จิ้นซือเหนียน “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงเขาจะหาผมเจอ ผมก็จะไม่พูดชื่อคุณ คุณวางใจได้!” “อื้ม คุณทำกายภาพบำบัดเยอะ ๆ นะคะ ฉันจะรอคุณกลับไปยืนบนเวทีอีกครั้ง” “ผมจะพยายามให้เต็มที่ครับ!” ......ตอนเย็น วิลล่าบนไหล่เขาของจิ้นซือเหนียนได้ต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าฟู่สือถิงจะค้นพบที่นี่อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ยังมีผู้หญิงอีกคนมากับฟู่สือถิงด้วย “คุณซือเหนียน สวัสดีครับ ขออภัยที่ถือวิสาสะมาหาคุณ” ฟู่สือถิงพูดอย่างสุภาพ “ผมตามหาคุณมานานแล้ว ถ้าวันนี้คุณไม่โพสต์เว่ยปั๋ว เกรงว่าผมคงต้องตามคุณอีกนาน” ใบหน้าจิ้นซือเหนียนไม่แสดงอารมณ์มากนัก เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นกัน “ไม่ทราบว่าคุณฟู่มาหาผมด้วยเรื่องอะไรครับ?” ฟู่สือถิงเหลือบมองอิ๋นอิ๋น จากนั้นพูดว่า “อิ๋นอิ๋น เห็นไหมตรงนั้นมีแมวอยู่ เธอไปเล่นกับมันสิ” อิ๋นอิ๋นไปตามหาแมวพร้อมกับบอดี้การ์ด ฟู่สือถิงถอนสายตาจากอิ๋นอิ๋นแล้วจับจ้องใบหน้าของจิ้นซือเหนียน “เธอคือน้องสาวของผม เธอบกพร่องทางสติปัญญามาตั้งแต่เกิด” จิ้นซือเหนียนตกตะลึง “น้องสาวของผมน่ารักมาก จิตใจยังดีมากอีกด้วย” ดวงตาของฟู่สือถิงเปียกชื้นเล็กน
‘เคยมีความจริงจากปากของเธอบ้างไหม?’ ‘เธอระแวงเขา หรือเธอเห็นเขาเป็นศัตรูกันแน่?’ ‘ถ้าระแวง ทำไมถึงต้องระแวงล่ะ?’ ‘เธอกลัวอะไร?’ ‘ถ้าเห็นเขาเป็นศัตรู งั้นก็ยิ่งเข้าใจยากขึ้นไปอีก!’ ‘เขาไม่เคยทำอะไรให้เธอเสียใจ! ทำไมเธอถึงเห็นเขาเป็นศัตรูล่ะ?’ ระหว่างทางกลับบ้าน เขาขมวดคิ้วแน่น หลังจากถึงบ้าน ป้าหงก็พาอิ๋นอิ๋นไปพักผ่อน หลังจากที่ฟู่สือถิงรับโทรศัพท์ เขาก็ขับรถออกไป ที่ไนท์บาร์สุดหรู เมื่อเซิ่งเป่ยเห็นฟู่สือถิงกำลังมา จึงจูงเขาไปนั่งที่โซฟาทันที “สือถิง วันนี้ไม่เจอนายทั้งวันเลยนะ หายไปไหนมา?” เซิ่งเป่ยหยิบแก้วไวน์มาแล้วเติมไวน์ให้เขา “ฉันไปหาจิ้นซือเหนียนมา” เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ “พวกนายคงเดาไม่ออกแน่ว่าใครเป็นคนผ่าตัดให้เขา” ทุกคนมองไปที่ฟู่สือถิง และรอคำพูดต่อไปของเขา แต่เขาไม่ได้พูดรายละเอียดอะไรออกมาอีก “ฉันแย่กับฉินอันอันมากใช่ไหม?” เขาขมวดคิ้วและดื่มไวน์จนหมดแก้ว “เธอเป็นคนยื่นข้อเสนอหย่า ไม่ว่าฉันจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธออยู่ต่อยังไง เธอก็ยังยืนกรานที่จะเลิกกับฉัน หลังจากหย่า เธอสร้างบริษัทของเธอขึ้นมาใหม่ ส่วนฉันก็ใช้ชีวิตของฉัน พอฉันเห็นเธอลำบาก
เขาค่อย ๆ นึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดออกไปอย่างถี่ถ้วน แต่ความเจ็บปวดเฉียบพลันที่ขมับทำให้เขาไม่สามารถค่อย ๆ คิดได้ ช่างเถอะ! ไม่ว่าจะพูดอะไร ถึงเสิ่นอวี๋ได้ยินก็ไม่เห็นเป็นไร ......เสิ่นอวี๋รู้สึกราวกับว่าหัวของตัวเองถูกตีด้วยวัตถุขนาดใหญ่! ความคิดถูกตลบไปทีละน้อย! ข้อสงสัยทั้งหมดดูเหมือนจะได้รับคำตอบในทันที แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจยอมรับว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินอันอันนั้นดีกว่าของเธอ แต่ผลลัพธ์ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ฉินอันอันเป็นลูกศิษย์คนสนิทของศาสตราจารย์หูชิง! เธอยังเป็นหมอที่ทำการผ่าตัดอิ๋นอิ๋นถึงสองครั้ง โดยที่เธอไม่ประสงค์ออกนามด้วย! เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ไม่ต้องการได้รับประโยชน์ใด ๆ จากฟู่สือถิง ถ้าเป็นคนอื่นคงเป็นไปไม่ได้! ดังนั้น ผลประโยชน์ทั้งหมดที่ตัวเองได้รับจากฟู่สือถิง ตอนนี้คืออานิสงส์จากฉินอันอัน ถ้าวันหนึ่งฉินอันอันบอกความจริงกับฟู่สือถิง ทุกสิ่งที่เธอได้รับตอนนี้คงจะถูกทวงคืน ชั่วพริบตาเธอก็เปลี่ยนจากตำแหน่งสำคัญไปเป็นฝ่ายถูกกระทำ เธอต้องหาทางเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด…… เช้าวันรุ่งขึ้น หลังอาหารเช้า เสิ่นอวี๋ไปเดินเล่นกับ
ฉินอันอันมองเหตุการณ์นี้ด้วยความตกใจและพูดไม่ออก! เธอแค่สะบัดแขนของเสิ่นอวี๋ออก จะทำให้เสิ่นอวี๋ล้มได้ยังไง? เสิ่นอวี๋นอนอยู่บนพื้น เอามือปิดท้องและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “ลูก...ลูกของฉัน...” เสียงอุทานของเธอดึงดูดพี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดของบ้านเดิมทันทีรวมถึงแม่เฒ่าฟู่ด้วย “เสิ่นอวี๋! เธอล้มได้ยังไง?!” แม่เฒ่าฟู่สีหน้าโกรธจัด “ฉินอันอันผลักเธอใช่ไหม?” ไม่อย่างนั้นเสิ่นอวี๋จะล้มได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะล้มโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ พื้นเรียบมากจนไม่สามารถสะดุดล้มได้ เสิ่นอวี๋ร้องไห้จนหายใจไม่ออกด้วยความเจ็บปวด “ฉินอันอัน! คุณขโมยหัวใจของสือถิงไปแล้ว! แม้แต่ฉันกับลูกของสือถิง คุณก็ไม่ยอมปล่อยเลยเหรอ? ลูกของฉันไม่รู้เรื่องอะไร...” เมื่อเผชิญหน้ากับการใส่ร้ายของเสิ่นอวี๋ ร่างกายของฉินอันอันก็ชาขึ้นมาทันที เธอเข้าใจแล้วว่านี่คือเกม แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเสิ่นอวี๋ถึงยอมทำร้ายเด็กในท้องเพื่อใส่ร้ายเธอ? ‘หรือเป็นเพราะว่าเรื่องนี้สามารถทำให้ฟู่สือถิงเกลียดเธอได้สุดขีดหรือเปล่า?’ ‘แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กล่ะ?’ “เสิ่นอวี๋ คุณกำลังใช้ลูกของตัวเองใส่ร้ายฉัน คุณไม่สม
ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ฟู่สือถิงพลันบีบนิ้วที่จับโทรศัพท์แน่น ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็มาถึงโรงพยาบาล “คุณฟู่ ฉันขอโทษ ลูกของคุณไม่รอด” หมอพูด “คุณเสิ่นเสียใจมากจนหมดสติไป” แม่เฒ่าฟู่อยู่ข้าง ๆ เธอ สำลักสะอื้นจนพูดไม่ออก พ่อของเสิ่นอวี๋ถือถุงสีดำอยู่ในมือด้วยใบหน้าซีดเผือด ในถุงบรรจุทารกที่ตายแล้วซึ่งเกิดจากเสิ่นอวี๋ “ฟู่สือถิง ถ้าคุณไม่สามารถมีหลานให้ผมได้ก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้คุณปล่อยให้ผู้หญิงอีกคนฆ่าหลานชายของผม มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?!” พ่อของเสิ่นอวี๋่ตะโกนน้ำเสียงเคร่งขรึม ฟู่สือถิงเหลือบมองถุงดำแล้วพูด “เอาเด็กมาให้ผม” การที่เด็กคนนี้เสียชีวิตตั้งแต่ก่อนกำหนด ทำให้ในใจของเขารู้สึกสับสนมาก เขาไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อคิดว่านี่เป็นฝีมือของฉินอันอัน ความโกรธก็ปะทุขึ้นในใจของเขาทันที ในขณะที่โกรธ จิตใต้สำนึกของเขาก็บอกให้เอาเด็กไปตรวจดีเอ็นเอ “หึหึ! คุณจะเอาเด็กไปทำอะไร? คุณเอาชีวิตเขากลับมาได้เหรอ?!” พ่อของเสิ่นอวี๋กำถุงแน่นและพูดคำหยาบคาย “คุณไม่สมควรที่จะเป็นพ่อคนเลย! การที่ลูกสาวของผมรักคุณเป็นสิ่งที่โง่ที่สุดที่เธอเคยทำมาในชีวิต! คุณทำ
อีกฝั่งของโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าเธอจะเอะอะโวยวายขนาดนี้ “ฉินอันอัน นั่นคือชีวิตหนึ่งเลยนะ!” เขาตะโกนอย่างดุเดือด “คุณเลือดเย็นขนาดนี้ได้ยังไง?!” “ลูกของคุณกับเสิ่นอวี๋ไม่อยู่แล้วเหรอ?” ฉินอันอันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปรับมุมมองที่มีต่อเสิ่นอวี๋อย่างนับถือใจของอีกฝ่าย “ตอนนี้เสิ่นอวี๋กำลังหัวเราะเยาะอยู่หรือเปล่า? เธอเสียสละชีวิตลูกของตัวเองเพื่อให้ได้อยู่ในสถานการณ์นี้ เธอคู่ควรกับการเป็นผู้หญิงข้างกายคุณทีเดียว!” เธอเล่นสำนวน ไม่เพียงแต่จะหมายความว่าเสิ่นอวี๋จะโหดเหี้ยมเท่านั้น แต่ยังบอกเป็นนัยว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกันด้วย ใบหน้าของฟู่สือถิงชาไปหมด “เธอมีเลือดออกเยอะมากและกำลังได้รับการช่วยชีวิต ถ้านี่คือแผนร้ายของเธอ เธอจะไม่ใช่แค่สูญเสียลูกไปเท่านั้น แต่ยังเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงด้วย คุณคิดว่าการคาดเดาของคุณฉลาดมากนักเหรอ?!” ริมฝีปากของฉินอันอันขยับ แต่เธอพูดไม่ออก “ฉินอันอัน ครั้งนี้ผมจะไม่เห็นใจคุณแล้ว!” เขาพูดจบทีละคำและวางสายโทรศัพท์ทันที ฉินอันอันถือโทรศัพท์ด้วยใบหน้าซีดเซียว ความแข็งแกร่งทั้งหมดในร่างกายเธอพลันหมดลง ไมค์มองเธอด้วยสีหน้ากังวล สิ
ที่โรงเรียนอนุบาลสตาร์ริเวอร์ วันนี้เป็นวันแรกที่บอดี้การ์ดเริ่มทำหน้าที่ หลังจากบอดี้การ์ดรับเด็กทั้งสองคนแล้วก็พาพวกเขาไปส่งที่บ้าน “คุณลุงบอดี้การ์ดคะ หนูกับพี่ออกไปเล่นข้างนอกสักพักได้ไหมคะ?” รุ่ยลาเงยหน้าขึ้นและลองใจบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดมีวินัยมาก “ได้สิ! ฉันจะพาเธอออกไปเล่นหลังอาหารเย็นนะ” รุ่ยลา “ค่ะ! มื้อเย็นกินอะไรเหรอคะ? สั่งมาไหมคะ? หรือจะทำให้เราทานคะ? ลุงบอดี้การ์ดเลิกงานกี่โมงคะ?” บอดี้การ์ด “เมื่อแม่หรือลุงของเธอกลับมา ฉันจะเลิกงาน ถ้าเธอสองคนไม่รังเกียจ ฉันทำอาหารให้ทานได้นะ” รุยลาพึมพำ “งั้นเราต้องไปซื้อกับข้าวที่ซูปเปอร์มาร์เก็ตก่อนสิคะ? ถ้าลุงทำอาหารให้เรา แม่ของฉันจะต้องจ่ายค่าแรงให้คุณสองแรงใช่ไหมคะ? แต่ ถ้าทำอาหารไม่อร่อยก็ไม่ต้องจ่ายสองแรง…” บอดี้การ์ดยิ้มและพูดว่า “เงินเดือนที่แม่ของเธอจ่ายให้ฉันก็เพียงพอสำหรับให้ฉันทำอาหารให้เธอทานสิบมื้อต่อวันแล้ว” ขณะที่พูด บอดี้การ์ดก็พาเด็ก ๆ ไปที่ซูปเปอร์มาร์เก็ต เวลาหนึ่งทุ่ม บอดี้การ์ดได้รับโทรศัพท์จากไมค์ ไมค์ถามถึงอาการของเด็กแล้วพูดว่า “คืนนี้ผมอาจจะต้องกลับบ้านดึก เด็ก ๆ เข้านอนตอนสามทุ่ม ถ้าสาม
ชดใช้งั้นเหรอ?! เธอคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป! เด็กไม่ใช่สินค้า เธอจะชดใช้ได้ยังไง?! เมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของเธอ เสียงของเขาก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ “ใช้ท้องของคุณให้กำเนิด! ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ขอแค่เป็นเชื้อสายของผม!” ร่างกายของเธอสั่นเทา เธอตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ฟู่สือถิง! คุณบ้าไปแล้วเหรอ?! บ้าไปแล้วใช่ไหม?!” ตอนที่เธอตั้งท้องลูก เขาบอกให้บอดี้การ์ดพาเธอไปทำแท้ง! เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วเหรอ?! ตอนนี้เขาบังคับให้เธอมีลูก เขาเห็นเธอเป็นอะไร? ของเล่น? สั่งให้เธอท้อง เธอก็ต้องท้อง สั่งห้ามท้อง ก็ต้องทำแท้ง? หึหึ! “ใช่ ผมบ้าไปแล้ว!” ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเกลียดชังที่ลุกโชน “ฉินอันอัน คุณนั่นแหละที่ทำให้ผมเป็นบ้า! ผู้หญิงขี้โกหก! คุณยั่วยุผมครั้งแล้วครั้งเล่า ความอดทนของผมมีขีดจำกัดนะ!” ฉินอันอันรู้สึกหวาดกลัวกับรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขามากจนแทบไม่กล้าหายใจ เธอถอยหลังกลับไปทีละก้าวจนล้มลงบนโซฟา! “ฉินอันอัน ผมจะไม่ยกโทษให้คุณอีกแล้ว! คุณทำผิด คุณก็ต้องถูกลงโทษ! แม้ว่าคุณจะให้กำเนิดทารกที่ไม่มีลมหายใจให้ผม คุณก็ยังต้องคลอดเด็กออกมา!”