“เป็นหนุ่มน้อยเจ้าเล่ห์จริง ๆ ! ฉันบอกเธอแล้วว่าเขาสนใจเธอใช่ไหมล่ะ?” ไมค์นั่งอยู่ข้าง ๆ และได้ยินการสนทนาของพวกเขาสองคนอย่างชัดเจน “ขอเพียงแค่เธอเองก็สนใจเขาแค่เล็กน้อย คืนนี้พวกเธอสองคนก็กลายเป็นคู่รักกันแล้ว!” “เขายังเด็กเกินไป คนหนุ่มสาวมักจะหุนหันพลันแล่น” ฉินอันอันอธิบาย “ฉันเองก็เคยเป็นเด็กมาก่อน” ไมค์ “ฉันรู้น่า! ตอนเธอยังเด็กก็หุนหันพลันแล่นกับฟู่สือถิง ดังนั้นตอนนี้เธอเลยได้รับผลกรรม” ฉินอันอันหมดคำจะพูด “อันอัน เธออย่าดูเว่ยปั๋วเลย” ไมค์ลูบศีรษะของเธอ “คนบนอินเทอร์เน็ตพวกนั้นไร้อารยะสิ้นดี! คำด่าว่ารุนแรงเกินไปจริง ๆ! เธอไม่ต้องเอาคำด่าพวกนั้นมาใส่ใจหรอก” “ฉันไม่ได้ดูเว่ยปั๋ว” ฉินอันอันพูดอย่างใจเย็น “ถึงดูก็ไม่มีผลอะไรกับฉันหรอก สุขภาพจิตในจุดนี้ของฉันดีมากนะ” “ดีมาก!” ไมค์มองดูเวลา “โจวจื่ออี้นัดฉันกินมื้อดึก ฉันไปก่อนนะ! มีอะไรก็โทรหาฉันล่ะ” “นายรีบไปเถอะ! แล้วก็ห้ามดื่มด้วย!” “ฉันรู้แล้ว ฉันสัญญาว่าคืนนี้ไม่ดื่ม” หลังจากสัญญาซ้ำ ๆ ไมค์ก็หยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไปถึงเวลาสามทุ่ม ฉินอันอันปิดไฟในห้องเด็ก ๆหลังจากเสียงฝีเท้าของเธอไกลออกไปแล้ว รุ่ยลาดึงแขนพี
ฉินอันอันไม่ได้เห็นข้อความของเขาในทันทีเพราะเธอผล็อยหลับไปหลังจากที่อ่านคำชี้แจงของจิ้นซือเหนียนในเว่ยปั๋วในระยะแรกของการตั้งครรภ์ปฏิกิริยาต่าง ๆ เช่นอาการคลื่นไส้และง่วงนอนนั้นเป็นเรื่องปกติ สองวันที่ผ่านมานี้เธอหลับง่ายกว่าปกติก่อนหน้านี้เธอมีอาการนอนไม่หลับเป็นครั้งคราวและต้องอาศัยยาเมลาโทนินถึงนอนหลับสนิท แต่คืนนี้พอเธอล้มตัวลงนอนก็ผล็อยหลับเลยทันที หลับครั้งนี้ เธอนอนหลับยาวไปจนถึงตีห้าของเช้าวันรุ่งขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะปวดปัสสาวะ เธอคงยังหลับอยู่ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็หยิบโทรศัพท์มาดูเวลาก่อน ผลคือ เห็นข้อความที่ฟู่สือถิงส่งมา เธอตกใจจนหน้าถอดสีและรีบเดินไปที่ห้องน้ำพร้อมกับถือโทรศัพท์ไปด้วย ข้อความที่ฟู่สือถิงส่งมาคือ : เมื่อวานคุณมาหาผมมีธุระอะไร? ‘เมื่อวานเหรอ?’ ในสมองของเธอคิดย้อนกลับไปอย่างระมัดระวัง เมื่อวานเธอไม่ได้ไปหาเขานี่นา! ‘เดี๋ยวนะ!’ เธอมองดูเวลาที่เขาส่งข้อความมาอย่างตั้งใจ‘เมื่อคืนนี้ตอนสี่ทุ่มครึ่ง?!’ ความหนาวเย็นทะลุผ่านเข้ามาจากแผ่นหลังของเธอ เธอตื่นโดยสมบูรณ์แล้ว หลังออกมาจากห้องน้ำ เธอกลับมานอนลงบนเตียงพร้อมกับถือโทรศัพท์
เมื่อคิดว่าตนเองที่เป็นประธานเอสทีกรุ๊ปถูกเธอทำร้ายหัวใจจนบาดเจ็บ แล้วยังเป็นฝ่ายเริ่มส่งข้อความถึงเธออย่างเขินอาย แต่เธอไม่ได้ตอบกลับทันที! เขาจึงอารมณ์ไม่ดีถึงขีดสุด! ดวงตาสีแดงของเขามองดูข้อความที่เธอส่งมา นิ้วของเขาพิมพ์ลงบนหน้าจออย่างรวดเร็ว : คุณภาคภูมิใจมากใช่ไหม? ฉินอันอันตกตะลึงกลิ่นความขัดแย้งรุนแรงมาก แต่พอพิจารณาว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน เป็นเรื่องธรรมดามากหากเขาจะโกรธจัด เธอระงับอารมณ์ตัวเองแล้วตอบกลับไปอย่างอดทนอดกลั้น : หกโมงเช้าแล้ว คุณรีบนอนเถอะค่ะ! ฉันเองก็อยากนอนต่ออีกสักพักหลังจากตอบประโยคนี้ เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เขาไม่ได้ตอบเธอกลับมาอีก รอบนี้ เขาพ่ายแพ้อย่างอนาถ! ในความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชาย ใครเริ่มก่อนมักแพ้เสมอ! ตอนเช้า เวลาเจ็ดโมงครึ่ง ประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลฟู่เปิดออกช้า ๆ ป้าหงถือกระเป๋า เตรียมออกไปข้างนอก อิ๋นอิ๋นมองดูภาพด้านหลังของเธอ แล้วรีบก้าวเท้าตามเธอไป ป้าหงได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง จึงรีบหันหลังมาทันที พอเห็นอิ๋นอิ๋นตามมา เธอก็หยุดเดิน “อิ๋นอิ๋น เช้านี้ดิฉันมีธุระต้องทำนิดหน่อย ต้องออกไปข้างนอก คุณอยู่ที่บ้า
ฉินกรุ๊ป หลังจากที่ฉินอันอันจัดการงานเสร็จแล้ว เธอก็อดเปิดโทรศัพท์ไม่ได้ เธอกดไปที่ประวัติการสนทนาระหว่างตัวเองกับฟู่สือถิง และอ่านอยู่หลายรอบ เมื่อคืนเขาคิดยังไงถึงส่งข้อความหาเธอ? เธอไปหาเขาเมื่อวานซืน เขาก็น่าจะรู้ตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ทำไมเขาไม่ติดต่อเธอตั้งแต่คืนนั้น? เธอกดเปิดเรื่องอื้อฉาวระหว่างตัวเธอกับจิ้นซือเหนียนในโซเชี่ยวอีกครั้ง เธออดสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อคืนฟู่สือถิงเห็นข่าวของเธอกับจิ้นซือเหนียนหรือยัง เขาจึงส่งข้อความถึงเธอ? ตอนนี้เขาคิดอย่างไรกับเธอ? ถ้าเขาเกลียดเธอมาก ต่อให้เขาจะเห็นข่าวของเธอ เขาก็คงจะไม่ติดต่อเธอมา เมื่อคืน เขาติดต่อเธอมา และไม่พูดถึงเรื่องเก่าในอดีตด้วย เขาเปลี่ยนใจแล้วเหรอ? เป็นไปไม่ได้! การบาดเจ็บสาหัสครั้งนี้ สามารถเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างง่ายดายแบบนี้ได้ยังไง? เธอขมวดคิ้วและสับสน ถ้าเมื่อคืนเขาไม่ได้ส่งข้อความถึงเธอ วันนี้เธอคงไม่นึกถึงเขาบ่อยขนาดนี้ โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาและรับสาย “ฉินอันอัน! ฉันอยู่ข้างล่างบริษัทเธอ! เธอรีบลงมาเร็ว ๆ! ไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันเถอะ!” เสียงร่าเริงของหลีเสี่
ฉินอันอันร้อนตัว “จริงเหรอ? เธอคิดไปเองหรือเปล่า?” หลังจากที่เธอกินจนจุใจ เธอก็เปิดโทรศัพท์และส่งข้อความถามจิ้นซือเหนียนว่าวันที่หนึ่ง เดือนพฤษภาคมเขาว่างหรือไม่ เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เธออธิบายเรื่องนี้ เขาก็ตอบตกลงทันที “เสี่ยวเถียน ซือเหนียนบอกว่าเขาจะมางานแต่งงานของเธอในวันที่หนึ่งพฤษภาคม” หลังจากที่เธอพูดจบก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้นทันที! เสี่ยวเถียน ลิซ่า และเสี่ยวอ้ายตื่นเต้นมาก หลังจากนั้นไม่นาน หลีเสี่ยวเถียนก็บอกข่าวนี้กับเฮ่อจุ่นจือ และเฮ่อจุ่นจือหันกลับมาและบอกข่าวเซิ่งเป่ย “ภรรยาของผมบอกว่าฉินอันอันเป็นคนเชิญเขามา” เฮ่อจุ่นจือพูดด้วยความโกรธ “จู่ ๆ ผมก็ไม่อยากแต่งงานแล้ว ภรรยาของผมเป็นแฟนคลับของจิ้นซือเหนียน… แฟนคลับแบบบ้าคลั่ง! และยังมีลูกพี่ลูกน้องของเธออีก… พูดได้เลยว่าผู้หญิงพวกนั้นเป็นแฟนคลับของจิ้นซือเหนียนเกือบทุกคน ถึงตอนนั้นใครล่ะจะสนใจผม? คงจะไปมองจิ้นซือเหนียนกันหมด! เจ้าบ่าวอย่างผมคงถูกแย่งซีน นี่ไม่เหมือนงานแต่งงานที่ผมจินตนาการไว้เลย!” เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอึดอัดมาก แต่เขาไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับหลีเสี่ยวเถียน เซิ่งเป่ยเห็นใจเขา แต่ก็รู้ส
แน่นอนว่าฉินอันอันไม่ตอบคำถามนี้ เธอไม่สามารถแสดงอาการปฏิเสธได้มากนัก เธอจึงพูดอย่างสุภาพ “พวกคุณอย่าหยิบยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเขาขึ้นมาเลยค่ะ ฉันเกรงว่านิตยสารของคุณจะไม่สามารถเผยแพร่ได้อย่างราบรื่น” คำตอบของเธอทำให้ทีมงานนิตยสารขี้ซุบซิบรู้สึกตัว “ค่ะคุณฉิน คุณเรียนแพทย์มา ทำไมคุณถึงคิดที่จะเริ่มต้นธุรกิจหลังจากสำเร็จการศึกษาคะ? อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเลือกเข้าสู่ด้านทำธุรกิจคะ?” คำถามนี้ทำให้ฉินอันอันขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าตอบแบบจริงจังเล่าทั้งวันทั้งคืนคงไม่จบ เธอวางแผนที่จะทำให้มันเรียบง่าย ขณะที่เธอกำลังจะพูด ความรู้สึกคลื่นไส้แบบควบคุมไม่ได้ก็เข้ามาครอบงำเธอ เธอใช้มือข้างหนึ่งปิดปากแล้ววิ่งไปห้องน้ำด้านนอกอย่างรวดเร็ว “คุณฉิน! คุณเป็นอะไรไปคะ?” พนักงานสองคนรีบไล่ตามเธอไป มันเกิดขึ้นกะทันหันจนไม่มีเวลาโต้ตอบ หลังจากฉินอันอันวิ่งเข้าไปห้องน้ำ เธอก็อาเจียนออกมาทันที! เธออาเจียนเอาทุกอย่างที่กินไปเมื่อตอนเที่ยงออกมา เนื่องจากเธอรู้สึกอึดอัดมาก ดวงตาของเธอจึงชื้นขึ้น หลังจากที่อาเจียน ความรู้สึกอึดอัดก็หายไปทันที เธอกดปุ่มชักโครกและจับผนังเพื่อทรงตัว
ฉินอันอันถือโทรศัพท์ให้ไกลออกไปเล็กน้อย เพราะเธอแสบแก้วหู “ฉินอันอัน! เธออย่ามาแกล้งตาย! รีบบอกมาเร็ว ๆ! เธอท้องกับใคร?! ห๊ะ! ฉันจะบ้าตายแล้ว! ตอนนี้เธออยู่ไหน? ฉันจะไปหา! ฉันจะไปคุยต่อหน้าให้รู้เรื่อง!” ปฏิกิริยาของหลีเสี่ยวเถียนทำให้ฉินอันอันอดหัวเราะไม่ได้ “ตอนนี้ฉันอยู่บ้าน เธอไม่ต้องมาหาฉันหรอก คุยโทรศัพท์กับเธอเสร็จ ฉันจะไปพักผ่อนแล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ “ฉันจะท้องกับใครได้อีกล่ะ… ฉันบอกเรื่องนี้เธอ เป็นเพราะอาการตั้งครรภ์ระยะแรกของฉันเริ่มหนักขึ้น ไม่ต้องพูดถึงดื่มแอลกอฮอล์เลย แค่กินข้าวก็แย่แล้ว… วันงานแต่งงานของเธอ ถ้ามีใครพยายามชวนให้ฉันดื่ม ฉันต้องรบกวนให้เธอช่วยกันพวกเขาออกไปด้วยนะ” ก่อนหน้านี้พวกเธอนัดกับไว้ดิบดีว่าจะไปปาร์ตี้สละโสดด้วยกันในคืนก่อนงานแต่งหลีเสี่ยวเถียน เมื่อคนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน แน่นอนว่าคงหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ การพูดคุยกับหลีเสี่ยวถียนก่อน สามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้มากมาย “เธอท้องอยู่ เธอดื่มไม่ได้อยู่แล้ว! ฉันไม่ให้เธอดื่มหรอก” หลีเสี่ยวเถียนพูดและคาดเดา “เธอท้องกับฟู่สือถิงอีกแล้วใช่ไหม? โอ้พระเจ้า พวกเธอสองคนกำลังทำอะไร
คำตอบของเขาทำให้เซิ่งเป่ยประหลาดใจ “นายทำใจได้แล้วเหรอ?” เซิ่งเป่ยแซว “นายควรทำใจได้ตั้งนานแล้ว นายรู้ไหมว่าเธอพูดอะไรกับจื่ออี้? เธอบอกว่าเสื้อกันหนาวสีขาวตัวนั้นที่นายคืนให้เธอ เธออยากใส่ตอนไหนก็ได้ เธอพูดไม่มีผิด แต่เธอบอกว่ามาที่นี่เธออาจจะใส่เสื้อกันหนาวตัวนั้นไปออกเดทในอนาคต” นิ้วของฟู่สือถิงที่จับตะเกียบเปลี่ยนเป็นสีขาว “นายคิดว่าฉันจะสนใจเหรอ?” เซิ่งเป่ย “ฉันอยากให้นายลืมเธอเสีย” “แล้วนายพูดเรื่องเธอให้ฉันฟังทำไม?” สายตาเย็นชาของเขาจ้องไปที่ใบหน้าของเซิ่งเป่ย “ไม่ต้องพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเธออีก ฉันไม่สนใจ” “งั้นก็ดีแล้ว! ตอนแรกฉันก็กังวลว่าแผลเป็นของนายจะยังเจ็บอยู่” เซิ่งเป่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เสียดายที่นายดื่มไม่ได้ งั้นฉันดื่มคนเดียวก็แล้วกัน” เขาเดินไปที่บาร์เล็ก ๆ และหยิบไวน์แดงมาหนึ่งขวด ฟู่สือถิงทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว พลันวางชามและตะเกียบลงแล้วออกจากห้องรับประทานอาหารทันที เซิงเป่ยถือแก้วไวน์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อ้าว! ทำไมไม่อยู่คุยกับฉันซักพักก่อนล่ะ?! กินคนเดียว น่าเบื่อจะตาย!” ฟู่สือถิงเดินไปที่ห้องของอิ๋นอิ๋น เมื่อคืนเขาไม่ได้นอน วันนี