ร้านทำเล็บแห่งนี้อยู่ข้างในร้านแบรนด์หรู เมื่อก่อนฉันรู้แค่ว่าแบรนด์นี้ขายกระเป๋า เสื้อผ้า แต่ไม่คิดว่าจะเปิดธุรกิจทำเล็บใหม่ ฉินอันอันรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลกใหม่ “อันอัน! ฉันกับเฮ่อจุ่นจือจะแต่งงานกันเดือนพฤษภาคมปีนี้!” หลีเสี่ยวเถียนประกาศข่าวใหญ่ “และเธอจะต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉัน! ลูกสองคนของเธอจะเป็นเด็กโปรยดอกไม้!” ฉินอันอันพูดไม่ออก “ลูกของฉันไปเป็นเด็กโปรยดอกไม้ก็ได้อยู่ แต่เพื่อนเจ้าสาวนี่… ฉันจะหาเพื่อนคนอื่นมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เธอเอง!” เธอแต่งงานและมีลูกแล้ว จึงไม่สามารถเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ “ฉันได้คุยกับพ่อแม่ของฉันและเฮ่อจุ่นจือเรียบร้อยแล้ว! พวกเขาทั้งสองบอกว่าไม่เป็นไร” หลีเสี่ยวเถียนดึงเธอให้นั่งข้าง ๆ “มาทำเล็บแบบเดียวกันเถอะ!” “ทำเล็บแบบเดียวกันได้ แต่เพื่อนเจ้าสาว ฉันเป็นให้ไม่ได้จริง ๆ เสี่ยวเถียน ฉันอยากให้เธอกับเฮ่อจุ่นจือจะมีความสุขที่แสนหวานแทนที่จะเป็นเหมือนฉัน” ฉินอันอันหรี่ตาลง “ถึงตอนนี้ฉันจะมีความสุขมาก แต่ฉันอยากให้เธอมีความสุขมากกว่านี้อีก” รอยยิ้มบนใบหน้าของหลีเสี่ยวเถียนแข็งทื่อ เธอซาบซึ้ง “อันอัน ฉันฟังเธอก็ได้ แต่ฉันเชื่อว่าในอนาคตเธ
พวกเขาเลิกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่หลังจากหวังหว่านจือได้รับเงินสามพันล้านจากการขายทรัพย์สินของเธอที่ต่างประเทศ ชายคนนี้ก็กลับมาหาเธออีกครั้ง “คุณเสิ่น ได้ยินว่าฟู่สือถิงให้เงินลูกสาวคุณหนึ่งพันล้านใช่ไหมคะ?” หวังหว่านจือจงใจพูดเสียงดัง คุณพ่อเสิ่นเห็นฉินอันอันแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “ใช่แล้ว!มอบให้เมื่อวานนี้” “ถ้าอย่างนั้นให้ลูกสาวของคุณเอาเงินมาลงทุนกับฉันสิคะ ฉันจะเปลี่ยนหนึ่งพันล้านของเธอกลายเป็นสองพันล้าน สามพันล้านเอง!” หวังหว่านจือพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตกลง!ผมจะกลับไปคุยกับเธอให้ อันที่จริงเธอชื่นชมคุณอยู่ ตอนนี้เธอสนับสนุนให้พวกเราอยู่ด้วยกัน” หวังหว่านจือสีหน้าภาคภูมิใจ เธอพูดกับฉินอันอันที่กำลังเดินผ่านมา “ฉินอันอัน ฉันกลับมาแล้วนะ!” ฉินอันอันหยุดแล้วชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา “ก็ดีค่ะ แต่ถึงคุณไม่กลับ ฉันก็ไปตามหาคุณที่ต่างประเทศได้” “โอ้…ฉันก็กลับมาเพราะเธอเหมือนกัน ลูกสาวและน้องชายของฉันสองชีวิต ชีวิตแม่เธอไม่พอหรอก!” หวังหว่านจือพูดพร้อมเลิกคิ้ว “เธอรักฟู่สือถิงมากไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันจะใช้เงินที่ฟู่สือถิงให้เสิ่นอวี๋มาจัดการเธอ” “ได้เลยค่ะ!” ฉินอัน
ภายใต้แสงไฟสลัว เขาสวมเสื้อโอเวอร์โค้ทสีน้ำตาลอ่อนเด่นซึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษโดยปกติ เขาจะสวมเสื้อผ้าสีเข้ม ดังนั้นพอจู่ ๆ เขาเปลี่ยนสไตล์ มันจึงดึงดูดความสนใจเพราะการปรากฏตัวของเขา บรรยากาศในลานหน้าบ้านจึงเปลี่ยนไปทันที หลีเสี่ยวเถียนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน สองมือกำหมัดแน่น คิดจะเข้าไปทุบเฮ่อจุ่นจือในวินาทีถัดไป เห็นได้ชัดว่าเฮ่อจุ่นจือพาฟู่สือถิงมา หลังจากฉินอันอันมองเห็นฟู่สือถิงแล้ว เธอถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ยังแจ่มชัดอยู่ในใจ วันนี้ในบ้านมีคนมากมาย เธอเชื่อว่าเขาไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้ว ตอนนี้เขาวางตัวเองอยู่ในตำแหน่งเจ้าหนี้และเธอคือลูกหนี้ ดังนั้นถึงเธอไม่ได้เชิญเขา แต่เขาก็ยังหน้าด้านมาอยู่ดี หลังจากทั้งสองเดินเข้ามาจากประตูทางเข้าลานหน้าบ้านแล้ว หลีเสี่ยวเถียนเอื้อมไปบิดแขนเฮ่อจุ่นจือเฮ่อจุ่นจือยักไหล่ ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดีสีหน้าของเขากำลังบอกว่า ‘กล่าวหากันแล้ว! ผมไม่ได้พาเขามา!’ หลีเสี่ยวเถียนผลักเขาไปทางฉินอันอันให้เขาอธิบายขอโทษกับฉินอันอัน! เขาก้าวเท้าเดินไปหาทางฉินอันอัน “อันอัน เอ่อ...เล็บของคุณสวยจังเลย! แบบเดียวกัน
โจวจื่ออี้หยิบเนื้อย่างเสียบไม้ยัดเข้าไปในปากเขาเพื่อทำให้เขาหุบปาก เฮ่อจุ่นจือเดินเข้ามาพร้อมหลีเสี่ยวเถียน ในมือมีไวน์แดงหลายขวด โจวจื่ออี้เข้าไปทักทายพวกเขาทันที “ไวน์ชั้นดีทั้งนั้นเลย! คุณขโมยมาจากห้องเก็บไวน์ของคุณพ่อคุณใช่ไหม?” “ขโมยอะไรล่ะ? ผมเอามาจากบ้านของตัวเองเรียกขโมยได้เหรอ?” เฮ่อจุ่นจือหยิบที่เปิดไวน์แล้วเปิดขวดโจวจื่ออี้หยิบไวน์ขวดหนึ่งส่งให้ไมค์ จากนั้นเขาหยิบแก้วไวน์มาให้ฟู่สือถิงแล้วรินให้เขา เว่ยเจินที่ดื่มมากไม่ได้ก็ถือแก้วไวน์และเดินเข้ามาเช่นกัน “คืนนี้คึกคัก ผมจะดื่มด้วย” “คุณเว่ย ทำไมวันนี้คุณอารมณ์ดีจังคะ?” หลีเสี่ยวเถียนรินไวน์ให้เขา จากนั้นมองไปทางฉินอันอัน “อันอัน เธอเอาหน่อยไหม?” ฉินอันอันส่ายหน้า “ฉันต้องดูแลเด็ก ๆ พวกเธอดื่มเถอะ!” “ได้เลย! ฉันจะช่วยสร้างความบันเทิงกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญของเธอแน่นอน!” หลีเสี่ยวเถียนพูดพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ ฟู่สือเถียน “ประธานฟู่คะ ทำไมคุณไม่อยู่เป็นเพื่อนคู่หมั้นของคุณที่โรงพยาบาลล่ะ? คุณไม่ควรจะทอดทิ้งเธอเพราะว่าเธอแท้งใช่ไหมล่ะ? ไม่มีทางหรอกมั้ง? คุณไม่น่าจะเป็นพวกสารเลวได้? หรือว่าที่คุณอยู่กับเธอเพียงแ
เสี่ยวหานหันกลับมาและเหลือบมองไปทางฟู่สือถิง พอดีกับที่ฟู่สือถิงหันมามองพวกเขา พ่อและลูกชายสายตาประสานกัน ในอากาศเกิดประกายของดาบและเงากระบี่!เสี่ยวหานถลึงตาใส่เขาแล้วถอนสายตากลับมา “รุ่ยลา เขาไม่มีทางกินของที่เราให้เขาหรอกนะ” “ฮือ ๆ ๆ… พี่ชาย พี่ว่าเขามาบ้านของพวกเราทำไมคะ?” ในใจของรุ่ยลาเกลียดเขา แต่ก็อดมองไปทางเขาไม่ได้ เสี่ยวหาน “ไม่รู้สิ เธออิ่มแล้วเหรอ?”รุ่ยลาส่ายหน้า “หนูรอให้แม่เอาซอสมะเขือเทศมาให้อยู่” รุ่ยลาพูดจบ ฉินอันอันก็เดินถือซอสมะเขือเทศออกมาจากบ้าน หลีเสี่ยวเถียนเข้ามาหาเธอแล้วถามเสียงกระซิบ “อันอัน บ้านเธอมียาระบายหรือเปล่า?” ฉินอันอันส่ายหน้า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนเล่าให้เธอฟังถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น “ฉันอยากจะขำแทบตาย เธอไม่เห็นสีหน้าฟู่สือถิงตอนนั้น ฮ่า ๆ ๆ! เขาอยากจะโกรธแต่ก็อายเกินจะทำแบบนั้น… เพราะสุดท้ายแล้วรุ่ยลาของพวกเราน่ารักขนาดนี้ ใครจะทำร้ายเธอได้ลงคอล่ะเนอะ?” ฉินอันอันพูดไม่ออกมิน่าล่ะ! รุ่ยลาถึงได้กินซอสมะเขือเทศหมดเร็วมากแล้วขอให้เธอไปหยิบในบ้านมาอีก ที่แท้ก็เพื่อกำจัดเธอ! ฉินอันอันวางเนื้อย่างลงตรงหน้าเด็กทั้ง
“ฟู่สือถิง คุณไม่เหนื่อยรึไง?” เธอกัดฟัน “คุณเหนื่อยเหรอ?” เขาจับข้อมือเล็กของเธอแล้วดึงเธอไปนั่งที่ขอบเตียง “วันนี้คุณชวนเพื่อนมากินบาร์บีคิว อารมณ์ดีมากใช่ไหม? พอเห็นผมก็เหนื่อยเลยเหรอ?” นิ้วของเขาเริ่มปลดกระดุมเสื้อคลุมของเธอ เธอจับมือที่เย็นนิด ๆ ของเขาทันที น้ำเสียงอ้อนวอน “ฟู่สือถิง! อย่าทำเรื่องแบบนี้ในบ้านของฉัน!” “ทำไม?” เขาพูดเสียงเข้มโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอตอบ “ทำไมถึงทำที่บ้านคุณไม่ได้? เพราะว่ามีผู้ชายคนอื่นมานอนที่บ้านของคุณใช่ไหม?” ฉินอันอันผลักหน้าอกของเขาอย่างแรง “เพราะฉันคิดว่าคุณสกปรกไงล่ะ!” คำพูดของเธอทำให้ตัวของเขาแข็งทื่อทันที! เธอรังเกียจว่าเขาสกปรก…เพราะว่าเขาเคยนอนกับเสิ่นอวี๋ เธอรีบเดินไปที่ประตู ปลดล็อกประตูให้เขาออกไป เขามองประตูห้องที่เปิดออกแล้วเดินไป วาดแขนยาวออกแล้วปิดประตูลงอีกครั้ง! “คุณไม่สกปรกเหรอไง? ในท้องของคุณเคยตั้งท้องลูกของผู้ชายคนอื่น” เขาล็อกประตูแล้วคว้าเอวของเธอ อุ้มเธอขึ้นมาในอากาศ!ตอนนั้นเธอผ่าคลอด ดังนั้นจึงมีรอยแผลเป็นหลังการผ่าตัดที่หน้าท้อง รอยแผลเป็นนี้กระตุ้นเขาอย่างหนักเพราะเธอบอกว่ารุ่ยลาเป็นเด็กหลอดแก้วท
“แม่คะ!”“แม่ครับ!”เสียงร้องเรียกของเด็กทั้งสองดังก้องไปทั่ววิลล่า ในห้องนอน เมื่อฉินอันอันได้ยินเสียงของเด็ก ๆ ร่างกายของเธอแข็งเกร็งทันที เธอต้องการสลัดตัวออกจากชายที่อยู่ด้านบน แต่เธอกลับทำไม่ได้ “ฟู่สือถิง! ปล่อยฉันนะ!” ในดวงตาของเธอมีน้ำตาอยู่ราง ๆ ด้วยความวิตก เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่นและไม่มีความคิดที่จะปล่อยไปแม้แต่น้อย “ผมยังไม่เสร็จ !” เสียงของเขาทุ้มต่ำและไม่พอใจ “คุณคิดว่าพวกเขามีธุระกับคุณจริง ๆ เหรอ?” “ไม่ว่าพวกเขาจะมาหาฉันตอนไหน มีอะไรผิดปกติหรือไม่ สำหรับฉันแล้ว นั่นคือเรื่องใหญ่สำหรับฉัน!” ดวงตาของเธอแดงก่ำ ขัดขืนเขาแรงขึ้น เขาตอบกลับด้วยการใช้กำลังบังคับเพิ่มขึ้น เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอไป แล้วเธอจะสลัดหลุดได้ยังไง? น้ำตาเธอไหลในทันที! ดวงตาที่มองเขาค่อย ๆ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง! ที่นอกประตู เมื่อเห็นรุ่ยลากำลังจะร้องไห้ หลีเสี่ยวเถียนจึงรีบอุ้มเธอขึ้นมาทันที “รุ่ยลาอย่าร้องนะลูก ป้าดื่มมากไปหน่อย เมื่อกี้เลยพูดจาเหลวไหลไป” หลีเสี่ยวเถียนอ้มรุ่ยลาไปที่ห้องเด็ก “ฟู่สือถิงไม่ได้รังแกแม่ของหนู… พวกเราอยู่กันเยอะขนาดนี้
ตอนที่เธอปิดไฟ เขาเห็นน้ำตาของเธอไหลลงมาจากหางตาถึงแม้เขาจะพึงพอใจทางร่างกาย แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่การที่เธอไม่ร้องเอะอะโวยวายแบบนี้ กลับทำให้เขาไม่สบายใจ ในห้องนั้นมืดสนิท มีเพียงแค่แสงสลัวจากไฟถนนที่ชั้นล่างส่องผ่านเข้ามา เขามองแผ่นหลังของเธอแล้วขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายต้องการเข้าใกล้เธอตามสัญชาตญาณ ไม่ใช่อยู่ห่างกันแบบนี้ เขาขยับเข้าหาเธอ เหยียดแขนยาวออกแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน วินาทีที่เธอสัมผัสอุณหภูมิร่างกายเขา เธอก็ผลักเขาออกสุดกำลัง! “ปล่อยฉันนะ!” เธอตะโกนเสียงแหบแห้ง “ไม่ปล่อย” แขนของเขากระชับกอดเธอแน่น วางคางบนไหล่เรียบเนียนของเธอ พร้อมกับสูดกลิ่นหอมบนตัวเธอ “คืนนี้ผมไม่กลับ” เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมัดด้วยเชือกไพล่หลังรั้งคอ ขยับตัวไม่ได้ เขาไม่อ่อนโยนเลยสักนิด แต่ก็ไม่ได้หยาบคายเหมือนครั้งก่อน ไม่ว่าเขาจะมาหรือไป เขาเคยร้องขอความเห็นจากเธอเมื่อไหร่? ความคิดเห็นของเธอ มีประโยชน์อะไรกับเขาอีก? เขาไม่ต้องพูดเลย! ถึงยังไงเขาก็จะทำอย่างที่เขาต้องการ!……วันรุ่งขึ้น ฉินอันอันตื่นนอนตอนเจ็ดโมงเช้าตามปกติในวันทำงาน ตอนที่เธอตื่นขึ้น ชายห
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง