออกจากคฤหาสน์ สายตาของพ่อและลูกชายสบกันโดยบังเอิญ และเสี่ยวหานก็เสมองออกไปทางอื่นช้า ๆ ด้วยสายตารังเกียจ ตอนนี้เสี่ยวหานยังเป็นผู้เยาว์และไม่สามารถนั่งเครื่องบินตามลำพังได้ หากไม่มีผู้ปกครอง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาที่นี่! ตอนนี้เขาแค่อยากไปประเทศบีให้เร็วที่สุดและใกล้กับแม่ของเขามากขึ้น “เสี่ยวหาน! รุ่ยลา! พี่ของฉันสัญญาว่าจะพาเราไปประเทศบี!” อิ๋นอิ๋นวิ่งไปหาเด็กทั้งสองคนแล้วพูดน้ำเสียงตื่นเต้น “เราจะได้เจออันอันแล้ว!” ...... ณ ประเทศบี สนามบินเมืองหลวง ฉินอันอันออกจากสนามบินและถูกชายสองคนในชุดดำพาขึ้นรถยี่ห้อบูอิคสีดำ ไมค์ถ่ายรูปหมายเลขทะเบียนรถจากระยะไกล เว่ยเจินยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจึงไม่สามารถแจ้งเตือนเขาได้บูอิคสีดำหายไปอย่างรวดเร็ว ไมค์เห็นข้อความจำนวนนับไม่ถ้วนจากโจวจื่ออี้เด้งขึ้นมาบนโทรศัพท์ของเขาเขากดโทรหาโจวจื่ออี้ และโจวจื่ออี้ก็รับสายทันที “เจ้านายของผมพาอิ๋นอิ๋นกับลูกสองคนของเขาไปประเทศบีด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวแล้ว” ไมค์ยกคิ้วหนาและลูบขมับด้วยมือข้างเดียว “คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเขามาเที่ยว!” “
ชายผมขาวใบหน้าเด็กเดินเข้ามาในสายตาของเธอ “คุณลักพาตัวเว่ยเจินเหรอ?!” เธอกำหมัดแน่นแล้วถาม ชายคนนั้นเพียงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดกับผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา “ช่วยคุณฉินเปลี่ยนเสื้อผ้า” “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” ฉินอันอันตะโกน “ทำไมฉันต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย?!” “คุณฉิน ถ้ามีอาวุธหรือยาพิษซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าของคุณล่ะ?” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล เราจะทำความสะอาดเสื้อผ้าของคุณแล้วนำมาคืนให้คุณค่ะ” ฉินอันอันหยิบเสื้อผ้าที่ผู้หญิงคนนั้นถือไว้ข้างแล้วพูดว่า “ฉันจะเปลี่ยนเอง!” “คุณฉินเปลี่ยนที่นี่นะคะ” ผู้หญิงคนนั้นยังคงยิ้มและพูด "จะเปลี่ยนที่นี่ได้ยังไงกัน?!” ฉินอันอันมองไปที่บอดี้การ์ดที่อยู่รอบ ๆ และชายหน้าอ่อนด้วยสีหน้าตกตะลึง! มีผู้ชายมากมายขนาดนี้ จะให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าในที่สาธารณะได้ยังไง? ...... ที่ประเทศเอ ในโซเชียลพาดหัวข่าว เช้านี้เครื่องบินส่วนตัวกัลฟ์สตรีมจีหกห้าศูนย์ออกจากสนามบินเมืองหลวง ทั้งประเทศมีเศรษฐีไม่เกินสิบคนที่เป็นเจ้าของเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวกัลฟ์สตรีมจีหกห้าศูนย์ เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นประเด็นร้อนในหมู่ชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว ห
“เขาอยู่ไหน?!” ฉินอันอันยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นและถามน้ำเสียงเย็นชา อิ๋นหวังขยิบตาให้ลูกน้องของเขา ลูกน้องจึงรีบไปพาตัวเขามาทันที หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เว่ยเจินก็ถูกชายชุดดำสองคนลากตัวออกมา ร่างกายของฉินอันอันแข็งทื่อทันที เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น! ร่างของเว่ยเจินเต็มไปด้วยเลือด จมูกของเขาฟกช้ำ ใบหน้าของเขาบวม และไม่มีส่วนใดของร่างกายที่ยังดูดีอยู่ อิ๋นหวังยักไหล่และอธิบายว่า “คุณฉิน คุณควรขอบคุณผมนะ ถ้าคนของผมไม่ไปเจอเขาทันเวลา ไอ้โง่นี่คงจะกระโดดลงจากหน้าผาและละเอียดเป็นชิ้น ๆ โดยไม่มีศพเหลืออยู่แน่!” กระโดดลงหน้าผา? ด้านนอกคฤหาสน์มีหน้าผาจริง ๆ เว่ยเจินต้องการกระโดดลงจากหน้าผาจริง ๆ! เขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนของเธอหรือไม่อยากทนทรมาน เขาถึงได้อยากจะกระโดดหน้าผา! น้ำตาของฉินอันอันไหลออกมาทันที “พี่เว่ย!” เธอเดินไปหาเว่ยเจินแล้วพยุงเขาขึ้นมา “พี่เว่ย! ฉันขอโทษ! ฉันทำให้พี่เจ็บตัว!” เว่ยเจินนิ่งเฉยและหมดสติไปแล้ว ฉินอันอันกอดเขาและร้องไห้อย่างขมขื่นอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็รวบรวมความคิดอย่างรวดเร็ว “กล่องยา! เอาชุดปฐมพยาบาลมาให้ฉัน!” อิ๋นหวังมองลูกน้องของเขา แล
ห้องผู้ป่วยวิกฤตที่โรงพยาบาล ร่างกายของเว่ยเจินถูกห่อหุ้มไปด้วยผ้าพันแผล บริเวณดวงตาที่เปิดอยู่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเปลือกตาบวม ลูกตาโปน และเต็มไปด้วยเลือด... นิ้วของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล และเห็นได้ชัดเจนว่านิ้วของเขาหายไป รุ่ยลาและเสี่ยวหานไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป และบอดี้การ์ดก็เฝ้าพวกเขาอยู่ข้างนอก อิ๋นอิ๋นเดินตามเข้ามา เธอเปิดตาเรียวที่สดใสแล้วจ้องมองไปที่คนบนเตียงผู้ป่วย เธอพยายามสังเกตบุคคลนั้น แต่เธอจำไม่ได้ว่าเป็นใคร “นี่... นี่ใครคะ?” เสียงของเธอเล็ดลอดออกมาจากลำคอเบา ๆ ด้วยกลัวว่าจะรบกวนคนบนเตียงผู้ป่วย ไมค์หันกลับมาและเห็นว่าเธอดูหวาดกลัวจึงพยุงเธอเดินไปที่ประตู “นี่คือเว่ยเจิน อิ๋นอิ๋น เธอออกไปข้างนอก...” “ฮือ ๆ!” อารมณ์ของอิ๋นอิ๋นดิ่งลงทันที เธอผลักไมค์ออกไปแล้วเดินอย่างรวดเร็วไปที่ข้างเตียงพลางน้ำตาไหลอาบ “เว่ยเจิน! เว่ยเจิน คุณเป็นแบบนี้ได้ยังไง? ใครรังแกคุณ? ฮือ ๆ ๆ!” อิ๋นอิ๋นอยากจะจับมือของเขา แต่กลัวสัมผัสบาดแผลของเขา สุดท้ายเธอทำได้เพียงจับผ้าห่มไว้ “ครั้งก่อนที่คุณให้ดอกทานตะวันฉัน... คุณบอกว่ามันคือความหวัง... ตอนนี้ฉันขอคืนความหวังให้คุณ
ไมค์เอ่ยปาก “เฮ้ คุณจะไปหาใคร? ที่นี่คือประเทศบี คุณคุ้นเคยกับที่นี่มากหรือไง?” ฟู่สือถิง “ขอแค่มีเงินก็ทำได้ทุกอย่าง คำพูดนี้ใช้ได้ทั่วโลก ตราบใดที่ผมยินดีจ่าย ก็มีคนมากมายยอมทำงานหนักให้ผมแล้ว!” ไมค์เห็นเขาทำตัวเย่อหยิ่งราวกับเป็นพระเจ้าและถูกรัศมีของเขาข่มขู่ จึงลุกออกจากเบาะที่นั่งคนขับอย่างว่าง่าย แต่ไมค์ก็ไม่ลืมเยาะเย้ยเขา “วันนั้นที่สนามบิน ฉินอันอันเมินคุณ คุณร้องไห้เลยหรือเปล่า? ร้องไห้สินะ? ตอนนั้นผมน่าจะถ่ายฉากนั้นเอาไว้…” “ไปให้พ้น!” ฟู่สือถิงเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ปิดประตูรถสุดแรง! ......วิลล่าสีขาว หลังจากที่ฉินอันอันตื่น ก็ได้รับรายงานอาการป่วยของเว่ยเจิน อาการบาดเจ็บบนตัวเว่ยเจินรวมแล้วมีอยู่หลายหน้า ฉินอันอันเปิดอ่านสักพักถึงอ่านจบ “คุณฉิน เขายังไม่ตาย พักฟื้นสักหน่อยก็หายแล้วค่ะ” ผู้หญิงที่รับผิดชอบในการจับตามองฉินอันอันยืนอยู่ข้าง ๆ และพูดประชด เว่ยเจินพ้นขีดอันตรายแล้วก็จริง แต่ร่างกายของเขาสิ้นสภาพไปแล้ว อาการบาดเจ็บมากมายไม่สามารถรักษาให้หายได้ ตัวอย่างเช่นนิ้วที่ถูกตัดออกไม่สามารถใส่กลับเข้าไปใหม่ได้ หรือเช่นการมองเห็นของเข
ฉินอันอันรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว! เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกแล้ว! ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นนายแพทย์ฮัวถวอ*ก็ช่วยชีวิตคนตายไม่ได้หรอก! “คุณฉิน นี่คือลูกสาวสุดที่รักของผม เธอคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” เสียงของอิ๋นหวังดังก้องอยู่ในหูของฉินอันอัน มันมีความประชดประชันและบ้าคลั่งอยู่เล็กน้อย “คุณรักษาเธอให้หายได้ใช่ไหม? ขอแค่คุณรักษาเธอได้ ผมยินดียกให้คุณทุกอย่าง!” ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเป็นสีแดง เธอผลักเขาออก “คุณมันบ้า! เธอตายไปแล้ว คุณจะให้ฉันรักษายังไง?! ฉันรักษาได้แค่คนเป็นเท่านั้น ฉันไม่เคยพูดเลยนะว่าฉันมีทักษะทางการแพทย์ที่เก่งจนทำให้คนตายฟื้นได้!” “มีคนบอกผมว่า คุณเป็นลูกศิษย์คนสนิทของหูชิง เธอบอกว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณเก่งกว่าหูชิงเสียอีก! ทำไมคุณจะรักษาคนตายไม่ได้ล่ะ?! ถ้าคุณไม่ลองแล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าทำไมได้?!” อิ๋นหวังกำแขนเธอไว้แน่น ไม่ยอมให้เธอไป “คุณฉิน คุณจะไปไหน? ต่อจากนี้ที่นี่คือบ้านของคุณ!” หัวใจของฉินอันอันรู้สึกราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง! ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่า คนป่วยที่ต้องการรักษาไม่ใช่คนในโลงน้ำแข็ง แต่เป็นคนที่มีชีวิตตรงหน้าเธอ! เขาไม่ใช่คนปกติ!