ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงได้รับโทรศัพท์จากฟู่ฮั่นพี่ชายคนโตของเขา “สือถิง! รีบมาโรงพยาบาลเร็วเข้า! แม่หกล้มที่บ้าน ตอนนี้อาการไม่ดีเลย!” นิ้วของฟู่สือถิงที่จับโทรศัพท์บีบแน่นขึ้นทันที เขาเดินออกจากออฟฟิศแล้วมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์ โจวจื่ออี้เห็นเขามีสีหน้าเคร่งเครียด ในใจพลันเกิดเสียงสัญญาณเตือน ‘เกิดอะไรขึ้น?’ “ประธานต้องการเลื่อนประชุมที่กำลังจะมาถึงหรือไม่ครับ?” “ให้รองประธานไปแทน ส่งรายงานการประชุมหลังประชุมเสร็จให้ฉัน” ฟู่สือถิงพูดด้วยเสียงราบเรียบก่อนจะเข้าไปในลิฟต์เฉพาะของประธาน ประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิด! โจวจื่ออี้รู้สึกไม่สบายใจ ปกติฟู่สือถิงไม่ค่อยแสดงความกังวลใจแบบนี้ในบริษัท ที่โรงพยาบาล แม่เฒ่าฟู่ฟู่ถูกเข็ญเข้าห้องฉุกเฉิน เมื่อฟู่สือถิงมาถึง ประตูห้องฉุกเฉินก็ยังคงปิดอยู่ “เกิดอะไรขึ้น?” เขามองฟู่ฮั่นด้วยสีหน้าดุร้าย “ตอนนั้นฉันไม่อยู่บ้าน...เย่เฉินบอกว่าเขาได้ยินแม่ของเรากรีดร้อง เขาจึงรีบวิ่งออกจากห้องไปดู เห็นแม่ของเรากลิ้งลงมาที่หน้าบันได…” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น “เธอตกลงมาจากชั้นสองเหรอ? เธอขึ้นไปทำอะไรบนชั้นสอง?!” แม่เฒ่าฟู่แก่แล้ว ขาและเ
“ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้แม่ไม่ต้องมาเจอผมกับอิ๋นอิ๋นอีก… เราทำให้แม่ต้องทนทุกข์ทรมาน” ยังไม่มีการตอบสนอง ที่แท้เมื่อคน ๆ หนึ่งตายไป ก็ไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ ความกังวล ความโกรธ ผิดหวัง ปล่อยวางไม่ได้ล้วนหยุดอยู่ที่หัวใจ จะไม่มีใครคอยบังคับให้เขาแต่งงานมีลูก จะไม่มีใครคอยกังวลว่าเขาจะมีอาหารและเสื้อผ้าเพียงพอหรือไม่ หรือเขาจะเหนื่อยจากการทำงานหรือไม่ ครู่หนึ่ง ฟู่เย่เฉินรีบไปโรงพยาบาล เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณย่า จู่ ๆ เขาก็ทรุดตัวลงและร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า! “ทำไมคุณย่าถึงจากไปแบบนี้? เมื่อวานเธอเพิ่งบอกให้ผมหาแฟน…” ฟู่เย่เฉินร้องไห้พลางหยิบโทรศัพท์มือถือของคุณย่าออกมา “ผมถามพี่เลี้ยงของคุณย่าแล้ว พี่เลี้ยงก็บอกว่าเหมือนคุณย่าจะได้รับโทรศัพท์ก่อนจะล้มลง...ผมก็เลยเอามือถือของคุณย่ามาด้วย...” ดวงตาของฟู่สือถิงเป็นสีแดงเข้ม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเปิดโทรศัพท์และกดดูที่ประวัติการโทร จู่ ๆ คำที่คุ้นเคยสามคำก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ คอของเขาเหมือนถูกบีบรัด! ฉินอันอัน! สายสุดท้ายที่แม่โทรหาก่อนที่เธอจะล้มคือกับฉินอันอัน ‘ทำไมแม่ถึงคุยโทรศัพท์กับฉินอันอัน?
คำถามของเขาทำให้เธอต้องขมวดคิ้วทันที! ‘เขากำลังพูดเรื่องอะไร?’ ‘เขาถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับแม่ของเขา?’ ‘แปลกจริง!’ ‘คำถามนี้ เขาถามแม่ตัวเองไม่ได้เหรอ?’ ‘ที่แปลกไปกว่านั้นคือ...แม่เฒ่าฟู่บอกว่าจะบอกเขาเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ?’ ‘ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว ยังไม่ได้บอกเขาอีกเหรอ?’ เธอหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบแล้วพยายามให้สงบสติอารมณ์ “ทำไมคุณไม่ถามคำถามนี้กับแม่ของคุณเองล่ะ?” ขณะที่เธอพูดประโยคนั้น ในใจมีความสงสัยอยู่ในใจแล้ว มีบางอย่างที่ทำให้แม่เฒ่าฟู่ไม่สามารถบอกความจริงกับฟู่สือถิงได้ใช่ไหม “แม่ของผมเสียชีวิตแล้ว” เขาพูดพร้อมกับสูดหายใจอย่างแรง “สายล่าสุดที่แม่โทรหาก่อนที่เธอจะเสียชีวิตคือคุณ ดังนั้นผมจึงอยากรู้ว่าพวกคุณคุยอะไรกัน” แก้วน้ำในมือสั่น! หลังจากสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็รีบวางแก้วน้ำลงและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “แม่ของคุณเสียแล้วเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?” “ตอบคำถามผมสิ! คุณคุยอะไรกับแม่?!” เขาค่อย ๆ หมดความอดทน! เดิมทีเขาคิดว่าการตายของแม่เป็นอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้ว ‘แม่อาศัยอยู่ในบ้านเดิมมาเกือบตลอดชีวิต ทำไมจู่ ๆ เธอถึงล้ม?’ ‘เธอถูกยั่วยุก
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ฉินอันอันฟังคำสั่งของเขาและเอ่ยเหน็บแนม “ไม่ต้องรบกวนให้บอดี้การ์ดคุณต้องลำบากหรอก! ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปหาเอง!” ที่โรงพยาบาล ฟู่สือถิงหยิบโทรศัพท์มือถือของแม่ขึ้นมา เส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหน้าผาก เส้นลำตัวตึงแน่น! เขานึกว่าฉินอันอันจะต้องบอกเรื่องที่เธอคุยโทรศัพท์กับแม่ก่อนที่แม่ของเขาจะเสียชีวิตทางโทรศัพท์แน่ ๆ เขาปล่อยให้แม่ของเขาตายโดยไม่รู้สาเหตุไม่ได้ ฟู่ฮั่นเดินเข้าไปหาเขาอย่างระมัดระวังแล้วถามว่า “สือถิง แม่เสียแล้ว เรื่องงานศพ จัดตอนนี้เลยดีไหม?” ฟู่สือถิง “ต้องชันสูตรศพก่อน!” เขาต้องการพิสูจน์ว่ามันเป็นการฆาตกรรมหรือไม่! ถึงแม้ว่าแม่จะมีความดันโลหิตสูง แต่ผลตรวจสุขภาพของเธอก็นับว่ายังแข็งแรงดี น่าสงสัยมากว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงล้มและเสียชีวิตอย่างกะทันหันขนาดนี้ ฟู่ฮั่นพยักหน้า “ตกลง ฉันจะไปตามหมอ” ฟู่เย่เฉินประคองแม่ของเขาอยู่ข้าง ๆ และไม่กล้าหายใจเสียงดัง หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ รู้สึกวิตกกังวล เขาไม่สามารถแสดงข้อพิรุจใด ๆ ได้ ถ้าอาของเขารู้ว่าเขาเป็นคนผลักคุณย่าลงไปที่ชั้นล่างจนทำให้เธอเสียชีวิต อาจะต้องฆ่าเขาทันทีแน่ ๆ!
หลังจากที่ฉินอันอันได้ยินคำพูดของเธอ ในใจก็นิ่งสงบ เธอและกับฟู่สือถิงกลายเป็นศัตรูกันโดยสิ้นเชิง เธอไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะเชื่อเธออยู่แล้ว “คุณเสิ่น คุณมีกลิ่นปาก ไม่มีใครเตือนคุณเลยเหรอคะ?” ฉินอันอันยกมือขึ้นปิดจมูก ใบหน้าของเสิ่นอวี๋บูดบึ้ง เธออยากจะโกรธและไม่กล้าเปิดปากพูด! ลิฟต์มาถึงชั้นที่กำหนด หลังจากส่งเสียงเตือน ประตูลิฟต์ก็ค่อย ๆ เปิดออก ฉินอันอันเดินออกจากลิฟต์ก่อน ไม่ไกลนัก ดวงตาที่เย็นชาของฟู่สือถิงเป็นประกายขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นเธอ ขายาวเดินไปหาเธอ เขาเดินไปตรงหน้าเธอพลันจับแขนเธอไว้แน่นแล้วพาเธอไปที่มุมห้อง เสิ่นอวี๋เฝ้ามองเขาทั้งสองเดินผ่านไป เธอยืนอยู่ที่เดิม ได้แต่มองดูพวกเขา เธอเห็นฉินอันอันเหวี่ยงแขนของฟู่สือถิงออก! หลังจากนั้นทันที เสียงของฉินอันอันก็ดังขึ้น “แม่ของคุณเป็นคนโทรหาฉันเอง! เราจะคุยอะไรกันมันก็เรื่องของเรา ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ! แม่ของคุณเสียชีวิตได้ยังไง คุณไม่คิดจะตรวจสอบด้วยตัวเองเลยเหรอ? นอกจากคุณจะมารบกวนฉันแล้ว คุณไม่มีทางเลือกอื่นเลยรึไง!” ดุเดือดมาก! เสิ่นอวี๋ไม่คิดว่าต่อหน้าฟู่สือถิง ฉินอันอันจะกล้าขนาดนี้! ดูเหมือนว่า
เสิ่นอวี๋ร้องไห้ “ฉินอันอัน! ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงหน้าด้านแบบคุณมาก่อนเลย! คุณกลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำ แล้วยังจะมาบอกว่าฉันเป็นคนทำอีก! ฉันบ้าหรือไง ถึงจะไปทำอะไรแบบนั้น?!” “ใช่! คุณบ้าไปแล้ว!” ฉินอันอันมองดูการแสดงของเธออย่างสงบ “คุณไม่ต้องดีใจไปหรอก ไม่ช้าก็เร็วหน้ากากของคุณจะต้องหลุดออกมาแน่” “หน้ากากอะไรกัน?! ฉินอันอัน! พูดมาให้ชัดเจนนะ...หน้ากากอะไร!” เสิ่นอวี๋ร้องไห้และรีบเดินไปหาฉินอันอัน ฉินอันอันแอบอยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง เธอไม่อยากสู้กับคนบ้า มือของเธอจะสกปรกเอา หลังจากที่ฟู่สือถิงเหลือบมองเธออย่างเย็นชา เขาก็กั้นร่างของเสิ่นอวี๋ไว้ “เสิ่นอวี๋ ที่นี่คือโรงพยาบาล!” เขาเตือน “เรื่องระหว่างเธอกับผมยังพูดกันไม่จบ คุณควบคุมอารมณ์ไว้ก่อน!” หลังจากที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจบ เขาก็คว้าแขนของฉินอันอันแล้วเดินไปที่ลิฟต์! เสิ่นอวี๋มองพวกเขาทั้งสองจากไป น้ำตาของเธอหยุดไหลทันที แม้ว่าเธอจะแค่แสดง แต่เธอก็อยากตบฉินอันอันจริง ๆ! ฟู่เย่เฉินเดินเข้ามาเงียบ ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย “เสิ่นอวี๋ จู่ ๆ ผมก็รู้สึกว่าคุณกับผมอาจไม่เหมาะกัน คุณจิตใจเหี้ยมโหดเกินไป ผมสู้
รถโรลส์รอยซ์สีดำมุ่งไปข้างหน้าจากเมืองที่พลุกพล่านไปยังชานเมืองที่มีประชากรเบาบาง ฉินอันอันนั่งอยู่ที่เบาะหลังและหลับตาพักผ่อน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน รถก็หยุด เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเพียงป่าทึบแปลก ๆ ข้างนอกและหนาวเย็น คำถามมากมายผุดขึ้นมาในใจของเธอ ‘ที่นี่ที่ไหน?’ ‘ทำไมเขาถึงพาเธอมาที่นี่?’ “ที่นี่ที่ไหน?” เธอเงยหน้าขึ้นถามเขา “รีสอร์ทแห่งหนึ่งของผม” เขาเปิดประตูรถแล้วลงจากรถ ‘รีสอร์ท?’ เขาไม่ได้พาเธอมาที่นี่เพื่อพักผ่อนแน่นอน เธอลงจากรถแล้วเดินตามเขาไปที่รีสอร์ททีละก้าว รีสอร์ทแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์กอทิก อาคารสีครามแห่งนี้ตั้งอยู่ในป่าทึบ เต็มไปด้วยบรรยากาศอันน่าสยดสยอง เธอรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในคุกแทนที่จะเป็นรีสอร์ท เธอหันกลับมาเห็นบอดี้การ์ดของเขาตามหลังมาติด ๆ ตอนนี้เธอไม่สามารถหลบหนีได้จริง ๆ หลังจากเข้าไปในรีสอร์ทแล้ว เธอก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นวิวด้านในที่เปิดโล่ง สไตล์การตกแต่งภายในดูมืดมนทำให้รู้สึกหดหู่! “ฉินอันอัน คุณเริ่มติดต่อกับแม่ของผมตั้งแต่เมื่อไร?” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังตามมา ในขณะนั้นประตูวิลล่าป
แต่ดูสิว่าเธอปฏิบัติเขาอย่างไร? ความเมตตาและความใจอ่อนทั้งหมดของเขา ตอนนี้ดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องตลก หลังจากตัดสินใจในระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็หันหลังกลับ หลังจากที่บอดี้การ์ดเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร จึงลากตัวฉินอันอันออกไปทันที! จู่ ๆ ห้องโถงก็เงียบสนิทจนแทบได้ยินเสียงเข็มหล่น! เธอไม่ได้ร้องไห้หรือโวยวาย เธอแค่หายไปจากสายตาของเขาเท่านั้น เช่นเดียวกับเมื่อหลายปีก่อน เธอทิ้งเขาไว้อย่างเงียบ ๆ ...... ฉินอันอันถูกบอดี้การ์ดพาตัวไปที่ห้องใต้ดิน แสงไฟในห้องใต้ดินสลัวมาก สามารถมองผ่านไฟสลัว ๆ ได้ว่าในห้องนี้ไม่มีการตกแต่งใด ๆ พวกเขาวิ่งไปมาระหว่างคอนกรีตเสริมเหล็ก และมีเสียงแปลก ๆ ดังออกมาเป็นระยะ ๆ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดเน่าที่น่าขยะแขยง! หลังจากเดินเข้าไปในห้องใต้ดินประมาณห้านาที บอดี้การ์ดก็ผลักเธอไปข้างหน้า! เธอไม่ได้ตั้งตัวจึงล้มลงกับพื้น! นิ้วของเธอสัมผัสกับบางสิ่งมีลักษณะเหนียว ๆ...เธอคว้ามันไว้ด้วยความกลัว... มันคือหญ้า! แต่มีเมือกบนหญ้าเยอะมาก! เมือกนี้มีกลิ่นคาวไม่พึงประสงค์! เธอขมวดคิ้วและโยนหญ้าในมือทิ้ง! “คุณฉิน ดูสิว่าข้างหลังคุณมีอะไรอยู่” บอ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง