ฉินอันอันมองเหตุการณ์นี้ด้วยความตกใจและพูดไม่ออก! เธอแค่สะบัดแขนของเสิ่นอวี๋ออก จะทำให้เสิ่นอวี๋ล้มได้ยังไง? เสิ่นอวี๋นอนอยู่บนพื้น เอามือปิดท้องและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “ลูก...ลูกของฉัน...” เสียงอุทานของเธอดึงดูดพี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดของบ้านเดิมทันทีรวมถึงแม่เฒ่าฟู่ด้วย “เสิ่นอวี๋! เธอล้มได้ยังไง?!” แม่เฒ่าฟู่สีหน้าโกรธจัด “ฉินอันอันผลักเธอใช่ไหม?” ไม่อย่างนั้นเสิ่นอวี๋จะล้มได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะล้มโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ พื้นเรียบมากจนไม่สามารถสะดุดล้มได้ เสิ่นอวี๋ร้องไห้จนหายใจไม่ออกด้วยความเจ็บปวด “ฉินอันอัน! คุณขโมยหัวใจของสือถิงไปแล้ว! แม้แต่ฉันกับลูกของสือถิง คุณก็ไม่ยอมปล่อยเลยเหรอ? ลูกของฉันไม่รู้เรื่องอะไร...” เมื่อเผชิญหน้ากับการใส่ร้ายของเสิ่นอวี๋ ร่างกายของฉินอันอันก็ชาขึ้นมาทันที เธอเข้าใจแล้วว่านี่คือเกม แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเสิ่นอวี๋ถึงยอมทำร้ายเด็กในท้องเพื่อใส่ร้ายเธอ? ‘หรือเป็นเพราะว่าเรื่องนี้สามารถทำให้ฟู่สือถิงเกลียดเธอได้สุดขีดหรือเปล่า?’ ‘แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กล่ะ?’ “เสิ่นอวี๋ คุณกำลังใช้ลูกของตัวเองใส่ร้ายฉัน คุณไม่สม
ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ฟู่สือถิงพลันบีบนิ้วที่จับโทรศัพท์แน่น ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็มาถึงโรงพยาบาล “คุณฟู่ ฉันขอโทษ ลูกของคุณไม่รอด” หมอพูด “คุณเสิ่นเสียใจมากจนหมดสติไป” แม่เฒ่าฟู่อยู่ข้าง ๆ เธอ สำลักสะอื้นจนพูดไม่ออก พ่อของเสิ่นอวี๋ถือถุงสีดำอยู่ในมือด้วยใบหน้าซีดเผือด ในถุงบรรจุทารกที่ตายแล้วซึ่งเกิดจากเสิ่นอวี๋ “ฟู่สือถิง ถ้าคุณไม่สามารถมีหลานให้ผมได้ก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้คุณปล่อยให้ผู้หญิงอีกคนฆ่าหลานชายของผม มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?!” พ่อของเสิ่นอวี๋่ตะโกนน้ำเสียงเคร่งขรึม ฟู่สือถิงเหลือบมองถุงดำแล้วพูด “เอาเด็กมาให้ผม” การที่เด็กคนนี้เสียชีวิตตั้งแต่ก่อนกำหนด ทำให้ในใจของเขารู้สึกสับสนมาก เขาไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อคิดว่านี่เป็นฝีมือของฉินอันอัน ความโกรธก็ปะทุขึ้นในใจของเขาทันที ในขณะที่โกรธ จิตใต้สำนึกของเขาก็บอกให้เอาเด็กไปตรวจดีเอ็นเอ “หึหึ! คุณจะเอาเด็กไปทำอะไร? คุณเอาชีวิตเขากลับมาได้เหรอ?!” พ่อของเสิ่นอวี๋กำถุงแน่นและพูดคำหยาบคาย “คุณไม่สมควรที่จะเป็นพ่อคนเลย! การที่ลูกสาวของผมรักคุณเป็นสิ่งที่โง่ที่สุดที่เธอเคยทำมาในชีวิต! คุณทำ
อีกฝั่งของโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าเธอจะเอะอะโวยวายขนาดนี้ “ฉินอันอัน นั่นคือชีวิตหนึ่งเลยนะ!” เขาตะโกนอย่างดุเดือด “คุณเลือดเย็นขนาดนี้ได้ยังไง?!” “ลูกของคุณกับเสิ่นอวี๋ไม่อยู่แล้วเหรอ?” ฉินอันอันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปรับมุมมองที่มีต่อเสิ่นอวี๋อย่างนับถือใจของอีกฝ่าย “ตอนนี้เสิ่นอวี๋กำลังหัวเราะเยาะอยู่หรือเปล่า? เธอเสียสละชีวิตลูกของตัวเองเพื่อให้ได้อยู่ในสถานการณ์นี้ เธอคู่ควรกับการเป็นผู้หญิงข้างกายคุณทีเดียว!” เธอเล่นสำนวน ไม่เพียงแต่จะหมายความว่าเสิ่นอวี๋จะโหดเหี้ยมเท่านั้น แต่ยังบอกเป็นนัยว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกันด้วย ใบหน้าของฟู่สือถิงชาไปหมด “เธอมีเลือดออกเยอะมากและกำลังได้รับการช่วยชีวิต ถ้านี่คือแผนร้ายของเธอ เธอจะไม่ใช่แค่สูญเสียลูกไปเท่านั้น แต่ยังเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงด้วย คุณคิดว่าการคาดเดาของคุณฉลาดมากนักเหรอ?!” ริมฝีปากของฉินอันอันขยับ แต่เธอพูดไม่ออก “ฉินอันอัน ครั้งนี้ผมจะไม่เห็นใจคุณแล้ว!” เขาพูดจบทีละคำและวางสายโทรศัพท์ทันที ฉินอันอันถือโทรศัพท์ด้วยใบหน้าซีดเซียว ความแข็งแกร่งทั้งหมดในร่างกายเธอพลันหมดลง ไมค์มองเธอด้วยสีหน้ากังวล สิ
ที่โรงเรียนอนุบาลสตาร์ริเวอร์ วันนี้เป็นวันแรกที่บอดี้การ์ดเริ่มทำหน้าที่ หลังจากบอดี้การ์ดรับเด็กทั้งสองคนแล้วก็พาพวกเขาไปส่งที่บ้าน “คุณลุงบอดี้การ์ดคะ หนูกับพี่ออกไปเล่นข้างนอกสักพักได้ไหมคะ?” รุ่ยลาเงยหน้าขึ้นและลองใจบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดมีวินัยมาก “ได้สิ! ฉันจะพาเธอออกไปเล่นหลังอาหารเย็นนะ” รุ่ยลา “ค่ะ! มื้อเย็นกินอะไรเหรอคะ? สั่งมาไหมคะ? หรือจะทำให้เราทานคะ? ลุงบอดี้การ์ดเลิกงานกี่โมงคะ?” บอดี้การ์ด “เมื่อแม่หรือลุงของเธอกลับมา ฉันจะเลิกงาน ถ้าเธอสองคนไม่รังเกียจ ฉันทำอาหารให้ทานได้นะ” รุยลาพึมพำ “งั้นเราต้องไปซื้อกับข้าวที่ซูปเปอร์มาร์เก็ตก่อนสิคะ? ถ้าลุงทำอาหารให้เรา แม่ของฉันจะต้องจ่ายค่าแรงให้คุณสองแรงใช่ไหมคะ? แต่ ถ้าทำอาหารไม่อร่อยก็ไม่ต้องจ่ายสองแรง…” บอดี้การ์ดยิ้มและพูดว่า “เงินเดือนที่แม่ของเธอจ่ายให้ฉันก็เพียงพอสำหรับให้ฉันทำอาหารให้เธอทานสิบมื้อต่อวันแล้ว” ขณะที่พูด บอดี้การ์ดก็พาเด็ก ๆ ไปที่ซูปเปอร์มาร์เก็ต เวลาหนึ่งทุ่ม บอดี้การ์ดได้รับโทรศัพท์จากไมค์ ไมค์ถามถึงอาการของเด็กแล้วพูดว่า “คืนนี้ผมอาจจะต้องกลับบ้านดึก เด็ก ๆ เข้านอนตอนสามทุ่ม ถ้าสาม
ชดใช้งั้นเหรอ?! เธอคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป! เด็กไม่ใช่สินค้า เธอจะชดใช้ได้ยังไง?! เมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของเธอ เสียงของเขาก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ “ใช้ท้องของคุณให้กำเนิด! ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ขอแค่เป็นเชื้อสายของผม!” ร่างกายของเธอสั่นเทา เธอตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ฟู่สือถิง! คุณบ้าไปแล้วเหรอ?! บ้าไปแล้วใช่ไหม?!” ตอนที่เธอตั้งท้องลูก เขาบอกให้บอดี้การ์ดพาเธอไปทำแท้ง! เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วเหรอ?! ตอนนี้เขาบังคับให้เธอมีลูก เขาเห็นเธอเป็นอะไร? ของเล่น? สั่งให้เธอท้อง เธอก็ต้องท้อง สั่งห้ามท้อง ก็ต้องทำแท้ง? หึหึ! “ใช่ ผมบ้าไปแล้ว!” ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเกลียดชังที่ลุกโชน “ฉินอันอัน คุณนั่นแหละที่ทำให้ผมเป็นบ้า! ผู้หญิงขี้โกหก! คุณยั่วยุผมครั้งแล้วครั้งเล่า ความอดทนของผมมีขีดจำกัดนะ!” ฉินอันอันรู้สึกหวาดกลัวกับรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขามากจนแทบไม่กล้าหายใจ เธอถอยหลังกลับไปทีละก้าวจนล้มลงบนโซฟา! “ฉินอันอัน ผมจะไม่ยกโทษให้คุณอีกแล้ว! คุณทำผิด คุณก็ต้องถูกลงโทษ! แม้ว่าคุณจะให้กำเนิดทารกที่ไม่มีลมหายใจให้ผม คุณก็ยังต้องคลอดเด็กออกมา!”
ไมค์รู้สึกว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ! วิธีนี้เป็นวิธีที่ฉลาดมาก! เขาบอกโจวจื่ออี้ด้วยวิธีการอันชาญฉลาดของตัวเอง โจวจื่ออี้ “ประธานของผมไม่ถูกคุกคามอย่างแน่นอน พี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดของอิ๋นอิ๋นติดตามเธอทุกที่ทุกเวลา ถ้าคุณพาพวกเขาไปที่บ้านของฉินอันอัน ก็เป็นแค่การเปลี่ยนที่อยู่เท่านั้นเอง” ไมค์มีแต่คำถามผุดขึ้นในหัว โจวจื่ออี้ “ประธานของผมไม่ทำร้ายฉินอันอันหรอก ผมรับประกันได้” ไมค์ “รับประกันอะไรล่ะ?!” โจวจื่ออี้ “ถ้าคุณไม่เชื่อก็ช่างมันเถอะ! ตอนนี้ผมเฝ้าเสิ่นอวี๋อยู่ที่โรงพยาบาล เธอยังไม่ฟื้นเลย” อารมณ์ฉุนเฉียวของไมค์สงบลงเล็กน้อย “ตอนนี้สถานการณ์ของเสิ่นอวี๋เป็นยังไงบ้าง?” “หลังจากการถ่ายเลือด ก็อยู่ในอาการโคม่า” “งั้นเหรอ...อันอันบอกว่าเธอไม่ได้ผลักเสิ่นอวี๋ คุณคิดยังไงกับผู้หญิงอย่างเสิ่นอวี๋?” ไมค์สงสัย “เด็กในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของฟู่สือถิงหรือเปล่า?” “คุณก็ต้องเข้าข้างฉินอันอันอยู่แล้ว เรื่องราวจริง ๆ เป็นยังไง สรุปได้ยาก” โจวจื่ออี้พูดเป็นกลาง ไมค์หัวเราะเสียงดัง “ผมไม่คิดว่าเด็กในท้องของเธอเป็นของลูกของฟู่สือถิงหรอก ถ้าเด็กเป็นลูกของฟู่สือถิงจริง เธอคงไม่ยอมใ
เธอคว้าชายชุดนอนของเขาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วมองเขาด้วยแววตาแดงก่ำแสนเย็นชา “จะกินยาหรือไม่มันก็เรื่องของฉัน! คุณอย่ารังแกกันให้มากเกินไปนัก! ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้อะไรเลย!” ในสภาพแวดล้อมที่พร่ามัว เสียงของเธอคมชัดเป็นพิเศษ ลูกกระเดือกสุดเย้ายวนของเขากลิ้งขึ้นลง “เอาโทรศัพท์ของฉันคืนมา!” เธอมองที่ลำคอเรียวของเขา ถ้าเขาไม่ยอมให้ เธอจะกัดเขาในวินาทีถัดไป! “ฉินอันอัน คุณไม่ควรเมินต่อคำพูดของผม!” เขาพูดเสียงแหบ ดวงตาของเขามืดมนและสลัว “ถ้าคุณกล้ากินยาคุมกำเนิด อย่างนั้นเราก็จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต!” หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้เธอ หลังจากได้รับโทรศัพท์แล้ว เธอก็รีบกระโดดลงจากเตียง หยิบเสื้อผ้าที่อยู่บนพื้นแล้วสวมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะออกไป เธอก็ก้าวออกจากห้องไปก่อน! เวลาตีสองครึ่ง รถบนถนนแล่นผ่านไปสองสามคัน ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาความเหนื่อยล้าออกไป เธอเปิดโทรศัพท์ ปรากฏสายที่ไม่ได้รับหลายสิบสายบนหน้าจอ สายที่ไม่ได้รับทั้งหมดเป็นสายจากไมค์ เธอต้องการโทรกลับหาเขา แต่เธอจะอธิบายให้เขาฟังได้ยังไง? สิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้แปลกเกินไป ตอนนี้เธอยัง
“ไม่เป็นไร” ฟู่สือถิงมองใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอจึงรู้สึกเห็นใจ “คุณพักผ่อนเยอะ ๆ นะ ตอนเช้าผมจะมาหาคุณใหม่” “ค่ะ” หลังจากออกจากโรงพยาบาล ฟู่สือถิงก็ถามบอดี้การ์ดว่า “เด็กที่ตายแล้วอยู่ไหน?” บอดี้การ์ด “พ่อของคุณเสิ่นเอาไปเผาที่ห้องจัดงานศพแล้วครับ” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว เขาต้องการตรวจดีเอ็นเอ แต่ดูเหมือนว่าจะทำไม่ได้แล้ว บอดี้การ์ดกล่าวต่อ “คุณเสิ่นมีอารมณ์อ่อนไหวมาก ผมอยากจะช่วยเขา แต่เขาคิดว่าผมจะแย่งเด็กคนนั้นไป เขาจึงมีปากเสียงกับผม” ดวงตาของมืดลงและเขาก็เข้าไปในรถ …… เช้าวันรุ่งขึ้น หมอประจำตระกูลรับสายและรีบไปที่บ้านตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงไม่ได้นอนทั้งคืน ดวงตาของเขาแดงก่ำและดูน่ากลัวเล็กน้อย “คุณฟู่ ผมได้ยินมาว่าคุณเสิ่นแท้ง” หมอประจำตระกูลปลอบใจ “คุณกับคุณเสิ่นยังเด็กมาก ในอนาคตยังมีโอกาสครับ” “นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมมาหาคุณ” ฟู่สือถิงจิบกาแฟแล้วพูด “คนที่ทำการผ่าตัดจิ้นซือเหนียนคือฉินอันอัน” หมอประจำตระกูลสีหน้าตกใจ “คุณฉิน อดีตภรรยาของคุณ?” “อืม คุณคิดว่าไงล่ะ?” หมอประจำตระกูลดันแว่นตาบนดั้งจมูกของเขา “ถึงผมจะรู้ว่าคุณฉินเป็นลูกศิษย์ของศาสตราจารย์หูชิง แ