เป็นฟู่สือถิงที่เกือบจะบีบคอเขาจนตายและเป็นฟู่สือถิงที่รังแกแม่ของเขาอิ๋นอิ๋นไม่เคยทำร้ายพวกเขาเลยไมค์เดินมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ พอเห็นอิ๋นอิ๋น ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “อิ๋นอิ๋น สวัสดี!”อิ๋นอิ๋นมองไปที่ไมค์อย่างเขินอายเล็กน้อย“เธอมาคนเดียวเหรอ?” ไมค์มองอิ๋นอิ๋นแล้วยิ้มอย่างสุภาพบุรุษ“พี่ชายของฉันใกล้จะมาถึงแล้วค่ะ” อิ๋นอิ๋นตอบเขา“โอ้ เธอหายดีแล้วหรือยัง หัวยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?” ไมค์มองวิกผมอันสวยงามบนหัวของเธอแล้วเอื้อมมือไปแตะมันอิ๋นอิ๋นส่ายหน้า “ไม่เจ็บค่ะ ถ้าไม่ไปโดนมันเข้า”ไมค์เข้าไปใกล้เธอ เลิกผมสีบลอนด์บนศีรษะของเขาออก แสดงบาดแผลบนศีรษะให้เธอดู “ดูสิ เราทั้งคู่มีแผลเหมือนกันเลยใช่ไหม?”อิ๋นอิ๋นรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “หัวของคุณก็มีปัญหาด้วยเหรอคะ?”“ใช่! แต่ฉันหายดีแล้ว เธอเองก็ต้องพยายามฟื้นตัวเหมือนกันนะ!”อิ๋นอิ๋น “ได้ค่ะ! ถ้าฉันดีขึ้นเมื่อไหร่ ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องทำ!”“โอ้? เธอมีอะไรสำคัญที่ต้องทำเหรอ?”สีหน้าของอิ๋นอิ๋นแข็งทื่อ จากนั้นเธอก็วิ่งไปหาบอดี้การ์ดหลังจากที่อิ๋นอิ๋นจากไป เสี่ยวหานและรุ่ยลาก็นั่งข้างไมค์ตามลำดับเพื
“พี่ ฉันมีบัตรประจำตัวหรือเปล่า?” อิ๋นอิ๋นถามฟู่สือถิง “ทำไมจู่ ๆ เธอ ถึงถามเรื่องนี้?”“เพราะทุกคนมีบัตรประจำตัวประชาชน และฉันก็อยากได้เหมือนกัน” อิ๋นอิ๋นกล่าว“มีสิ” ฟู่สือถิงตอบเธอ “อยู่ที่บ้านน่ะ”“โอ้… กลับถึงบ้านแล้วเอาให้ฉันด้วยนะ” มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอิ๋นอิ๋น“เธอจะเอาบัตรประจำตัวไปทำอะไร?” ฟู่สือถิงพาเธอไปหาที่นั่งว่างแล้วนั่งลง“แน่นอนว่าบัตรประจำตัวของฉัน ฉันก็ต้องเอาติดตัวไว้สิ” อิ๋นอิ๋นเปิดกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือใหม่ออกมา “พี่ ฉันซื้อโทรศัพท์มือถือมาแล้ว อีกหน่อยฉันจะได้เอาไว้ใช้โทร”ฟู่สือถิงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเขาเงยหน้ามองบอดี้การ์ดบอดี้การ์ดรีบอธิบายทันที “คุณอิ๋นอิ๋นซื้อมาตอนไปซื้อของเมื่อวานตอนเย็น แล้วเธอก็ใช้บัตรประจำตัวของป้าหงษ์เปิดเบอร์ใหม่ครับ”ช่วงนี้อิ๋นอิ๋นเปลี่ยนไปมาก ซึ่งนั่นทำให้เขาประหลาดใจอย่างยิ่ง“อิ๋นอิ๋น เธอเอาบัตรประจำตัวของตัวเองไปเปิดเบอร์สิ” ฟู่สือถิงพอใจกับความก้าวหน้าของเธออิ๋นอิ๋น “ได้ค่ะพี่ แล้วเราจะกลับบ้านกันเมื่อไหร่?”เธอแทบรอไม่ไหวที่จะได้กลับบ้านฟู่สือถิง “ยังกลับบ้านไม่ได้จนกว่าจะถึงมื้อเที่ยง อิ๋น
“คุณมาทำอะไรที่นี่? มาหาอะไรสนุก ๆ ดูเหรอ?” ไมค์ล้อเขาเขาเพิกเฉยต่อคำล้อเล่นของไมค์ และก้าวไปยังที่นั่งว่างข้างฉินอันอันแล้วนั่งลงขนตาของฉินอันอันสั่นเล็กน้อย เธอพูดว่า “นี่คือที่นั่งของจิ้นซือเหนียน”“นี่คือที่นั่งของผม!” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดุดัน “ไม่ต้องห่วง เขาจะได้นั่งโต๊ะนี้ด้วย”ฉินอันอันเข้าใจเขาคงขอให้เฮ่อจุ่นจือเปลี่ยนที่นั่งหลังจากที่เขานั่งลง อิ๋นอิ๋นก็เข้ามานั่งข้าง ๆ เขาด้วยเมื่อเห็นว่าฉินอันอันรู้สึกไม่สบายใจ ไมค์จึงลุกขึ้นและวางแผนที่จะเปลี่ยนที่นั่งกับเธอทันทีทำให้ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร อิ๋นอิ๋นก็ชิงพูดก่อน “ไมค์ ฉันขอเปลี่ยนที่นั่งกับคุณได้ไหมคะ?”ไมค์และเสี่ยวหานนั่งติดกัน และอิ๋นอิ๋นต้องการนั่งกับเสี่ยวหานไมค์ไม่รู้วิธีปฏิเสธอิ๋นอิ๋นและอิ๋นอิ๋นก็ไม่ให้โอกาสไมค์ได้ปฏิเสธเลยเธอเดินตรงไปหาไมค์ไมค์จำต้องแลกที่นั่งกับเธอด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าไมค์จะเปลี่ยนที่นั่งกับฉินอันอันหรือไม่ ฟู่สือถิงก็จะนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอไมค์รวบรวมความกล้าแล้วพูดกับฟู่สือถิง “งั้นผมขอเปลี่ยนที่นั่งกับคุณ คุณจะว่ายังไง?”ฟู่ซื่อถิง “ผมไม่เปลี่ยน”ไมค์จ้องเขาเวลาผ
เมื่อครู่นี้เขาส่งข้อความไปบอกแพทย์ประจำตระกูลเกี่ยวกับอาการของฉินอันอัน แพทย์ประจำตระกูลบอกว่าเธอป่วยไม่ก็ตั้งครรภ์เขารีบตัดข้อแรกทิ้งอย่างรวดเร็วเพราะฉินอันอันเองก็เป็นหมอหากเธอป่วยหนัก เธอคงจะไม่มางานแต่งงานของหลีเสี่ยวเถียน ยิ่งคืนสละโสดยิ่งแล้วใหญ่และหากไม่ใช่เพราะโรคร้ายแรงจะทำให้คนน้ำหนักลดได้มากในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร?นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าเธอกินไม่ได้ เธอกินผัก ผลไม้ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์นี่คงไม่ใช่… อาการของคนท้องหรอกใช่ไหม?หลังจากที่ฟู่สือถิงพูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึงไมค์ไม่คิดว่าเขาจะเดาได้เร็วขนาดนี้ นั่นทำให้ตัวเขากังวลมาก“ฉินอันอันไม่ได้ท้อง” ไมค์พูดอย่างจงใจฉินอันอันรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนเข็มหมุดเธอไม่ได้มองฟู่สือถิง แต่เธอสัมผัสได้ถึงสายตาคมปลาบของเขาที่มองมายังใบหน้าของเธอเธอโกหกได้เหมือนไมค์ แต่เธอพูดไม่ออกเพราะการยืนยันเรื่องนี้มันง่ายเกินไปเธออธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงอาเจียน อีกทั้งเธอยังอธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอไม่ยอมกินซี่โครงที่เขาคีบมาให้เขาเป็นคนขี้สงสัย และคราวนี้เธอไม่สามารถหลอกเขาได้เธอหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนทุกคนมอ
แต่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยจนกระทั่งตอนนี้ฉินอันอันมองเข้าไปในดวงตาที่ลุกเป็นไฟของเขาพลางพูดด้วยความโกรธ “คุณนี่หาทางทำให้ฉันอับอายได้เสมอเลยนะ!”‘ถ้าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา แล้วเขาคิดว่าเด็กเป็นลูกของใครล่ะ?’‘ลูกของจิ้นซือเหนียน?’‘ลูกของไมค์?’“ในเมื่อเด็กเป็นลูกผม แล้วทำไมไม่บอกผม?!” เขาไม่เคยคิดว่าข้อสงสัยของตัวเองจะมีปัญหาอะไร แต่ขณะเดียวกัน การที่เธอปกปิดเรื่องนี้ไว้ก็นำความทรงจำกลับมาหาเขามากขึ้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอปิดบังเขาแบบนี้!เขาเกลียดความรู้สึกที่ถูกเธอเก็บซ่อนเอาไว้ในเงามืด!เธอปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนโง่ อีกทั้งยังปั่นหัวเขาอีก!“ฟู่สือถิง คุณเหนื่อยไหม?” เธอมองใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเขาแล้วพูดอย่างหมดหวัง “ฉันเหนื่อย…เหนื่อยมากจริง ๆ… ทุกครั้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณมักจะหาเหตุผลมาโกรธฉันได้เสมอ! คุณเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่? คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร?!”เธอกดปุ่มลิฟต์!เขามองไปที่จอแสดงผลตอนนี้ลิฟต์กำลังไปที่ชั้นสามประตูลิฟต์เปิดออกอย่างช้า ๆจากนั้นเธอก็เดินออกไปขณะที่เขาเดินตามเธอไป หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้น “ฉินอันอัน! คุณจะทำอะไร?”“ฉันจะทำแท้งเด็กคน
เธอโกรธเขามาก “แล้วถ้าเกิดเด็กแท้งเองล่ะ?”คำถามที่เธอถามกลับมาทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอจนพูดไม่ออก“เด็กคนนี้อายุไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ ซึ่งยังไม่พ้นระยะปลอดภัย! ถ้าทำให้โกรธทุกวัน รับรองไม่รอดแน่” เธอมองท่าทางตกตะลึงของเขาแล้วสัมผัสได้ถึงความสุขจากการแก้แค้นที่ประสบความสำเร็จริมฝีปากบางของเขาขยับ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไรออกมาเขาคิดถึงหน้าตาสิ้นหวังของเธอในโรงพยาบาลเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ควรทำให้เธอโกรธอีกเพราะก่อนหน้านี้เธอมีโอกาสแอบไปทำแท้งแต่กลับไม่ทำเธออดทนต่ออาการแพ้ท้องในช่วงต้นของการตั้งครรภ์อันเจ็บปวดอย่างเงียบ ๆ จนน้ำหนักลดลงไปมาก เธอไม่ได้อยากจะทำแท้ง แต่เธออยากจะคลอดลูกออกมา!อารมณ์ของเขาค่อย ๆ สงบลงในขณะเดียวกัน อารมณ์ของฉินอันอันก็ค่อย ๆ สงบลงด้วยเช่นกันเธอเปิดโทรศัพท์และเห็นข้อความจากไมค์ หลีเสี่ยวเถียนและจิ้นซือเหนียนเธอตอบพวกเขาทีละคนว่าเธอปลอดภัยดีหลังจากนั้นไม่นาน รถก็ขับเข้าไปในวิลล่าริมทะเลสุดท้ายรถก็มาหยุดที่ประตูวิลล่าของฉินอันอันเมื่อรถถูกปลดล็อค เธอก็เปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถไปฟู่สือถิงก็ลงจากรถมาด้วย“คุณลงมาทำอะไร? กลับไ
เขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วยืนขึ้นรอให้เธอเดินมา“คุณอยากคุยอะไรอีก?” เธอเดินไปที่บันไดเพื่อจะขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบน“คุณจะไปนอนแล้วเหรอ?” เขามองร่างเพรียวบางของเธอ หนามในหัวใจหายไป“ใช่ แต่ถ้าคุณอยากคุย ฉันอยู่คุยกับคุณก่อนได้” เธอยืนอยู่บนบันไดเพียงเพราะไม่อยากอยู่ใกล้เขามากเกินไปเธอรู้สึกไม่ดีที่ได้กลิ่นของเขาแม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกันดี แต่โชคชะตาก็ทำให้หัวใจของพวกเขาห่างเหินกัน“ไปนอนเถอะ!” เขานั่งลงบนโซฟา “ผมจะนั่งต่ออีกสักพักแล้วค่อยกลับ”“อืม...” เธอละสายตาจากเขา แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนทีละขั้นหลังจากที่เธอขึ้นไปยังชั้นบน เขาก็ลุกขึ้นจากโซฟาเขาตระหนักได้ว่าเขาเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัวเกินไปเขาไม่เคยเข้าใจว่าเธอต้องการอะไรเขาคิดว่าเขาได้ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเธอแล้ว และเขาก็เอาแต่ตำหนิเธอที่ทำให้เขาผิดหวังความจริงก็คือสิ่งที่เขาให้ไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการและสิ่งที่เธอต้องการเขาก็ไม่เคยให้เธอเลยหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง เขาคิดว่าเธอคงจะหลับไปแล้ว เขาจึงเปิดโทรศัพท์มือถือโทรหาแพทย์ประจำตระกูล“คุณฟู่ ยินดีด้วยที่ได้เป็นพ่อคนแล้ว” แพทย์ประจำตระกูลพูด
ร่างกายของเธอตึงเครียดทันทีเนื่องจากเธอหันหลังให้เขา เธอจึงไม่อาจมองเห็นสีหน้าของเขาได้ ยิ่งไม่รู้ว่าเขาทำอะไรเธอกำลังดิ้นรนอยู่ในใจว่าเธอควรทำอย่างไรหากเขาทำรุ่มร่ามใส่แต่เขากลับนอนนิ่งไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยลมหายใจของเขาอยู่ใกล้เธอมากจนดูเหมือนเธอจะรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจอันทรงพลังของอีกฝ่ายเมื่อลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ แขนยาวของเขาก็โอบรอบเอวของเธอทันทีเช่นเดียวกับเมื่อก่อนตอนที่พวกเขารักใคร่กันอย่างลึกซึ้ง เขาเคยโอบเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้เธอเบิกตากว้าง นึกถึงอดีตด้วยความงุนงงหลังจากไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ดวงตาของเธอก็เปียกโชก และชายที่อยู่ข้างหลังเธอหลับไปแล้วเธอค่อย ๆ ผลักแขนของเขาออกแล้วผุดขึ้นนั่งเมื่อมองดูใบหน้าที่กำลังหลับไหลของเขา เธอก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอันเยือกเย็นตรงหางตาของตัวเองทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เลื่อนไปมองตรงบริเวณหัวใจของเขาเธออยากเห็นอาการบาดเจ็บที่หน้าอกของเขาเธอเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของเขาหลังจากปลดกระดุมเม็ดแรกแล้ว เขาก็ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงผลักแขนของเธอออกไปด้วยฝ่ามือใหญ่โต!เธอมองเขาอย่างเหม่อลอยเห็นอยู่ชัด