ฉินกรุ๊ป หลังจากที่ฉินอันอันจัดการงานเสร็จแล้ว เธอก็อดเปิดโทรศัพท์ไม่ได้ เธอกดไปที่ประวัติการสนทนาระหว่างตัวเองกับฟู่สือถิง และอ่านอยู่หลายรอบ เมื่อคืนเขาคิดยังไงถึงส่งข้อความหาเธอ? เธอไปหาเขาเมื่อวานซืน เขาก็น่าจะรู้ตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ทำไมเขาไม่ติดต่อเธอตั้งแต่คืนนั้น? เธอกดเปิดเรื่องอื้อฉาวระหว่างตัวเธอกับจิ้นซือเหนียนในโซเชี่ยวอีกครั้ง เธออดสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อคืนฟู่สือถิงเห็นข่าวของเธอกับจิ้นซือเหนียนหรือยัง เขาจึงส่งข้อความถึงเธอ? ตอนนี้เขาคิดอย่างไรกับเธอ? ถ้าเขาเกลียดเธอมาก ต่อให้เขาจะเห็นข่าวของเธอ เขาก็คงจะไม่ติดต่อเธอมา เมื่อคืน เขาติดต่อเธอมา และไม่พูดถึงเรื่องเก่าในอดีตด้วย เขาเปลี่ยนใจแล้วเหรอ? เป็นไปไม่ได้! การบาดเจ็บสาหัสครั้งนี้ สามารถเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างง่ายดายแบบนี้ได้ยังไง? เธอขมวดคิ้วและสับสน ถ้าเมื่อคืนเขาไม่ได้ส่งข้อความถึงเธอ วันนี้เธอคงไม่นึกถึงเขาบ่อยขนาดนี้ โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาและรับสาย “ฉินอันอัน! ฉันอยู่ข้างล่างบริษัทเธอ! เธอรีบลงมาเร็ว ๆ! ไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันเถอะ!” เสียงร่าเริงของหลีเสี่
ฉินอันอันร้อนตัว “จริงเหรอ? เธอคิดไปเองหรือเปล่า?” หลังจากที่เธอกินจนจุใจ เธอก็เปิดโทรศัพท์และส่งข้อความถามจิ้นซือเหนียนว่าวันที่หนึ่ง เดือนพฤษภาคมเขาว่างหรือไม่ เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เธออธิบายเรื่องนี้ เขาก็ตอบตกลงทันที “เสี่ยวเถียน ซือเหนียนบอกว่าเขาจะมางานแต่งงานของเธอในวันที่หนึ่งพฤษภาคม” หลังจากที่เธอพูดจบก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้นทันที! เสี่ยวเถียน ลิซ่า และเสี่ยวอ้ายตื่นเต้นมาก หลังจากนั้นไม่นาน หลีเสี่ยวเถียนก็บอกข่าวนี้กับเฮ่อจุ่นจือ และเฮ่อจุ่นจือหันกลับมาและบอกข่าวเซิ่งเป่ย “ภรรยาของผมบอกว่าฉินอันอันเป็นคนเชิญเขามา” เฮ่อจุ่นจือพูดด้วยความโกรธ “จู่ ๆ ผมก็ไม่อยากแต่งงานแล้ว ภรรยาของผมเป็นแฟนคลับของจิ้นซือเหนียน… แฟนคลับแบบบ้าคลั่ง! และยังมีลูกพี่ลูกน้องของเธออีก… พูดได้เลยว่าผู้หญิงพวกนั้นเป็นแฟนคลับของจิ้นซือเหนียนเกือบทุกคน ถึงตอนนั้นใครล่ะจะสนใจผม? คงจะไปมองจิ้นซือเหนียนกันหมด! เจ้าบ่าวอย่างผมคงถูกแย่งซีน นี่ไม่เหมือนงานแต่งงานที่ผมจินตนาการไว้เลย!” เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอึดอัดมาก แต่เขาไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับหลีเสี่ยวเถียน เซิ่งเป่ยเห็นใจเขา แต่ก็รู้ส
แน่นอนว่าฉินอันอันไม่ตอบคำถามนี้ เธอไม่สามารถแสดงอาการปฏิเสธได้มากนัก เธอจึงพูดอย่างสุภาพ “พวกคุณอย่าหยิบยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเขาขึ้นมาเลยค่ะ ฉันเกรงว่านิตยสารของคุณจะไม่สามารถเผยแพร่ได้อย่างราบรื่น” คำตอบของเธอทำให้ทีมงานนิตยสารขี้ซุบซิบรู้สึกตัว “ค่ะคุณฉิน คุณเรียนแพทย์มา ทำไมคุณถึงคิดที่จะเริ่มต้นธุรกิจหลังจากสำเร็จการศึกษาคะ? อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเลือกเข้าสู่ด้านทำธุรกิจคะ?” คำถามนี้ทำให้ฉินอันอันขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าตอบแบบจริงจังเล่าทั้งวันทั้งคืนคงไม่จบ เธอวางแผนที่จะทำให้มันเรียบง่าย ขณะที่เธอกำลังจะพูด ความรู้สึกคลื่นไส้แบบควบคุมไม่ได้ก็เข้ามาครอบงำเธอ เธอใช้มือข้างหนึ่งปิดปากแล้ววิ่งไปห้องน้ำด้านนอกอย่างรวดเร็ว “คุณฉิน! คุณเป็นอะไรไปคะ?” พนักงานสองคนรีบไล่ตามเธอไป มันเกิดขึ้นกะทันหันจนไม่มีเวลาโต้ตอบ หลังจากฉินอันอันวิ่งเข้าไปห้องน้ำ เธอก็อาเจียนออกมาทันที! เธออาเจียนเอาทุกอย่างที่กินไปเมื่อตอนเที่ยงออกมา เนื่องจากเธอรู้สึกอึดอัดมาก ดวงตาของเธอจึงชื้นขึ้น หลังจากที่อาเจียน ความรู้สึกอึดอัดก็หายไปทันที เธอกดปุ่มชักโครกและจับผนังเพื่อทรงตัว
ฉินอันอันถือโทรศัพท์ให้ไกลออกไปเล็กน้อย เพราะเธอแสบแก้วหู “ฉินอันอัน! เธออย่ามาแกล้งตาย! รีบบอกมาเร็ว ๆ! เธอท้องกับใคร?! ห๊ะ! ฉันจะบ้าตายแล้ว! ตอนนี้เธออยู่ไหน? ฉันจะไปหา! ฉันจะไปคุยต่อหน้าให้รู้เรื่อง!” ปฏิกิริยาของหลีเสี่ยวเถียนทำให้ฉินอันอันอดหัวเราะไม่ได้ “ตอนนี้ฉันอยู่บ้าน เธอไม่ต้องมาหาฉันหรอก คุยโทรศัพท์กับเธอเสร็จ ฉันจะไปพักผ่อนแล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ “ฉันจะท้องกับใครได้อีกล่ะ… ฉันบอกเรื่องนี้เธอ เป็นเพราะอาการตั้งครรภ์ระยะแรกของฉันเริ่มหนักขึ้น ไม่ต้องพูดถึงดื่มแอลกอฮอล์เลย แค่กินข้าวก็แย่แล้ว… วันงานแต่งงานของเธอ ถ้ามีใครพยายามชวนให้ฉันดื่ม ฉันต้องรบกวนให้เธอช่วยกันพวกเขาออกไปด้วยนะ” ก่อนหน้านี้พวกเธอนัดกับไว้ดิบดีว่าจะไปปาร์ตี้สละโสดด้วยกันในคืนก่อนงานแต่งหลีเสี่ยวเถียน เมื่อคนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน แน่นอนว่าคงหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ การพูดคุยกับหลีเสี่ยวถียนก่อน สามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้มากมาย “เธอท้องอยู่ เธอดื่มไม่ได้อยู่แล้ว! ฉันไม่ให้เธอดื่มหรอก” หลีเสี่ยวเถียนพูดและคาดเดา “เธอท้องกับฟู่สือถิงอีกแล้วใช่ไหม? โอ้พระเจ้า พวกเธอสองคนกำลังทำอะไร
คำตอบของเขาทำให้เซิ่งเป่ยประหลาดใจ “นายทำใจได้แล้วเหรอ?” เซิ่งเป่ยแซว “นายควรทำใจได้ตั้งนานแล้ว นายรู้ไหมว่าเธอพูดอะไรกับจื่ออี้? เธอบอกว่าเสื้อกันหนาวสีขาวตัวนั้นที่นายคืนให้เธอ เธออยากใส่ตอนไหนก็ได้ เธอพูดไม่มีผิด แต่เธอบอกว่ามาที่นี่เธออาจจะใส่เสื้อกันหนาวตัวนั้นไปออกเดทในอนาคต” นิ้วของฟู่สือถิงที่จับตะเกียบเปลี่ยนเป็นสีขาว “นายคิดว่าฉันจะสนใจเหรอ?” เซิ่งเป่ย “ฉันอยากให้นายลืมเธอเสีย” “แล้วนายพูดเรื่องเธอให้ฉันฟังทำไม?” สายตาเย็นชาของเขาจ้องไปที่ใบหน้าของเซิ่งเป่ย “ไม่ต้องพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเธออีก ฉันไม่สนใจ” “งั้นก็ดีแล้ว! ตอนแรกฉันก็กังวลว่าแผลเป็นของนายจะยังเจ็บอยู่” เซิ่งเป่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เสียดายที่นายดื่มไม่ได้ งั้นฉันดื่มคนเดียวก็แล้วกัน” เขาเดินไปที่บาร์เล็ก ๆ และหยิบไวน์แดงมาหนึ่งขวด ฟู่สือถิงทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว พลันวางชามและตะเกียบลงแล้วออกจากห้องรับประทานอาหารทันที เซิงเป่ยถือแก้วไวน์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อ้าว! ทำไมไม่อยู่คุยกับฉันซักพักก่อนล่ะ?! กินคนเดียว น่าเบื่อจะตาย!” ฟู่สือถิงเดินไปที่ห้องของอิ๋นอิ๋น เมื่อคืนเขาไม่ได้นอน วันนี
หลังจากเชื่อมต่อสายแล้ว เขาก็อธิบายสถานการณ์ของอิ๋นอิ๋นสั้น ๆ แล้วถามว่า “เธอไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแล้วใช่ไหม เธอสามารถฟื้นตัวได้ด้วยตัวเองใช่ไหม?” ปลายสาย หมอประจำตระกูลไม่กล้าสรุป “นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ยากที่จะบอกว่าในอนาคตจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่ แต่ที่แน่นอนก็คือ หากยังดำเนินการผ่าตัดต่อไปจะทำให้ร่างกายของเธอได้รับความเสียหาย” ฟู่สือถิงก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน นอกจากการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะอิ๋นอิ๋นทั้งสองครั้งที่เสิ่นอวี๋เป็นคนผ่าแล้ว เขายังพาอิ๋นอิ๋นไปพบแพทย์ชื่อดังคนอื่น ๆ ก่อนหน้านั้นด้วย และยังได้รับการผ่าตัดหลายครั้งอย่างละเอียด ตอนนี้เขาสับสนมาก “คุณฟู่ คุณได้ถามความเห็นจากหมอเสิ่นแล้วหรือยัง?” หมอประจำตระกูลถาม “ยังครับ” “งั้นเหรอ... หากคุณไม่อยากให้หมอเสิ่นมารักษาคุณอิ๋นอิ๋นต่อ คุณก็ลองให้ฉินอันอันรักษาดู ผมเห็นอาการของจิ้นซือเหนียนหลังจากที่เขากลับมานับว่าดีมาก ๆ… นอกจากที่ตอนนี้เขาไม่สามารถเต้นได้เหมือนเมื่อก่อน เขาสามารถร้องเพลงได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ หมายความว่าร่างกายของเขาเกือบจะฟื้นตัวขึ้นเต็มที่แล้ว มหัศจรรย์มาก” หมอประจำตระกูลถอนหายใจ หมอประจำตระกู
หลีเสี่ยวเถียนช่วยพยุงฉินอันอันเข้าไปในรถ ไมค์ตามหลังและถามหลีเสี่ยวเถียน “เสี่ยวเถียน คุณช่วยโน้มน้าวเธอหน่อยนะ! ช่วงนี้เธอลดน้ำหนัก ไม่ค่อยกินอะไรเลย! เธอทำไม่ถูกต้อง! เธอไม่ได้คิดถึงปัญหาร้ายแรงที่จะตามมา! คุณเห็นไหมว่าเธอผอมขนาดไหน? เมื่อก่อนเธอเคยออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านบ่อย ๆ แต่ตอนนี้เธอไม่ค่อยเคลื่อนไหวแล้ว...” หลีเสี่ยวเถียนตบไหล่ไมค์ “ฉันจะช่วยพูดกับเธอให้นะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ช่วงนี้เธอต้องการลดน้ำหนัก แต่ผ่านไประยะหนึ่งเธออาจจะไม่อยากลดแล้วก็ได้” “อ้าว...วันนี้พวกคุณจะไปเที่ยว แล้วทำไมไม่ชวนผมด้วยล่ะ?” ไมค์รู้สึกหงุดหงิด หลีเสี่ยวเถียน “คุณต้องดูแลเด็ก ๆ!” ไมค์พูดไม่ออก หลังจากที่หลีเสี่ยวเถียนขึ้นรถ เธอก็โบกมือให้ไมค์ ทันทีที่ประตูรถปิด รถก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ฉินอันอันนอนอยู่ที่เบาะหลังแล้วถามหลีเสี่ยวเถียน “เธอได้ชวนโจวจื่ออี้ไปด้วยไหม?” หลีเสี่ยวเถียน “ทำไมต้องชวนเขาด้วยล่ะ? เขาเป็นผู้ช่วยของฟู่สือถิง… คนที่เกี่ยวข้องกับฟู่สือถิงไม่ได้รับเชิญเลยสักคน รวมทั้งเซิ่งเป่ย รุ่นพี่ของสามีฉันด้วย...” ฉินอันอันกลั้นขำไว้ไม่อยู่ “ฉันไม่ได้ทำเพื่อเธอหรอกนะ…
จู่ ๆ ก็เริ่มสนใจฉินอันอันในปัจจุบันเล็กน้อย หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ส่งข้อความถึงเฮ่อจุ่นจือ : แอบถ่ายรูปด้านหน้าของเธอมาให้ฉันหน่อย เฮ่อจุ่นจือ : พี่คงไม่ได้จะส่งให้พี่สือถิงใช่ไหม? เซิ่งเป่ย : เร็ว ๆ สิ! เครื่องทำความร้อนเปิดอยู่ในวิลล่า อุณหภูมิอยู่ในระดับสูง หลีเสี่ยวเถียนกับฉินอันอันถอดเสื้อคลุมแล้วนั่งบนโซฟา หลีเสี่ยวเถียนเตรียมผลไม้ไว้มากมาย เธอวางผลไม้ทั้งหมดไว้ตรงหน้าฉินอันอัน ฉินอันอันหยิบลูกพีชขึ้นมาแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “ยังไม่ถึงฤดูกาลลูกพีชไม่ใช่เหรอ?” หลีเสี่ยวเถียน “แค่มีเงิน ก็ซื้อกินได้ทั้งปีนั่นแหละ เธอลองชิมดูสิ!” ฉินอันอันยิ้มและพยักหน้า เฮ่อจุ่นจือถือโอกาสแอบถ่ายรูปตอนที่เธอกำลังกินลูกพีช กล้องจับภาพได้พอดี! ไม่ว่าจะองค์ประกอบภาพ แสง หรือภาพรวมก็ล้วนสมบูรณ์แบบ ถ่ายออกมาฉินอันอันทั้งน่ารัก เซ็กซี่และขี้เล่น เฮ่อจุ่นจือส่งรูปถ่ายไปให้เซิ่งเป่ย หลังจากเห็นภาพนี้เซิ่งเป่ยก็ประหลาดใจทันที : นี่แขนจริงเหรอ? ฉินอันอันถอดเสื้อคลุมออก กระโปรงลายดอกไม้ด้านในเป็นสไตล์เอี๊ยม จึงเผยให้เห็นแขนเรียวขาวทั้งสองข้าง เฮ่อจุ่นจือตอบกลับ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง