เธอคว้าชายชุดนอนของเขาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วมองเขาด้วยแววตาแดงก่ำแสนเย็นชา “จะกินยาหรือไม่มันก็เรื่องของฉัน! คุณอย่ารังแกกันให้มากเกินไปนัก! ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้อะไรเลย!” ในสภาพแวดล้อมที่พร่ามัว เสียงของเธอคมชัดเป็นพิเศษ ลูกกระเดือกสุดเย้ายวนของเขากลิ้งขึ้นลง “เอาโทรศัพท์ของฉันคืนมา!” เธอมองที่ลำคอเรียวของเขา ถ้าเขาไม่ยอมให้ เธอจะกัดเขาในวินาทีถัดไป! “ฉินอันอัน คุณไม่ควรเมินต่อคำพูดของผม!” เขาพูดเสียงแหบ ดวงตาของเขามืดมนและสลัว “ถ้าคุณกล้ากินยาคุมกำเนิด อย่างนั้นเราก็จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต!” หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้เธอ หลังจากได้รับโทรศัพท์แล้ว เธอก็รีบกระโดดลงจากเตียง หยิบเสื้อผ้าที่อยู่บนพื้นแล้วสวมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะออกไป เธอก็ก้าวออกจากห้องไปก่อน! เวลาตีสองครึ่ง รถบนถนนแล่นผ่านไปสองสามคัน ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาความเหนื่อยล้าออกไป เธอเปิดโทรศัพท์ ปรากฏสายที่ไม่ได้รับหลายสิบสายบนหน้าจอ สายที่ไม่ได้รับทั้งหมดเป็นสายจากไมค์ เธอต้องการโทรกลับหาเขา แต่เธอจะอธิบายให้เขาฟังได้ยังไง? สิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้แปลกเกินไป ตอนนี้เธอยัง
“ไม่เป็นไร” ฟู่สือถิงมองใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอจึงรู้สึกเห็นใจ “คุณพักผ่อนเยอะ ๆ นะ ตอนเช้าผมจะมาหาคุณใหม่” “ค่ะ” หลังจากออกจากโรงพยาบาล ฟู่สือถิงก็ถามบอดี้การ์ดว่า “เด็กที่ตายแล้วอยู่ไหน?” บอดี้การ์ด “พ่อของคุณเสิ่นเอาไปเผาที่ห้องจัดงานศพแล้วครับ” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว เขาต้องการตรวจดีเอ็นเอ แต่ดูเหมือนว่าจะทำไม่ได้แล้ว บอดี้การ์ดกล่าวต่อ “คุณเสิ่นมีอารมณ์อ่อนไหวมาก ผมอยากจะช่วยเขา แต่เขาคิดว่าผมจะแย่งเด็กคนนั้นไป เขาจึงมีปากเสียงกับผม” ดวงตาของมืดลงและเขาก็เข้าไปในรถ …… เช้าวันรุ่งขึ้น หมอประจำตระกูลรับสายและรีบไปที่บ้านตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงไม่ได้นอนทั้งคืน ดวงตาของเขาแดงก่ำและดูน่ากลัวเล็กน้อย “คุณฟู่ ผมได้ยินมาว่าคุณเสิ่นแท้ง” หมอประจำตระกูลปลอบใจ “คุณกับคุณเสิ่นยังเด็กมาก ในอนาคตยังมีโอกาสครับ” “นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมมาหาคุณ” ฟู่สือถิงจิบกาแฟแล้วพูด “คนที่ทำการผ่าตัดจิ้นซือเหนียนคือฉินอันอัน” หมอประจำตระกูลสีหน้าตกใจ “คุณฉิน อดีตภรรยาของคุณ?” “อืม คุณคิดว่าไงล่ะ?” หมอประจำตระกูลดันแว่นตาบนดั้งจมูกของเขา “ถึงผมจะรู้ว่าคุณฉินเป็นลูกศิษย์ของศาสตราจารย์หูชิง แ
หมอประจำตระกูลกล่าว “คุณฟู่ ผมจำได้ว่าคุณสั่งให้บอดี้การ์ดพาคุณฉินไปทำแท้ง” “อืม บอดี้การ์ดบอกว่าจะพาเธอไปที่ห้องผ่าตัดด้วยตัวเอง” ฟู่สือถิงถามบอดี้การ์ดคนเดิมเมื่อไม่นานมานี้ “เขาบอกว่าหมออธิบายให้เขาฟังถึงข้อควรระวังหลังการผ่าตัด” หมอประจำตระกูลกล่าว “เด็กคนนั้นคงไม่อยู่แล้ว การที่เด็กที่เธอรับเลี้ยงมาหน้าตาเหมือนคุณ บางทีอาจจะเพื่อเป็นการรำลึกถึงลูกที่เธอสูญเสียไป” หรือว่านี่ก็เป็นสาเหตุที่ฉินอันอันเกลียดเขามาก? ...... ที่คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ในห้องนอนใหญ่ ไมค์และเด็กทั้งสองจ้องไปที่ฉินอันอันบนเตียงตาไม่กะพริบ ไมค์โทรหาเธอตอนประมาณตีหนึ่งของเมื่อคืนนี้ แต่โทรไม่ติดเลย คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เธอจะกลับมาที่บ้านเอง! ไม่รู้ว่าเธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “ในบ้านมียุงไหม?!” จู่ ๆ รุ่ยลาก็พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว ไมค์เหลือบมองห้องแล้วพูดว่า “ไม่มีนะ! ยุงกัดเธอเหรอ?” รุ่ยลา “ยุงกัดแม่ค่ะ!” ดวงตาที่สดใสของร่างเล็กจ้องไปที่คอของฉินอันอัน “ดูสิ ยุงกัดแม่รอยใหญ่มาก!” ไมค์มองไปทางนิ้วของรุ่ยลา นี่ไง... ดูจากประสบการณ์ของผู้ใหญ่แล้ว นี่ไม่ใช่รอยยุงกัด! แต่เป็นร่องรอย
พวกเขาเดินไปดูจอแสดงผลระบบควบคุมการเข้าออกที่ประตู เห็นผู้หญิงท่าทางสง่างามอายุประมาณหกสิบหรือเจ็ดสิบปียืนอยู่ เสี่ยวหานจำคนคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว “นี่คือแม่ของพ่อสารเลวนั่น!” รุ่ยลาพูด โอ้ “นั่นคือคุณย่าของเราสินะ!” “อย่าเรียกเธอว่าย่า!” เสี่ยวหานตำหนิน้องสาวแล้วเริ่มเดา “เธอมาสร้างปัญหาให้แม่แน่นอน!” รุ่ยลา “หึ! เราปล่อยให้เธอรังแกแม่ไม่ได้! เราต้องไล่เธอออกไป!” เสี่ยวหานรีบไปหาโดรนทันที รุ่ยลาเดินตามพี่ชายอย่างใกล้ชิด! ด้านนอกประตู แม่เฒ่าฟู่ขมวดคิ้วระหว่างรอให้ฉินอันอันมาเปิดประตู เธอนอนไม่หลับทั้งคืน รู้สึกไม่มีความสุขเลยสักนิด! ดังนั้นเธอจึงมาที่นี่เพื่อฟังคำอธิบายจากฉินอันอัน! จู่ ๆ ก็มีเสียงดังตูมอยู่เหนือศีรษะ แม่เฒ่าฟู่เงยหน้าขึ้นมอง! เห็นโดรนปรากฏอยู่บนท้องฟ้า! ขณะที่เธอสงสัยว่าโดรนบินออกมาได้ยังไง? โดรนก็เริ่มพ่นของเหลวสีแดงออกมา! เมื่อของเหลวสีแดงกระเด็นใส่เสื้อหนังราคาแพงของเธอ เธอก็กรีดร้องและวิ่งไปที่รถทันที! ฉินอันอันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกรีดร้อง เธอลุกจากเตียงทันทีและเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอก เธอก
แม่เฒ่าฟู่มีสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดคงไม่มีทางที่จะคล้ายกันขนาดนี้ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเด็กคนนั้นเป็นหลานชายของฉัน! สือถิงก็เป็นแบบนี้ตอนที่เขายังเด็ก เขามองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา และสายตาเย็นชานั้นมันคล้ายกันมาก!” แม่บ้าน “แต่นายน้อยสือถิงดูเหมือนจะไม่สงสัยเด็กคนนี้เลยนะคะ” แม่เฒ่าฟู่ “สือถิงจะเข้าใจเด็กคนนั้นดีกว่าฉันได้ยังไง? เขาคงจำไม่ได้ว่าเขาเป็นยังไงตอนที่เขายังเด็ก” แม่บ้าน “ก็จริงค่ะ แล้วคุณจะทำยังไงคะ?” ดวงตาของแม่เฒ่าฟู่เป็นประกาย “ฉันต้องการหาวิธีที่จะรู้ว่าเด็กคนนั้นกับสือถิงเป็นพ่อลูกกันหรือไม่ สิ่งที่ฉันต้องทำคือพิสูจน์ความเป็นพ่อ” “เอ่อ...แต่การตรวจดีเอ็นเอ คุณต้องไปเอาเลือดหรือเส้นผมของเด็ก...” “ตราบใดที่เราหาทางได้ เราก็จะได้มันมาอย่างแน่นอน” แม่เฒ่าฟู่มั่นใจ “รอฉันรู้ผลก่อน แล้วฉันค่อยบอกสือถิง” ที่โรงพยาบาล เสิ่นอวี๋ถือโทรศัพท์มือถือและเปิดดูข่าวเพื่อฆ่าเวลาที่น่าเบื่อ แม้ว่าคลอดทารกออกมาแล้ว ก็ต้องอยู่สังเกตอาการที่โรงพยาบาลเวลาสองวัน เมื่อเช้านี้ฟู่สือถิงมาหาเธอ เขาอยู่ในห้องผู้ป่วยไม่ถึงสิบนาที เมื่อมีสายเข้าทางโทรศัพท์มือถ
หลังจากที่เสี่ยวหานได้รับข้อความจากเสินอวี๋ เขาก็เริ่มคิดว่าจะแบล็กเมล์เธอดีไหม ตอนนี้เธอเลิกกับฟู่สือถิงและไม่มีลูกแล้ว ดังนั้นคลิปที่ต้องการทำให้ฟู่สือถิงอับอายคงจะไม่มีผลนัก “ลูกสองคนทำแบบนี้ได้ยังไง?” ฉินอันอันจิบน้ำแล้วไปที่ห้องเด็กเพื่อสั่งสอนเด็กทั้งสอง “ไม่ว่าแม่จะมีความแค้นอะไรกับหญิงชราคนนั้น ยังไงเธอก็อายุเกินเจ็ดสิบแล้ว ถ้าเธอเป็นอะไรไปเพราะลูกสองคนจะทำยังไง?...” รุ่ยลากะพริบตาดำโตของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าเธอเป็นอะไรไป แม่ก็รักษาเธอสิคะ” “แม่ไม่ใช่หมอวิเศษสักหน่อย! แม่รักษาทุกโรคไม่ได้หรอก!” “เธอไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ! เธอยังตะคอกใส่แม่ไหวอยู่เลยด้วยซ้ำ!” รุ่ยลายังคงพึมพำต่อ “แม่ หนูกับพี่จะปล่อยให้คนอื่นรังแกแม่ไม่ได้ค่ะ!” เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของลูกสาว ฉินอันอันก็ใจอ่อนทันที “พวกเขาไม่ได้รังแกแม่ แม่ไม่ใช่คนที่ใครจะรังแกได้ง่ายขนาดนั้น” ฉินอันอันพูดแบบนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกของเธอ “แต่เมื่อคืนแม่ไม่กลับบ้าน...หนูกับพี่รอแม่ตั้งนาน...ลุงไมค์บอกว่าแม่โดนพ่อใจร้ายลักพาตัวไป...” รุ่ยลาเม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยความโกรธ “ถ้าหนูกับพี่โตขึ้น พวกเราจะไ
ร้านทำเล็บแห่งนี้อยู่ข้างในร้านแบรนด์หรู เมื่อก่อนฉันรู้แค่ว่าแบรนด์นี้ขายกระเป๋า เสื้อผ้า แต่ไม่คิดว่าจะเปิดธุรกิจทำเล็บใหม่ ฉินอันอันรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลกใหม่ “อันอัน! ฉันกับเฮ่อจุ่นจือจะแต่งงานกันเดือนพฤษภาคมปีนี้!” หลีเสี่ยวเถียนประกาศข่าวใหญ่ “และเธอจะต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉัน! ลูกสองคนของเธอจะเป็นเด็กโปรยดอกไม้!” ฉินอันอันพูดไม่ออก “ลูกของฉันไปเป็นเด็กโปรยดอกไม้ก็ได้อยู่ แต่เพื่อนเจ้าสาวนี่… ฉันจะหาเพื่อนคนอื่นมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เธอเอง!” เธอแต่งงานและมีลูกแล้ว จึงไม่สามารถเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ “ฉันได้คุยกับพ่อแม่ของฉันและเฮ่อจุ่นจือเรียบร้อยแล้ว! พวกเขาทั้งสองบอกว่าไม่เป็นไร” หลีเสี่ยวเถียนดึงเธอให้นั่งข้าง ๆ “มาทำเล็บแบบเดียวกันเถอะ!” “ทำเล็บแบบเดียวกันได้ แต่เพื่อนเจ้าสาว ฉันเป็นให้ไม่ได้จริง ๆ เสี่ยวเถียน ฉันอยากให้เธอกับเฮ่อจุ่นจือจะมีความสุขที่แสนหวานแทนที่จะเป็นเหมือนฉัน” ฉินอันอันหรี่ตาลง “ถึงตอนนี้ฉันจะมีความสุขมาก แต่ฉันอยากให้เธอมีความสุขมากกว่านี้อีก” รอยยิ้มบนใบหน้าของหลีเสี่ยวเถียนแข็งทื่อ เธอซาบซึ้ง “อันอัน ฉันฟังเธอก็ได้ แต่ฉันเชื่อว่าในอนาคตเธ
พวกเขาเลิกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่หลังจากหวังหว่านจือได้รับเงินสามพันล้านจากการขายทรัพย์สินของเธอที่ต่างประเทศ ชายคนนี้ก็กลับมาหาเธออีกครั้ง “คุณเสิ่น ได้ยินว่าฟู่สือถิงให้เงินลูกสาวคุณหนึ่งพันล้านใช่ไหมคะ?” หวังหว่านจือจงใจพูดเสียงดัง คุณพ่อเสิ่นเห็นฉินอันอันแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “ใช่แล้ว!มอบให้เมื่อวานนี้” “ถ้าอย่างนั้นให้ลูกสาวของคุณเอาเงินมาลงทุนกับฉันสิคะ ฉันจะเปลี่ยนหนึ่งพันล้านของเธอกลายเป็นสองพันล้าน สามพันล้านเอง!” หวังหว่านจือพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตกลง!ผมจะกลับไปคุยกับเธอให้ อันที่จริงเธอชื่นชมคุณอยู่ ตอนนี้เธอสนับสนุนให้พวกเราอยู่ด้วยกัน” หวังหว่านจือสีหน้าภาคภูมิใจ เธอพูดกับฉินอันอันที่กำลังเดินผ่านมา “ฉินอันอัน ฉันกลับมาแล้วนะ!” ฉินอันอันหยุดแล้วชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา “ก็ดีค่ะ แต่ถึงคุณไม่กลับ ฉันก็ไปตามหาคุณที่ต่างประเทศได้” “โอ้…ฉันก็กลับมาเพราะเธอเหมือนกัน ลูกสาวและน้องชายของฉันสองชีวิต ชีวิตแม่เธอไม่พอหรอก!” หวังหว่านจือพูดพร้อมเลิกคิ้ว “เธอรักฟู่สือถิงมากไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันจะใช้เงินที่ฟู่สือถิงให้เสิ่นอวี๋มาจัดการเธอ” “ได้เลยค่ะ!” ฉินอัน