ฉินอันอันพูดอย่างเป็นกันเอง “ฉันไม่ได้บอกเขาไปตรง ๆ ”“เธอนี่ร้ายมาก เธอจงใจแกล้งเขารึเปล่า? เธอรู้ว่าเขาชอบเธอ แต่ก็ยังไม่บอกความจริงกับเขา”ฉินอันอันส่ายหัว “ฉันแค่คิดว่าเขาไม่มีเหตุผลและฉันก็ไม่อยากสนใจเขา”“อ้อจริงสิ ตอนนี้พวกเธอสองคนยังไม่กลับมาคืนดีกันนี่...นี่ เป็นไปได้ไหมที่เธอสองคนจะกลับมาคืนดีกัน?” หลีเสี่ยวเถียนคว้าแขนของฉินอันอันไว้และมองผมยาวของเธอที่ถูกลมพัดจนยุ่ง“จะกลับมาคืนดีกันได้ยังไง?” ฉินอันอันเลิกผมยุ่ง ๆ บนใบหน้าของตัวเองไปทัดหลังใบหู “เขาไม่ได้อธิบายให้ฉันฟังด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิ๋นอิ๋น นอกจากนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันคิดถึงเรื่องที่เขามีความสัมพันธ์กับเสิ่นอวี๋ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจ ฉันยอมเป็นโสดไปตลอดชีวิตดีกว่ากลับมาคบกับเขาเสียอีก”“นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ… เขาไม่ชอบเสิ่นอวี๋ อย่านั้นก็ไม่ควรมีลูกกับรายนั้นสิ!” หลีเสี่ยวเถียนถอนหายใจ “อย่างนี้แล้วจะไม่ให้ฉันถึงเรียกเขาว่าไอ้สารเลวได้เหรอ? นี่เขายังทำเหมือนยังอาลัยอาวรณ์เธออยู่อีกต่างหาก บ้าจริง!”ฉินอันอันหัวเราะเบา ๆ “ฉันเคยโกรธเวลาที่คิดถึงเขา แต่วันนี้ฉันไม่รู้สึกแบบนั้แล้ว มีเรื่องตลกอีกอย่าง
คำถามของเสี่ยวหานทำให้อิ๋นอิ๋นตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้ง“นายต้องการหลักฐานอะไรล่ะ?”สำหรับอิ๋นอิ๋น ความสัมพันธ์ของเธอกับฟู่สือถิงไม่ต้องใช้หลักฐานใดใดฟู่สือถิงเป็นพี่ชายของเธอและเธอก็คือน้องสาวของฟู่สือถิง มันเป็นเช่นนี้มาโดยตลอดเสี่ยวหานถาม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้องสาวของฟู่สือถิง แล้วทำไมถึงไม่มีชื่อเธออยู่ในทะเบียนบ้านของเขาล่ะ? เธอมีบัตรประจำตัวหรือเปล่า? แสดงบัตรประจำตัวของเธอให้ฉันดูหน่อยสิ”อิ๋นอิ๋นไม่รู้ว่าตัวเธอมีบัตรประจำตัวหรือเปล่าแต่เธอสามารถไปขอจากพี่ชายของเธอได้“ฉันจะไปเอาหลักฐานมา!” เธอรับปากกับเสี่ยวหาน “ว่าฉันเป็นอาของนาย”เธอเชื่อสิ่งที่ป้าฟางพูดอย่างไร้ข้อกังขาเพราะป้าฟางบอกว่าแม่ของพี่ชายคือแม่ของเธอและพี่ชายของเธอก็ยืนยันเรื่องนี้เช่นกันเธอและพี่ชายมีแม่คนเดียวกัน ดังนั้นจึงแน่นอนว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน!“ฉันจะไม่ยอมรับเว้นแต่เธอจะหาหลักฐานมาได้!” เสี่ยวหานพูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับจานอาหารอิ๋นอิ๋นมองตามหลังเขาด้วยความกังวลและไม่พอใจเล็กน้อยน่าเสียดายที่พี่ชายของเธอยังไม่มา ไม่อย่างนั้นเธอจะสามารถขอหลักฐานจากเขาได้ในตอนนี้เลยเ
เป็นฟู่สือถิงที่เกือบจะบีบคอเขาจนตายและเป็นฟู่สือถิงที่รังแกแม่ของเขาอิ๋นอิ๋นไม่เคยทำร้ายพวกเขาเลยไมค์เดินมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ พอเห็นอิ๋นอิ๋น ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “อิ๋นอิ๋น สวัสดี!”อิ๋นอิ๋นมองไปที่ไมค์อย่างเขินอายเล็กน้อย“เธอมาคนเดียวเหรอ?” ไมค์มองอิ๋นอิ๋นแล้วยิ้มอย่างสุภาพบุรุษ“พี่ชายของฉันใกล้จะมาถึงแล้วค่ะ” อิ๋นอิ๋นตอบเขา“โอ้ เธอหายดีแล้วหรือยัง หัวยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?” ไมค์มองวิกผมอันสวยงามบนหัวของเธอแล้วเอื้อมมือไปแตะมันอิ๋นอิ๋นส่ายหน้า “ไม่เจ็บค่ะ ถ้าไม่ไปโดนมันเข้า”ไมค์เข้าไปใกล้เธอ เลิกผมสีบลอนด์บนศีรษะของเขาออก แสดงบาดแผลบนศีรษะให้เธอดู “ดูสิ เราทั้งคู่มีแผลเหมือนกันเลยใช่ไหม?”อิ๋นอิ๋นรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “หัวของคุณก็มีปัญหาด้วยเหรอคะ?”“ใช่! แต่ฉันหายดีแล้ว เธอเองก็ต้องพยายามฟื้นตัวเหมือนกันนะ!”อิ๋นอิ๋น “ได้ค่ะ! ถ้าฉันดีขึ้นเมื่อไหร่ ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องทำ!”“โอ้? เธอมีอะไรสำคัญที่ต้องทำเหรอ?”สีหน้าของอิ๋นอิ๋นแข็งทื่อ จากนั้นเธอก็วิ่งไปหาบอดี้การ์ดหลังจากที่อิ๋นอิ๋นจากไป เสี่ยวหานและรุ่ยลาก็นั่งข้างไมค์ตามลำดับเพื
“พี่ ฉันมีบัตรประจำตัวหรือเปล่า?” อิ๋นอิ๋นถามฟู่สือถิง “ทำไมจู่ ๆ เธอ ถึงถามเรื่องนี้?”“เพราะทุกคนมีบัตรประจำตัวประชาชน และฉันก็อยากได้เหมือนกัน” อิ๋นอิ๋นกล่าว“มีสิ” ฟู่สือถิงตอบเธอ “อยู่ที่บ้านน่ะ”“โอ้… กลับถึงบ้านแล้วเอาให้ฉันด้วยนะ” มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอิ๋นอิ๋น“เธอจะเอาบัตรประจำตัวไปทำอะไร?” ฟู่สือถิงพาเธอไปหาที่นั่งว่างแล้วนั่งลง“แน่นอนว่าบัตรประจำตัวของฉัน ฉันก็ต้องเอาติดตัวไว้สิ” อิ๋นอิ๋นเปิดกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือใหม่ออกมา “พี่ ฉันซื้อโทรศัพท์มือถือมาแล้ว อีกหน่อยฉันจะได้เอาไว้ใช้โทร”ฟู่สือถิงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเขาเงยหน้ามองบอดี้การ์ดบอดี้การ์ดรีบอธิบายทันที “คุณอิ๋นอิ๋นซื้อมาตอนไปซื้อของเมื่อวานตอนเย็น แล้วเธอก็ใช้บัตรประจำตัวของป้าหงษ์เปิดเบอร์ใหม่ครับ”ช่วงนี้อิ๋นอิ๋นเปลี่ยนไปมาก ซึ่งนั่นทำให้เขาประหลาดใจอย่างยิ่ง“อิ๋นอิ๋น เธอเอาบัตรประจำตัวของตัวเองไปเปิดเบอร์สิ” ฟู่สือถิงพอใจกับความก้าวหน้าของเธออิ๋นอิ๋น “ได้ค่ะพี่ แล้วเราจะกลับบ้านกันเมื่อไหร่?”เธอแทบรอไม่ไหวที่จะได้กลับบ้านฟู่สือถิง “ยังกลับบ้านไม่ได้จนกว่าจะถึงมื้อเที่ยง อิ๋น
“คุณมาทำอะไรที่นี่? มาหาอะไรสนุก ๆ ดูเหรอ?” ไมค์ล้อเขาเขาเพิกเฉยต่อคำล้อเล่นของไมค์ และก้าวไปยังที่นั่งว่างข้างฉินอันอันแล้วนั่งลงขนตาของฉินอันอันสั่นเล็กน้อย เธอพูดว่า “นี่คือที่นั่งของจิ้นซือเหนียน”“นี่คือที่นั่งของผม!” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดุดัน “ไม่ต้องห่วง เขาจะได้นั่งโต๊ะนี้ด้วย”ฉินอันอันเข้าใจเขาคงขอให้เฮ่อจุ่นจือเปลี่ยนที่นั่งหลังจากที่เขานั่งลง อิ๋นอิ๋นก็เข้ามานั่งข้าง ๆ เขาด้วยเมื่อเห็นว่าฉินอันอันรู้สึกไม่สบายใจ ไมค์จึงลุกขึ้นและวางแผนที่จะเปลี่ยนที่นั่งกับเธอทันทีทำให้ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร อิ๋นอิ๋นก็ชิงพูดก่อน “ไมค์ ฉันขอเปลี่ยนที่นั่งกับคุณได้ไหมคะ?”ไมค์และเสี่ยวหานนั่งติดกัน และอิ๋นอิ๋นต้องการนั่งกับเสี่ยวหานไมค์ไม่รู้วิธีปฏิเสธอิ๋นอิ๋นและอิ๋นอิ๋นก็ไม่ให้โอกาสไมค์ได้ปฏิเสธเลยเธอเดินตรงไปหาไมค์ไมค์จำต้องแลกที่นั่งกับเธอด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าไมค์จะเปลี่ยนที่นั่งกับฉินอันอันหรือไม่ ฟู่สือถิงก็จะนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอไมค์รวบรวมความกล้าแล้วพูดกับฟู่สือถิง “งั้นผมขอเปลี่ยนที่นั่งกับคุณ คุณจะว่ายังไง?”ฟู่ซื่อถิง “ผมไม่เปลี่ยน”ไมค์จ้องเขาเวลาผ
เมื่อครู่นี้เขาส่งข้อความไปบอกแพทย์ประจำตระกูลเกี่ยวกับอาการของฉินอันอัน แพทย์ประจำตระกูลบอกว่าเธอป่วยไม่ก็ตั้งครรภ์เขารีบตัดข้อแรกทิ้งอย่างรวดเร็วเพราะฉินอันอันเองก็เป็นหมอหากเธอป่วยหนัก เธอคงจะไม่มางานแต่งงานของหลีเสี่ยวเถียน ยิ่งคืนสละโสดยิ่งแล้วใหญ่และหากไม่ใช่เพราะโรคร้ายแรงจะทำให้คนน้ำหนักลดได้มากในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร?นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าเธอกินไม่ได้ เธอกินผัก ผลไม้ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์นี่คงไม่ใช่… อาการของคนท้องหรอกใช่ไหม?หลังจากที่ฟู่สือถิงพูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึงไมค์ไม่คิดว่าเขาจะเดาได้เร็วขนาดนี้ นั่นทำให้ตัวเขากังวลมาก“ฉินอันอันไม่ได้ท้อง” ไมค์พูดอย่างจงใจฉินอันอันรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนเข็มหมุดเธอไม่ได้มองฟู่สือถิง แต่เธอสัมผัสได้ถึงสายตาคมปลาบของเขาที่มองมายังใบหน้าของเธอเธอโกหกได้เหมือนไมค์ แต่เธอพูดไม่ออกเพราะการยืนยันเรื่องนี้มันง่ายเกินไปเธออธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงอาเจียน อีกทั้งเธอยังอธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอไม่ยอมกินซี่โครงที่เขาคีบมาให้เขาเป็นคนขี้สงสัย และคราวนี้เธอไม่สามารถหลอกเขาได้เธอหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนทุกคนมอ
แต่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยจนกระทั่งตอนนี้ฉินอันอันมองเข้าไปในดวงตาที่ลุกเป็นไฟของเขาพลางพูดด้วยความโกรธ “คุณนี่หาทางทำให้ฉันอับอายได้เสมอเลยนะ!”‘ถ้าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา แล้วเขาคิดว่าเด็กเป็นลูกของใครล่ะ?’‘ลูกของจิ้นซือเหนียน?’‘ลูกของไมค์?’“ในเมื่อเด็กเป็นลูกผม แล้วทำไมไม่บอกผม?!” เขาไม่เคยคิดว่าข้อสงสัยของตัวเองจะมีปัญหาอะไร แต่ขณะเดียวกัน การที่เธอปกปิดเรื่องนี้ไว้ก็นำความทรงจำกลับมาหาเขามากขึ้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอปิดบังเขาแบบนี้!เขาเกลียดความรู้สึกที่ถูกเธอเก็บซ่อนเอาไว้ในเงามืด!เธอปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนโง่ อีกทั้งยังปั่นหัวเขาอีก!“ฟู่สือถิง คุณเหนื่อยไหม?” เธอมองใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเขาแล้วพูดอย่างหมดหวัง “ฉันเหนื่อย…เหนื่อยมากจริง ๆ… ทุกครั้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณมักจะหาเหตุผลมาโกรธฉันได้เสมอ! คุณเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่? คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร?!”เธอกดปุ่มลิฟต์!เขามองไปที่จอแสดงผลตอนนี้ลิฟต์กำลังไปที่ชั้นสามประตูลิฟต์เปิดออกอย่างช้า ๆจากนั้นเธอก็เดินออกไปขณะที่เขาเดินตามเธอไป หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้น “ฉินอันอัน! คุณจะทำอะไร?”“ฉันจะทำแท้งเด็กคน
เธอโกรธเขามาก “แล้วถ้าเกิดเด็กแท้งเองล่ะ?”คำถามที่เธอถามกลับมาทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอจนพูดไม่ออก“เด็กคนนี้อายุไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ ซึ่งยังไม่พ้นระยะปลอดภัย! ถ้าทำให้โกรธทุกวัน รับรองไม่รอดแน่” เธอมองท่าทางตกตะลึงของเขาแล้วสัมผัสได้ถึงความสุขจากการแก้แค้นที่ประสบความสำเร็จริมฝีปากบางของเขาขยับ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไรออกมาเขาคิดถึงหน้าตาสิ้นหวังของเธอในโรงพยาบาลเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ควรทำให้เธอโกรธอีกเพราะก่อนหน้านี้เธอมีโอกาสแอบไปทำแท้งแต่กลับไม่ทำเธออดทนต่ออาการแพ้ท้องในช่วงต้นของการตั้งครรภ์อันเจ็บปวดอย่างเงียบ ๆ จนน้ำหนักลดลงไปมาก เธอไม่ได้อยากจะทำแท้ง แต่เธออยากจะคลอดลูกออกมา!อารมณ์ของเขาค่อย ๆ สงบลงในขณะเดียวกัน อารมณ์ของฉินอันอันก็ค่อย ๆ สงบลงด้วยเช่นกันเธอเปิดโทรศัพท์และเห็นข้อความจากไมค์ หลีเสี่ยวเถียนและจิ้นซือเหนียนเธอตอบพวกเขาทีละคนว่าเธอปลอดภัยดีหลังจากนั้นไม่นาน รถก็ขับเข้าไปในวิลล่าริมทะเลสุดท้ายรถก็มาหยุดที่ประตูวิลล่าของฉินอันอันเมื่อรถถูกปลดล็อค เธอก็เปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถไปฟู่สือถิงก็ลงจากรถมาด้วย“คุณลงมาทำอะไร? กลับไ