บอดี้การ์ดเห็นเธอเดินลงมาจึงไปรายงานกับฟู่สือถิงทันที ฟู่สือถิงลุกจากโซฟาแล้วมองไปทางบันไดฉินอันอันสวมชุดนอนของเขา ขากางเกงแตะพื้นพอดีและแขนเสื้อยาวนิดหน่อย ชุดนอนตัวใหญ่โคร่งของเขาห่อร่างผอมเพรียวของเธอไว้ ทำให้เธอดูเหมือนเด็กน้อยที่แอบขโมยชุดผู้ใหญ่มาสวม คิ้วเข้มของเขาขมวด ‘ตอนนี้เธอควรจะรับอาหารทางสายน้ำเกลืออยู่ไม่ใช่เหรอ?’ ‘เธอลงมาทำไม?’ “สือถิง นายซ่อนผู้หญิงไว้ที่นี่นี่เอง!” มีคนเห็นฉินอันอันจึงพูดแซว พร้อมกับหัวเราะ “เขาเป็นผู้ชาย ถ้าไม่มีผู้หญิงมาหาสิถึงจะแปลก! ฮ่า ๆ!” “ผู้หญิงคนนี้คือคุณหนูบ้านไหนล่ะเนี่ย? หรือว่าแค่มาเที่ยวเล่นเท่านั้น?” ฟู่สือถิงหูดับต่อคำถามของทุกคนไปแล้วเพราะว่าฉินอันอันเดินเข้ามาหาพวกเขา ‘เธออยากตายรึไง?’ ‘ทำไมถึงอยากลงเจอเพื่อนของเขา?’ ‘เธอคิดจะทำอะไร?!’ เขาเดินไปขวางตรงหน้าเธอ ดวงตามืดครึ้มของเขามองลงมาที่เธอ “ดึงเข็มน้ำเกลือออกอีกแล้วเหรอ?!” เธอยื่นมือออกมาผลักหน้าอกเขา “คุณจัดงานเลี้ยงเชิญเพื่อนมาที่นี่ แล้วฉันมาชมความสนุกด้วยไม่ได้หรือไง?” ‘ชมความสนุก?!’ ‘เหอะ ๆ!’ ‘ในเมื่อเธออยากร่วมชมความสนุก ถ้าอย่างนั้นก็ให้เ
เขาคิดมาโดยตลอดว่าเธอไปเข้าห้องน้ำและกลับมาพักที่ห้องแล้ว ดังนั้นเขาจึงดื่มเหล้าจนถึงตอนนี้แล้วถึงขึ้นมาชั้นบน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในใจเขา! ‘เธอหนี…ไปแล้วงั้นเหรอ?!’‘ที่นี่เป็นป่าทึบรัศมีกว่าร้อยกิโลเมตร! ‘‘เธอจะลากร่างกายที่อ่อนแอนี้ออกจากป่าทึบแบบนี้ไปได้ยังไง?!’เขากำหมัดแน่น ก้าวเท้าหันหลังกลับและเตรียมลงไปชั้นล่าง “ประธานฟู่! ผมจะไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อดูว่าเธอหนีไปตอนไหนเดี๋ยวนี้ครับ!!” หลังจากที่บอดี้การ์ดรู้ตัวแล้วว่าฉินอันอันหายตัวไป เขาก็พูดขึ้นทันที “ตอนกลางคืนมืดมาก ข้างนอกไม่มีไฟถนน เธอหนีไปได้ไม่ไกลแน่นอนครับ!” “ไอ้พวกไร้ประโยชน์! แค่ผู้หญิงคนเดียวก็เฝ้าไว้ไม่ได้!” ฟู่สือถิงกัดฟันกรอดและตำหนิอย่างรุนแรง! “ขอโทษครับ! ผมจะรีบส่งคนไปค้นหาเดี๋ยวนี้! รับรองว่าจะพาตัวเธอกลับมาตอนรุ่งสาง!” บอดี้การ์ดรับประกันด้วยสีหน้าหวาดกลัว ฟู่สือถิงหายเมาเป็นปลิดทิ้ง! ตอนนี้เขามีสติเต็มที่ ถึงขั้นมีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างแรงอีกด้วย! “เธอน่าจะออกไปก่อนเที่ยงคืน! เพราะก่อนเที่ยงคืนฉันไปเข้าห้องน้ำพอกลับมาเธอก็ไม่อยู่แล้ว เธอจะต้องหนีไปตอนนั้นแน่!” เขาเอ่ยอย่
มีเพียงป่ารกชัฎสุดลูกหูลูกตา ในป่าแห่งนี้มีสัตว์ร้ายจำนวนมาก ถึงแม้จะอยู่ในป่านี้ตอนกลางวันก็อาจถูกโจมตีได้ ไม่ต้องพูดถึงยามค่ำคืนเลยภายใต้การคุ้มครองของบอดี้การ์ด ฟู่สือถิงก้าวเข้าไปในป่าแห่งนี้ ซ่อนความกลัวที่ก่อตัวขึ้นเอาไว้ เขาถือไฟฉายแล้วส่องแสงไฟเข้าไปในป่าทึบที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์และกิ่งก้านของต้นไม้ ความสิ้นหวังในใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ! ‘เธอกล้าได้ยังไง?!’ ‘เธอกล้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?’ ‘เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าจะออกจากที่นี่แบบมีชีวิตได้?’ ‘ถ้ารู้แล้วว่านี่คือทางตัน ทำไมถึงไม่ยอมหันหลังกลับ?’ ถึงแม้เมื่อเธอหนีไปครึ่งทางแล้วหันหลังกลับเพราะความกลัว เขาก็จะไม่โกรธขนาดนี้ “ฉินอันอัน!” ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงอย่างสั่นเทา ขณะที่ตะโกนชื่อเธอ! หลังจากที่เขาร้องตะโกนออกมาสุดเสียง บอดี้การ์ดก็ตะโกนขึ้นมาว่า “คุณฉิน! พวกเรามาตามหาคุณ! ถ้าคุณได้ยินเสียงพวกเรา ช่วยตอบกลับด้วย!” คำตอบเดียวที่พวกเขาได้รับ มีเพียงเสียงลมพัดหวีดหวิวและเสียงดังกรอบแกรบจากสัตว์ป่าเพียงเท่านั้นหลังจากเดินไปข้างหน้าอย่างยากลำบากประมาณยี่สิบนาที ลำแสงของไฟฉายจับไปที่ชุดนอนที่อยู่บนพื้น!
ตอนที่กลับมาถึงวิลล่า ร่างกายพวกเขาปียกโชกไปหมด ตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่า เหลือคนไม่กี่คนที่ดื่มอยู่ในห้องโถง พูดว่าดื่ม ที่จริงแล้วคือกำลังรอให้ฟู่สือถิงกลับมา หลังจากมองเห็นเขากลับมาพร้อมกับอุ้มฉินอันอันเอาไว้ ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นจากโซฟา เดิมควรมีใครพูดอะไรเพื่อลดความอึดอัดใจ แต่กลับไม่มีคนพูดอะไรเลย ฟู่สือถิงสวมเพียงเสื้อยืดบาง ๆ เท่านั้น เมื่อเปียกฝนจนชุ่ม เสื้อยืดจึงแนบติดผิวหนังของเขา น้ำฝนตกลงมาตามปลายผมดวงตาสีอำพันลึกล้ำของเขาส่องประกายด้วยแสงอันน่าสะพรึงกลัวและสิ้นหวัง หญิงสาวในอ้อมแขนบนตัวถูกห่อด้วยชุดนอนของเขา เห็นเพียงใบหน้าที่อยู่เผยออกมายังภายนอกเท่านั้น ใบหน้าของเธอไร้สีเลือด ดวงตาปิดสนิท ราวกับจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีกตลอดกาล ฉากนี้ช่างน่าเศร้าและอ้างว้างเกินกว่าจะบรรยาย!เขากอดฉินอันอันไว้ แล้วก้าวเท้าขึ้นชั้นบน หายไปจากสายตาทุกคน ......หลังจากผลการชันสูตรศพแม่เฒ่าฟู่ออกมา ฟู่ฮั่นก็ถ่ายรูปผลการรายงานและส่งให้ฟู่สือถิงทันที แม่เฒ่าฟู่ไม่ได้ถูกวางยาพิษ บนตัวไม่มีอาการบาดเจ็บใด ๆ นอกจากอาการหกล้ม จาการประเมินทางการแพทย์ แม่เฒ่าฟู่เสียชีวิตจากการล้ม
แต่หลังจากเห็นข้อความของไมค์ เขาก็ระงับเอาไว้ ‘ช่างเถอะ ไม่สนแล้ว!’ ‘แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรไปซะ’ ครั้งนี้เจ้านายทำมากเกินไปจริง ๆ จะเอาตัวฉินอันอันไปโดยไม่ยอมให้คนในครอบครัวติดต่อได้ยังไง? เปลี่ยนจากไมค์เป็นเขา เขาก็คงโกรธจัดเช่นกัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงเวลาสิบเอ็ดโมง เสี่ยวหานไม่ได้ป่วนพิธีศพ เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของเสี่ยวหานด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเสี่ยวหานวางแผนในใจไว้ว่ายังไง ไม่ว่าแผนของเขาจะเป็นเช่นไร เขาคงจะรู้ว่าทำได้ยากจึงยอมแพ้ไปแล้ว หลังจากพิธีศพเสร็จสิ้นลง เหล่าแขกที่มาร่วมงานต่างทยอยมุ่งหน้าไปทานอาหารกลางวันที่โรงแรม โจวจื่ออี้เดินไปหาฟู่สือถิง “เจ้านายครับ” ฟู่สือถิงหยุดชะงัก แล้วหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นเยือก โจวจื่ออี้กล่าวอย่างลำบากใจ “ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ” ฟู่สือถิงได้ยินแล้วก็ก้าวเท้าไปที่ลานจอดรถ โจวจื่ออี้รีบเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว รวบรวมความกล้าแล้วถามว่า “เจ้านายรับ คุณฉินอยู่กับคุณใช่ไหมครับ? ลูกทั้งสองคนของเธอเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอมาก…” ลูกกระเดือกฟู่สือถิงขยับขึ้นลง เขาพูดเสียงแห้บพร่า “เธอยังไม่ตาย” โจวจื่ออี้ถึงกับง
“คุณฉิน ในที่สุดคุณก็ตื่นแล้ว!” เสียงผู้ชายดังก้องขึ้นในหูของเธอ ฉินอันอันหันไปทางที่มาของเสียง เป็นบอดี้การ์ดของฟู่สือถิง “คุณฉิน คุณยังจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ไหมครับ?” บอดี้การ์ดยืนอยู่ข้างเตียงแล้วพูดน้ำไหลไฟดับ “ตอนที่เจ้านายของเราอุ้มคุณออกจากป่าเมื่อคืนนี้ ฝนตกหนักยิ่งกว่าตอนที่อี้ผิงขอเงินพ่อของเธอ*เสียอีก! รองเท้าของเจ้านายหายไปหมด! เขาอุ้มคุณกลับมาด้วยเท้าเปล่า!” ฉินอันอันสำลักจพูดไม่ออก “ถึงแม้ว่าขาของคุณจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เจ้านายของพวกเราก็มีรอยบาดลึกหลายแผลเช่นกัน…” บอดี้การ์จ้องมองลงมาที่เธอ “เมื่อคืนคุณเปียกฝนมีไข้สูง เจ้านายของพวกเราก็มีไข้เช่นกัน หลังจากพาคุณกลับมาเมื่อคืนนี้ เขาจัดการบาดแผลที่เท้าเสร็จแล้ว ก็กินยาลดไข้ และรีบไปร่วมพิธีศพของคุณนายฟู่ ไม่มีแม้แต่เวลาหลับตาเลยด้วยซ้ำ” บอดี้การ์ดเห็นว่าเธอไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ คิดว่าสมองที่โดนพิษไข้คงไม่สดใสมากนัก “คุณฉินครับ คุณช่างเป็นผู้หญิงที่เจ่งที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักเลย” ใบหน้าของบอดี้การ์ดแสดงความชื่นชม “วันนี้ตอนตีห้า ผมและเพื่อนร่วมงานเจอหมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บในป่า…น่าจะเป็นหมาป่าท
เขากัดฟัน ดวงตามองผ่านใบหน้าเธอไปอย่างเย็นชา เขาวางชามโจ๊กลงแล้วพยุงตัวเธอขึ้น เอาหมอนสองใบวางไว้ด้านหลังเธอแล้วให้เธอเอนตัวพิงจากนั้นเขายกชามโจ๊กขึ้นมาแล้ววางลงในมือเธอ เธอรับชามมา มือขวาเตรียมจะใช้ช้อนตักโจ๊กในชาม ทันใดนั้นมือซ้ายก็หมดแรง… หลังจากมือที่ถือชามสั่นเทา ชามในมือก็หล่นลงไปบนผ้าห่ม โจ๊กในชามทะลักออกมาหมด เธอมองดูโจ๊กที่หกด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วเม้มปาก ฟู่สือถิงมองดูภาพนี้แล้วหัวใจก็เจ็บปวด เธอไม่ได้ตั้งใจ! เขามองออกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ! เธออยากกินโจ๊กด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงถือชามโจ๊กเลยด้วยซ้ำ! ก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหล เขาเอาผ้าห่มบนตัวเธอที่เปื้อนออก “ฉินอันอัน คุณจะต้องดีขึ้น! อย่าร้องไห้!” เขาอยากปลอบใจเธอ ทว่าพอเอ่ยปากพูด น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียดราวกับเป็นการบรรยาย เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยากจะอธิบาย แต่ว่าเธอล้มตัวลงนอนและหันหลังให้เขาแล้ว เขาไม่ได้ยินเสียงเธอร้องไห้ แต่เขารู้ว่าเธอกำลังร้องไห้เขาหยิบผ้าห่มสะอาดออกมาจากตู้แล้วห่มให้เธอ“ผมจะให้แม่บ้านต้มมาอีกชาม” เขานั่งลงที่ขอบเตียง ขณะที่มองท้ายทอยของเธอแล้วพูดอย่างเศร้าใจเธอหลับต
เสี้ยววินาทีที่เขาเห็นฉินจือหาน เขานึกว่าตัวเองเข้ามาผิดที่ ทำไมฉินจือหานถึงมาอยู่ที่นี่? เด็กน้อยคนนี้มาได้ยังไง?! เขาพบว่าหลาย ๆ ครั้ง เด็กคนนี้ทำให้เขาประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง! แน่นอนว่า ความประหลาดใจในที่นี้ไม่ได้มีความหมายตามตัวอักษร “ทำไมแม่ของผมถึงได้รับบาดเจ็บ?!” เสี่ยวหานยืนอยู่ข้างเตียง ในดวงตาที่เย็นชากำลังซักไซ้ฟู่สือถิง เขาเห็นบนหน้าผากของแม่มีผ้าก๊อซพันอยู่ แม่ต้องได้รับบาดเจ็บแน่ ๆ ถึงพันไว้แบบนี้ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพิ่งตะโกนเรียกแม่ แม่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อย เขาสงสัยว่าแม่อาจจะไม่ได้แค่นอนหลับ แต่เป็นหมดสติไป แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย เขาพาแม่ไปไม่ได้ แล้วก็รักษาแม่ไม่ได้ ฟู่สือถิงทำหูหนวกต่อคำถามของเสี่ยวหาน เขาจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้า “นายมาได้ยังไง? นอกจากนายแล้ว ยังมีใครมาด้วยอีกบ้าง?” “ผมมาคนเดียว!” เสี่ยวหานไม่ได้เย่อหยิ่งและไม่ได้ถ่อมตัว ความเกลียดชังในดวงตาเพิ่มขึ้นทีละน้อย “คุณทำร้ายแม่ของผม ผมไม่ละเว้นคุณแน่!” ฟู่สือถิงเยาะเย้ยคำขู่ของเขา “นายจะไม่ละเว้นฉันยังไง? อย่าได้คิดว่ากลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนายมันจะสำเร็จทุกครั้ง!” “ฉิน
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง