“พี่ ฉันมีบัตรประจำตัวหรือเปล่า?” อิ๋นอิ๋นถามฟู่สือถิง “ทำไมจู่ ๆ เธอ ถึงถามเรื่องนี้?”“เพราะทุกคนมีบัตรประจำตัวประชาชน และฉันก็อยากได้เหมือนกัน” อิ๋นอิ๋นกล่าว“มีสิ” ฟู่สือถิงตอบเธอ “อยู่ที่บ้านน่ะ”“โอ้… กลับถึงบ้านแล้วเอาให้ฉันด้วยนะ” มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอิ๋นอิ๋น“เธอจะเอาบัตรประจำตัวไปทำอะไร?” ฟู่สือถิงพาเธอไปหาที่นั่งว่างแล้วนั่งลง“แน่นอนว่าบัตรประจำตัวของฉัน ฉันก็ต้องเอาติดตัวไว้สิ” อิ๋นอิ๋นเปิดกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือใหม่ออกมา “พี่ ฉันซื้อโทรศัพท์มือถือมาแล้ว อีกหน่อยฉันจะได้เอาไว้ใช้โทร”ฟู่สือถิงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเขาเงยหน้ามองบอดี้การ์ดบอดี้การ์ดรีบอธิบายทันที “คุณอิ๋นอิ๋นซื้อมาตอนไปซื้อของเมื่อวานตอนเย็น แล้วเธอก็ใช้บัตรประจำตัวของป้าหงษ์เปิดเบอร์ใหม่ครับ”ช่วงนี้อิ๋นอิ๋นเปลี่ยนไปมาก ซึ่งนั่นทำให้เขาประหลาดใจอย่างยิ่ง“อิ๋นอิ๋น เธอเอาบัตรประจำตัวของตัวเองไปเปิดเบอร์สิ” ฟู่สือถิงพอใจกับความก้าวหน้าของเธออิ๋นอิ๋น “ได้ค่ะพี่ แล้วเราจะกลับบ้านกันเมื่อไหร่?”เธอแทบรอไม่ไหวที่จะได้กลับบ้านฟู่สือถิง “ยังกลับบ้านไม่ได้จนกว่าจะถึงมื้อเที่ยง อิ๋น
“คุณมาทำอะไรที่นี่? มาหาอะไรสนุก ๆ ดูเหรอ?” ไมค์ล้อเขาเขาเพิกเฉยต่อคำล้อเล่นของไมค์ และก้าวไปยังที่นั่งว่างข้างฉินอันอันแล้วนั่งลงขนตาของฉินอันอันสั่นเล็กน้อย เธอพูดว่า “นี่คือที่นั่งของจิ้นซือเหนียน”“นี่คือที่นั่งของผม!” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดุดัน “ไม่ต้องห่วง เขาจะได้นั่งโต๊ะนี้ด้วย”ฉินอันอันเข้าใจเขาคงขอให้เฮ่อจุ่นจือเปลี่ยนที่นั่งหลังจากที่เขานั่งลง อิ๋นอิ๋นก็เข้ามานั่งข้าง ๆ เขาด้วยเมื่อเห็นว่าฉินอันอันรู้สึกไม่สบายใจ ไมค์จึงลุกขึ้นและวางแผนที่จะเปลี่ยนที่นั่งกับเธอทันทีทำให้ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร อิ๋นอิ๋นก็ชิงพูดก่อน “ไมค์ ฉันขอเปลี่ยนที่นั่งกับคุณได้ไหมคะ?”ไมค์และเสี่ยวหานนั่งติดกัน และอิ๋นอิ๋นต้องการนั่งกับเสี่ยวหานไมค์ไม่รู้วิธีปฏิเสธอิ๋นอิ๋นและอิ๋นอิ๋นก็ไม่ให้โอกาสไมค์ได้ปฏิเสธเลยเธอเดินตรงไปหาไมค์ไมค์จำต้องแลกที่นั่งกับเธอด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าไมค์จะเปลี่ยนที่นั่งกับฉินอันอันหรือไม่ ฟู่สือถิงก็จะนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอไมค์รวบรวมความกล้าแล้วพูดกับฟู่สือถิง “งั้นผมขอเปลี่ยนที่นั่งกับคุณ คุณจะว่ายังไง?”ฟู่ซื่อถิง “ผมไม่เปลี่ยน”ไมค์จ้องเขาเวลาผ
เมื่อครู่นี้เขาส่งข้อความไปบอกแพทย์ประจำตระกูลเกี่ยวกับอาการของฉินอันอัน แพทย์ประจำตระกูลบอกว่าเธอป่วยไม่ก็ตั้งครรภ์เขารีบตัดข้อแรกทิ้งอย่างรวดเร็วเพราะฉินอันอันเองก็เป็นหมอหากเธอป่วยหนัก เธอคงจะไม่มางานแต่งงานของหลีเสี่ยวเถียน ยิ่งคืนสละโสดยิ่งแล้วใหญ่และหากไม่ใช่เพราะโรคร้ายแรงจะทำให้คนน้ำหนักลดได้มากในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร?นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าเธอกินไม่ได้ เธอกินผัก ผลไม้ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์นี่คงไม่ใช่… อาการของคนท้องหรอกใช่ไหม?หลังจากที่ฟู่สือถิงพูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึงไมค์ไม่คิดว่าเขาจะเดาได้เร็วขนาดนี้ นั่นทำให้ตัวเขากังวลมาก“ฉินอันอันไม่ได้ท้อง” ไมค์พูดอย่างจงใจฉินอันอันรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนเข็มหมุดเธอไม่ได้มองฟู่สือถิง แต่เธอสัมผัสได้ถึงสายตาคมปลาบของเขาที่มองมายังใบหน้าของเธอเธอโกหกได้เหมือนไมค์ แต่เธอพูดไม่ออกเพราะการยืนยันเรื่องนี้มันง่ายเกินไปเธออธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงอาเจียน อีกทั้งเธอยังอธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอไม่ยอมกินซี่โครงที่เขาคีบมาให้เขาเป็นคนขี้สงสัย และคราวนี้เธอไม่สามารถหลอกเขาได้เธอหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนทุกคนมอ
แต่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยจนกระทั่งตอนนี้ฉินอันอันมองเข้าไปในดวงตาที่ลุกเป็นไฟของเขาพลางพูดด้วยความโกรธ “คุณนี่หาทางทำให้ฉันอับอายได้เสมอเลยนะ!”‘ถ้าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา แล้วเขาคิดว่าเด็กเป็นลูกของใครล่ะ?’‘ลูกของจิ้นซือเหนียน?’‘ลูกของไมค์?’“ในเมื่อเด็กเป็นลูกผม แล้วทำไมไม่บอกผม?!” เขาไม่เคยคิดว่าข้อสงสัยของตัวเองจะมีปัญหาอะไร แต่ขณะเดียวกัน การที่เธอปกปิดเรื่องนี้ไว้ก็นำความทรงจำกลับมาหาเขามากขึ้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอปิดบังเขาแบบนี้!เขาเกลียดความรู้สึกที่ถูกเธอเก็บซ่อนเอาไว้ในเงามืด!เธอปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนโง่ อีกทั้งยังปั่นหัวเขาอีก!“ฟู่สือถิง คุณเหนื่อยไหม?” เธอมองใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเขาแล้วพูดอย่างหมดหวัง “ฉันเหนื่อย…เหนื่อยมากจริง ๆ… ทุกครั้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณมักจะหาเหตุผลมาโกรธฉันได้เสมอ! คุณเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่? คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร?!”เธอกดปุ่มลิฟต์!เขามองไปที่จอแสดงผลตอนนี้ลิฟต์กำลังไปที่ชั้นสามประตูลิฟต์เปิดออกอย่างช้า ๆจากนั้นเธอก็เดินออกไปขณะที่เขาเดินตามเธอไป หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้น “ฉินอันอัน! คุณจะทำอะไร?”“ฉันจะทำแท้งเด็กคน
เธอโกรธเขามาก “แล้วถ้าเกิดเด็กแท้งเองล่ะ?”คำถามที่เธอถามกลับมาทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอจนพูดไม่ออก“เด็กคนนี้อายุไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ ซึ่งยังไม่พ้นระยะปลอดภัย! ถ้าทำให้โกรธทุกวัน รับรองไม่รอดแน่” เธอมองท่าทางตกตะลึงของเขาแล้วสัมผัสได้ถึงความสุขจากการแก้แค้นที่ประสบความสำเร็จริมฝีปากบางของเขาขยับ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไรออกมาเขาคิดถึงหน้าตาสิ้นหวังของเธอในโรงพยาบาลเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ควรทำให้เธอโกรธอีกเพราะก่อนหน้านี้เธอมีโอกาสแอบไปทำแท้งแต่กลับไม่ทำเธออดทนต่ออาการแพ้ท้องในช่วงต้นของการตั้งครรภ์อันเจ็บปวดอย่างเงียบ ๆ จนน้ำหนักลดลงไปมาก เธอไม่ได้อยากจะทำแท้ง แต่เธออยากจะคลอดลูกออกมา!อารมณ์ของเขาค่อย ๆ สงบลงในขณะเดียวกัน อารมณ์ของฉินอันอันก็ค่อย ๆ สงบลงด้วยเช่นกันเธอเปิดโทรศัพท์และเห็นข้อความจากไมค์ หลีเสี่ยวเถียนและจิ้นซือเหนียนเธอตอบพวกเขาทีละคนว่าเธอปลอดภัยดีหลังจากนั้นไม่นาน รถก็ขับเข้าไปในวิลล่าริมทะเลสุดท้ายรถก็มาหยุดที่ประตูวิลล่าของฉินอันอันเมื่อรถถูกปลดล็อค เธอก็เปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถไปฟู่สือถิงก็ลงจากรถมาด้วย“คุณลงมาทำอะไร? กลับไ
เขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วยืนขึ้นรอให้เธอเดินมา“คุณอยากคุยอะไรอีก?” เธอเดินไปที่บันไดเพื่อจะขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบน“คุณจะไปนอนแล้วเหรอ?” เขามองร่างเพรียวบางของเธอ หนามในหัวใจหายไป“ใช่ แต่ถ้าคุณอยากคุย ฉันอยู่คุยกับคุณก่อนได้” เธอยืนอยู่บนบันไดเพียงเพราะไม่อยากอยู่ใกล้เขามากเกินไปเธอรู้สึกไม่ดีที่ได้กลิ่นของเขาแม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกันดี แต่โชคชะตาก็ทำให้หัวใจของพวกเขาห่างเหินกัน“ไปนอนเถอะ!” เขานั่งลงบนโซฟา “ผมจะนั่งต่ออีกสักพักแล้วค่อยกลับ”“อืม...” เธอละสายตาจากเขา แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนทีละขั้นหลังจากที่เธอขึ้นไปยังชั้นบน เขาก็ลุกขึ้นจากโซฟาเขาตระหนักได้ว่าเขาเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัวเกินไปเขาไม่เคยเข้าใจว่าเธอต้องการอะไรเขาคิดว่าเขาได้ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเธอแล้ว และเขาก็เอาแต่ตำหนิเธอที่ทำให้เขาผิดหวังความจริงก็คือสิ่งที่เขาให้ไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการและสิ่งที่เธอต้องการเขาก็ไม่เคยให้เธอเลยหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง เขาคิดว่าเธอคงจะหลับไปแล้ว เขาจึงเปิดโทรศัพท์มือถือโทรหาแพทย์ประจำตระกูล“คุณฟู่ ยินดีด้วยที่ได้เป็นพ่อคนแล้ว” แพทย์ประจำตระกูลพูด
ร่างกายของเธอตึงเครียดทันทีเนื่องจากเธอหันหลังให้เขา เธอจึงไม่อาจมองเห็นสีหน้าของเขาได้ ยิ่งไม่รู้ว่าเขาทำอะไรเธอกำลังดิ้นรนอยู่ในใจว่าเธอควรทำอย่างไรหากเขาทำรุ่มร่ามใส่แต่เขากลับนอนนิ่งไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยลมหายใจของเขาอยู่ใกล้เธอมากจนดูเหมือนเธอจะรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจอันทรงพลังของอีกฝ่ายเมื่อลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ แขนยาวของเขาก็โอบรอบเอวของเธอทันทีเช่นเดียวกับเมื่อก่อนตอนที่พวกเขารักใคร่กันอย่างลึกซึ้ง เขาเคยโอบเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้เธอเบิกตากว้าง นึกถึงอดีตด้วยความงุนงงหลังจากไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ดวงตาของเธอก็เปียกโชก และชายที่อยู่ข้างหลังเธอหลับไปแล้วเธอค่อย ๆ ผลักแขนของเขาออกแล้วผุดขึ้นนั่งเมื่อมองดูใบหน้าที่กำลังหลับไหลของเขา เธอก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอันเยือกเย็นตรงหางตาของตัวเองทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เลื่อนไปมองตรงบริเวณหัวใจของเขาเธออยากเห็นอาการบาดเจ็บที่หน้าอกของเขาเธอเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของเขาหลังจากปลดกระดุมเม็ดแรกแล้ว เขาก็ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงผลักแขนของเธอออกไปด้วยฝ่ามือใหญ่โต!เธอมองเขาอย่างเหม่อลอยเห็นอยู่ชัด
“ทำไมจู่ ๆ คุณถึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา?” เขาไม่อยากเถียงกับเธอ เพราะเขากับเธอยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เพิ่มเข้ามานั่นคือลูก“ทำไมจะพูดไม่ได้? บางเรื่องที่ไม่ได้พูดไม่ได้หมายความว่ามันจบนะ!” เธอรู้ว่าการคิดบัญชีเก่านั้นไม่ดี แต่ถ้าไม่ทำและไม่ได้อธิบายให้ชัดเจน มันก็จะกลายเป็นมีดเล่มคมที่แทงหัวใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณไม่ได้บอกว่าอยากนอนเหรอ? นี่ผมรบกวนคุณหรือเปล่า?”จู่ ๆ แก้มของเธอก็แนบลงบนหน้าอกที่ร้อนผ่าวของเขา ซึ่งทำให้เธอตื่นตระหนก!เธอผลักเขาออกอย่างแรง จากนั้นจึงล้มตัวนอนหันหลังให้เขาเขาจ้องมองร่างบางของเธออย่างว่างเปล่า หัวใจของเขาบีบรัดเธอยังไม่ได้บอกเขาว่าแม่ของเขาพูดอะไรกับเธอก่อนที่จะเสียชีวิตแต่แน่นอนว่าเขาไม่กล้าถามต่อลำพังเขาไม่ถามเธอก็โกรธเขาอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเขาถามต่อ เธอก็จะโกรธมากยิ่งขึ้นเขาดึงผ้านวมคลุมตัวเธอแล้วนอนลงข้าง ๆ เธออีกครั้ง.…..เวลาหกโมงเย็นไมค์และโจวจื่ออี้กลับมาพร้อมเด็ก ๆ ทั้งสองคนเมื่อเปิดประตูเข้ามา พวกเขาก็เห็นฉินอันอันนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา“อันอัน ฉันเอาอาหารเย็นมาให้เธอ” ไมค์เอาอาหา
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง