เธอกำลังจะพูด แต่กลับต้องตกใจกับประกายของน้ำตาในดวงตาและความอ่อนแอที่ไม่ปิดบังของเขา “ฟู่สือถิง… เธอเรียกชื่อเขาอย่างอดไม่ได้ เธออยากจะถามว่าคุณเป็นอะไร แต่ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยถาม ฝ่ามือใหญ่ของเขาก็จับแขนเธอแล้วดึงเธอเข้ามาให้อ้อมแขนเขา เธอใช้แขนยันตัวไว้ จนตาเธอสั่นไหว ใบหน้าของพวกเขาห่างกันไม่กี่เซนติเมตร เธอมองเห็นความรู้สึกที่แตกกระจายในดวงตาของเขาอย่างชัดเจน “สือถิง เป็นอะไรไป?” หัวใจของเธอรัดแน่นเป็นลูกบอล น้ำเสียงเบาลงไม่รู้ตัว ”ผมฝันว่าคุณทิ้งผมไปแล้ว” ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง เสียงก็แหบพร่า “คุณจากไปกับผู้ชายอื่น” เธอพูดไม่ออกราวกับก้างปลาติดคอ เธอไม่มีวันบอกเขาว่าตอนที่เขาอยู่กับเสิ่นอวี๋ก่อนหน้านี้ เธอฝันร้ายบ่อย ๆ ว่าเขาแต่งงานกับเสิ่นอวี๋ เพราะว่าใส่ใจ ดังนั้นก่อนจะได้ก็กลัวว่าจะไม่ได้ พอได้มาก็กลัวว่าจะต้องเสียไป“นั่นมันแค่ความฝัน ไม่ใช่ความจริงค่ะ” นิ้วของเธอค่อย ๆ เช็ดน้ำตาจากหางตาของเขา “คุณห้ามคบกับผู้ชายอื่นนะ” ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยินคำอธิบายของเธอ ฝ่ามือใหญ่ของเขากำมือเล็ก ๆ ของเธอไว้แน่น “ฉันไม่ได้คบกับผู้ชายคนอื่นค่ะ” มือของเธอถูกเ
“โอ้…ตกลงค่ะพี่ชาย! พวกเราไปเล่นกับอิ๋นอิ๋นกันเถอะ!” รุ่ยลาดึงเสี่ยวหานเดินไปหาอิ๋นอิ๋น “อิ๋นอิ๋นบอกว่าจะพาพวกเราออกไปเล่น! บอดี้การ์ดของเธอจะขับรถไปส่งพวกเรา!” ห้าโมงเย็น ฟู่สือถิงประคองฉินอันอันเดินลงชั้นล่าง ทุกคนเห็นภาพอันอบอุ่นและกลมกลืนของพวกเขาสองคน ความคิดก็ทยอยผุดขึ้นมาในหัว ปกติการพักช่วงกลางวันหนึ่งชั่วโมงก็พอแล้ว สองชั่วโมงถือว่านานเกินไป แต่ว่าพวกเขาสองคนพักผ่อนชั้นบนตลอดบ่าย ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะนอนตลอดทั้งบ่ายได้ยังไง?ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าทั้งสองคนทำอะไร ถึงพวกเขาสองคนจะไม่พูด ทุกคนต่างก็รู้ดี “พวกคุณไม่เล่นไพ่กันแล้วเหรอ?” ฉินอันอันหน้าแดงเมื่อถูกพวกเขามอง ดังนั้นจึงหาเรื่องมาคุยเรื่อยเปื่อย “พวกเราเลิกเล่นตั้งแต่สี่โมงแล้ว และช่วยโจวจื่ออี้ทำอาหาร! พวกเธอนอนหลับอยู่ชั้นบนไม่ได้ยินเสียงจริง ๆ เหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนทำหน้าสงสัย ใบหน้าของฉินอันอันแดงยิ่งขึ้น “หลับอยู่จริง ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคิดว่าทำอะไร?” “ฮ่า ๆ ๆ ๆ!” หลีเสี่ยวเถียนหัวเราะแล้วดึงเธอมาอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดกับฟู่สือถิงว่า “ประธานฟู่ คุณรีบโทรหาอิ๋นอิ๋นเถอะค่ะ เรียกพวกเขากลับมากินข้าว
หลังอาหารเย็น รุ่ยลาจับมือฉินอันอัน ใบหน้าดูเหนื่อยล้า “แม่ขา หนูอยากนอนแล้ว…แม่อาบน้ำให้หนูหน่อย…” พี่เลี้ยงรีบเข้ามาทันทีและจะช่วยอาบให้เพราะรุ่ยลารู้สึกง่วงจึงอารมณ์ไม่ดี “หนูอยากให้แม่อาบให้…ฮือ ๆ ๆ…” หลีเสี่ยวเถียนยิ้มเดินเข้ามา “รุ่ยลา อีกเดี๋ยว ท้องของแม่หนูก็จะใหญ่ขึ้นแล้ว ถึงตอนนั้นแม่อาบน้ำให้หนูไม่ได้แล้วนะ!” รุ่ยลาตะลึง แล้วมือน้อย ๆ ก็ลูบไปที่ท้องแบนราบของฉินอันอัน “ถึงตอนนั้นท้องของแม่หนูจะเปลี่ยนเป็นใหญ่ขนาดนี้” หลีเสี่ยวเถียนทำท่าทางบนท้องของฉินอันอัน รุ่ยลาตกใจมากจนปากเล็ก ๆ ของเธออ้ากว้าง มีคำว่าเหลือเชื่อเขียนไว้บนหน้า หลีเสี่ยวเถียนอุ้มรุ่ยลาขึ้นไปชั้นบน พร้อมกันนั้นก็พูดกับฉินอันอันว่า “อันอัน เธอไปพักผ่อนเถอะ!” ฉินอันอันยังไม่ค่อยวางใจและอยากขึ้นไปดูที่ชั้นบน ฟู่สือถิงยึดแขนเธอไว้ “คุณออกมาหน่อย “คุณทำอะไรเหรอ?” เธอเดินมาตรงหน้าเขา “วันนี้อิ๋นอิ๋นเองก็เล่นจนเหนื่อยแล้ว พวกคุณควรกลับได้แล้ว” “บอดี้การ์ดไปส่งเธอแล้ว” เขาจูงมือเธอพามาด้านนอก “พวกเราออกไปเดินกันเล่นกันเถอะ” ใกล้จะเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว กลางวันเริ่มยาวนานมากขึ้นและอากาศก็อุ่นขึ้น
ฉินอันอัน : เขาอาจคิดว่าตอนนี้ฉันคือคนสองคนแล้ว จำเป็นต้องกินให้เยอะขึ้นหลีเสี่ยวเถียน : ฮ่า ๆ ๆ! เอาซื้ออะไรให้เธอ? รีบถ่ายรูปให้ฉันดูเร็ว! ฉินอันอันส่งรูปถ่ายของรางวัลที่พิชิตได้ในสงครามคืนนี้ไปหลังจากหลีเสี่ยวเถียนเห็นรูปแล้วก็โทรกลับมา “”ทำไมถึงซื้อเครื่องประดับล่ะ? ฮ่า ๆ เพราะถ้าผู้ชายชอบผู้หญิงคนไหนก็จะซื้อเครื่องประดับให้ใช่หรือเปล่า?!” ฉินอันอันเอามือกุมหน้าผาก “เขามีจุดประสงค์บางอย่าง” “จุดประสงค์อะไร?” หลีเสี่ยวเถียนตะลึง “สำหรับกิจกรรมสัปดาห์หน้าน่ะ” ในที่สุดคืนนี้ฉินอันอันก็ได้ตระหนักถึงความใจแคบของผู้ชายคนนี้ เธอปฏิเสธเสื้อผ้าและเครื่องประดับตั้งแต่แรก แต่ว่าเขายืนกรานจะซื้อให้เธอ เธอให้เขาบอกเหตุผลว่าทำไมเขายืนกรานที่จะซื้อให้ได้เขาจึงบอกกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอกับจิ้นซือเหนียนร่วมกิจกรรมลงนามที่โรงแรม ทั้งสองคนสวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาวทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นชุดคู่รัก แถมตอนนั้นเธอยังสวมสร้อยที่จิ้นซือเหนียนมอบให้ ก่อให้เกิดข้อขัดแย้งไม่น้อย เรื่องมันผ่านไปแล้ว แต่ในใจของฟู่สือถิงยังไม่ปล่อยผ่าน เขาพาเธอไปชอปปิงคืนนี้ ชุดที่เขาเลือกซื้อให้เธอคือชุด
“อันอัน ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลย?” หลีเสี่ยวเถียนพูดอย่างุนงง “เธอจะบอกว่าเด็กที่เสิ่นวี๋ตั้งท้องก่อนหน้านี้ไม่ใช่ลูกของฟู่สือถิงงั้นเหรอ? เพราะไม่ว่ายังไงเปอร์เซ็นต์ที่จะท้องได้ในครั้งเดียวก็ต่ำมาก! ยิ่งไปกว่านั้นเสิ่นอวี๋ยังอยู่กับผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างฟู่เย่เฉิน มันก็อธิบายได้มากพอแล้วว่าพวกเขาอยู่บนเส้นทางเดียวกัน!” ฉินอันอันเจ็บปวดใจอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาคบกันจริง ๆ หรือเปล่า…เสี่ยวเถียน ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย…”“โอ้ ถ้างั้นเธอรีบพักผ่อนเลย” เสี่ยวเถียนกล่าว ฉินอันอันวางสายและมองดูค่ำคืนอันมืดมิดภายนอกหน้าต่างอย่างว่างเปล่า น้ำตาไหลรินเงียบ ๆ เธอคิดว่าฟู่สือถิงและเสิ่นอวี๋ก็เป็นเฉกเช่นคู่รักอื่นที่อยู่ด้วยกันเธอนึกว่าเด็กในท้องเสิ่นอวี๋เป็นการตกผลึกจากความรักของหลาย ๆ ค่ำคืนของพวกเขา ช่างไร้สาระเหลือเกิน! ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความเกลียดชังที่เธอมีต่อฟู่สือถิง ส่วนใหญ่แล้วมาจากความสัมพันธ์ของเขากับเสิ่นอวี๋ เธอเกลียดเขา ไม่พอใจเขา จนถึงขั้นอยากฆ่าเขาด้วยมือตัวเองเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธอก็ไม่ฟัง ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เธอคิดเพี
หลังจากที่ฟู่สือถิง โจวจื่ออี้และเซิ่งเป่ยมาในตอนเช้าแล้วก็อยู่ที่นี่ตลอด พวกเขากำลังพิจารณาปัญหาของฉินกรุ๊ป พูดว่าพิจารณาปัญหา แต่ที่จริงแล้วเป็นการรับประทานอาหารร่วมกัน “หวังหว่านจือเข้าใจการตลาดเป็นอย่างดี” เซิ่งเป่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเลื่อนข่าว แต่มาเจอเรา ก็เหมือนเธอชนกับแผ่นเหล็กแล้วล่ะ” “แต่ว่ายอดขายของพวกเขาดีมากจริง ๆ” โจวจื่ออี้กล่าว “ศักยภาพในตลาดระดับล่างก็ยังมีมาก” “ถึงยังไงก็ราคาถูก! พวกเขากำลังเสียเงินเพื่อสร้างชื่อเสียง ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งขาดทุน… เดิมพวกเขาต้องการครองตลาดอย่างรวดเร็ว โค่นฉินกรุ๊ปแล้วผูกขาดตลาด จากนั้นก็ขึ้นราคา” เซิ่งเป่ยกล่าว “แต่พวกเขาตระหนักแล้วว่าการโค่นฉินกรุ๊ปไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาจึงเริ่มคิดวิธีอื่นแล้ว” “ลดต้นทุนงั้นเหรอ? และหลังจากครองตลาดทั้งระดับกลางและตลาดล่างแล้วก็ให้คำสัญญาที่เกินจริงกับนักลงทุนอย่างต่อเนื่องเนี่ยนะ?” เขาพูดต่อว่า “สุดท้ายก็จะระดมทุนและเสนอขายแก่สาธารณะใช่ไหมครับ?” “ทั้งสองอย่าง และยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่ยังมองพวกเขาในแง่ดี” เซิ่งเป่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “หวังหว่านจือมีความเฉียบแหลมเรื่องธุรกิจจริง ๆ” ฉินอันอ
เธอขับรถไปที่ประตูบ้านแล้วจอด คนส่งของกำลังรอเธออยู่ที่ทางเข้าลานบ้าน หลังจากที่เธอลงจากรถและเซ็นรับพัสดุ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้น เธอถือพัสดุด้วยมือข้างหนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยอีกมือหนึ่ง หลังจากเปิดประตูลานบ้านเธอก็รับสาย “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เสียงทุ้มของฟู่สือถิงดังมาจากปลายสาย ฉินอันอัน “อยู่บ้าน” “คุณไม่สบายหรือเปล่า?” น้ำเสียงของเขาเป็นกังวล “เปล่า ฉันกลับมาเอาพัสดุ” เธอเดินผ่านลานหน้าบ้านไปที่ประตูวิลล่าแล้วเปิดประตู หลังจากเข้าไปในบ้านเธอก็วางพัสดุไว้บนตู้รองเท้าแล้วถามว่า “คุณโทรหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า?” เธอสวมรองเท้าแตะแล้วเดินไปที่โซฟาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ “เสิ่นอวี๋คบกับฟู่เย่เฉินจริง ๆ ครับ” บอดี้การ์ดของฟู่สือถิงเพิ่งพาฟู่เย่เฉินมาหาเขา ฟู่เย่เฉินสารภาพทุกอย่างแล้ว ดังนั้นเขาจึงโทรหาเธอ “คุณรู้ได้ยังไง?” “แล้วคุณแน่ใจได้ยังไง?” เธอกระชับนิ้วบนโทรศัพท์เล็กน้อย “ฟู่เย่เฉินพูดอย่างนั้น เขาบอกว่าหลังจากที่ผมเลิกกับเสิ่นอวี๋ เขาก็เริ่มคบกับเสิ่นอวี๋ เพิ่งมั่นใจความสัมพันธ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา” น้ำเสียงของฟู่สือถิงนิ่งส
เอสทีกรุ๊ป โจวจื่ออี้กำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องทำงานของเซิ่งเป่ย “ผมไม่ได้เห็นเจ้านายของเรามีความสุขขนาดนี้นานแล้ว!” โจวจื่ออี้ถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม “ผมยืนอยู่ที่ประตูห้องทำงานของเขาและเห็นเขากลับมาพร้อมกับขนมและผลไม้ถุงใหญ่ ฉินอันอันจะกินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ? ฮ่าๆๆ!” เซิ่งเป่ยขมวดคิ้ว “ทำไมจู่ ๆ ฉินอันอันถึงเข้าใจล่ะ? หัวใจของผู้หญิงอย่างกับเข็มในทะเล!” “หรือเป็นเพราะเสิ่นอวี๋คบกับฟู่เย่เฉินแล้ว?” โจวจื่ออี้เดา “นอกจากเหตุผลนี้ ผมก็คิดความเป็นไปได้อย่างอื่นไม่ออกเลย” “แต่หวังว่ามันจะเป็นจริง” เซิ่งเป่ยยกถ้วยชาขึ้นชนกับโจวจื่ออี้ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินอันอันก็ขับรถมาถึงตึกเอสทีกรุ๊ป หลังจากที่โจวจื่ออี้ดื่มชาที่ห้องทำงานของเซิ่งเป่ยเสร็จ เขาก็ไปรออยู่ที่ประตูบริษัท หลังจากเห็นรถแลนด์โรเวอร์ของฉินอันอัน เขาก็รีบก้าวไปหาทันที เมื่อฉินอันอันเห็นโจวจื่ออี้ก็รีบลดหน้าต่างลงทันทีและพูดว่า “พี่โจว ดูเหมือนจะไม่มีที่จอดรถค่ะ ฉันจะไปจอดรถข้างนอกก่อน” โจวจื่ออี้ยิ้มและพูดว่า “ที่นี่มีที่ว่างตั้งมากมาย คุณสามารถจอดรถได้ทุกที่ที่คุณต้องการเลย! จะจอดรถหน้าประตูบริษัทก็ยังได้เลย” ฉ