คำตอบของเขาทำให้เซิ่งเป่ยประหลาดใจ “นายทำใจได้แล้วเหรอ?” เซิ่งเป่ยแซว “นายควรทำใจได้ตั้งนานแล้ว นายรู้ไหมว่าเธอพูดอะไรกับจื่ออี้? เธอบอกว่าเสื้อกันหนาวสีขาวตัวนั้นที่นายคืนให้เธอ เธออยากใส่ตอนไหนก็ได้ เธอพูดไม่มีผิด แต่เธอบอกว่ามาที่นี่เธออาจจะใส่เสื้อกันหนาวตัวนั้นไปออกเดทในอนาคต” นิ้วของฟู่สือถิงที่จับตะเกียบเปลี่ยนเป็นสีขาว “นายคิดว่าฉันจะสนใจเหรอ?” เซิ่งเป่ย “ฉันอยากให้นายลืมเธอเสีย” “แล้วนายพูดเรื่องเธอให้ฉันฟังทำไม?” สายตาเย็นชาของเขาจ้องไปที่ใบหน้าของเซิ่งเป่ย “ไม่ต้องพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเธออีก ฉันไม่สนใจ” “งั้นก็ดีแล้ว! ตอนแรกฉันก็กังวลว่าแผลเป็นของนายจะยังเจ็บอยู่” เซิ่งเป่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เสียดายที่นายดื่มไม่ได้ งั้นฉันดื่มคนเดียวก็แล้วกัน” เขาเดินไปที่บาร์เล็ก ๆ และหยิบไวน์แดงมาหนึ่งขวด ฟู่สือถิงทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว พลันวางชามและตะเกียบลงแล้วออกจากห้องรับประทานอาหารทันที เซิงเป่ยถือแก้วไวน์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อ้าว! ทำไมไม่อยู่คุยกับฉันซักพักก่อนล่ะ?! กินคนเดียว น่าเบื่อจะตาย!” ฟู่สือถิงเดินไปที่ห้องของอิ๋นอิ๋น เมื่อคืนเขาไม่ได้นอน วันนี
หลังจากเชื่อมต่อสายแล้ว เขาก็อธิบายสถานการณ์ของอิ๋นอิ๋นสั้น ๆ แล้วถามว่า “เธอไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแล้วใช่ไหม เธอสามารถฟื้นตัวได้ด้วยตัวเองใช่ไหม?” ปลายสาย หมอประจำตระกูลไม่กล้าสรุป “นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ยากที่จะบอกว่าในอนาคตจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่ แต่ที่แน่นอนก็คือ หากยังดำเนินการผ่าตัดต่อไปจะทำให้ร่างกายของเธอได้รับความเสียหาย” ฟู่สือถิงก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน นอกจากการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะอิ๋นอิ๋นทั้งสองครั้งที่เสิ่นอวี๋เป็นคนผ่าแล้ว เขายังพาอิ๋นอิ๋นไปพบแพทย์ชื่อดังคนอื่น ๆ ก่อนหน้านั้นด้วย และยังได้รับการผ่าตัดหลายครั้งอย่างละเอียด ตอนนี้เขาสับสนมาก “คุณฟู่ คุณได้ถามความเห็นจากหมอเสิ่นแล้วหรือยัง?” หมอประจำตระกูลถาม “ยังครับ” “งั้นเหรอ... หากคุณไม่อยากให้หมอเสิ่นมารักษาคุณอิ๋นอิ๋นต่อ คุณก็ลองให้ฉินอันอันรักษาดู ผมเห็นอาการของจิ้นซือเหนียนหลังจากที่เขากลับมานับว่าดีมาก ๆ… นอกจากที่ตอนนี้เขาไม่สามารถเต้นได้เหมือนเมื่อก่อน เขาสามารถร้องเพลงได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ หมายความว่าร่างกายของเขาเกือบจะฟื้นตัวขึ้นเต็มที่แล้ว มหัศจรรย์มาก” หมอประจำตระกูลถอนหายใจ หมอประจำตระกู
หลีเสี่ยวเถียนช่วยพยุงฉินอันอันเข้าไปในรถ ไมค์ตามหลังและถามหลีเสี่ยวเถียน “เสี่ยวเถียน คุณช่วยโน้มน้าวเธอหน่อยนะ! ช่วงนี้เธอลดน้ำหนัก ไม่ค่อยกินอะไรเลย! เธอทำไม่ถูกต้อง! เธอไม่ได้คิดถึงปัญหาร้ายแรงที่จะตามมา! คุณเห็นไหมว่าเธอผอมขนาดไหน? เมื่อก่อนเธอเคยออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านบ่อย ๆ แต่ตอนนี้เธอไม่ค่อยเคลื่อนไหวแล้ว...” หลีเสี่ยวเถียนตบไหล่ไมค์ “ฉันจะช่วยพูดกับเธอให้นะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ช่วงนี้เธอต้องการลดน้ำหนัก แต่ผ่านไประยะหนึ่งเธออาจจะไม่อยากลดแล้วก็ได้” “อ้าว...วันนี้พวกคุณจะไปเที่ยว แล้วทำไมไม่ชวนผมด้วยล่ะ?” ไมค์รู้สึกหงุดหงิด หลีเสี่ยวเถียน “คุณต้องดูแลเด็ก ๆ!” ไมค์พูดไม่ออก หลังจากที่หลีเสี่ยวเถียนขึ้นรถ เธอก็โบกมือให้ไมค์ ทันทีที่ประตูรถปิด รถก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ฉินอันอันนอนอยู่ที่เบาะหลังแล้วถามหลีเสี่ยวเถียน “เธอได้ชวนโจวจื่ออี้ไปด้วยไหม?” หลีเสี่ยวเถียน “ทำไมต้องชวนเขาด้วยล่ะ? เขาเป็นผู้ช่วยของฟู่สือถิง… คนที่เกี่ยวข้องกับฟู่สือถิงไม่ได้รับเชิญเลยสักคน รวมทั้งเซิ่งเป่ย รุ่นพี่ของสามีฉันด้วย...” ฉินอันอันกลั้นขำไว้ไม่อยู่ “ฉันไม่ได้ทำเพื่อเธอหรอกนะ…
จู่ ๆ ก็เริ่มสนใจฉินอันอันในปัจจุบันเล็กน้อย หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ส่งข้อความถึงเฮ่อจุ่นจือ : แอบถ่ายรูปด้านหน้าของเธอมาให้ฉันหน่อย เฮ่อจุ่นจือ : พี่คงไม่ได้จะส่งให้พี่สือถิงใช่ไหม? เซิ่งเป่ย : เร็ว ๆ สิ! เครื่องทำความร้อนเปิดอยู่ในวิลล่า อุณหภูมิอยู่ในระดับสูง หลีเสี่ยวเถียนกับฉินอันอันถอดเสื้อคลุมแล้วนั่งบนโซฟา หลีเสี่ยวเถียนเตรียมผลไม้ไว้มากมาย เธอวางผลไม้ทั้งหมดไว้ตรงหน้าฉินอันอัน ฉินอันอันหยิบลูกพีชขึ้นมาแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “ยังไม่ถึงฤดูกาลลูกพีชไม่ใช่เหรอ?” หลีเสี่ยวเถียน “แค่มีเงิน ก็ซื้อกินได้ทั้งปีนั่นแหละ เธอลองชิมดูสิ!” ฉินอันอันยิ้มและพยักหน้า เฮ่อจุ่นจือถือโอกาสแอบถ่ายรูปตอนที่เธอกำลังกินลูกพีช กล้องจับภาพได้พอดี! ไม่ว่าจะองค์ประกอบภาพ แสง หรือภาพรวมก็ล้วนสมบูรณ์แบบ ถ่ายออกมาฉินอันอันทั้งน่ารัก เซ็กซี่และขี้เล่น เฮ่อจุ่นจือส่งรูปถ่ายไปให้เซิ่งเป่ย หลังจากเห็นภาพนี้เซิ่งเป่ยก็ประหลาดใจทันที : นี่แขนจริงเหรอ? ฉินอันอันถอดเสื้อคลุมออก กระโปรงลายดอกไม้ด้านในเป็นสไตล์เอี๊ยม จึงเผยให้เห็นแขนเรียวขาวทั้งสองข้าง เฮ่อจุ่นจือตอบกลับ
ตอนที่เซิ่งเป่ยเข้ามา เขาจงใจไม่เคาะประตู เขาผลักประตูห้องทำงาน เมื่อฟู่สือถิงได้ยินเสียงเขาก็วางโทรศัพท์ลงทันที “อะแฮ่ม! สือถิง เมื่อกี้ฉันส่งผิด ไปส่งรูปฉินอันอันให้นายโดยไม่ได้ตั้งใจ…” เซิ่งเป่ยตีหน้าซื่อ ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองเขา “ถึงนายบอกว่าตั้งใจ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก” เซิ่งเป่ยหัวเราะแห้ง “จุ่นจือบอกว่าฉินอันอันผอมลงมาก เหมือนคนป่วยหนัก ฉันไม่เชื่อ เขาจึงส่งรูปถ่ายของเธอมาให้ฉันดู” ฟู่สือถิง “เห็นนายยิ้มมีความสุขแบบนี้ ฉันว่าเธอคงไม่ได้ป่วยหนักหรอก” รอยยิ้มบนใบหน้าของเซิ่งเป่ยแข็งค้าง “เอ่อ...ฉันได้ยินมาว่าเธอลดน้ำหนักโหดมาก การลดน้ำหนักมีตั้งหลายวิธี แต่เธอกลับเลือกที่จะอดอาหาร เธอเรียนแพทย์มาไม่ใช่เหรอ? หรือเธอไม่รู้ว่าการอดอาหารส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพ? เธอไม่มีเหตุผลเลย... เหมือนกับตอนที่เธอจะฆ่านาย เรื่องนี้มีผลกระทบต่อฉันอย่างมาก” ความสงบบนใบหน้าของฟู่สือถิงหายไป เขาวางเอกสารในมือลง “นายสนใจเธอมากขนาดนั้น ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ฉินกรุ๊ปเสียเลยล่ะ?!” เซิ่งเป่ย “ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย! ฉันจะมาคุยกับนายเรื่องธุรกิจ! บ่ายนี้ฉันต้องเลิกงานเร็วหน่อย เพราะคืนนี้พวกเขา
หลังจากหลับมาทั้งบ่ายแล้ว ตอนนี้เธอค่อนข้างอารมณ์ดี อาการคลื่นไส้ก็หายไปแล้ว “บอกไม่ถูกเหมือนกัน สักพักอาจจะดีขึ้น หรืออาจจะดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ เธอไม่ต้องกลัว บางคนมีอาการน้อยมาก บางทีเธออาจจะไม่อาเจียนเลยก็ได้” เธอเดินไปที่โซฟาตัวเล็กแล้วนั่งลงมองบะหมี่ร้อน ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย “เสี่ยวเถียน ขอบคุณที่ดูแลฉันนะ ฉันไม่ได้กินบะหมี่เผ็ดเปรี้ยวมานานแล้ว “เธอกินให้น้อย ๆ ก่อนนะ ฉันกลัวว่าเธอจะอาเจียน” หลีเสี่ยวเถียนนั่งบนโซฟาตรงข้ามเธอ “เธอรู้ไหมว่าวันนี้เฮ่อจุนจือทำเรื่องโง่ ๆ อะไรไว้? เพราะเธอไม่ได้กินข้าวตอนเที่ยง เขากลัวเธอจะเป็นลมจึงรีบเรียกรถพยาบาลมา ตอนนี้รถพยาบาลยังจอดอยู่นอกวิลล่าอยู่เลย!” คิ้วของฉินอันอันโค้งงอ ดวงตาของเธอยิ้ม แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกสะเทือนใจด้วย “เสี่ยวเถียน ฉันขอให้เธอกับเฮ่อจุ่นจือรักกันและมีความสุขกันไปตลอดนะ” “ฉันรู้แล้ว! หน้าที่ของเธอตอนนี้คือดูแลตัวเองและลูกในท้องให้ดี ฉันแค่ขอให้เขาน่ารักและฉลาดเหมือนรุ่ยลากับเสี่ยวหาน ฉันอดสวดภาวนาให้เด็กน้อยเกิดมามีสุขภาพแข็งแรงไม่ได้” “อืม” หลังจากฉินอันอันทานอาหารเย็นเสร็จ เธอกับห
ฉินอันอันเห็นว่าสายรัดข้อมือวัดอัตราการเต้นของหัวใจบนข้อมือของเธอลดลงจากหนึ่งร้อยเป็นแปดสิบ ‘เขามาได้ยังไง?’ ‘เสี่ยวเถียนบอกว่าเขากับเพื่อน ๆ ไม่ได้รับเชิญนี่’ ‘แสดงว่าเขามาโดยไม่ได้รับเชิญเหรอ?’ หลีเสี่ยวเถียนเองก็ตกใจเช่นกัน! เธอเอื้อมมือไปบีบแขนของเฮ่อจุ่นจือ “เกิดอะไรขึ้น? เขามาที่นี่ได้ยังไง?” เมื่อฟู่สือถิงมาถึง บรรยากาศในวิลล่าก็ตึงเครียดทันที! หลีเสี่ยวเถียนไม่ต้อนรับเขา แต่ในเมื่อเขามาแล้ว เธอก็ไม่กล้าไล่เขาออกไป เฮ่อจุ่นจือโน้มตัวไปข้างหูของเสี่ยวเถียน “ในเมื่อพี่สือถิงอยู่ที่นี่ ยังไงเราก็ต้องต้อนรับเขา! คุณอย่าเพิ่งโกรธ! ไว้หน้าผมหน่อยสิ!” เฮ่อจุ่นจือพูดจบอย่างรวดเร็วและเดินไปหาฟู่สือถิงทันที เขาทักทายด้วยรอยยิ้ม “พี่สือถิง พี่เป่ย มาแล้วเหรอ! พวกพี่กินข้าวเย็นหรือยัง? ถ้ายัง… ในครัวยังมี...” เซิ่งเป่ยกล่าว “เรายังไม่หิว เมื่อกี้พวกนายกำลังเล่นอะไรกันอยู่เหรอ?! กรีดร้องเสียงดังเชียว!” หลังจากที่เซิ่งเป่ยพูดจบ ดูเหมือนว่าทุกคนจะถูกกดปุ่มหยุดชั่วคราว ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกหดหู่และกังวลน้อยลง “เรากำลังเล่นเกมอย่าท้าทายหัวใจค่ะ! พวกคุณอยากเล่นด้วยกันไ
“ฮ่าฮ่าฮ่า จัดการให้เรียบ! ยังต้องเตรียมอย่างอื่นอีก แล้วถ้าเขาไม่ชอบผู้หญิงงั้นเหรอ? หาหนุ่มหล่อเพิ่มสิ!” “เอาล่ะ ก็ได้! มีหนุ่มหล่อกล้ามโตอีกคนที่ฉันต้องดูในรายการโปรดของฉัน!” “หนุ่มหล่อมีกล้ามอะไรที่ต้องดู? ไหนเอามาให้ฉันดูสิ!” “ฮ่าฮ่าฮ่า! ขำจนปวดท้องหมดแล้ว! ดีมากจริง ๆ!” ...... ผู้หญิงสองสามคนกำลังหาคลิปด้วยกัน พวกเธอสนุกสนานกันมาก พวกเธอยังเด็กเกินไป! ถึงได้ไม่รู้ว่าฟู่สือถิงเป็นผู้ชายแบบไหน หลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูด เซิ่งเป่ยหน้านิ่งและแทบจะหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ ต่อให้พวกเธอจะหาวิดีโอที่ติดเรทมา ฟู่สือถิงก็ไม่มีทางแพ้ เฮ่อจุ่นจือเดินไปหาหลีเสี่ยวเถียนกับฉินอันอันและอธิบายเบา ๆ “พี่เป่ยขอที่นั่งจากผม ผมต้องยกให้เขาใช่ไหม? พี่เป่ยเป็นรุ่นพี่ของผม… พี่เป่ยไม่ได้บอกผมว่าพี่สือถิงจะมาด้วย แต่ถึงเขาจะบอก ผมก็ยินดีต้อนรับพวกเขาอยู่แล้ว!” หลีเสี่ยวเถียนจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา “ไหน ๆ เขาก็มากันแล้ว คุณจะมาพูดเพื่ออะไรอีก?” เฮ่อจุ่นจือพูดด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “คิดว่าผมไม่กลัวพวกคุณสองคนจะโกรธเหรอ? โดยเฉพาะอันอัน...” ฉินอันอัน “พวกเขาเป็นเพื่อนของคุณ ก็ไม่แปลกที