แต่หลังจากเห็นข้อความของไมค์ เขาก็ระงับเอาไว้ ‘ช่างเถอะ ไม่สนแล้ว!’ ‘แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรไปซะ’ ครั้งนี้เจ้านายทำมากเกินไปจริง ๆ จะเอาตัวฉินอันอันไปโดยไม่ยอมให้คนในครอบครัวติดต่อได้ยังไง? เปลี่ยนจากไมค์เป็นเขา เขาก็คงโกรธจัดเช่นกัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงเวลาสิบเอ็ดโมง เสี่ยวหานไม่ได้ป่วนพิธีศพ เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของเสี่ยวหานด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเสี่ยวหานวางแผนในใจไว้ว่ายังไง ไม่ว่าแผนของเขาจะเป็นเช่นไร เขาคงจะรู้ว่าทำได้ยากจึงยอมแพ้ไปแล้ว หลังจากพิธีศพเสร็จสิ้นลง เหล่าแขกที่มาร่วมงานต่างทยอยมุ่งหน้าไปทานอาหารกลางวันที่โรงแรม โจวจื่ออี้เดินไปหาฟู่สือถิง “เจ้านายครับ” ฟู่สือถิงหยุดชะงัก แล้วหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นเยือก โจวจื่ออี้กล่าวอย่างลำบากใจ “ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ” ฟู่สือถิงได้ยินแล้วก็ก้าวเท้าไปที่ลานจอดรถ โจวจื่ออี้รีบเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว รวบรวมความกล้าแล้วถามว่า “เจ้านายรับ คุณฉินอยู่กับคุณใช่ไหมครับ? ลูกทั้งสองคนของเธอเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอมาก…” ลูกกระเดือกฟู่สือถิงขยับขึ้นลง เขาพูดเสียงแห้บพร่า “เธอยังไม่ตาย” โจวจื่ออี้ถึงกับง
“คุณฉิน ในที่สุดคุณก็ตื่นแล้ว!” เสียงผู้ชายดังก้องขึ้นในหูของเธอ ฉินอันอันหันไปทางที่มาของเสียง เป็นบอดี้การ์ดของฟู่สือถิง “คุณฉิน คุณยังจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ไหมครับ?” บอดี้การ์ดยืนอยู่ข้างเตียงแล้วพูดน้ำไหลไฟดับ “ตอนที่เจ้านายของเราอุ้มคุณออกจากป่าเมื่อคืนนี้ ฝนตกหนักยิ่งกว่าตอนที่อี้ผิงขอเงินพ่อของเธอ*เสียอีก! รองเท้าของเจ้านายหายไปหมด! เขาอุ้มคุณกลับมาด้วยเท้าเปล่า!” ฉินอันอันสำลักจพูดไม่ออก “ถึงแม้ว่าขาของคุณจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เจ้านายของพวกเราก็มีรอยบาดลึกหลายแผลเช่นกัน…” บอดี้การ์จ้องมองลงมาที่เธอ “เมื่อคืนคุณเปียกฝนมีไข้สูง เจ้านายของพวกเราก็มีไข้เช่นกัน หลังจากพาคุณกลับมาเมื่อคืนนี้ เขาจัดการบาดแผลที่เท้าเสร็จแล้ว ก็กินยาลดไข้ และรีบไปร่วมพิธีศพของคุณนายฟู่ ไม่มีแม้แต่เวลาหลับตาเลยด้วยซ้ำ” บอดี้การ์ดเห็นว่าเธอไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ คิดว่าสมองที่โดนพิษไข้คงไม่สดใสมากนัก “คุณฉินครับ คุณช่างเป็นผู้หญิงที่เจ่งที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักเลย” ใบหน้าของบอดี้การ์ดแสดงความชื่นชม “วันนี้ตอนตีห้า ผมและเพื่อนร่วมงานเจอหมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บในป่า…น่าจะเป็นหมาป่าท
เขากัดฟัน ดวงตามองผ่านใบหน้าเธอไปอย่างเย็นชา เขาวางชามโจ๊กลงแล้วพยุงตัวเธอขึ้น เอาหมอนสองใบวางไว้ด้านหลังเธอแล้วให้เธอเอนตัวพิงจากนั้นเขายกชามโจ๊กขึ้นมาแล้ววางลงในมือเธอ เธอรับชามมา มือขวาเตรียมจะใช้ช้อนตักโจ๊กในชาม ทันใดนั้นมือซ้ายก็หมดแรง… หลังจากมือที่ถือชามสั่นเทา ชามในมือก็หล่นลงไปบนผ้าห่ม โจ๊กในชามทะลักออกมาหมด เธอมองดูโจ๊กที่หกด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วเม้มปาก ฟู่สือถิงมองดูภาพนี้แล้วหัวใจก็เจ็บปวด เธอไม่ได้ตั้งใจ! เขามองออกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ! เธออยากกินโจ๊กด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงถือชามโจ๊กเลยด้วยซ้ำ! ก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหล เขาเอาผ้าห่มบนตัวเธอที่เปื้อนออก “ฉินอันอัน คุณจะต้องดีขึ้น! อย่าร้องไห้!” เขาอยากปลอบใจเธอ ทว่าพอเอ่ยปากพูด น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียดราวกับเป็นการบรรยาย เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยากจะอธิบาย แต่ว่าเธอล้มตัวลงนอนและหันหลังให้เขาแล้ว เขาไม่ได้ยินเสียงเธอร้องไห้ แต่เขารู้ว่าเธอกำลังร้องไห้เขาหยิบผ้าห่มสะอาดออกมาจากตู้แล้วห่มให้เธอ“ผมจะให้แม่บ้านต้มมาอีกชาม” เขานั่งลงที่ขอบเตียง ขณะที่มองท้ายทอยของเธอแล้วพูดอย่างเศร้าใจเธอหลับต
เสี้ยววินาทีที่เขาเห็นฉินจือหาน เขานึกว่าตัวเองเข้ามาผิดที่ ทำไมฉินจือหานถึงมาอยู่ที่นี่? เด็กน้อยคนนี้มาได้ยังไง?! เขาพบว่าหลาย ๆ ครั้ง เด็กคนนี้ทำให้เขาประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง! แน่นอนว่า ความประหลาดใจในที่นี้ไม่ได้มีความหมายตามตัวอักษร “ทำไมแม่ของผมถึงได้รับบาดเจ็บ?!” เสี่ยวหานยืนอยู่ข้างเตียง ในดวงตาที่เย็นชากำลังซักไซ้ฟู่สือถิง เขาเห็นบนหน้าผากของแม่มีผ้าก๊อซพันอยู่ แม่ต้องได้รับบาดเจ็บแน่ ๆ ถึงพันไว้แบบนี้ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพิ่งตะโกนเรียกแม่ แม่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อย เขาสงสัยว่าแม่อาจจะไม่ได้แค่นอนหลับ แต่เป็นหมดสติไป แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย เขาพาแม่ไปไม่ได้ แล้วก็รักษาแม่ไม่ได้ ฟู่สือถิงทำหูหนวกต่อคำถามของเสี่ยวหาน เขาจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้า “นายมาได้ยังไง? นอกจากนายแล้ว ยังมีใครมาด้วยอีกบ้าง?” “ผมมาคนเดียว!” เสี่ยวหานไม่ได้เย่อหยิ่งและไม่ได้ถ่อมตัว ความเกลียดชังในดวงตาเพิ่มขึ้นทีละน้อย “คุณทำร้ายแม่ของผม ผมไม่ละเว้นคุณแน่!” ฟู่สือถิงเยาะเย้ยคำขู่ของเขา “นายจะไม่ละเว้นฉันยังไง? อย่าได้คิดว่ากลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนายมันจะสำเร็จทุกครั้ง!” “ฉิน
และคนที่กำลังยกเขาขึ้นคือฟู่สือถิง! ฟู่สือถิงกำลังบีบคอเสี่ยวหานอยู่! เธอต้องฝันไปแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเสี่ยวหานจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันร้ายเช่นนี้ นับตั้งแต่ฟู่สือถิงพูดเมื่อห้าปีก่อนว่าถึงแม้เธอจะคลอดลูกออกมา เขาก็จะบีบคอเด็กจนตาย… เธอก็มักจะฝันร้ายแบบนี้เสมอเธอฝันว่าฟู่สือถิงใช้วิธีการต่าง ๆ ทรมานลูกของพวกเขาจนตาย เช่นเดียวกับภาพตรงหน้าเธอ เธอฝันเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว! เพียงแค่สิ่งที่แตกต่างจากความฝันคือภาพตรงหน้าสมจริงมากกว่า จากการดิ้นรนที่รุนแรงของเสี่ยวหาน ทำใหกระเป๋านักเรียนบนหลังของเขาร่วงลงพื้นส่งเสียงดัง ‘ปึง’! ฉินอันอันกะพริบตา กลไกในร่างกายบางจุดถูกสัมผัส แล้วเลือดในตัวก็เดือดพล่านขึ้นทันที! นี่ไม่ใช่ความฝัน! ไม่ใช่ความฝัน! “ฟู่สือถิง! คุณปล่อยมือนะ!” เธอกรีดร้อง ร่างกายสั่นสะท้านขณะที่พยายามลุกขึ้นจากเตียง เพราะได้รับบาดเจ็บที่ส่วนขา เธอจึงไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ตามปกติ หลังจากดิ้นรนอยู่ช่วงสั้น ๆ เธอและผ้าห่มก็กลิ้งหล่นลงพื้น! ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยน้ำตาร้อนผ่าว นิ้วมือดึงขากางเกงฟู่สือถิงแน่น เสียงของเธอทั้
ปุ่มกดสีแดงนี้คือปุ่มฉุกเฉินแจ้งตำรวจมันเชื่อมต่อกับไมค์ เมื่อกดปุ่มนี้แล้วมันจะส่งตำแหน่งออกไป ขอเพียงแค่เขากดปุ่มนี้ ไมค์จะแจ้งตำรวจ หากไม่ถูกบบีบบังคับ เขาก็ไม่อยากฉีกหน้าฟู่สือถิง! ทั้งหมดนี้เป็นฟู่สือถิงที่บีบบังคับเอง “เสี่ยวหาน…” ฉินอันอันร้องออกมาอย่างร้อนใจ หังจากที่นอนเหยียดบนเตียงเสี่ยวหานเดินไปที่เตียงทันทีแล้วจับมือของเธอ “แม่ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมอยู่ที่นี่” ฉินอันอันสีหน้ากังวลแล้วพูดกับเขา “เสี่ยวหาน ตอนนี้แม่เคลื่อนไหวไม่สะดวก ไว้หายดีแล้วแม่จะกลับบ้านนะ เดี๋ยวฟู่สือถิงเข้ามา แม่จะขอให้เขาจัดคนขับรถส่งลูกกลับไป… ลูกจะต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังนะ…” เสี่ยวหานขมวดคิ้ว “แม่ แม่ไม่ต้องขอร้องเขา! ผมกับแม่เราจะกลับบ้านด้วยกัน! ผมสัญญากับน้องไว้แล้วว่าจะพาแม่กลับบ้าน!” ฉินอันอัน “ตอนนี้แม่ไม่สะดวก…” เสี่ยวหาน “ผมแจ้งตำรวจแล้วครับ รถตำรวจจะพาพวกเรากลับบ้าน” คิ้วเธอกระตุกทันที สายตามองไปทางด้านหลังเสี่ยวหาน ฟู่สือถิงยืนอยู่ที่ปากประตู! คำพูดของเสี่ยวหานเมื่อกี้นี้ เขาได้ยินแล้ว ฉินอันอันดึงเสี่ยวหานมาไว้ข้างตัวทันที เสี่ยวหานงุนงงกับปฏิกิริยาของแม่ ขณะ
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ คือบทเรียนที่เจ็บปวด! เธอไม่สามารถปล่อยให้ลูกชายของเธอกระทบกระทั่งกับฟู่สือถิงได้อีก “แต่แม่ไม่มีทางได้รับบาดเจ็บโดยไม่มีเหตุผล จะต้องเป็นเพราะเขาแน่…” เสี่ยหานขมวดคิ้วและพูดอย่างคาดเดา “เพราะว่าเมื่อคืนนี้แม่คิดถึงลูกกับน้องสาวมาก ก็เลยวิ่งออกไปคนเดียว… ผลคือไปเจอหมาป่าเข้า…” ฉินอันอันอธิบาย “ลูกกลับไปบอกลุงไมค์กับน้องทีนะลูกว่าแม่สบายดี แม่ไม่อยากให้พวกเขากังวล ตกลงไหม?” เสี่ยวหานพยักหน้าอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “แม่ครับ แม่จะไม่กลับไปกับผมจริง ๆ เหรอ? ลุงตำรวจพาพวกเรากลับบ้านด้วยกันได้นะครับ” “แม่เจ็บขามากเลย รอจนแผลหายดีแล้วแม่ค่อยกลับไปนะ” “อ่อ…แม่ครับ ต่อไปอย่าวิ่งเพ่นพ่านนะครับ ถ้าข้างนอกอันตรายจริง ๆ ก็รออยู่ในบ้านนะครับ พวกราจะหาวิธีมาช่วยแม่เอง” ฉินอันอันพยักหน้าอย่างปลื้มใจ “เสี่ยวหาน ลูกมาหาแม่ แม่ดีใจมากเลย แต่แม่หวังว่าถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ลูกอย่ามานะ ลูกยังเด็กมาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น แม่จะต้องเสียใจมาก!” เสี่ยวหานพูดอย่างดื้อรั้น “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ ผมกับน้องสาวจะทำยังไง? ถ้ามีครั้งหน้าอีก ผมก็จะมาหาแม่” ดวงตาของ
เหตุผลที่เธอถามแบบนี้ ก็เพราะตอนที่เขารัดคอของเสี่ยวหานวันนี้ มันดูน่ากลัวจริง ๆ! เธอรู้สึกกลัวเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอไม่ได้ถามว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เพราะไม่ว่าเสี่ยวหานจะโกรธเขาแค่ไหน เขาก็ไม่ควรทำอะไรเสี่ยวหาน! คนปกติในโลกนี้ใครจะไปเอาจริงเอาจังกับเด็กอายุแค่ห้าขวบ? คำถามของเธอทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ยิ่งกว่านั้นอีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข่มขืน ฆ่า ลักพาตัว ปล้นสะดม เคยทำมาแล้วทุกอย่าง” ฉินอันอันพูดไม่ออก ดวงตาของเขาล้ำลึกและน้ำเสียงของเขาจริงจัง เธอตกใจและพูดไม่ออก “ฉินอันอัน อย่าทำเหมือนว่าคุณสนใจผม ทั้ง ๆ ที่คุณไม่เคยสนใจในสิ่งที่ผมเคยทำเลย” เขาตั้งใจทิ้งขี้เถ้าลงในที่เขี่ยบุหรี่และพูดเน้นทีละคำ “คุณแค่สนใจแต่เรื่องลูกของคุณสองคน ผมเคยเตือนลูกชายของคุณแล้วว่าอย่ามากวนโมโหผม” “ต่อไปเขาจะไม่ไปกวนโมโหคุณอีก!” ฉินอันอันอดขึ้นเสียงไม่ได้ เขาทิ้งบุหรี่อีกครึ่งหนึ่งในมือลงในที่เขี่ยบุหรี่ ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่เตียง “ฉินอันอัน ผมไม่ได้ติดค้างอะไรคุณ อย่ามาขึ้นเสียงต่อหน้าผม! ผมจะไม่ทน!” เขามองเธอด้วยดวงตาสีแดงดุเดือด ขณะนั้น มีเสียงเค