“ฉินอันอัน!” เขากู่ร้องเรียกชื่อออกมาเธออย่างใจสลาย! ใบหน้าของเขาเย็นเฉียบราวกับใบมีด เปื้อนไปด้วยรังสีสังหารที่น่ากลัวและสยองขวัญ! เขาอยากไปช่วยเธอ! แต่เขากลับพบว่าถึงพวกเขาจะอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้ แต่ก็ห่างไกล! เขาได้ยินเสียงลมหายใจหนักหน่วงของเธอ เขามองเห็นความกลัวที่ขยายใหญ่ขึ้นในดวงตาของเธอ แต่เขาทำอะไรไม่ได้! เลือดในตัวเขาเดือดพล่านทันที เขาอยากจะสับชายที่รังแกเธอเป็นพัน ๆ ชิ้น! เลาะกระดูกแล้วเอาให้หมากิน! อีกด้านของวิดีโอ ฉินอันอันตกตะลึง นั่นมันเสียงฟู่สือถิง! ร่างกายของเธอหนาวเย็นไม่หยุด! เธอคิดไม่ถึงว่าอิ๋นหวังจะแอบถ่ายวิดีโอส่งให้ฟู่สือถิง! “สือถิง! อย่ามอง!” น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไหลออกมาจากดวงตาของเธอ “ขอร้องล่ะ! อย่ามอง!” ฟู่สือถิงมองดูท่าทางที่ไร้ทางสู้และเจ็บปวดใจของเธอแล้ว หัวใจเขาเหมือนถูกบดขยี้จนแหลก! นิ้วมือของเขากำโทรศัพท์แน่น มีความเกลียดชังที่กระหายเลือดในดวงตา! “ผมจะรีบไปช่วยคุณ! ผมจะไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้!” วินาทีที่เขาเอ่ยปาก น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างเงียบงัน มันไหลลงมาที่มุมปาก น้ำตารสขม! เขาไม่เคยลิ้มรสความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน ที่ได้เห็น
“ผมนัดหมายกับเธอบนเครื่องบินแล้ว ถ้าทางเธอไฟดับ นั่นเป็นสัญญาณที่พวกเราจะเข้าไปช่วยเธอ ถึงเวลานั้นให้เธอฉวยโอกาสที่กำลังวุ่นวายหามุมซ่อนตัว รอจนพวกเราเข้าไปแล้วฆ่าศัตรูให้หมดก็ช่วยเธอออกมาได้แล้ว!” “ถ้าไม่ทำลายระบบวงจรไฟฟ้าของพวกเขา และทำให้ระบบภายในเสียหาย พวกเขาจะต้องใช้เธอเป็นตัวประกันข่มขู่พวกเราแน่!” ……ภายในวิลล่า หลังจากวิดีโอถูกวางสายไปแล้ว เสียงของฉินอันอันก็หายไปเช่นกัน หลังจากที่เธอหยุดดิ้นรนขัดขืนไม่ร้องไห้แล้ว ความสนใจของอิ๋นหวังก็ลดลงเหตุผลทั้งหมดนี้ก็เพื่อเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนของเขานั่นเอง มีเพียงแค่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงของเขาเท่านั้น เธอถึงจะยอมอยู่อย่างสมัครใจ และเหตุผลที่โทรวิดีโอหาฟู่สือถิง ก็เป็นเพราะเขาตรวจสอบเจอว่าฟู่สือถิงคือผู้ชายของเธอหากทำให้ฟู่สือถิงเห็นว่าเธอถูกเหยียบย่ำ ฟู่สือถิงไม่มีทางต้องการเธออีกแน่นอน “ทำไมคุณไม่ร้องแล้วล่ะ? คุณคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะมาช่วยคุณจริง ๆ เหรอ?” อิ๋นหวังยิ้มและตบหน้าเล็ก ๆ ที่เย็นชาของเธอ “คุณรู้ไหมว่ามีทหารซ่อนอยู่ในป่าด้านล่างวิลล่ากี่คน? ถ้าผมไม่อนุญาต ไม่มีใครสามารถเข้ามาในวิลล่าของผมได้!” “ลูกสาวคุ
ไมค์เอาสองมือปิดหน้า ทรุดตัวลงและร้องไห้ “ผมเสียใจมาก! ทำไมเมื่อคืนนี้ผมถึงได้พูดจาโหดร้ายกับเธอขนาดนั้น!” ฟู่สือถิงคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ดวงตาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดร้าว “ตอนนั้นเธอทั้งหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูกเอามาก ๆ ถึงผมจะไปช่วยเธอไม่ได้ในทันที แต่ก็ไม่ควรพูดออกมาเลย! เธอได้ยินคำพูดของผมจะต้องสิ้นหวังมากแน่ ๆ…” ไมค์รู้สึกผิดมากจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ลูกกระเดือกฟู่สือถิงขยับขึ้นลงพร้อมกับพูดด้วยเสียงแหบพร่า “หยุดร้องได้แล้ว! ทำลายระบบใกล้เสร็จรึยัง?”ไมค์เช็ดน้ำตาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วเหลือบมองความคืบหน้าบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ใกล้แล้วล่ะ… เสร็จภายในเที่ยงคืนนี้แน่นอน ผมปวดหัวมาก ถ้าฉินอันอันตายแล้วจริง ๆ ผมจะทำยังไงดี?” ฟู่สือถิงเองก็ไม่กล้าตั้งสมมติฐานนี้ “คุณกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนเถอะ!” ไมค์มองตอเคราสีเขียวครึ้มที่คางของเขาที่โผล่ออกมา แล้วคิดว่าบางทีเขาอาจจะเจ็บปวดมากกว่าตัวเอง เพราะยังมีลูกที่ยู่ในท้องของฉินอันอันด้วยเขายืนอยู่ที่เดิม ท่าทางเหม่อลอย ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ไมค์พูด “คุณต้องกลับไปดูแลเด็กสองคนแล้วก็ยังมีอิ๋นอิ๋นอีก” ไมค์เพิ่มเสียงให้ดังขึ้น เขาถึงได้มีป
“คุณยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหมคะ? ฉันจะไปทำมื้อเที่ยงนะคะ” ป้าหงพูดพร้อมกับเดินไปที่ห้องครัว ฟู่สือถิงมองดูบ้าน ที่มีสไตล์การตกแต่งเป็นแบบมินิมอลและมีเค้าโครงที่ชัดเจนในการมองแค่แวบเดียว รุ่ยลาคิดว่าเขากำลังหาห้องอยู่ ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ห้องรับแขกอย่างรวดเร็วแล้วชี้บอกทางเขา “คุณนอนในห้องนี้ค่ะ!” ฟู่สือถิงส่งเสียงตอบรับ แต่สายตาของเขากลับถูกกรอบรูปบนตู้ดึงดูด ในกรอบรูปคือภาพถ่ายครอบครัวทีมีจางหยุนและฉินอันอันนั่งอุ้มเด็กทารกด้วยกัน เขาเดินไปที่ตู้แล้วหยิบกรอบรูปขึ้นมาดูอย่างละเอียด มีคำว่า ‘พวกเราอายุครบหนึ่งขวบแล้ว’ เขียนไว้มุมขวาล่างของรูปภาพ เพราะฉะนั้น น่าจะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกตอนที่เด็กสองคนนี้อายุหนึ่งขวบ เด็กทารกอายุหนึ่งขวบสองคนนี้ คนหนึ่งสวมสูทจิ๋วสุดหล่อ อีกคนสวมชุดเจ้าหญิงสีขาว มีมงกุฎประดับบนศีรษะ… เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ดังนั้น นี่คือเสี่ยวหานและรุ่ยลางั้นเหรอ? “คุณรีบมาเร็ว ๆ สิคะ!” รุ่ยลายืนอยู่ที่ประตูห้องรับแขกและตะโกนบอกฟู่สือถิง “มาดูเตียงที่หนูตกแต่งให้คุณสิคะ!” ฟู่สือถิงวางรูปถ่ายลงแล้วเดินหาไปรุ่ยลาทันที ห้องพักแขกที่อยู่ชั
เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที ท้องฟ้าด้านนอกมืดลง ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมา ถึงแม้ไม่หนักมากแต่ก็มากพอที่จะรบกวนจิตใจได้“คุณฉิน ยาเย็นลงแล้ว” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉินอันอันได้สติกลับมา เธอเดินไปที่ถังไม้แล้วยื่นมือไปทดสอบอุณหภูมิของยาน้ำ “เอาศพลงเลย!” เธอพูด “เอ่อ…ใส่ไปแบบนี้ จะไม่แช่จนเน่าเหรอ?” ผู้ช่วยอิ๋นหวังถาม “คุณฉิน คุณสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้จริง ๆ ใช่ไหม?” ฉินอันอันมองเขาอย่างเย็นชา “คุณกำลังตั้งคำถามกับฉันเหรอ?” “ฉันแค่อยากรู้” ฉินอันอันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่คือยาสูตรลับ ศพจะไม่เน่าเปื่อย” ผู้ช่วยเห็นว่าเธอจริงจังอย่างมากในสิ่งที่พูด ดังนั้นจึงไม่ตั้งคำถามอีก บอดี้การ์ดสองสามคนยกศพหญิงสาววางไว้ในถังไม้ ฉินอันอันมองเห็นใบหน้าตื่นตระหนกในระดับต่าง ๆ ศพหญิงสาวเมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่ว่าจะสวยขนาดไหนก็ไม่มีใครชื่นชมความงามของเธอ คนตายไม่ได้น่ากลัว ที่น่ากลัวคือสิ่งที่เราไม่รู้“คุณฉิน ต้องทำอะไรต่อไป?” ผู้ช่วยถาม “รอ” ฉินอันอันยืนอยู่ข้างถังและพูดเสียงเรียบผู้ช่วยใบหน้ามีประหลาดใจ “รออะไร?” “รอให้เธอคืนชีพกลับมา” หลังจากที่ฉินอันอันพูดสิ่งนี้แล้ว ในใจของเธ
“ฉินอันอันล่ะ ฉินอันอันอยู่ที่ไหน?!” อิ๋นหวังแผดเสียงคำราม “ไอ้พวกหมูโง่! ทำไมไม่พาเธอมาหาฉัน?!” บอดี้การ์ดและผู้ช่วยต่างพากันตามหาฉินอันอันเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเธอยืนอยู่ข้างถัง ไม่ขยับตัวเลยแล้วทำไมจู่ ๆ ถึงหายไปได้? ไฟฉายในมือของผู้ช่วยฉายไฟไปยังศพหญิงสาวที่แช่ในถังไม้ โทรศัพท์ในมือหล่นลงพื้นส่งเสียงดัง ‘ปัง’! “ผี! ผีหลอก!” มีคราบเลือดสองสามหยดติดอยู่ที่หางตาและมุมปากของศพหญิงสาว เหมือนกับว่าศพเปลี่ยนสภาพไปแล้ว มันน่ากลัวมาก! ผู้ช่วยตกใจกลัวจนวิ่งหนีเตลิดไปแล้ว! บอดี้การ์ดที่ถือไฟฉายต่างพากันฉายไฟไปที่ใบหน้าของศพหญิงสาวด้วยเช่นกัน ถึงแม้ทุกคนจะไม่กรีดร้อง แต่ก็วิ่งหนีไปโดยอัตโนมัติ “เจ้านาย ด้านนอกมีเฮลิคอปเตอร์เยอะมาก!” หลังจากผู้ช่วยวิ่งหนีมาที่ชั้นหนึ่ง ก็พบว่าด้านนอกน่ากลัวยิ่งกว่าผี! อิ๋นหวังกัดฟันแล้วยกปืนขึ้น ชี้ไปศีรษะของศพหญิงสาวแล้วเหนี่ยวไกปืน ครั้นเสียง ‘ปัง ปัง’ ดังติดต่อกันหลายครั้ง ส่วนศีรษะของศพหญิงสาวก็มีรูกระสุนปรากฎขึ้นหลายรู! นี่ไม่ใช่ลูกสาวที่เขารักสุดหัวใจอีกต่อไปแล้ว ลูกสาวของเขาเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลก ไม่ใช่ผีที่น่ากลัวแบบนี้!
ดวงตาของฟู่สือถิงเปลี่ยนเป็นอาฆาตทันที! คุณหมอรีบเปลี่ยนคำพูด “ฉันไม่ได้พูดว่าเธอตายแล้ว เธออาจเสียเลือดมากจนตกอยู่ในภาวะตกใจชั่วคราว แค่ ตกใจน่ะ!” ขนตาฟู่สือถิงสั่นเล็กน้อย เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกอดหญิงสาวในอ้อมแขนแน่น จนแทบจะผสานร่างของเธอเข้ามาในตัวเขา ครู่ต่อมา เฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดที่โรงพยาบาล และฉินอันอันก็ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อทำการช่วยชีวิต ฟู่สือถิงยืนอยู่นอกประตูห้องฉุกเฉิน ราวกับถูกกดปุ่มหยุดชั่วคราวไว้ทั้งตัวร่างกายและหัวใจของเขาเหมือนจะกลวงเปล่า! ถ้าหากเกิดความผิดพลาดอะไรก็ตามกับฉินอันอัน เขาจะทำยังไง? เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นแทรกอารมณ์และความคิดอันเจ็บปวดของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดปุ่มรับสายอัตโนมัติ “ฉินอันอันเป็นยังไงบ้าง?! ผมจัดการอิ๋นหวังเรียบร้อยแล้ว!” ไมค์พูดอย่างภาคภูมิใจ “ตาแก่นี่! ผมรู้อยู่แล้วว่าจะเขาออกมาทางประตูด้านหลัง… พอเขาออกมาปุ๊บผมก็จับเขาปั๊บ!” ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงขยับขึ้นลง น้ำเสียงแหบพร่า “เธอถูกยิงที่แขน ตอนนี้กำลังช่วยชีวิตอยู่” “พวกคุณอยู่โรงพยาบาลไหน?! ผมจะไปเดี๋ยวนี้!” ไมค์ชะงักไปชั่วขณะแล้วถามว่า “ตอนคุณเจอเ
แน่นอนว่าเขาเลือกฉินอันอัน เขาไม่อยากทอดทิ้งลูก แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นลูกของพวกเขากำลังจะมีอายุครบสี่เดือน หากไม่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ก็จะมองเห็นหน้าเด็กได้ชัดเจนในการตรวจครรภ์ครั้งต่อไป! “เอาล่ะ คุณผู้ชาย คุณช่วยเซ็นชื่อในใบรับทราบและยินยอมรับการรักษาด้วย” คุณหมอหยิบเอกสารหนึ่งแผ่นแล้วยื่นให้เขา “ต้องการฉีดยาชาในการผ่าตัดเอากระสุนออกให้คนไข้หรือไม่? ยาชาอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์อย่างมาก ถ้าคุณต้องการเก็บลูกไว้ พวกเราจะไม่ฉีดยาชาให้คนไข้” “มันจะไม่เจ็บปวดมากเหรอ?!” ฟู่สือถิงย่อมอยากเก็บเด็กไว้ แต่เมื่อคิดถึงการผ่าตัดโดยไม่ใช้ยาชา ฉินอันอันจะต้องเจ็บปวดจนตายแน่นอน! “ใช่ เจ็บปวดมาก แต่จะผ่านไปได้” หมอกล่าว “ตอนนี้เธออ่อนแอมากแล้ว ผมไม่ยากให้เธอต้องได้รับความเจ็บปวดอีก” ฟู่สือถิงรู้สึกหัวใจถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ จนรู้สึกเจ็บตอนที่หายใจ “โปรดให้ยาชากับเธอเถอะครับ” “ตกลง” หมอหยิบใบรับทราบและยินยอมรับการรักษาที่เขาเซ็นชื่อจากมือเขาแล้วหันกลับเข้าห้องฉุกเฉินไป ฟู่สือถิงปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ต้องสละชีวิตเด็ก แต่ยังดีที่ฉินอันอันปลอดภัย ถ้าเธอเป็นอะไรไป ลูกของพวกเขาก็ไม่รอ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง