หมอประจำตระกูลกล่าว “คุณฟู่ ผมจำได้ว่าคุณสั่งให้บอดี้การ์ดพาคุณฉินไปทำแท้ง” “อืม บอดี้การ์ดบอกว่าจะพาเธอไปที่ห้องผ่าตัดด้วยตัวเอง” ฟู่สือถิงถามบอดี้การ์ดคนเดิมเมื่อไม่นานมานี้ “เขาบอกว่าหมออธิบายให้เขาฟังถึงข้อควรระวังหลังการผ่าตัด” หมอประจำตระกูลกล่าว “เด็กคนนั้นคงไม่อยู่แล้ว การที่เด็กที่เธอรับเลี้ยงมาหน้าตาเหมือนคุณ บางทีอาจจะเพื่อเป็นการรำลึกถึงลูกที่เธอสูญเสียไป” หรือว่านี่ก็เป็นสาเหตุที่ฉินอันอันเกลียดเขามาก? ...... ที่คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ในห้องนอนใหญ่ ไมค์และเด็กทั้งสองจ้องไปที่ฉินอันอันบนเตียงตาไม่กะพริบ ไมค์โทรหาเธอตอนประมาณตีหนึ่งของเมื่อคืนนี้ แต่โทรไม่ติดเลย คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เธอจะกลับมาที่บ้านเอง! ไม่รู้ว่าเธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “ในบ้านมียุงไหม?!” จู่ ๆ รุ่ยลาก็พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว ไมค์เหลือบมองห้องแล้วพูดว่า “ไม่มีนะ! ยุงกัดเธอเหรอ?” รุ่ยลา “ยุงกัดแม่ค่ะ!” ดวงตาที่สดใสของร่างเล็กจ้องไปที่คอของฉินอันอัน “ดูสิ ยุงกัดแม่รอยใหญ่มาก!” ไมค์มองไปทางนิ้วของรุ่ยลา นี่ไง... ดูจากประสบการณ์ของผู้ใหญ่แล้ว นี่ไม่ใช่รอยยุงกัด! แต่เป็นร่องรอย
พวกเขาเดินไปดูจอแสดงผลระบบควบคุมการเข้าออกที่ประตู เห็นผู้หญิงท่าทางสง่างามอายุประมาณหกสิบหรือเจ็ดสิบปียืนอยู่ เสี่ยวหานจำคนคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว “นี่คือแม่ของพ่อสารเลวนั่น!” รุ่ยลาพูด โอ้ “นั่นคือคุณย่าของเราสินะ!” “อย่าเรียกเธอว่าย่า!” เสี่ยวหานตำหนิน้องสาวแล้วเริ่มเดา “เธอมาสร้างปัญหาให้แม่แน่นอน!” รุ่ยลา “หึ! เราปล่อยให้เธอรังแกแม่ไม่ได้! เราต้องไล่เธอออกไป!” เสี่ยวหานรีบไปหาโดรนทันที รุ่ยลาเดินตามพี่ชายอย่างใกล้ชิด! ด้านนอกประตู แม่เฒ่าฟู่ขมวดคิ้วระหว่างรอให้ฉินอันอันมาเปิดประตู เธอนอนไม่หลับทั้งคืน รู้สึกไม่มีความสุขเลยสักนิด! ดังนั้นเธอจึงมาที่นี่เพื่อฟังคำอธิบายจากฉินอันอัน! จู่ ๆ ก็มีเสียงดังตูมอยู่เหนือศีรษะ แม่เฒ่าฟู่เงยหน้าขึ้นมอง! เห็นโดรนปรากฏอยู่บนท้องฟ้า! ขณะที่เธอสงสัยว่าโดรนบินออกมาได้ยังไง? โดรนก็เริ่มพ่นของเหลวสีแดงออกมา! เมื่อของเหลวสีแดงกระเด็นใส่เสื้อหนังราคาแพงของเธอ เธอก็กรีดร้องและวิ่งไปที่รถทันที! ฉินอันอันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกรีดร้อง เธอลุกจากเตียงทันทีและเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอก เธอก
แม่เฒ่าฟู่มีสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดคงไม่มีทางที่จะคล้ายกันขนาดนี้ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเด็กคนนั้นเป็นหลานชายของฉัน! สือถิงก็เป็นแบบนี้ตอนที่เขายังเด็ก เขามองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา และสายตาเย็นชานั้นมันคล้ายกันมาก!” แม่บ้าน “แต่นายน้อยสือถิงดูเหมือนจะไม่สงสัยเด็กคนนี้เลยนะคะ” แม่เฒ่าฟู่ “สือถิงจะเข้าใจเด็กคนนั้นดีกว่าฉันได้ยังไง? เขาคงจำไม่ได้ว่าเขาเป็นยังไงตอนที่เขายังเด็ก” แม่บ้าน “ก็จริงค่ะ แล้วคุณจะทำยังไงคะ?” ดวงตาของแม่เฒ่าฟู่เป็นประกาย “ฉันต้องการหาวิธีที่จะรู้ว่าเด็กคนนั้นกับสือถิงเป็นพ่อลูกกันหรือไม่ สิ่งที่ฉันต้องทำคือพิสูจน์ความเป็นพ่อ” “เอ่อ...แต่การตรวจดีเอ็นเอ คุณต้องไปเอาเลือดหรือเส้นผมของเด็ก...” “ตราบใดที่เราหาทางได้ เราก็จะได้มันมาอย่างแน่นอน” แม่เฒ่าฟู่มั่นใจ “รอฉันรู้ผลก่อน แล้วฉันค่อยบอกสือถิง” ที่โรงพยาบาล เสิ่นอวี๋ถือโทรศัพท์มือถือและเปิดดูข่าวเพื่อฆ่าเวลาที่น่าเบื่อ แม้ว่าคลอดทารกออกมาแล้ว ก็ต้องอยู่สังเกตอาการที่โรงพยาบาลเวลาสองวัน เมื่อเช้านี้ฟู่สือถิงมาหาเธอ เขาอยู่ในห้องผู้ป่วยไม่ถึงสิบนาที เมื่อมีสายเข้าทางโทรศัพท์มือถ
หลังจากที่เสี่ยวหานได้รับข้อความจากเสินอวี๋ เขาก็เริ่มคิดว่าจะแบล็กเมล์เธอดีไหม ตอนนี้เธอเลิกกับฟู่สือถิงและไม่มีลูกแล้ว ดังนั้นคลิปที่ต้องการทำให้ฟู่สือถิงอับอายคงจะไม่มีผลนัก “ลูกสองคนทำแบบนี้ได้ยังไง?” ฉินอันอันจิบน้ำแล้วไปที่ห้องเด็กเพื่อสั่งสอนเด็กทั้งสอง “ไม่ว่าแม่จะมีความแค้นอะไรกับหญิงชราคนนั้น ยังไงเธอก็อายุเกินเจ็ดสิบแล้ว ถ้าเธอเป็นอะไรไปเพราะลูกสองคนจะทำยังไง?...” รุ่ยลากะพริบตาดำโตของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าเธอเป็นอะไรไป แม่ก็รักษาเธอสิคะ” “แม่ไม่ใช่หมอวิเศษสักหน่อย! แม่รักษาทุกโรคไม่ได้หรอก!” “เธอไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ! เธอยังตะคอกใส่แม่ไหวอยู่เลยด้วยซ้ำ!” รุ่ยลายังคงพึมพำต่อ “แม่ หนูกับพี่จะปล่อยให้คนอื่นรังแกแม่ไม่ได้ค่ะ!” เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของลูกสาว ฉินอันอันก็ใจอ่อนทันที “พวกเขาไม่ได้รังแกแม่ แม่ไม่ใช่คนที่ใครจะรังแกได้ง่ายขนาดนั้น” ฉินอันอันพูดแบบนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกของเธอ “แต่เมื่อคืนแม่ไม่กลับบ้าน...หนูกับพี่รอแม่ตั้งนาน...ลุงไมค์บอกว่าแม่โดนพ่อใจร้ายลักพาตัวไป...” รุ่ยลาเม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยความโกรธ “ถ้าหนูกับพี่โตขึ้น พวกเราจะไ
ร้านทำเล็บแห่งนี้อยู่ข้างในร้านแบรนด์หรู เมื่อก่อนฉันรู้แค่ว่าแบรนด์นี้ขายกระเป๋า เสื้อผ้า แต่ไม่คิดว่าจะเปิดธุรกิจทำเล็บใหม่ ฉินอันอันรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลกใหม่ “อันอัน! ฉันกับเฮ่อจุ่นจือจะแต่งงานกันเดือนพฤษภาคมปีนี้!” หลีเสี่ยวเถียนประกาศข่าวใหญ่ “และเธอจะต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉัน! ลูกสองคนของเธอจะเป็นเด็กโปรยดอกไม้!” ฉินอันอันพูดไม่ออก “ลูกของฉันไปเป็นเด็กโปรยดอกไม้ก็ได้อยู่ แต่เพื่อนเจ้าสาวนี่… ฉันจะหาเพื่อนคนอื่นมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เธอเอง!” เธอแต่งงานและมีลูกแล้ว จึงไม่สามารถเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ “ฉันได้คุยกับพ่อแม่ของฉันและเฮ่อจุ่นจือเรียบร้อยแล้ว! พวกเขาทั้งสองบอกว่าไม่เป็นไร” หลีเสี่ยวเถียนดึงเธอให้นั่งข้าง ๆ “มาทำเล็บแบบเดียวกันเถอะ!” “ทำเล็บแบบเดียวกันได้ แต่เพื่อนเจ้าสาว ฉันเป็นให้ไม่ได้จริง ๆ เสี่ยวเถียน ฉันอยากให้เธอกับเฮ่อจุ่นจือจะมีความสุขที่แสนหวานแทนที่จะเป็นเหมือนฉัน” ฉินอันอันหรี่ตาลง “ถึงตอนนี้ฉันจะมีความสุขมาก แต่ฉันอยากให้เธอมีความสุขมากกว่านี้อีก” รอยยิ้มบนใบหน้าของหลีเสี่ยวเถียนแข็งทื่อ เธอซาบซึ้ง “อันอัน ฉันฟังเธอก็ได้ แต่ฉันเชื่อว่าในอนาคตเธ
พวกเขาเลิกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่หลังจากหวังหว่านจือได้รับเงินสามพันล้านจากการขายทรัพย์สินของเธอที่ต่างประเทศ ชายคนนี้ก็กลับมาหาเธออีกครั้ง “คุณเสิ่น ได้ยินว่าฟู่สือถิงให้เงินลูกสาวคุณหนึ่งพันล้านใช่ไหมคะ?” หวังหว่านจือจงใจพูดเสียงดัง คุณพ่อเสิ่นเห็นฉินอันอันแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “ใช่แล้ว!มอบให้เมื่อวานนี้” “ถ้าอย่างนั้นให้ลูกสาวของคุณเอาเงินมาลงทุนกับฉันสิคะ ฉันจะเปลี่ยนหนึ่งพันล้านของเธอกลายเป็นสองพันล้าน สามพันล้านเอง!” หวังหว่านจือพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตกลง!ผมจะกลับไปคุยกับเธอให้ อันที่จริงเธอชื่นชมคุณอยู่ ตอนนี้เธอสนับสนุนให้พวกเราอยู่ด้วยกัน” หวังหว่านจือสีหน้าภาคภูมิใจ เธอพูดกับฉินอันอันที่กำลังเดินผ่านมา “ฉินอันอัน ฉันกลับมาแล้วนะ!” ฉินอันอันหยุดแล้วชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา “ก็ดีค่ะ แต่ถึงคุณไม่กลับ ฉันก็ไปตามหาคุณที่ต่างประเทศได้” “โอ้…ฉันก็กลับมาเพราะเธอเหมือนกัน ลูกสาวและน้องชายของฉันสองชีวิต ชีวิตแม่เธอไม่พอหรอก!” หวังหว่านจือพูดพร้อมเลิกคิ้ว “เธอรักฟู่สือถิงมากไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันจะใช้เงินที่ฟู่สือถิงให้เสิ่นอวี๋มาจัดการเธอ” “ได้เลยค่ะ!” ฉินอัน
ภายใต้แสงไฟสลัว เขาสวมเสื้อโอเวอร์โค้ทสีน้ำตาลอ่อนเด่นซึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษโดยปกติ เขาจะสวมเสื้อผ้าสีเข้ม ดังนั้นพอจู่ ๆ เขาเปลี่ยนสไตล์ มันจึงดึงดูดความสนใจเพราะการปรากฏตัวของเขา บรรยากาศในลานหน้าบ้านจึงเปลี่ยนไปทันที หลีเสี่ยวเถียนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน สองมือกำหมัดแน่น คิดจะเข้าไปทุบเฮ่อจุ่นจือในวินาทีถัดไป เห็นได้ชัดว่าเฮ่อจุ่นจือพาฟู่สือถิงมา หลังจากฉินอันอันมองเห็นฟู่สือถิงแล้ว เธอถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ยังแจ่มชัดอยู่ในใจ วันนี้ในบ้านมีคนมากมาย เธอเชื่อว่าเขาไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้ว ตอนนี้เขาวางตัวเองอยู่ในตำแหน่งเจ้าหนี้และเธอคือลูกหนี้ ดังนั้นถึงเธอไม่ได้เชิญเขา แต่เขาก็ยังหน้าด้านมาอยู่ดี หลังจากทั้งสองเดินเข้ามาจากประตูทางเข้าลานหน้าบ้านแล้ว หลีเสี่ยวเถียนเอื้อมไปบิดแขนเฮ่อจุ่นจือเฮ่อจุ่นจือยักไหล่ ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดีสีหน้าของเขากำลังบอกว่า ‘กล่าวหากันแล้ว! ผมไม่ได้พาเขามา!’ หลีเสี่ยวเถียนผลักเขาไปทางฉินอันอันให้เขาอธิบายขอโทษกับฉินอันอัน! เขาก้าวเท้าเดินไปหาทางฉินอันอัน “อันอัน เอ่อ...เล็บของคุณสวยจังเลย! แบบเดียวกัน
โจวจื่ออี้หยิบเนื้อย่างเสียบไม้ยัดเข้าไปในปากเขาเพื่อทำให้เขาหุบปาก เฮ่อจุ่นจือเดินเข้ามาพร้อมหลีเสี่ยวเถียน ในมือมีไวน์แดงหลายขวด โจวจื่ออี้เข้าไปทักทายพวกเขาทันที “ไวน์ชั้นดีทั้งนั้นเลย! คุณขโมยมาจากห้องเก็บไวน์ของคุณพ่อคุณใช่ไหม?” “ขโมยอะไรล่ะ? ผมเอามาจากบ้านของตัวเองเรียกขโมยได้เหรอ?” เฮ่อจุ่นจือหยิบที่เปิดไวน์แล้วเปิดขวดโจวจื่ออี้หยิบไวน์ขวดหนึ่งส่งให้ไมค์ จากนั้นเขาหยิบแก้วไวน์มาให้ฟู่สือถิงแล้วรินให้เขา เว่ยเจินที่ดื่มมากไม่ได้ก็ถือแก้วไวน์และเดินเข้ามาเช่นกัน “คืนนี้คึกคัก ผมจะดื่มด้วย” “คุณเว่ย ทำไมวันนี้คุณอารมณ์ดีจังคะ?” หลีเสี่ยวเถียนรินไวน์ให้เขา จากนั้นมองไปทางฉินอันอัน “อันอัน เธอเอาหน่อยไหม?” ฉินอันอันส่ายหน้า “ฉันต้องดูแลเด็ก ๆ พวกเธอดื่มเถอะ!” “ได้เลย! ฉันจะช่วยสร้างความบันเทิงกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญของเธอแน่นอน!” หลีเสี่ยวเถียนพูดพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ ฟู่สือเถียน “ประธานฟู่คะ ทำไมคุณไม่อยู่เป็นเพื่อนคู่หมั้นของคุณที่โรงพยาบาลล่ะ? คุณไม่ควรจะทอดทิ้งเธอเพราะว่าเธอแท้งใช่ไหมล่ะ? ไม่มีทางหรอกมั้ง? คุณไม่น่าจะเป็นพวกสารเลวได้? หรือว่าที่คุณอยู่กับเธอเพียงแ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง