ไมค์รู้สึกว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ! วิธีนี้เป็นวิธีที่ฉลาดมาก! เขาบอกโจวจื่ออี้ด้วยวิธีการอันชาญฉลาดของตัวเอง โจวจื่ออี้ “ประธานของผมไม่ถูกคุกคามอย่างแน่นอน พี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดของอิ๋นอิ๋นติดตามเธอทุกที่ทุกเวลา ถ้าคุณพาพวกเขาไปที่บ้านของฉินอันอัน ก็เป็นแค่การเปลี่ยนที่อยู่เท่านั้นเอง” ไมค์มีแต่คำถามผุดขึ้นในหัว โจวจื่ออี้ “ประธานของผมไม่ทำร้ายฉินอันอันหรอก ผมรับประกันได้” ไมค์ “รับประกันอะไรล่ะ?!” โจวจื่ออี้ “ถ้าคุณไม่เชื่อก็ช่างมันเถอะ! ตอนนี้ผมเฝ้าเสิ่นอวี๋อยู่ที่โรงพยาบาล เธอยังไม่ฟื้นเลย” อารมณ์ฉุนเฉียวของไมค์สงบลงเล็กน้อย “ตอนนี้สถานการณ์ของเสิ่นอวี๋เป็นยังไงบ้าง?” “หลังจากการถ่ายเลือด ก็อยู่ในอาการโคม่า” “งั้นเหรอ...อันอันบอกว่าเธอไม่ได้ผลักเสิ่นอวี๋ คุณคิดยังไงกับผู้หญิงอย่างเสิ่นอวี๋?” ไมค์สงสัย “เด็กในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของฟู่สือถิงหรือเปล่า?” “คุณก็ต้องเข้าข้างฉินอันอันอยู่แล้ว เรื่องราวจริง ๆ เป็นยังไง สรุปได้ยาก” โจวจื่ออี้พูดเป็นกลาง ไมค์หัวเราะเสียงดัง “ผมไม่คิดว่าเด็กในท้องของเธอเป็นของลูกของฟู่สือถิงหรอก ถ้าเด็กเป็นลูกของฟู่สือถิงจริง เธอคงไม่ยอมใ
เธอคว้าชายชุดนอนของเขาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วมองเขาด้วยแววตาแดงก่ำแสนเย็นชา “จะกินยาหรือไม่มันก็เรื่องของฉัน! คุณอย่ารังแกกันให้มากเกินไปนัก! ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้อะไรเลย!” ในสภาพแวดล้อมที่พร่ามัว เสียงของเธอคมชัดเป็นพิเศษ ลูกกระเดือกสุดเย้ายวนของเขากลิ้งขึ้นลง “เอาโทรศัพท์ของฉันคืนมา!” เธอมองที่ลำคอเรียวของเขา ถ้าเขาไม่ยอมให้ เธอจะกัดเขาในวินาทีถัดไป! “ฉินอันอัน คุณไม่ควรเมินต่อคำพูดของผม!” เขาพูดเสียงแหบ ดวงตาของเขามืดมนและสลัว “ถ้าคุณกล้ากินยาคุมกำเนิด อย่างนั้นเราก็จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต!” หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้เธอ หลังจากได้รับโทรศัพท์แล้ว เธอก็รีบกระโดดลงจากเตียง หยิบเสื้อผ้าที่อยู่บนพื้นแล้วสวมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะออกไป เธอก็ก้าวออกจากห้องไปก่อน! เวลาตีสองครึ่ง รถบนถนนแล่นผ่านไปสองสามคัน ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาความเหนื่อยล้าออกไป เธอเปิดโทรศัพท์ ปรากฏสายที่ไม่ได้รับหลายสิบสายบนหน้าจอ สายที่ไม่ได้รับทั้งหมดเป็นสายจากไมค์ เธอต้องการโทรกลับหาเขา แต่เธอจะอธิบายให้เขาฟังได้ยังไง? สิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้แปลกเกินไป ตอนนี้เธอยัง
“ไม่เป็นไร” ฟู่สือถิงมองใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอจึงรู้สึกเห็นใจ “คุณพักผ่อนเยอะ ๆ นะ ตอนเช้าผมจะมาหาคุณใหม่” “ค่ะ” หลังจากออกจากโรงพยาบาล ฟู่สือถิงก็ถามบอดี้การ์ดว่า “เด็กที่ตายแล้วอยู่ไหน?” บอดี้การ์ด “พ่อของคุณเสิ่นเอาไปเผาที่ห้องจัดงานศพแล้วครับ” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว เขาต้องการตรวจดีเอ็นเอ แต่ดูเหมือนว่าจะทำไม่ได้แล้ว บอดี้การ์ดกล่าวต่อ “คุณเสิ่นมีอารมณ์อ่อนไหวมาก ผมอยากจะช่วยเขา แต่เขาคิดว่าผมจะแย่งเด็กคนนั้นไป เขาจึงมีปากเสียงกับผม” ดวงตาของมืดลงและเขาก็เข้าไปในรถ …… เช้าวันรุ่งขึ้น หมอประจำตระกูลรับสายและรีบไปที่บ้านตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงไม่ได้นอนทั้งคืน ดวงตาของเขาแดงก่ำและดูน่ากลัวเล็กน้อย “คุณฟู่ ผมได้ยินมาว่าคุณเสิ่นแท้ง” หมอประจำตระกูลปลอบใจ “คุณกับคุณเสิ่นยังเด็กมาก ในอนาคตยังมีโอกาสครับ” “นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมมาหาคุณ” ฟู่สือถิงจิบกาแฟแล้วพูด “คนที่ทำการผ่าตัดจิ้นซือเหนียนคือฉินอันอัน” หมอประจำตระกูลสีหน้าตกใจ “คุณฉิน อดีตภรรยาของคุณ?” “อืม คุณคิดว่าไงล่ะ?” หมอประจำตระกูลดันแว่นตาบนดั้งจมูกของเขา “ถึงผมจะรู้ว่าคุณฉินเป็นลูกศิษย์ของศาสตราจารย์หูชิง แ
หมอประจำตระกูลกล่าว “คุณฟู่ ผมจำได้ว่าคุณสั่งให้บอดี้การ์ดพาคุณฉินไปทำแท้ง” “อืม บอดี้การ์ดบอกว่าจะพาเธอไปที่ห้องผ่าตัดด้วยตัวเอง” ฟู่สือถิงถามบอดี้การ์ดคนเดิมเมื่อไม่นานมานี้ “เขาบอกว่าหมออธิบายให้เขาฟังถึงข้อควรระวังหลังการผ่าตัด” หมอประจำตระกูลกล่าว “เด็กคนนั้นคงไม่อยู่แล้ว การที่เด็กที่เธอรับเลี้ยงมาหน้าตาเหมือนคุณ บางทีอาจจะเพื่อเป็นการรำลึกถึงลูกที่เธอสูญเสียไป” หรือว่านี่ก็เป็นสาเหตุที่ฉินอันอันเกลียดเขามาก? ...... ที่คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ในห้องนอนใหญ่ ไมค์และเด็กทั้งสองจ้องไปที่ฉินอันอันบนเตียงตาไม่กะพริบ ไมค์โทรหาเธอตอนประมาณตีหนึ่งของเมื่อคืนนี้ แต่โทรไม่ติดเลย คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เธอจะกลับมาที่บ้านเอง! ไม่รู้ว่าเธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “ในบ้านมียุงไหม?!” จู่ ๆ รุ่ยลาก็พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว ไมค์เหลือบมองห้องแล้วพูดว่า “ไม่มีนะ! ยุงกัดเธอเหรอ?” รุ่ยลา “ยุงกัดแม่ค่ะ!” ดวงตาที่สดใสของร่างเล็กจ้องไปที่คอของฉินอันอัน “ดูสิ ยุงกัดแม่รอยใหญ่มาก!” ไมค์มองไปทางนิ้วของรุ่ยลา นี่ไง... ดูจากประสบการณ์ของผู้ใหญ่แล้ว นี่ไม่ใช่รอยยุงกัด! แต่เป็นร่องรอย
พวกเขาเดินไปดูจอแสดงผลระบบควบคุมการเข้าออกที่ประตู เห็นผู้หญิงท่าทางสง่างามอายุประมาณหกสิบหรือเจ็ดสิบปียืนอยู่ เสี่ยวหานจำคนคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว “นี่คือแม่ของพ่อสารเลวนั่น!” รุ่ยลาพูด โอ้ “นั่นคือคุณย่าของเราสินะ!” “อย่าเรียกเธอว่าย่า!” เสี่ยวหานตำหนิน้องสาวแล้วเริ่มเดา “เธอมาสร้างปัญหาให้แม่แน่นอน!” รุ่ยลา “หึ! เราปล่อยให้เธอรังแกแม่ไม่ได้! เราต้องไล่เธอออกไป!” เสี่ยวหานรีบไปหาโดรนทันที รุ่ยลาเดินตามพี่ชายอย่างใกล้ชิด! ด้านนอกประตู แม่เฒ่าฟู่ขมวดคิ้วระหว่างรอให้ฉินอันอันมาเปิดประตู เธอนอนไม่หลับทั้งคืน รู้สึกไม่มีความสุขเลยสักนิด! ดังนั้นเธอจึงมาที่นี่เพื่อฟังคำอธิบายจากฉินอันอัน! จู่ ๆ ก็มีเสียงดังตูมอยู่เหนือศีรษะ แม่เฒ่าฟู่เงยหน้าขึ้นมอง! เห็นโดรนปรากฏอยู่บนท้องฟ้า! ขณะที่เธอสงสัยว่าโดรนบินออกมาได้ยังไง? โดรนก็เริ่มพ่นของเหลวสีแดงออกมา! เมื่อของเหลวสีแดงกระเด็นใส่เสื้อหนังราคาแพงของเธอ เธอก็กรีดร้องและวิ่งไปที่รถทันที! ฉินอันอันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกรีดร้อง เธอลุกจากเตียงทันทีและเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอก เธอก
แม่เฒ่าฟู่มีสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดคงไม่มีทางที่จะคล้ายกันขนาดนี้ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเด็กคนนั้นเป็นหลานชายของฉัน! สือถิงก็เป็นแบบนี้ตอนที่เขายังเด็ก เขามองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา และสายตาเย็นชานั้นมันคล้ายกันมาก!” แม่บ้าน “แต่นายน้อยสือถิงดูเหมือนจะไม่สงสัยเด็กคนนี้เลยนะคะ” แม่เฒ่าฟู่ “สือถิงจะเข้าใจเด็กคนนั้นดีกว่าฉันได้ยังไง? เขาคงจำไม่ได้ว่าเขาเป็นยังไงตอนที่เขายังเด็ก” แม่บ้าน “ก็จริงค่ะ แล้วคุณจะทำยังไงคะ?” ดวงตาของแม่เฒ่าฟู่เป็นประกาย “ฉันต้องการหาวิธีที่จะรู้ว่าเด็กคนนั้นกับสือถิงเป็นพ่อลูกกันหรือไม่ สิ่งที่ฉันต้องทำคือพิสูจน์ความเป็นพ่อ” “เอ่อ...แต่การตรวจดีเอ็นเอ คุณต้องไปเอาเลือดหรือเส้นผมของเด็ก...” “ตราบใดที่เราหาทางได้ เราก็จะได้มันมาอย่างแน่นอน” แม่เฒ่าฟู่มั่นใจ “รอฉันรู้ผลก่อน แล้วฉันค่อยบอกสือถิง” ที่โรงพยาบาล เสิ่นอวี๋ถือโทรศัพท์มือถือและเปิดดูข่าวเพื่อฆ่าเวลาที่น่าเบื่อ แม้ว่าคลอดทารกออกมาแล้ว ก็ต้องอยู่สังเกตอาการที่โรงพยาบาลเวลาสองวัน เมื่อเช้านี้ฟู่สือถิงมาหาเธอ เขาอยู่ในห้องผู้ป่วยไม่ถึงสิบนาที เมื่อมีสายเข้าทางโทรศัพท์มือถ
หลังจากที่เสี่ยวหานได้รับข้อความจากเสินอวี๋ เขาก็เริ่มคิดว่าจะแบล็กเมล์เธอดีไหม ตอนนี้เธอเลิกกับฟู่สือถิงและไม่มีลูกแล้ว ดังนั้นคลิปที่ต้องการทำให้ฟู่สือถิงอับอายคงจะไม่มีผลนัก “ลูกสองคนทำแบบนี้ได้ยังไง?” ฉินอันอันจิบน้ำแล้วไปที่ห้องเด็กเพื่อสั่งสอนเด็กทั้งสอง “ไม่ว่าแม่จะมีความแค้นอะไรกับหญิงชราคนนั้น ยังไงเธอก็อายุเกินเจ็ดสิบแล้ว ถ้าเธอเป็นอะไรไปเพราะลูกสองคนจะทำยังไง?...” รุ่ยลากะพริบตาดำโตของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าเธอเป็นอะไรไป แม่ก็รักษาเธอสิคะ” “แม่ไม่ใช่หมอวิเศษสักหน่อย! แม่รักษาทุกโรคไม่ได้หรอก!” “เธอไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ! เธอยังตะคอกใส่แม่ไหวอยู่เลยด้วยซ้ำ!” รุ่ยลายังคงพึมพำต่อ “แม่ หนูกับพี่จะปล่อยให้คนอื่นรังแกแม่ไม่ได้ค่ะ!” เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของลูกสาว ฉินอันอันก็ใจอ่อนทันที “พวกเขาไม่ได้รังแกแม่ แม่ไม่ใช่คนที่ใครจะรังแกได้ง่ายขนาดนั้น” ฉินอันอันพูดแบบนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกของเธอ “แต่เมื่อคืนแม่ไม่กลับบ้าน...หนูกับพี่รอแม่ตั้งนาน...ลุงไมค์บอกว่าแม่โดนพ่อใจร้ายลักพาตัวไป...” รุ่ยลาเม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยความโกรธ “ถ้าหนูกับพี่โตขึ้น พวกเราจะไ
ร้านทำเล็บแห่งนี้อยู่ข้างในร้านแบรนด์หรู เมื่อก่อนฉันรู้แค่ว่าแบรนด์นี้ขายกระเป๋า เสื้อผ้า แต่ไม่คิดว่าจะเปิดธุรกิจทำเล็บใหม่ ฉินอันอันรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลกใหม่ “อันอัน! ฉันกับเฮ่อจุ่นจือจะแต่งงานกันเดือนพฤษภาคมปีนี้!” หลีเสี่ยวเถียนประกาศข่าวใหญ่ “และเธอจะต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉัน! ลูกสองคนของเธอจะเป็นเด็กโปรยดอกไม้!” ฉินอันอันพูดไม่ออก “ลูกของฉันไปเป็นเด็กโปรยดอกไม้ก็ได้อยู่ แต่เพื่อนเจ้าสาวนี่… ฉันจะหาเพื่อนคนอื่นมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เธอเอง!” เธอแต่งงานและมีลูกแล้ว จึงไม่สามารถเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ “ฉันได้คุยกับพ่อแม่ของฉันและเฮ่อจุ่นจือเรียบร้อยแล้ว! พวกเขาทั้งสองบอกว่าไม่เป็นไร” หลีเสี่ยวเถียนดึงเธอให้นั่งข้าง ๆ “มาทำเล็บแบบเดียวกันเถอะ!” “ทำเล็บแบบเดียวกันได้ แต่เพื่อนเจ้าสาว ฉันเป็นให้ไม่ได้จริง ๆ เสี่ยวเถียน ฉันอยากให้เธอกับเฮ่อจุ่นจือจะมีความสุขที่แสนหวานแทนที่จะเป็นเหมือนฉัน” ฉินอันอันหรี่ตาลง “ถึงตอนนี้ฉันจะมีความสุขมาก แต่ฉันอยากให้เธอมีความสุขมากกว่านี้อีก” รอยยิ้มบนใบหน้าของหลีเสี่ยวเถียนแข็งทื่อ เธอซาบซึ้ง “อันอัน ฉันฟังเธอก็ได้ แต่ฉันเชื่อว่าในอนาคตเธ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง