ชายผมขาวใบหน้าเด็กเดินเข้ามาในสายตาของเธอ “คุณลักพาตัวเว่ยเจินเหรอ?!” เธอกำหมัดแน่นแล้วถาม ชายคนนั้นเพียงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดกับผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา “ช่วยคุณฉินเปลี่ยนเสื้อผ้า” “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” ฉินอันอันตะโกน “ทำไมฉันต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย?!” “คุณฉิน ถ้ามีอาวุธหรือยาพิษซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าของคุณล่ะ?” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล เราจะทำความสะอาดเสื้อผ้าของคุณแล้วนำมาคืนให้คุณค่ะ” ฉินอันอันหยิบเสื้อผ้าที่ผู้หญิงคนนั้นถือไว้ข้างแล้วพูดว่า “ฉันจะเปลี่ยนเอง!” “คุณฉินเปลี่ยนที่นี่นะคะ” ผู้หญิงคนนั้นยังคงยิ้มและพูด "จะเปลี่ยนที่นี่ได้ยังไงกัน?!” ฉินอันอันมองไปที่บอดี้การ์ดที่อยู่รอบ ๆ และชายหน้าอ่อนด้วยสีหน้าตกตะลึง! มีผู้ชายมากมายขนาดนี้ จะให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าในที่สาธารณะได้ยังไง? ...... ที่ประเทศเอ ในโซเชียลพาดหัวข่าว เช้านี้เครื่องบินส่วนตัวกัลฟ์สตรีมจีหกห้าศูนย์ออกจากสนามบินเมืองหลวง ทั้งประเทศมีเศรษฐีไม่เกินสิบคนที่เป็นเจ้าของเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวกัลฟ์สตรีมจีหกห้าศูนย์ เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นประเด็นร้อนในหมู่ชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว ห
“เขาอยู่ไหน?!” ฉินอันอันยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นและถามน้ำเสียงเย็นชา อิ๋นหวังขยิบตาให้ลูกน้องของเขา ลูกน้องจึงรีบไปพาตัวเขามาทันที หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เว่ยเจินก็ถูกชายชุดดำสองคนลากตัวออกมา ร่างกายของฉินอันอันแข็งทื่อทันที เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น! ร่างของเว่ยเจินเต็มไปด้วยเลือด จมูกของเขาฟกช้ำ ใบหน้าของเขาบวม และไม่มีส่วนใดของร่างกายที่ยังดูดีอยู่ อิ๋นหวังยักไหล่และอธิบายว่า “คุณฉิน คุณควรขอบคุณผมนะ ถ้าคนของผมไม่ไปเจอเขาทันเวลา ไอ้โง่นี่คงจะกระโดดลงจากหน้าผาและละเอียดเป็นชิ้น ๆ โดยไม่มีศพเหลืออยู่แน่!” กระโดดลงหน้าผา? ด้านนอกคฤหาสน์มีหน้าผาจริง ๆ เว่ยเจินต้องการกระโดดลงจากหน้าผาจริง ๆ! เขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนของเธอหรือไม่อยากทนทรมาน เขาถึงได้อยากจะกระโดดหน้าผา! น้ำตาของฉินอันอันไหลออกมาทันที “พี่เว่ย!” เธอเดินไปหาเว่ยเจินแล้วพยุงเขาขึ้นมา “พี่เว่ย! ฉันขอโทษ! ฉันทำให้พี่เจ็บตัว!” เว่ยเจินนิ่งเฉยและหมดสติไปแล้ว ฉินอันอันกอดเขาและร้องไห้อย่างขมขื่นอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็รวบรวมความคิดอย่างรวดเร็ว “กล่องยา! เอาชุดปฐมพยาบาลมาให้ฉัน!” อิ๋นหวังมองลูกน้องของเขา แล
ห้องผู้ป่วยวิกฤตที่โรงพยาบาล ร่างกายของเว่ยเจินถูกห่อหุ้มไปด้วยผ้าพันแผล บริเวณดวงตาที่เปิดอยู่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเปลือกตาบวม ลูกตาโปน และเต็มไปด้วยเลือด... นิ้วของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล และเห็นได้ชัดเจนว่านิ้วของเขาหายไป รุ่ยลาและเสี่ยวหานไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป และบอดี้การ์ดก็เฝ้าพวกเขาอยู่ข้างนอก อิ๋นอิ๋นเดินตามเข้ามา เธอเปิดตาเรียวที่สดใสแล้วจ้องมองไปที่คนบนเตียงผู้ป่วย เธอพยายามสังเกตบุคคลนั้น แต่เธอจำไม่ได้ว่าเป็นใคร “นี่... นี่ใครคะ?” เสียงของเธอเล็ดลอดออกมาจากลำคอเบา ๆ ด้วยกลัวว่าจะรบกวนคนบนเตียงผู้ป่วย ไมค์หันกลับมาและเห็นว่าเธอดูหวาดกลัวจึงพยุงเธอเดินไปที่ประตู “นี่คือเว่ยเจิน อิ๋นอิ๋น เธอออกไปข้างนอก...” “ฮือ ๆ!” อารมณ์ของอิ๋นอิ๋นดิ่งลงทันที เธอผลักไมค์ออกไปแล้วเดินอย่างรวดเร็วไปที่ข้างเตียงพลางน้ำตาไหลอาบ “เว่ยเจิน! เว่ยเจิน คุณเป็นแบบนี้ได้ยังไง? ใครรังแกคุณ? ฮือ ๆ ๆ!” อิ๋นอิ๋นอยากจะจับมือของเขา แต่กลัวสัมผัสบาดแผลของเขา สุดท้ายเธอทำได้เพียงจับผ้าห่มไว้ “ครั้งก่อนที่คุณให้ดอกทานตะวันฉัน... คุณบอกว่ามันคือความหวัง... ตอนนี้ฉันขอคืนความหวังให้คุณ
ไมค์เอ่ยปาก “เฮ้ คุณจะไปหาใคร? ที่นี่คือประเทศบี คุณคุ้นเคยกับที่นี่มากหรือไง?” ฟู่สือถิง “ขอแค่มีเงินก็ทำได้ทุกอย่าง คำพูดนี้ใช้ได้ทั่วโลก ตราบใดที่ผมยินดีจ่าย ก็มีคนมากมายยอมทำงานหนักให้ผมแล้ว!” ไมค์เห็นเขาทำตัวเย่อหยิ่งราวกับเป็นพระเจ้าและถูกรัศมีของเขาข่มขู่ จึงลุกออกจากเบาะที่นั่งคนขับอย่างว่าง่าย แต่ไมค์ก็ไม่ลืมเยาะเย้ยเขา “วันนั้นที่สนามบิน ฉินอันอันเมินคุณ คุณร้องไห้เลยหรือเปล่า? ร้องไห้สินะ? ตอนนั้นผมน่าจะถ่ายฉากนั้นเอาไว้…” “ไปให้พ้น!” ฟู่สือถิงเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ปิดประตูรถสุดแรง! ......วิลล่าสีขาว หลังจากที่ฉินอันอันตื่น ก็ได้รับรายงานอาการป่วยของเว่ยเจิน อาการบาดเจ็บบนตัวเว่ยเจินรวมแล้วมีอยู่หลายหน้า ฉินอันอันเปิดอ่านสักพักถึงอ่านจบ “คุณฉิน เขายังไม่ตาย พักฟื้นสักหน่อยก็หายแล้วค่ะ” ผู้หญิงที่รับผิดชอบในการจับตามองฉินอันอันยืนอยู่ข้าง ๆ และพูดประชด เว่ยเจินพ้นขีดอันตรายแล้วก็จริง แต่ร่างกายของเขาสิ้นสภาพไปแล้ว อาการบาดเจ็บมากมายไม่สามารถรักษาให้หายได้ ตัวอย่างเช่นนิ้วที่ถูกตัดออกไม่สามารถใส่กลับเข้าไปใหม่ได้ หรือเช่นการมองเห็นของเข
ฉินอันอันรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว! เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกแล้ว! ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นนายแพทย์ฮัวถวอ*ก็ช่วยชีวิตคนตายไม่ได้หรอก! “คุณฉิน นี่คือลูกสาวสุดที่รักของผม เธอคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” เสียงของอิ๋นหวังดังก้องอยู่ในหูของฉินอันอัน มันมีความประชดประชันและบ้าคลั่งอยู่เล็กน้อย “คุณรักษาเธอให้หายได้ใช่ไหม? ขอแค่คุณรักษาเธอได้ ผมยินดียกให้คุณทุกอย่าง!” ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเป็นสีแดง เธอผลักเขาออก “คุณมันบ้า! เธอตายไปแล้ว คุณจะให้ฉันรักษายังไง?! ฉันรักษาได้แค่คนเป็นเท่านั้น ฉันไม่เคยพูดเลยนะว่าฉันมีทักษะทางการแพทย์ที่เก่งจนทำให้คนตายฟื้นได้!” “มีคนบอกผมว่า คุณเป็นลูกศิษย์คนสนิทของหูชิง เธอบอกว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณเก่งกว่าหูชิงเสียอีก! ทำไมคุณจะรักษาคนตายไม่ได้ล่ะ?! ถ้าคุณไม่ลองแล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าทำไมได้?!” อิ๋นหวังกำแขนเธอไว้แน่น ไม่ยอมให้เธอไป “คุณฉิน คุณจะไปไหน? ต่อจากนี้ที่นี่คือบ้านของคุณ!” หัวใจของฉินอันอันรู้สึกราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง! ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่า คนป่วยที่ต้องการรักษาไม่ใช่คนในโลงน้ำแข็ง แต่เป็นคนที่มีชีวิตตรงหน้าเธอ! เขาไม่ใช่คนปกติ!
“ที่นี่คือประเทศบี กฏหมายของประเทศเอใช้กับผมไม่ได้หรอกนะ” อิ๋นหวังยังคงหัวเราะและพูดต่อไป “ที่พูดแบบนั้นมันก็จริงอยู่ แต่ว่าตอนนี้มีคนใช้เรื่องอื้อฉาวของพวกเรามาบีบให้พวกเราปกป้องเธอ! คุณต้องรีบปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!” “ผมไม่ปล่อย” น้ำเสียงของอิ๋นหวังหนักแน่น “ผมจะให้เธอช่วยยืดอายุให้ผม เธอเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์ เธอจะต้องคิดหาวิธียืดอายุให้ผมได้แน่!” “คุณแน่ใจเหรอ?” “ผมแน่ใจ” อิ๋นหวังตอบ “งั้นคุณอย่าเพิ่งแตะต้องเธอ.... ต้องให้เธอมีชีวิตอยู่” สมาชิกสภากล่าว “ส่วนผมจะจัดการทางนี้อีกที ทางที่ดีคุณควรทำให้ผุ้หญิงคนนี้สมัครใจอยู่กับคุณ แบบนี้แล้วก็จะไม่มีช่องให้โจมตีได้!” “ผมรู้น่า!” รอยยิ้มบนใบหน้าอิ๋นหวังกลายเป็นเย็นชา ทำให้ฉินอันอันอยู่โดยสมัครใจงั้นเหรอ? แล้ววิธีไหนที่จะทำให้เธออยู่ที่นี่ต่อไปโดยสมัครกันล่ะ? ......ช่วงบ่าย ไมค์ไปพบฟู่สือถิงที่บริษัทบอดี้การ์ดที่พิเศษและลึกลับ ไมค์คิดไม่ถึงว่า ฟู่สือถิงไม่เพียงแต่มีเส้นสายที่แข็งแกร่ง แต่ความสามารถในด้านการจัดการก็โดดเด่นเช่นกัน ตอนนี้อิ๋นหวังพักอยู่บนภูเขาสูง บัดนี้ พวกเขาได้สร้างแบบจำลองทางภูมิศาสตร์อย่างละเอียดใ
“ฉินอันอัน!” เขากู่ร้องเรียกชื่อออกมาเธออย่างใจสลาย! ใบหน้าของเขาเย็นเฉียบราวกับใบมีด เปื้อนไปด้วยรังสีสังหารที่น่ากลัวและสยองขวัญ! เขาอยากไปช่วยเธอ! แต่เขากลับพบว่าถึงพวกเขาจะอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้ แต่ก็ห่างไกล! เขาได้ยินเสียงลมหายใจหนักหน่วงของเธอ เขามองเห็นความกลัวที่ขยายใหญ่ขึ้นในดวงตาของเธอ แต่เขาทำอะไรไม่ได้! เลือดในตัวเขาเดือดพล่านทันที เขาอยากจะสับชายที่รังแกเธอเป็นพัน ๆ ชิ้น! เลาะกระดูกแล้วเอาให้หมากิน! อีกด้านของวิดีโอ ฉินอันอันตกตะลึง นั่นมันเสียงฟู่สือถิง! ร่างกายของเธอหนาวเย็นไม่หยุด! เธอคิดไม่ถึงว่าอิ๋นหวังจะแอบถ่ายวิดีโอส่งให้ฟู่สือถิง! “สือถิง! อย่ามอง!” น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไหลออกมาจากดวงตาของเธอ “ขอร้องล่ะ! อย่ามอง!” ฟู่สือถิงมองดูท่าทางที่ไร้ทางสู้และเจ็บปวดใจของเธอแล้ว หัวใจเขาเหมือนถูกบดขยี้จนแหลก! นิ้วมือของเขากำโทรศัพท์แน่น มีความเกลียดชังที่กระหายเลือดในดวงตา! “ผมจะรีบไปช่วยคุณ! ผมจะไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้!” วินาทีที่เขาเอ่ยปาก น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างเงียบงัน มันไหลลงมาที่มุมปาก น้ำตารสขม! เขาไม่เคยลิ้มรสความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน ที่ได้เห็น
“ผมนัดหมายกับเธอบนเครื่องบินแล้ว ถ้าทางเธอไฟดับ นั่นเป็นสัญญาณที่พวกเราจะเข้าไปช่วยเธอ ถึงเวลานั้นให้เธอฉวยโอกาสที่กำลังวุ่นวายหามุมซ่อนตัว รอจนพวกเราเข้าไปแล้วฆ่าศัตรูให้หมดก็ช่วยเธอออกมาได้แล้ว!” “ถ้าไม่ทำลายระบบวงจรไฟฟ้าของพวกเขา และทำให้ระบบภายในเสียหาย พวกเขาจะต้องใช้เธอเป็นตัวประกันข่มขู่พวกเราแน่!” ……ภายในวิลล่า หลังจากวิดีโอถูกวางสายไปแล้ว เสียงของฉินอันอันก็หายไปเช่นกัน หลังจากที่เธอหยุดดิ้นรนขัดขืนไม่ร้องไห้แล้ว ความสนใจของอิ๋นหวังก็ลดลงเหตุผลทั้งหมดนี้ก็เพื่อเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนของเขานั่นเอง มีเพียงแค่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงของเขาเท่านั้น เธอถึงจะยอมอยู่อย่างสมัครใจ และเหตุผลที่โทรวิดีโอหาฟู่สือถิง ก็เป็นเพราะเขาตรวจสอบเจอว่าฟู่สือถิงคือผู้ชายของเธอหากทำให้ฟู่สือถิงเห็นว่าเธอถูกเหยียบย่ำ ฟู่สือถิงไม่มีทางต้องการเธออีกแน่นอน “ทำไมคุณไม่ร้องแล้วล่ะ? คุณคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะมาช่วยคุณจริง ๆ เหรอ?” อิ๋นหวังยิ้มและตบหน้าเล็ก ๆ ที่เย็นชาของเธอ “คุณรู้ไหมว่ามีทหารซ่อนอยู่ในป่าด้านล่างวิลล่ากี่คน? ถ้าผมไม่อนุญาต ไม่มีใครสามารถเข้ามาในวิลล่าของผมได้!” “ลูกสาวคุ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง