ฉินอันอันร้อนตัว “จริงเหรอ? เธอคิดไปเองหรือเปล่า?” หลังจากที่เธอกินจนจุใจ เธอก็เปิดโทรศัพท์และส่งข้อความถามจิ้นซือเหนียนว่าวันที่หนึ่ง เดือนพฤษภาคมเขาว่างหรือไม่ เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เธออธิบายเรื่องนี้ เขาก็ตอบตกลงทันที “เสี่ยวเถียน ซือเหนียนบอกว่าเขาจะมางานแต่งงานของเธอในวันที่หนึ่งพฤษภาคม” หลังจากที่เธอพูดจบก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้นทันที! เสี่ยวเถียน ลิซ่า และเสี่ยวอ้ายตื่นเต้นมาก หลังจากนั้นไม่นาน หลีเสี่ยวเถียนก็บอกข่าวนี้กับเฮ่อจุ่นจือ และเฮ่อจุ่นจือหันกลับมาและบอกข่าวเซิ่งเป่ย “ภรรยาของผมบอกว่าฉินอันอันเป็นคนเชิญเขามา” เฮ่อจุ่นจือพูดด้วยความโกรธ “จู่ ๆ ผมก็ไม่อยากแต่งงานแล้ว ภรรยาของผมเป็นแฟนคลับของจิ้นซือเหนียน… แฟนคลับแบบบ้าคลั่ง! และยังมีลูกพี่ลูกน้องของเธออีก… พูดได้เลยว่าผู้หญิงพวกนั้นเป็นแฟนคลับของจิ้นซือเหนียนเกือบทุกคน ถึงตอนนั้นใครล่ะจะสนใจผม? คงจะไปมองจิ้นซือเหนียนกันหมด! เจ้าบ่าวอย่างผมคงถูกแย่งซีน นี่ไม่เหมือนงานแต่งงานที่ผมจินตนาการไว้เลย!” เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอึดอัดมาก แต่เขาไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับหลีเสี่ยวเถียน เซิ่งเป่ยเห็นใจเขา แต่ก็รู้ส
แน่นอนว่าฉินอันอันไม่ตอบคำถามนี้ เธอไม่สามารถแสดงอาการปฏิเสธได้มากนัก เธอจึงพูดอย่างสุภาพ “พวกคุณอย่าหยิบยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเขาขึ้นมาเลยค่ะ ฉันเกรงว่านิตยสารของคุณจะไม่สามารถเผยแพร่ได้อย่างราบรื่น” คำตอบของเธอทำให้ทีมงานนิตยสารขี้ซุบซิบรู้สึกตัว “ค่ะคุณฉิน คุณเรียนแพทย์มา ทำไมคุณถึงคิดที่จะเริ่มต้นธุรกิจหลังจากสำเร็จการศึกษาคะ? อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเลือกเข้าสู่ด้านทำธุรกิจคะ?” คำถามนี้ทำให้ฉินอันอันขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าตอบแบบจริงจังเล่าทั้งวันทั้งคืนคงไม่จบ เธอวางแผนที่จะทำให้มันเรียบง่าย ขณะที่เธอกำลังจะพูด ความรู้สึกคลื่นไส้แบบควบคุมไม่ได้ก็เข้ามาครอบงำเธอ เธอใช้มือข้างหนึ่งปิดปากแล้ววิ่งไปห้องน้ำด้านนอกอย่างรวดเร็ว “คุณฉิน! คุณเป็นอะไรไปคะ?” พนักงานสองคนรีบไล่ตามเธอไป มันเกิดขึ้นกะทันหันจนไม่มีเวลาโต้ตอบ หลังจากฉินอันอันวิ่งเข้าไปห้องน้ำ เธอก็อาเจียนออกมาทันที! เธออาเจียนเอาทุกอย่างที่กินไปเมื่อตอนเที่ยงออกมา เนื่องจากเธอรู้สึกอึดอัดมาก ดวงตาของเธอจึงชื้นขึ้น หลังจากที่อาเจียน ความรู้สึกอึดอัดก็หายไปทันที เธอกดปุ่มชักโครกและจับผนังเพื่อทรงตัว
ฉินอันอันถือโทรศัพท์ให้ไกลออกไปเล็กน้อย เพราะเธอแสบแก้วหู “ฉินอันอัน! เธออย่ามาแกล้งตาย! รีบบอกมาเร็ว ๆ! เธอท้องกับใคร?! ห๊ะ! ฉันจะบ้าตายแล้ว! ตอนนี้เธออยู่ไหน? ฉันจะไปหา! ฉันจะไปคุยต่อหน้าให้รู้เรื่อง!” ปฏิกิริยาของหลีเสี่ยวเถียนทำให้ฉินอันอันอดหัวเราะไม่ได้ “ตอนนี้ฉันอยู่บ้าน เธอไม่ต้องมาหาฉันหรอก คุยโทรศัพท์กับเธอเสร็จ ฉันจะไปพักผ่อนแล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ “ฉันจะท้องกับใครได้อีกล่ะ… ฉันบอกเรื่องนี้เธอ เป็นเพราะอาการตั้งครรภ์ระยะแรกของฉันเริ่มหนักขึ้น ไม่ต้องพูดถึงดื่มแอลกอฮอล์เลย แค่กินข้าวก็แย่แล้ว… วันงานแต่งงานของเธอ ถ้ามีใครพยายามชวนให้ฉันดื่ม ฉันต้องรบกวนให้เธอช่วยกันพวกเขาออกไปด้วยนะ” ก่อนหน้านี้พวกเธอนัดกับไว้ดิบดีว่าจะไปปาร์ตี้สละโสดด้วยกันในคืนก่อนงานแต่งหลีเสี่ยวเถียน เมื่อคนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน แน่นอนว่าคงหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ การพูดคุยกับหลีเสี่ยวถียนก่อน สามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้มากมาย “เธอท้องอยู่ เธอดื่มไม่ได้อยู่แล้ว! ฉันไม่ให้เธอดื่มหรอก” หลีเสี่ยวเถียนพูดและคาดเดา “เธอท้องกับฟู่สือถิงอีกแล้วใช่ไหม? โอ้พระเจ้า พวกเธอสองคนกำลังทำอะไร
คำตอบของเขาทำให้เซิ่งเป่ยประหลาดใจ “นายทำใจได้แล้วเหรอ?” เซิ่งเป่ยแซว “นายควรทำใจได้ตั้งนานแล้ว นายรู้ไหมว่าเธอพูดอะไรกับจื่ออี้? เธอบอกว่าเสื้อกันหนาวสีขาวตัวนั้นที่นายคืนให้เธอ เธออยากใส่ตอนไหนก็ได้ เธอพูดไม่มีผิด แต่เธอบอกว่ามาที่นี่เธออาจจะใส่เสื้อกันหนาวตัวนั้นไปออกเดทในอนาคต” นิ้วของฟู่สือถิงที่จับตะเกียบเปลี่ยนเป็นสีขาว “นายคิดว่าฉันจะสนใจเหรอ?” เซิ่งเป่ย “ฉันอยากให้นายลืมเธอเสีย” “แล้วนายพูดเรื่องเธอให้ฉันฟังทำไม?” สายตาเย็นชาของเขาจ้องไปที่ใบหน้าของเซิ่งเป่ย “ไม่ต้องพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเธออีก ฉันไม่สนใจ” “งั้นก็ดีแล้ว! ตอนแรกฉันก็กังวลว่าแผลเป็นของนายจะยังเจ็บอยู่” เซิ่งเป่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เสียดายที่นายดื่มไม่ได้ งั้นฉันดื่มคนเดียวก็แล้วกัน” เขาเดินไปที่บาร์เล็ก ๆ และหยิบไวน์แดงมาหนึ่งขวด ฟู่สือถิงทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว พลันวางชามและตะเกียบลงแล้วออกจากห้องรับประทานอาหารทันที เซิงเป่ยถือแก้วไวน์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อ้าว! ทำไมไม่อยู่คุยกับฉันซักพักก่อนล่ะ?! กินคนเดียว น่าเบื่อจะตาย!” ฟู่สือถิงเดินไปที่ห้องของอิ๋นอิ๋น เมื่อคืนเขาไม่ได้นอน วันนี
หลังจากเชื่อมต่อสายแล้ว เขาก็อธิบายสถานการณ์ของอิ๋นอิ๋นสั้น ๆ แล้วถามว่า “เธอไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแล้วใช่ไหม เธอสามารถฟื้นตัวได้ด้วยตัวเองใช่ไหม?” ปลายสาย หมอประจำตระกูลไม่กล้าสรุป “นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ยากที่จะบอกว่าในอนาคตจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่ แต่ที่แน่นอนก็คือ หากยังดำเนินการผ่าตัดต่อไปจะทำให้ร่างกายของเธอได้รับความเสียหาย” ฟู่สือถิงก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน นอกจากการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะอิ๋นอิ๋นทั้งสองครั้งที่เสิ่นอวี๋เป็นคนผ่าแล้ว เขายังพาอิ๋นอิ๋นไปพบแพทย์ชื่อดังคนอื่น ๆ ก่อนหน้านั้นด้วย และยังได้รับการผ่าตัดหลายครั้งอย่างละเอียด ตอนนี้เขาสับสนมาก “คุณฟู่ คุณได้ถามความเห็นจากหมอเสิ่นแล้วหรือยัง?” หมอประจำตระกูลถาม “ยังครับ” “งั้นเหรอ... หากคุณไม่อยากให้หมอเสิ่นมารักษาคุณอิ๋นอิ๋นต่อ คุณก็ลองให้ฉินอันอันรักษาดู ผมเห็นอาการของจิ้นซือเหนียนหลังจากที่เขากลับมานับว่าดีมาก ๆ… นอกจากที่ตอนนี้เขาไม่สามารถเต้นได้เหมือนเมื่อก่อน เขาสามารถร้องเพลงได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ หมายความว่าร่างกายของเขาเกือบจะฟื้นตัวขึ้นเต็มที่แล้ว มหัศจรรย์มาก” หมอประจำตระกูลถอนหายใจ หมอประจำตระกู
หลีเสี่ยวเถียนช่วยพยุงฉินอันอันเข้าไปในรถ ไมค์ตามหลังและถามหลีเสี่ยวเถียน “เสี่ยวเถียน คุณช่วยโน้มน้าวเธอหน่อยนะ! ช่วงนี้เธอลดน้ำหนัก ไม่ค่อยกินอะไรเลย! เธอทำไม่ถูกต้อง! เธอไม่ได้คิดถึงปัญหาร้ายแรงที่จะตามมา! คุณเห็นไหมว่าเธอผอมขนาดไหน? เมื่อก่อนเธอเคยออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านบ่อย ๆ แต่ตอนนี้เธอไม่ค่อยเคลื่อนไหวแล้ว...” หลีเสี่ยวเถียนตบไหล่ไมค์ “ฉันจะช่วยพูดกับเธอให้นะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ช่วงนี้เธอต้องการลดน้ำหนัก แต่ผ่านไประยะหนึ่งเธออาจจะไม่อยากลดแล้วก็ได้” “อ้าว...วันนี้พวกคุณจะไปเที่ยว แล้วทำไมไม่ชวนผมด้วยล่ะ?” ไมค์รู้สึกหงุดหงิด หลีเสี่ยวเถียน “คุณต้องดูแลเด็ก ๆ!” ไมค์พูดไม่ออก หลังจากที่หลีเสี่ยวเถียนขึ้นรถ เธอก็โบกมือให้ไมค์ ทันทีที่ประตูรถปิด รถก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ฉินอันอันนอนอยู่ที่เบาะหลังแล้วถามหลีเสี่ยวเถียน “เธอได้ชวนโจวจื่ออี้ไปด้วยไหม?” หลีเสี่ยวเถียน “ทำไมต้องชวนเขาด้วยล่ะ? เขาเป็นผู้ช่วยของฟู่สือถิง… คนที่เกี่ยวข้องกับฟู่สือถิงไม่ได้รับเชิญเลยสักคน รวมทั้งเซิ่งเป่ย รุ่นพี่ของสามีฉันด้วย...” ฉินอันอันกลั้นขำไว้ไม่อยู่ “ฉันไม่ได้ทำเพื่อเธอหรอกนะ…
จู่ ๆ ก็เริ่มสนใจฉินอันอันในปัจจุบันเล็กน้อย หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ส่งข้อความถึงเฮ่อจุ่นจือ : แอบถ่ายรูปด้านหน้าของเธอมาให้ฉันหน่อย เฮ่อจุ่นจือ : พี่คงไม่ได้จะส่งให้พี่สือถิงใช่ไหม? เซิ่งเป่ย : เร็ว ๆ สิ! เครื่องทำความร้อนเปิดอยู่ในวิลล่า อุณหภูมิอยู่ในระดับสูง หลีเสี่ยวเถียนกับฉินอันอันถอดเสื้อคลุมแล้วนั่งบนโซฟา หลีเสี่ยวเถียนเตรียมผลไม้ไว้มากมาย เธอวางผลไม้ทั้งหมดไว้ตรงหน้าฉินอันอัน ฉินอันอันหยิบลูกพีชขึ้นมาแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “ยังไม่ถึงฤดูกาลลูกพีชไม่ใช่เหรอ?” หลีเสี่ยวเถียน “แค่มีเงิน ก็ซื้อกินได้ทั้งปีนั่นแหละ เธอลองชิมดูสิ!” ฉินอันอันยิ้มและพยักหน้า เฮ่อจุ่นจือถือโอกาสแอบถ่ายรูปตอนที่เธอกำลังกินลูกพีช กล้องจับภาพได้พอดี! ไม่ว่าจะองค์ประกอบภาพ แสง หรือภาพรวมก็ล้วนสมบูรณ์แบบ ถ่ายออกมาฉินอันอันทั้งน่ารัก เซ็กซี่และขี้เล่น เฮ่อจุ่นจือส่งรูปถ่ายไปให้เซิ่งเป่ย หลังจากเห็นภาพนี้เซิ่งเป่ยก็ประหลาดใจทันที : นี่แขนจริงเหรอ? ฉินอันอันถอดเสื้อคลุมออก กระโปรงลายดอกไม้ด้านในเป็นสไตล์เอี๊ยม จึงเผยให้เห็นแขนเรียวขาวทั้งสองข้าง เฮ่อจุ่นจือตอบกลับ
ตอนที่เซิ่งเป่ยเข้ามา เขาจงใจไม่เคาะประตู เขาผลักประตูห้องทำงาน เมื่อฟู่สือถิงได้ยินเสียงเขาก็วางโทรศัพท์ลงทันที “อะแฮ่ม! สือถิง เมื่อกี้ฉันส่งผิด ไปส่งรูปฉินอันอันให้นายโดยไม่ได้ตั้งใจ…” เซิ่งเป่ยตีหน้าซื่อ ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองเขา “ถึงนายบอกว่าตั้งใจ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก” เซิ่งเป่ยหัวเราะแห้ง “จุ่นจือบอกว่าฉินอันอันผอมลงมาก เหมือนคนป่วยหนัก ฉันไม่เชื่อ เขาจึงส่งรูปถ่ายของเธอมาให้ฉันดู” ฟู่สือถิง “เห็นนายยิ้มมีความสุขแบบนี้ ฉันว่าเธอคงไม่ได้ป่วยหนักหรอก” รอยยิ้มบนใบหน้าของเซิ่งเป่ยแข็งค้าง “เอ่อ...ฉันได้ยินมาว่าเธอลดน้ำหนักโหดมาก การลดน้ำหนักมีตั้งหลายวิธี แต่เธอกลับเลือกที่จะอดอาหาร เธอเรียนแพทย์มาไม่ใช่เหรอ? หรือเธอไม่รู้ว่าการอดอาหารส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพ? เธอไม่มีเหตุผลเลย... เหมือนกับตอนที่เธอจะฆ่านาย เรื่องนี้มีผลกระทบต่อฉันอย่างมาก” ความสงบบนใบหน้าของฟู่สือถิงหายไป เขาวางเอกสารในมือลง “นายสนใจเธอมากขนาดนั้น ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ฉินกรุ๊ปเสียเลยล่ะ?!” เซิ่งเป่ย “ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย! ฉันจะมาคุยกับนายเรื่องธุรกิจ! บ่ายนี้ฉันต้องเลิกงานเร็วหน่อย เพราะคืนนี้พวกเขา
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง