“แม่คะ!”“แม่ครับ!”เสียงร้องเรียกของเด็กทั้งสองดังก้องไปทั่ววิลล่า ในห้องนอน เมื่อฉินอันอันได้ยินเสียงของเด็ก ๆ ร่างกายของเธอแข็งเกร็งทันที เธอต้องการสลัดตัวออกจากชายที่อยู่ด้านบน แต่เธอกลับทำไม่ได้ “ฟู่สือถิง! ปล่อยฉันนะ!” ในดวงตาของเธอมีน้ำตาอยู่ราง ๆ ด้วยความวิตก เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่นและไม่มีความคิดที่จะปล่อยไปแม้แต่น้อย “ผมยังไม่เสร็จ !” เสียงของเขาทุ้มต่ำและไม่พอใจ “คุณคิดว่าพวกเขามีธุระกับคุณจริง ๆ เหรอ?” “ไม่ว่าพวกเขาจะมาหาฉันตอนไหน มีอะไรผิดปกติหรือไม่ สำหรับฉันแล้ว นั่นคือเรื่องใหญ่สำหรับฉัน!” ดวงตาของเธอแดงก่ำ ขัดขืนเขาแรงขึ้น เขาตอบกลับด้วยการใช้กำลังบังคับเพิ่มขึ้น เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอไป แล้วเธอจะสลัดหลุดได้ยังไง? น้ำตาเธอไหลในทันที! ดวงตาที่มองเขาค่อย ๆ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง! ที่นอกประตู เมื่อเห็นรุ่ยลากำลังจะร้องไห้ หลีเสี่ยวเถียนจึงรีบอุ้มเธอขึ้นมาทันที “รุ่ยลาอย่าร้องนะลูก ป้าดื่มมากไปหน่อย เมื่อกี้เลยพูดจาเหลวไหลไป” หลีเสี่ยวเถียนอ้มรุ่ยลาไปที่ห้องเด็ก “ฟู่สือถิงไม่ได้รังแกแม่ของหนู… พวกเราอยู่กันเยอะขนาดนี้
ตอนที่เธอปิดไฟ เขาเห็นน้ำตาของเธอไหลลงมาจากหางตาถึงแม้เขาจะพึงพอใจทางร่างกาย แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่การที่เธอไม่ร้องเอะอะโวยวายแบบนี้ กลับทำให้เขาไม่สบายใจ ในห้องนั้นมืดสนิท มีเพียงแค่แสงสลัวจากไฟถนนที่ชั้นล่างส่องผ่านเข้ามา เขามองแผ่นหลังของเธอแล้วขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายต้องการเข้าใกล้เธอตามสัญชาตญาณ ไม่ใช่อยู่ห่างกันแบบนี้ เขาขยับเข้าหาเธอ เหยียดแขนยาวออกแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน วินาทีที่เธอสัมผัสอุณหภูมิร่างกายเขา เธอก็ผลักเขาออกสุดกำลัง! “ปล่อยฉันนะ!” เธอตะโกนเสียงแหบแห้ง “ไม่ปล่อย” แขนของเขากระชับกอดเธอแน่น วางคางบนไหล่เรียบเนียนของเธอ พร้อมกับสูดกลิ่นหอมบนตัวเธอ “คืนนี้ผมไม่กลับ” เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมัดด้วยเชือกไพล่หลังรั้งคอ ขยับตัวไม่ได้ เขาไม่อ่อนโยนเลยสักนิด แต่ก็ไม่ได้หยาบคายเหมือนครั้งก่อน ไม่ว่าเขาจะมาหรือไป เขาเคยร้องขอความเห็นจากเธอเมื่อไหร่? ความคิดเห็นของเธอ มีประโยชน์อะไรกับเขาอีก? เขาไม่ต้องพูดเลย! ถึงยังไงเขาก็จะทำอย่างที่เขาต้องการ!……วันรุ่งขึ้น ฉินอันอันตื่นนอนตอนเจ็ดโมงเช้าตามปกติในวันทำงาน ตอนที่เธอตื่นขึ้น ชายห
ฟู่สือถิงเยาะเย้ยในใจ ฉินจือหานคิดจะเป็นพ่อเขา! น่าขำจริง ๆ ทว่าเด็กคนนี้นับว่าเด็ดเดี่ยวมาก เขาค้างที่นี่เมื่อคืนนี้ คาดว่าเด็กคนนั้นจะต้องโกรธจนนอนไม่หลับทั้งคืน ดังนั้นถึงได้โจมตีบริษัทของเขาในชั่วข้ามคืน เขาควรจะโกรธ ทว่าเมื่อในสมองเห็นภาพฉินจือหานโมโหจนนอนไม่หลับแล้วนั้น มุมปากของเขากลับวาดเป็นเส้นโค้งอย่างสนุกสนาน “เจ้านาย คุณต้องการแจ้งตำรวจไหมครับ?” โจวจื่ออี้ถาม ฟู่สือถิงก้าวไปข้างหน้าด้วยขายาวของเขา เดินลงไปชั้นล่างต่อแล้วพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ตอนนี้สถานการณ์ของฝ่ายรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นยังไงบ้าง?” โจวจื่ออี้ “กำลังเร่งแก้ไขโดยเร็วที่สุดครับ” ฟู่สือถิง “ต้องใช้เวลาซ่อมนานเท่าไหร่?” โจวจื่ออี้ “ทางนั้นแจ้งมาว่าจะซ่อมเสร็จก่อนเที่ยงครับ” ฟู่สือถิงเดินมาถึงชั้นล่างแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องแจ้งความ” โจวจื่ออี้ “ตกลงครับ เจ้านาย คุณสงสัยว่าฉินจือหานเป็นคนทำใช่ไหมครับ?” ฟู่สือถิง “ไม่ต้องสงสัยเลย” โจวจื่ออี้อดหัวเราะไม่ได้ “เอาเถอะครับ! เขานี่เป็นเด็กอัจฉริยะจริง ๆ นะครับ! หลังจากถูกเขาโจมตีคราวที่แล้ว ฝ่ายเทคนิคสร้างไฟร์วอลล์ไว้แล้ว คิดไม่ถึงว่าเข
เมื่อเข้ามาในห้องพิเศษด้านหลังแล้ว แม่เฒ่าฟู่หยิบโทรศัพท์ขึ้น “สวัสดีค่ะ คุณรู้จักฟู่สือถิงใช่ไหม? ฉันคือแม่ของเขา” อีกฝ่าย “สวัสดีคุณนายฟู่ ไม่ทราบว่าติดต่อมามีธุระอะไร?” “โรงเรียนอนุบาลของพวกคุณมีนักเรียนชื่อฉินจือหานใช่ไหม?” “ใช่ค่ะ” “คืออย่างนี้ค่ะ ฉันอยากได้เส้นผมของเขาสองสามเส้น ไม่รู้ว่าคุณจะสามารถเอามาให้ฉันได้ไหม ฉันจะจ่ายค่าตอบแทนให้ ราคาเท่าไหร่คุณตั้งมาได้เลย” แม่เฒ่าฟู่พูดอย่างใจป้ำอีกฝ่ายงุนงง “คุณอยากได้ผมของเขาไปทำไม? ไม่ใช่ฉันไม่อยากทำให้คุณ แต่เกรงว่าคุณไม่รู้สภาพการณ์ของเด็กคนนี้ เขาไม่ยอมให้สัมผัสตัว ปกติแล้วมีแค่น้องสาวของเขาเท่านั้นที่สัมผัสเขาได้” แม่เฒ่าฟู่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องที่ง่ายดายขนาดนี้ พอเป็นฉินจือหานกลับกลายเป็นเรื่องยากปานนั้น “คุณก็คิดวิธีสิ! ถ้าหากเอาเส้นผมมาไม่ได้ เอาเลือดมาก็ได้!” แม่เฒ่าฟู่กล่าว “บอกตามตรง แม่ของเขากับลูกชายฉันเคยแต่งงานกัน… ฉันสงสัยที่มาของเด็กคนนี้มาก ดังนั้นฉันขอร้องคุณช่วยฉันในเรื่องนี้ที หากจัดการเรื่องนี้สำเร็จ ฉันจะต้องตอบแทนคุณอย่างงามแน่นอน” แม่บ้านเห็นเงาคนที่ประตูแวบ ๆ จึงรีบเดินไปที่ประตูทันที “คุ
ที่เอสทีกรุ๊ป หลังจากที่เครือข่ายของบริษัทกลับมาเป็นปกติ โจวจื่ออี้ก็มาเคาะประตูห้องทำงานของฟู่สือถิง “เจ้านายครับ นี่คือสิ่งที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ขอให้ผมนำมาให้คุณครับ” โจวจื่ออี้ยื่นเอกสารปึกหนึ่งให้กับฟู่สือถิงขณะที่พูดฟู่สือถิงเหลือบมองเอกสารแล้วถามว่า “เอกสารอะไร?” “...ดูเหมือนว่าจะเป็นโค้ดไวรัสที่ฉินจือหานเขียนครับ” โจวจื่ออี้ชำเลืองมองแค่แวบเดียวจากนั้นไม่กล้ามองอีก ฟู่สือถิงเปิดเอกสาร ทันใดนั้นก็เห็นบรรทัดที่เป็นตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และตัวหนา ‘ฟู่สือถิงเป็นคนงี่เง่า’ฟู่สือถิงโกรธจนหน้าเขียวทันที นิ้วของเขาสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดหน้าที่สอง ‘ฟู่สือถิงขับรถตกลงไปในแม่น้ำ!’ หน้าที่สาม ‘ฟู่สือถิงเข้าห้องน้ำแล้วกระดาษหมด!’ หน้าที่สี่ ‘ฟู่สือถิงขนมปังติดคอตาย!’ ……ฟู่สือถิงหยิบชุดเอกสารขึ้นมาแล้วโยนเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสาร! สีหน้าของเขาดูไม่ดีนัก แต่ไม่ได้แสดงปฏิกิริยามากมาย ท้ายที่สุดแล้วฉินจือหานคือเด็กสี่ขวบ เขาไม่อยากจะเอาจริงเอาจังด้วยขนาดนั้น ทันใดนั้นเอง ประตูห้องมีเสียงเคาะดังขึ้น จากนั้นก็ถูกผลักออก เซิ่งเป่ยยืนอยู่ที่ปากประตู “สือถิง ไ
เขาเกือบจะพูดออกมาตรง ๆ ‘ฉันต้องการลูกที่เกิดจากฉินอันอันเท่านั้น ลูกที่เกิดจากผู้หญิงคนอื่น ตายก็ตายไป ไม่มีอะไรให้เสียดาย เพราะฉันไม่ต้องการ!’ “งั้นนายจะให้ฉินอันอันคลอดลูกให้นายหรือไง?” เซิ่งเป่ยพูดล้อ “อืม” เซิ่งเป่ยตกตะลึงจนปากค้าง เกือบจะถือแก้วในมือไม่อยู่ “นายจะให้ฉินอันอันคลอดลูกให้นายจริง ๆ เหรอ?!” “เสิ่นอวี๋ขอให้ฉันแก้แค้นแทนลูกที่ตายไปของพวกเรา” “ดังนั้นนายเลยแก้แค้นด้วยการให้ฉินอันอันคลอดลูกให้นายงั้นเหรอ?” เซิ่งเป่ยไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ถ้าหากเสิ่นอวี๋รู้วิธีแก้แค้นของนาย น่ากลัวว่าเธอจะร้องไห้จนเป็นลม” ฟู่สือถิง “ฉันจะแก้แค้นยังไงก็เรื่องของฉัน” “ฉินอันอันเต็มใจเหรอ?” เซิ่งเป่ยรู้สึกว่าเรื่องไม่ง่ายขนาดนั้นแน่นอน ฉินอันอันมีลูกอยู่แล้วสองคน ถึงแม้เสี่ยวหานจะถูกรับเลี้ยง แต่จากทัศนคติของเธอที่มีต่อเสี่ยวหานก็มองออกว่าเธอถือว่าเสี่ยวหานเป็นลูกที่เธอคลอดออกมาเอง เธอไม่อยากมีลูกอีกแน่นอน! “ไม่เต็มใจ” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตอนนี้เธอเกลียดฉันเข้ากระดูกดำแล้ว” “นายบังคับให้เธอมีลูกให้นาย เธอต้องเกลียดนายอยู่แล้ว!” เซิ่งเป่ยคิดไม่ถึงว่าเขาจะตัด
มองภาพเธอยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้แล้ว เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจ เมื่อพบว่าเธอไม่ได้ยิ้มให้เขามานานมากประมาณห้าปีมาแล้วที่ร้านชุดแต่งงาน ฉินอันอันถอดชุดแต่งงานออกแล้ว เธอเลือกชุดราตรีสีชมพูม่วงอ่อน สำหรับใส่ในวันแต่งงานของหลีเสี่ยวเถียน “อีกไม่กี่ปี ฉันจะอายุสามสิบ ฉันไม่กล้าซื้อเสื้อผ้าสีนี้ใส่แล้ว” เธอพูดติดตลก “ฉวยโอกาสตอนที่ยังแสร้งทำเป็นเด็กได้อยู่ ซื้อแบบนี้ไว้สักสองสามชุดก็ดี” หลีเสี่ยวเถียน “อันอัน หน้าตาของเธอบอกคนอื่นว่าอายุยี่สิบเขาก็เชื่อ ถึงเธอจะอายุสามสิบแล้วก็เถอะ ไม่มีทางแก่ลงภายในชั่วข้ามคืนหรอก เธอทำตัวเป็นเด็กสาวได้อย่างสบายใจเลย!”“ปากจิ้มลิ้มของเธอนี่หวานจังเลยนะ มิน่าล่ะเฮ่อจุ่นจือถึงถูกเธอคุมเสียอยู่หมัดเลย” ฉินอันอันพูดพร้อมรอยยิ้ม“เขาคบกับฉัน เขาก็ต้องหาเงินใช่ไหมล่ะ?” หลังจากหลีเสี่ยวเถียนลองชุดแต่งงานสั่งตัดทีละชุด แล้วพูดอย่างพึงพอใจว่า “ตอนนี้ก็แค่รองานแต่งงาน! จริงสิ ใกล้จะถึงวันเกิดลูกน้อยสุดที่รักทั้งสองของเธอแล้วใช่ไหม? วางแผนว่ายังไงเหรอ?” ฉินอันอัน “อยู่บ้าน” “หา?! ไม่คิดจะจัดงานปาร์ตี้เลยเหรอ? ปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่บ้านน่ะ?” หลีเสี่ยวเถียนเล
หลีเสี่ยวเถียนและฉินอันอันเลือกนั่งที่นั่งริมหน้าต่างในห้องโถง ตรงนี้วิวสวยที่สุด “คุณแม่!” รุ่ยลาจับมือพี่ชาย วิ่งไปหาฉินอันอัน ฉินอันอันอุ้มพวกเขาทั้งคู่มานั่งที่โซฟา “วันนี้ที่โรงเรียนสนุกไหม?” รุ่ยลาส่ายหน้า “แม่คะ คุณครูบอกว่าอาทิตย์หน้าต้องแทงนิ้ว… หนูกลัวเจ็บ...” เสี่ยวหานอธิบาย “ทดสอบน้ำตาลในเลือดครับ” ฉินอันอันเข้าใจได้ทันที เธอรีบพูดปลอบ “ไม่ต้องกลัวนะลูกรัก เจ็บนิดเดียวเท่านั้น” รุ่ยลาถูกเค้กบนโต๊ะดึงดูดสายตาแล้ว “แม่ วันนี้วันเกิดใครเหรอคะ? วันเกิดป้าเสี่ยวเถียนเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า “วันนี้พวกเราจัดวันเกิดล่วงหน้าให้หนูกับพี่ชายของหนูไงล่ะ! ดีใจหรือเปล่า?” พูดแล้วเธอก็หยิบของขวัญที่ห่อมาอย่างสวยงามยื่นให้หนูน้อยทั้งสอง “ดีใจค่ะ!” รุ่ยลารับของขวัญมาด้วยความตื่นเต้น ปากน้อย ๆ หวานปานน้ำผึ้ง “ขอบคุณป้าเถียนนะคะ หนูชอบป้ามากเลย!” “ป้าก็ชอบหนูเช่นกัน!” หลีเสี่ยวเถียนยกมือขึ้นลูบศีรษะรุ่ยลา ฉินอันอันทำท่าให้เสี่ยวหานรับของขวัญ เสี่ยวหานรับของขวัญมาแล้ว ใบหน้าเล็ก ๆ ที่หล่อเหลานั้นแดงระเรื่อ “ขอบคุณครับ” “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก! พว
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง