เมื่อครู่นี้เขาส่งข้อความไปบอกแพทย์ประจำตระกูลเกี่ยวกับอาการของฉินอันอัน แพทย์ประจำตระกูลบอกว่าเธอป่วยไม่ก็ตั้งครรภ์เขารีบตัดข้อแรกทิ้งอย่างรวดเร็วเพราะฉินอันอันเองก็เป็นหมอหากเธอป่วยหนัก เธอคงจะไม่มางานแต่งงานของหลีเสี่ยวเถียน ยิ่งคืนสละโสดยิ่งแล้วใหญ่และหากไม่ใช่เพราะโรคร้ายแรงจะทำให้คนน้ำหนักลดได้มากในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร?นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าเธอกินไม่ได้ เธอกินผัก ผลไม้ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์นี่คงไม่ใช่… อาการของคนท้องหรอกใช่ไหม?หลังจากที่ฟู่สือถิงพูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึงไมค์ไม่คิดว่าเขาจะเดาได้เร็วขนาดนี้ นั่นทำให้ตัวเขากังวลมาก“ฉินอันอันไม่ได้ท้อง” ไมค์พูดอย่างจงใจฉินอันอันรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนเข็มหมุดเธอไม่ได้มองฟู่สือถิง แต่เธอสัมผัสได้ถึงสายตาคมปลาบของเขาที่มองมายังใบหน้าของเธอเธอโกหกได้เหมือนไมค์ แต่เธอพูดไม่ออกเพราะการยืนยันเรื่องนี้มันง่ายเกินไปเธออธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงอาเจียน อีกทั้งเธอยังอธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอไม่ยอมกินซี่โครงที่เขาคีบมาให้เขาเป็นคนขี้สงสัย และคราวนี้เธอไม่สามารถหลอกเขาได้เธอหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนทุกคนมอ
แต่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยจนกระทั่งตอนนี้ฉินอันอันมองเข้าไปในดวงตาที่ลุกเป็นไฟของเขาพลางพูดด้วยความโกรธ “คุณนี่หาทางทำให้ฉันอับอายได้เสมอเลยนะ!”‘ถ้าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา แล้วเขาคิดว่าเด็กเป็นลูกของใครล่ะ?’‘ลูกของจิ้นซือเหนียน?’‘ลูกของไมค์?’“ในเมื่อเด็กเป็นลูกผม แล้วทำไมไม่บอกผม?!” เขาไม่เคยคิดว่าข้อสงสัยของตัวเองจะมีปัญหาอะไร แต่ขณะเดียวกัน การที่เธอปกปิดเรื่องนี้ไว้ก็นำความทรงจำกลับมาหาเขามากขึ้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอปิดบังเขาแบบนี้!เขาเกลียดความรู้สึกที่ถูกเธอเก็บซ่อนเอาไว้ในเงามืด!เธอปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนโง่ อีกทั้งยังปั่นหัวเขาอีก!“ฟู่สือถิง คุณเหนื่อยไหม?” เธอมองใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเขาแล้วพูดอย่างหมดหวัง “ฉันเหนื่อย…เหนื่อยมากจริง ๆ… ทุกครั้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณมักจะหาเหตุผลมาโกรธฉันได้เสมอ! คุณเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่? คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร?!”เธอกดปุ่มลิฟต์!เขามองไปที่จอแสดงผลตอนนี้ลิฟต์กำลังไปที่ชั้นสามประตูลิฟต์เปิดออกอย่างช้า ๆจากนั้นเธอก็เดินออกไปขณะที่เขาเดินตามเธอไป หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้น “ฉินอันอัน! คุณจะทำอะไร?”“ฉันจะทำแท้งเด็กคน
เธอโกรธเขามาก “แล้วถ้าเกิดเด็กแท้งเองล่ะ?”คำถามที่เธอถามกลับมาทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอจนพูดไม่ออก“เด็กคนนี้อายุไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ ซึ่งยังไม่พ้นระยะปลอดภัย! ถ้าทำให้โกรธทุกวัน รับรองไม่รอดแน่” เธอมองท่าทางตกตะลึงของเขาแล้วสัมผัสได้ถึงความสุขจากการแก้แค้นที่ประสบความสำเร็จริมฝีปากบางของเขาขยับ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไรออกมาเขาคิดถึงหน้าตาสิ้นหวังของเธอในโรงพยาบาลเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ควรทำให้เธอโกรธอีกเพราะก่อนหน้านี้เธอมีโอกาสแอบไปทำแท้งแต่กลับไม่ทำเธออดทนต่ออาการแพ้ท้องในช่วงต้นของการตั้งครรภ์อันเจ็บปวดอย่างเงียบ ๆ จนน้ำหนักลดลงไปมาก เธอไม่ได้อยากจะทำแท้ง แต่เธออยากจะคลอดลูกออกมา!อารมณ์ของเขาค่อย ๆ สงบลงในขณะเดียวกัน อารมณ์ของฉินอันอันก็ค่อย ๆ สงบลงด้วยเช่นกันเธอเปิดโทรศัพท์และเห็นข้อความจากไมค์ หลีเสี่ยวเถียนและจิ้นซือเหนียนเธอตอบพวกเขาทีละคนว่าเธอปลอดภัยดีหลังจากนั้นไม่นาน รถก็ขับเข้าไปในวิลล่าริมทะเลสุดท้ายรถก็มาหยุดที่ประตูวิลล่าของฉินอันอันเมื่อรถถูกปลดล็อค เธอก็เปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถไปฟู่สือถิงก็ลงจากรถมาด้วย“คุณลงมาทำอะไร? กลับไ
เขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วยืนขึ้นรอให้เธอเดินมา“คุณอยากคุยอะไรอีก?” เธอเดินไปที่บันไดเพื่อจะขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบน“คุณจะไปนอนแล้วเหรอ?” เขามองร่างเพรียวบางของเธอ หนามในหัวใจหายไป“ใช่ แต่ถ้าคุณอยากคุย ฉันอยู่คุยกับคุณก่อนได้” เธอยืนอยู่บนบันไดเพียงเพราะไม่อยากอยู่ใกล้เขามากเกินไปเธอรู้สึกไม่ดีที่ได้กลิ่นของเขาแม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกันดี แต่โชคชะตาก็ทำให้หัวใจของพวกเขาห่างเหินกัน“ไปนอนเถอะ!” เขานั่งลงบนโซฟา “ผมจะนั่งต่ออีกสักพักแล้วค่อยกลับ”“อืม...” เธอละสายตาจากเขา แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนทีละขั้นหลังจากที่เธอขึ้นไปยังชั้นบน เขาก็ลุกขึ้นจากโซฟาเขาตระหนักได้ว่าเขาเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัวเกินไปเขาไม่เคยเข้าใจว่าเธอต้องการอะไรเขาคิดว่าเขาได้ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเธอแล้ว และเขาก็เอาแต่ตำหนิเธอที่ทำให้เขาผิดหวังความจริงก็คือสิ่งที่เขาให้ไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการและสิ่งที่เธอต้องการเขาก็ไม่เคยให้เธอเลยหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง เขาคิดว่าเธอคงจะหลับไปแล้ว เขาจึงเปิดโทรศัพท์มือถือโทรหาแพทย์ประจำตระกูล“คุณฟู่ ยินดีด้วยที่ได้เป็นพ่อคนแล้ว” แพทย์ประจำตระกูลพูด
ร่างกายของเธอตึงเครียดทันทีเนื่องจากเธอหันหลังให้เขา เธอจึงไม่อาจมองเห็นสีหน้าของเขาได้ ยิ่งไม่รู้ว่าเขาทำอะไรเธอกำลังดิ้นรนอยู่ในใจว่าเธอควรทำอย่างไรหากเขาทำรุ่มร่ามใส่แต่เขากลับนอนนิ่งไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยลมหายใจของเขาอยู่ใกล้เธอมากจนดูเหมือนเธอจะรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจอันทรงพลังของอีกฝ่ายเมื่อลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ แขนยาวของเขาก็โอบรอบเอวของเธอทันทีเช่นเดียวกับเมื่อก่อนตอนที่พวกเขารักใคร่กันอย่างลึกซึ้ง เขาเคยโอบเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้เธอเบิกตากว้าง นึกถึงอดีตด้วยความงุนงงหลังจากไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ดวงตาของเธอก็เปียกโชก และชายที่อยู่ข้างหลังเธอหลับไปแล้วเธอค่อย ๆ ผลักแขนของเขาออกแล้วผุดขึ้นนั่งเมื่อมองดูใบหน้าที่กำลังหลับไหลของเขา เธอก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอันเยือกเย็นตรงหางตาของตัวเองทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เลื่อนไปมองตรงบริเวณหัวใจของเขาเธออยากเห็นอาการบาดเจ็บที่หน้าอกของเขาเธอเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของเขาหลังจากปลดกระดุมเม็ดแรกแล้ว เขาก็ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงผลักแขนของเธอออกไปด้วยฝ่ามือใหญ่โต!เธอมองเขาอย่างเหม่อลอยเห็นอยู่ชัด
“ทำไมจู่ ๆ คุณถึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา?” เขาไม่อยากเถียงกับเธอ เพราะเขากับเธอยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เพิ่มเข้ามานั่นคือลูก“ทำไมจะพูดไม่ได้? บางเรื่องที่ไม่ได้พูดไม่ได้หมายความว่ามันจบนะ!” เธอรู้ว่าการคิดบัญชีเก่านั้นไม่ดี แต่ถ้าไม่ทำและไม่ได้อธิบายให้ชัดเจน มันก็จะกลายเป็นมีดเล่มคมที่แทงหัวใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณไม่ได้บอกว่าอยากนอนเหรอ? นี่ผมรบกวนคุณหรือเปล่า?”จู่ ๆ แก้มของเธอก็แนบลงบนหน้าอกที่ร้อนผ่าวของเขา ซึ่งทำให้เธอตื่นตระหนก!เธอผลักเขาออกอย่างแรง จากนั้นจึงล้มตัวนอนหันหลังให้เขาเขาจ้องมองร่างบางของเธออย่างว่างเปล่า หัวใจของเขาบีบรัดเธอยังไม่ได้บอกเขาว่าแม่ของเขาพูดอะไรกับเธอก่อนที่จะเสียชีวิตแต่แน่นอนว่าเขาไม่กล้าถามต่อลำพังเขาไม่ถามเธอก็โกรธเขาอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเขาถามต่อ เธอก็จะโกรธมากยิ่งขึ้นเขาดึงผ้านวมคลุมตัวเธอแล้วนอนลงข้าง ๆ เธออีกครั้ง.…..เวลาหกโมงเย็นไมค์และโจวจื่ออี้กลับมาพร้อมเด็ก ๆ ทั้งสองคนเมื่อเปิดประตูเข้ามา พวกเขาก็เห็นฉินอันอันนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา“อันอัน ฉันเอาอาหารเย็นมาให้เธอ” ไมค์เอาอาหา
ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นมองเขา “นายยังอยากจะทานอาหารเย็นแบบสงบสุขอยู่อีกไหม? ฉันไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเขา!” ไมค์มีสีหน้างุนงง “แล้วเมื่อตอนบ่ายเธอสองคนคุยเรื่องอะไรกันตั้งนานสองนาน? ทำไมฉันเห็นเขาลงมาจากชั้นบนล่ะ? เขานอนในห้องเธอเหรอ? หืม?” ฉินอันอันขมวดคิ้ว “นายนี่น่ารำคาญจริง ๆ” “โอเค ฉันไม่พูดก็ได้ เธอกินข้าวเถอะ!” ไมค์ทนไม่ไหวเมื่อเห็นเธอผอมมากจนเหลือแต่กระดูก ฉินอันอันหยิบช้อนมาตักข้าวต้มแล้วกินไปหนึ่งคำ ข้าวต้มยังร้อนอยู่ เด็กทั้งสองจ้องเธอตาไม่กะพริบ เธออดหน้าแดงไม่ได้ “ลูกจ้องแม่ทำไม?” รุ่ยลา “แม่คะ ถ้าแม่มีลูกอีกคน แม่จะยังรักหนูกับพี่ไหมคะ?” “แน่นอนสิ! แน่นอนว่าแม่รักลูกกับพี่อยู่แล้ว” เพราะเธอรักมาก จึงไม่ต้องการให้ฟู่สือถิงรู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ รุ่ยลาถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางกะพริบตาโตอยากรู้อยากเห็นแล้วถาม “ถ้าอย่างนั้นแม่อุ้มท้องเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงเหรอคะ?” ฉินอันอันกลั้นขำไม่ไหว “ลูกรัก ทารกในท้องแม่ยังเล็กมาก ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงหรอก!” รุ่ยลามีสีหน้าประหลาดใจ “เหรอคะ…?” “ตอนนี้เขายังโตไม่เท่าไข่ไก่เลย!” รุ่ยลายิ่งประหลาดใจม
“อืม เธอกินข้าวเย็นหรือยัง?” “กินแล้วค่ะ! กินที่โรงแรมกับเสี่ยวหาน” “ดูเหมือนเธอจะชอบเสี่ยวหานมากเลยนะ” ฟู่สือถิงนึกถึงตอนที่เธอกับไมค์แลกที่นั่งเมื่อตอนเที่ยง เมื่อก่อนเวลาออกไปข้างนอก เธอจะตามติดเขาตลอด แต่วันนี้เธออยากจะนั่งข้างเสี่ยวหานมากกว่า “ฉันชอบทั้งเสี่ยวหานและรุ่ยลาค่ะ” อิ๋นอิ๋นมีลางสังหรณ์ว่าเธอไม่เพียงแต่เป็นอาของเสี่ยวหานเท่านั้น แต่ยังเป็นอาของรุ่ยลาด้วย เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวหานและรุ่ยลานั้นเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพี่ชายของเธอ ฟู่สือถิงอดคิดถึงตอนที่อยู่วิลล่าในป่าลึกไม่ได้ว่าตัวเองเกือบจะบีบคอเสี่ยวหานตาย ตอนที่เจอหน้ากันเมื่อเที่ยงวันนี้ เสี่ยวหานไม่ได้มองเขาเลย ดูเหมือนว่ากำลังตั้งใจหลบหน้าเขาอยู่ เขามั่นใจว่า ใจของเด็กคนนี้ยังคงเจ็บปวดเพราะขาอยู่ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นี้ เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมา เขาไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำมาก่อนเลย เพราะถ้าคนอื่นไม่ยั่วยุเขาก่อน เขาก็จะไม่ลงมือ ถ้าเสี่ยวหานไม่เป็นฝ่ายยั่วยุเขา ตอนนั้นเขาคงไม่เสียสติ แต่ตอนนี้เขาเริ่มไตร่ตรองได้แล้ว แม้ว่าเสี่ยวหานจะผิด แต่ตัวเขาเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน