แต่เธอไม่อยากอธิบาย “โจวจื่ออี้ ไปบอกเจ้านายของคุณว่าฉินอันอันคบกับจิ้นซือเหนียนแล้ว!” ไมค์อยากให้ฟู่สือถิงยอมแพ้โดยสิ้นเชิงและไม่ต้องมาพัวพันกับฉินอันอันอีก ฉินอันอันได้ยินไมค์พูดจาไร้สาระ เธอถอดหูฟังออกจากหูของเขาทันที “พี่โจวคะ คุณอย่าฟังเรื่องไร้สาระของเขา” เธอเอ่ย “ฉันกับจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน อีกอย่าง เจ้านายของคุณคืนเสื้อสเวตเตอร์ให้ฉันแล้ว ดังนั้นฉันอยากจะใส่ตอนไหนก็ได้หากฉันต้องการ ถ้าฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ในอนาคต ฉันก็สามารถสวมเสื้อตัวนี้ออกเดทได้” โจวจื่ออี้พูดไม่ออก‘ไปตายซะไมค์!’ คิดไม่ถึงว่าจะโกหกเขาว่าไม่ได้อยู่กับฉินอันอัน นอกจากจะอึดอัดแล้วยังน่าอายด้วย “คุณฉิน เสื้อผ้าของคุณ คุณใส่ได้ถ้าคุณต้องการ…ผมแค่บ่นกับไมค์ ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ…ผมตระหนักได้แล้วว่า เจ้านายของผมก็ไม่ใช่นักบุญ เขาเองก็มีข้อบกพร่อง จากนี้ผมจะเตือนตัวเองบ่อย ๆ” โจวจื่ออี้กล่าว “อืม…วันนี้เขาไปทำงานแล้วเหรอคะ? เขาควรจะพักฟื้นอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ?” ฉินอันอันพูดอย่างใจเย็น โจวจื่ออี้ “เขาไม่เคยฟังหมอเลย แต่พี่เป่ยส่งเขากลับไปแล้ว” “อืม” คุยมาถึงตรงนี้ ก็ไม่ร
ฟู่สือถิงเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ หยดน้ำบนเส้นผมหยดลงมาตามเส้นผมทีละหยดมือข้างหนึ่งของเขาถือผ้าขนหนูแห้งและมืออีกข้างถือโทรศัพท์ หลังจากเห็นข่าวนี้ปรากฏขึ้น นิ้วมือของเขาสั่นเล็กน้อย ขณะที่คลิกเข้าไป หลังจากอ่านข่าว ความหนาวเย็นอันน่ากลัวปรากฏขึ้นในดวงตาเขา! ‘ฉินอันอันยอมรับของขวัญแห่งความรักของจิ้นซือเหนียนตั้งแต่เมื่อไหร่?’ ‘ที่เธอมาหาเขาเมื่อคืนนี้ เพื่อมาบอกเขาว่าเธอเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่แล้วใช่ไหม?’ ‘เรื่องนี้มันจำเป็นด้วยเหรอ?’ เขาโยนโทรศัพท์ไปทางตู้ จนเกิดเสียงดัง ‘ปัง!’ในคฤหาสน์หรูหราสไตล์ยุโรปหวังหว่านจือถือแก้วไวน์ทรงสูงไว้ในมือ ไวน์แดงในแก้วสั่นไหวไปมาเบา ๆ เธอมีสีหน้าภาคภูมิใจเมื่ออ่านข่าวบนอินเทอร์เน็ตจบ จากนั้นก็จิบไวน์แดง “เธอรู้ไหมว่าดาราไอดอลกลัวอะไรมากที่สุด?” เธอพูดคำนี้ไปทางเสิ่นอวี๋ “เรื่องที่พวกเขากลัวที่สุดคือการสูญเสียฐานแฟนคลับ และอะไรที่จะทำให้ดาราสูญเสียแฟนคลับล่ะ? นั่นก็คือการประกาศความสัมพันธ์ ไม่ว่าจิ้นซือเหนียนจะโด่งดังแค่ไหนก็ไม่มีทางหนีหายนะนี้ได้!” เสิ่นอวี๋ชื่นชมหวังหว่านจืออย่างมาก“คลื่นลูกนี้จะทำให้จิ้นซือเหนียนเดือดร้อ
“เป็นหนุ่มน้อยเจ้าเล่ห์จริง ๆ ! ฉันบอกเธอแล้วว่าเขาสนใจเธอใช่ไหมล่ะ?” ไมค์นั่งอยู่ข้าง ๆ และได้ยินการสนทนาของพวกเขาสองคนอย่างชัดเจน “ขอเพียงแค่เธอเองก็สนใจเขาแค่เล็กน้อย คืนนี้พวกเธอสองคนก็กลายเป็นคู่รักกันแล้ว!” “เขายังเด็กเกินไป คนหนุ่มสาวมักจะหุนหันพลันแล่น” ฉินอันอันอธิบาย “ฉันเองก็เคยเป็นเด็กมาก่อน” ไมค์ “ฉันรู้น่า! ตอนเธอยังเด็กก็หุนหันพลันแล่นกับฟู่สือถิง ดังนั้นตอนนี้เธอเลยได้รับผลกรรม” ฉินอันอันหมดคำจะพูด “อันอัน เธออย่าดูเว่ยปั๋วเลย” ไมค์ลูบศีรษะของเธอ “คนบนอินเทอร์เน็ตพวกนั้นไร้อารยะสิ้นดี! คำด่าว่ารุนแรงเกินไปจริง ๆ! เธอไม่ต้องเอาคำด่าพวกนั้นมาใส่ใจหรอก” “ฉันไม่ได้ดูเว่ยปั๋ว” ฉินอันอันพูดอย่างใจเย็น “ถึงดูก็ไม่มีผลอะไรกับฉันหรอก สุขภาพจิตในจุดนี้ของฉันดีมากนะ” “ดีมาก!” ไมค์มองดูเวลา “โจวจื่ออี้นัดฉันกินมื้อดึก ฉันไปก่อนนะ! มีอะไรก็โทรหาฉันล่ะ” “นายรีบไปเถอะ! แล้วก็ห้ามดื่มด้วย!” “ฉันรู้แล้ว ฉันสัญญาว่าคืนนี้ไม่ดื่ม” หลังจากสัญญาซ้ำ ๆ ไมค์ก็หยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไปถึงเวลาสามทุ่ม ฉินอันอันปิดไฟในห้องเด็ก ๆหลังจากเสียงฝีเท้าของเธอไกลออกไปแล้ว รุ่ยลาดึงแขนพี
ฉินอันอันไม่ได้เห็นข้อความของเขาในทันทีเพราะเธอผล็อยหลับไปหลังจากที่อ่านคำชี้แจงของจิ้นซือเหนียนในเว่ยปั๋วในระยะแรกของการตั้งครรภ์ปฏิกิริยาต่าง ๆ เช่นอาการคลื่นไส้และง่วงนอนนั้นเป็นเรื่องปกติ สองวันที่ผ่านมานี้เธอหลับง่ายกว่าปกติก่อนหน้านี้เธอมีอาการนอนไม่หลับเป็นครั้งคราวและต้องอาศัยยาเมลาโทนินถึงนอนหลับสนิท แต่คืนนี้พอเธอล้มตัวลงนอนก็ผล็อยหลับเลยทันที หลับครั้งนี้ เธอนอนหลับยาวไปจนถึงตีห้าของเช้าวันรุ่งขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะปวดปัสสาวะ เธอคงยังหลับอยู่ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็หยิบโทรศัพท์มาดูเวลาก่อน ผลคือ เห็นข้อความที่ฟู่สือถิงส่งมา เธอตกใจจนหน้าถอดสีและรีบเดินไปที่ห้องน้ำพร้อมกับถือโทรศัพท์ไปด้วย ข้อความที่ฟู่สือถิงส่งมาคือ : เมื่อวานคุณมาหาผมมีธุระอะไร? ‘เมื่อวานเหรอ?’ ในสมองของเธอคิดย้อนกลับไปอย่างระมัดระวัง เมื่อวานเธอไม่ได้ไปหาเขานี่นา! ‘เดี๋ยวนะ!’ เธอมองดูเวลาที่เขาส่งข้อความมาอย่างตั้งใจ‘เมื่อคืนนี้ตอนสี่ทุ่มครึ่ง?!’ ความหนาวเย็นทะลุผ่านเข้ามาจากแผ่นหลังของเธอ เธอตื่นโดยสมบูรณ์แล้ว หลังออกมาจากห้องน้ำ เธอกลับมานอนลงบนเตียงพร้อมกับถือโทรศัพท์
เมื่อคิดว่าตนเองที่เป็นประธานเอสทีกรุ๊ปถูกเธอทำร้ายหัวใจจนบาดเจ็บ แล้วยังเป็นฝ่ายเริ่มส่งข้อความถึงเธออย่างเขินอาย แต่เธอไม่ได้ตอบกลับทันที! เขาจึงอารมณ์ไม่ดีถึงขีดสุด! ดวงตาสีแดงของเขามองดูข้อความที่เธอส่งมา นิ้วของเขาพิมพ์ลงบนหน้าจออย่างรวดเร็ว : คุณภาคภูมิใจมากใช่ไหม? ฉินอันอันตกตะลึงกลิ่นความขัดแย้งรุนแรงมาก แต่พอพิจารณาว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน เป็นเรื่องธรรมดามากหากเขาจะโกรธจัด เธอระงับอารมณ์ตัวเองแล้วตอบกลับไปอย่างอดทนอดกลั้น : หกโมงเช้าแล้ว คุณรีบนอนเถอะค่ะ! ฉันเองก็อยากนอนต่ออีกสักพักหลังจากตอบประโยคนี้ เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เขาไม่ได้ตอบเธอกลับมาอีก รอบนี้ เขาพ่ายแพ้อย่างอนาถ! ในความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชาย ใครเริ่มก่อนมักแพ้เสมอ! ตอนเช้า เวลาเจ็ดโมงครึ่ง ประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลฟู่เปิดออกช้า ๆ ป้าหงถือกระเป๋า เตรียมออกไปข้างนอก อิ๋นอิ๋นมองดูภาพด้านหลังของเธอ แล้วรีบก้าวเท้าตามเธอไป ป้าหงได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง จึงรีบหันหลังมาทันที พอเห็นอิ๋นอิ๋นตามมา เธอก็หยุดเดิน “อิ๋นอิ๋น เช้านี้ดิฉันมีธุระต้องทำนิดหน่อย ต้องออกไปข้างนอก คุณอยู่ที่บ้า
ฉินกรุ๊ป หลังจากที่ฉินอันอันจัดการงานเสร็จแล้ว เธอก็อดเปิดโทรศัพท์ไม่ได้ เธอกดไปที่ประวัติการสนทนาระหว่างตัวเองกับฟู่สือถิง และอ่านอยู่หลายรอบ เมื่อคืนเขาคิดยังไงถึงส่งข้อความหาเธอ? เธอไปหาเขาเมื่อวานซืน เขาก็น่าจะรู้ตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ทำไมเขาไม่ติดต่อเธอตั้งแต่คืนนั้น? เธอกดเปิดเรื่องอื้อฉาวระหว่างตัวเธอกับจิ้นซือเหนียนในโซเชี่ยวอีกครั้ง เธออดสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อคืนฟู่สือถิงเห็นข่าวของเธอกับจิ้นซือเหนียนหรือยัง เขาจึงส่งข้อความถึงเธอ? ตอนนี้เขาคิดอย่างไรกับเธอ? ถ้าเขาเกลียดเธอมาก ต่อให้เขาจะเห็นข่าวของเธอ เขาก็คงจะไม่ติดต่อเธอมา เมื่อคืน เขาติดต่อเธอมา และไม่พูดถึงเรื่องเก่าในอดีตด้วย เขาเปลี่ยนใจแล้วเหรอ? เป็นไปไม่ได้! การบาดเจ็บสาหัสครั้งนี้ สามารถเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างง่ายดายแบบนี้ได้ยังไง? เธอขมวดคิ้วและสับสน ถ้าเมื่อคืนเขาไม่ได้ส่งข้อความถึงเธอ วันนี้เธอคงไม่นึกถึงเขาบ่อยขนาดนี้ โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาและรับสาย “ฉินอันอัน! ฉันอยู่ข้างล่างบริษัทเธอ! เธอรีบลงมาเร็ว ๆ! ไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันเถอะ!” เสียงร่าเริงของหลีเสี่
ฉินอันอันร้อนตัว “จริงเหรอ? เธอคิดไปเองหรือเปล่า?” หลังจากที่เธอกินจนจุใจ เธอก็เปิดโทรศัพท์และส่งข้อความถามจิ้นซือเหนียนว่าวันที่หนึ่ง เดือนพฤษภาคมเขาว่างหรือไม่ เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เธออธิบายเรื่องนี้ เขาก็ตอบตกลงทันที “เสี่ยวเถียน ซือเหนียนบอกว่าเขาจะมางานแต่งงานของเธอในวันที่หนึ่งพฤษภาคม” หลังจากที่เธอพูดจบก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้นทันที! เสี่ยวเถียน ลิซ่า และเสี่ยวอ้ายตื่นเต้นมาก หลังจากนั้นไม่นาน หลีเสี่ยวเถียนก็บอกข่าวนี้กับเฮ่อจุ่นจือ และเฮ่อจุ่นจือหันกลับมาและบอกข่าวเซิ่งเป่ย “ภรรยาของผมบอกว่าฉินอันอันเป็นคนเชิญเขามา” เฮ่อจุ่นจือพูดด้วยความโกรธ “จู่ ๆ ผมก็ไม่อยากแต่งงานแล้ว ภรรยาของผมเป็นแฟนคลับของจิ้นซือเหนียน… แฟนคลับแบบบ้าคลั่ง! และยังมีลูกพี่ลูกน้องของเธออีก… พูดได้เลยว่าผู้หญิงพวกนั้นเป็นแฟนคลับของจิ้นซือเหนียนเกือบทุกคน ถึงตอนนั้นใครล่ะจะสนใจผม? คงจะไปมองจิ้นซือเหนียนกันหมด! เจ้าบ่าวอย่างผมคงถูกแย่งซีน นี่ไม่เหมือนงานแต่งงานที่ผมจินตนาการไว้เลย!” เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอึดอัดมาก แต่เขาไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับหลีเสี่ยวเถียน เซิ่งเป่ยเห็นใจเขา แต่ก็รู้ส
แน่นอนว่าฉินอันอันไม่ตอบคำถามนี้ เธอไม่สามารถแสดงอาการปฏิเสธได้มากนัก เธอจึงพูดอย่างสุภาพ “พวกคุณอย่าหยิบยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเขาขึ้นมาเลยค่ะ ฉันเกรงว่านิตยสารของคุณจะไม่สามารถเผยแพร่ได้อย่างราบรื่น” คำตอบของเธอทำให้ทีมงานนิตยสารขี้ซุบซิบรู้สึกตัว “ค่ะคุณฉิน คุณเรียนแพทย์มา ทำไมคุณถึงคิดที่จะเริ่มต้นธุรกิจหลังจากสำเร็จการศึกษาคะ? อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเลือกเข้าสู่ด้านทำธุรกิจคะ?” คำถามนี้ทำให้ฉินอันอันขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าตอบแบบจริงจังเล่าทั้งวันทั้งคืนคงไม่จบ เธอวางแผนที่จะทำให้มันเรียบง่าย ขณะที่เธอกำลังจะพูด ความรู้สึกคลื่นไส้แบบควบคุมไม่ได้ก็เข้ามาครอบงำเธอ เธอใช้มือข้างหนึ่งปิดปากแล้ววิ่งไปห้องน้ำด้านนอกอย่างรวดเร็ว “คุณฉิน! คุณเป็นอะไรไปคะ?” พนักงานสองคนรีบไล่ตามเธอไป มันเกิดขึ้นกะทันหันจนไม่มีเวลาโต้ตอบ หลังจากฉินอันอันวิ่งเข้าไปห้องน้ำ เธอก็อาเจียนออกมาทันที! เธออาเจียนเอาทุกอย่างที่กินไปเมื่อตอนเที่ยงออกมา เนื่องจากเธอรู้สึกอึดอัดมาก ดวงตาของเธอจึงชื้นขึ้น หลังจากที่อาเจียน ความรู้สึกอึดอัดก็หายไปทันที เธอกดปุ่มชักโครกและจับผนังเพื่อทรงตัว
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง