ที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า ฉินอันอันออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำแล้ว เมื่อเห็นโทรศัพท์ดัง เธอจึงเดินไปรับสายทันที “พี่เว่ย” “อันอัน ทำไมตอนเช้าเธอถึงปิดโทรศัพท์ล่ะ?” เว่ยเจินโทรหาเธอหลายครั้งและเพิ่งจะโทรติดเอาตอนนี้ “โทรศัพท์ฉันแบตหมด เพิ่งชาร์จค่ะ” ฉินอันอันอธิบายอย่างร้อนตัว “พี่อยากจะพูดกับฉันเรื่องจิ้นซือเหนียนใช่หรือเปล่า?” “อืม ซือเหนียนกลัวว่าเธอจะโกรธ” “ฉันไม่โกรธหรอกค่ะ” ฉินอันอันกล่าว “เพียงแค่คิดว่าเรื่องนี้รบกวนเขามากเกินไป ไว้ฉันจะโทรหาเขาค่ะ” “ได้เลย” เว่ยเจินถอนใจโล่งอก “เช้านี้ติดต่อเธอไม่ได้ ฉันเกือบไปตามหาเธอที่บ้านแล้ว ฉันโทรหาไมค์ เขาบอกว่าเธอไม่อยู่บ้าน…เธอไปที่ไหนมาเหรอ?” ฉินอันอันติดอยู่กับคำถามนี้ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พบข้อแก้ตัว “ฉันออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งข้างนอกค่ะ” “อื้ม…การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ บริษัทของเธอกำลังประสบปัญหา ครั้งนี้ก็น่าจะแก้ไขได้แล้วใช่ไหม? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะต้องปรับทัศนคติของตัวเอง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าร่างกายที่แข็งแรงนะ” เว่ยเจินพูดปลอบโยน “อื้ม! พี่เว่ย ขอบคุณค่ะ! ไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวพี่นะคะ”
จิ้นซือเหนียน “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงเขาจะหาผมเจอ ผมก็จะไม่พูดชื่อคุณ คุณวางใจได้!” “อื้ม คุณทำกายภาพบำบัดเยอะ ๆ นะคะ ฉันจะรอคุณกลับไปยืนบนเวทีอีกครั้ง” “ผมจะพยายามให้เต็มที่ครับ!” ......ตอนเย็น วิลล่าบนไหล่เขาของจิ้นซือเหนียนได้ต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าฟู่สือถิงจะค้นพบที่นี่อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ยังมีผู้หญิงอีกคนมากับฟู่สือถิงด้วย “คุณซือเหนียน สวัสดีครับ ขออภัยที่ถือวิสาสะมาหาคุณ” ฟู่สือถิงพูดอย่างสุภาพ “ผมตามหาคุณมานานแล้ว ถ้าวันนี้คุณไม่โพสต์เว่ยปั๋ว เกรงว่าผมคงต้องตามคุณอีกนาน” ใบหน้าจิ้นซือเหนียนไม่แสดงอารมณ์มากนัก เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นกัน “ไม่ทราบว่าคุณฟู่มาหาผมด้วยเรื่องอะไรครับ?” ฟู่สือถิงเหลือบมองอิ๋นอิ๋น จากนั้นพูดว่า “อิ๋นอิ๋น เห็นไหมตรงนั้นมีแมวอยู่ เธอไปเล่นกับมันสิ” อิ๋นอิ๋นไปตามหาแมวพร้อมกับบอดี้การ์ด ฟู่สือถิงถอนสายตาจากอิ๋นอิ๋นแล้วจับจ้องใบหน้าของจิ้นซือเหนียน “เธอคือน้องสาวของผม เธอบกพร่องทางสติปัญญามาตั้งแต่เกิด” จิ้นซือเหนียนตกตะลึง “น้องสาวของผมน่ารักมาก จิตใจยังดีมากอีกด้วย” ดวงตาของฟู่สือถิงเปียกชื้นเล็กน
‘เคยมีความจริงจากปากของเธอบ้างไหม?’ ‘เธอระแวงเขา หรือเธอเห็นเขาเป็นศัตรูกันแน่?’ ‘ถ้าระแวง ทำไมถึงต้องระแวงล่ะ?’ ‘เธอกลัวอะไร?’ ‘ถ้าเห็นเขาเป็นศัตรู งั้นก็ยิ่งเข้าใจยากขึ้นไปอีก!’ ‘เขาไม่เคยทำอะไรให้เธอเสียใจ! ทำไมเธอถึงเห็นเขาเป็นศัตรูล่ะ?’ ระหว่างทางกลับบ้าน เขาขมวดคิ้วแน่น หลังจากถึงบ้าน ป้าหงก็พาอิ๋นอิ๋นไปพักผ่อน หลังจากที่ฟู่สือถิงรับโทรศัพท์ เขาก็ขับรถออกไป ที่ไนท์บาร์สุดหรู เมื่อเซิ่งเป่ยเห็นฟู่สือถิงกำลังมา จึงจูงเขาไปนั่งที่โซฟาทันที “สือถิง วันนี้ไม่เจอนายทั้งวันเลยนะ หายไปไหนมา?” เซิ่งเป่ยหยิบแก้วไวน์มาแล้วเติมไวน์ให้เขา “ฉันไปหาจิ้นซือเหนียนมา” เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ “พวกนายคงเดาไม่ออกแน่ว่าใครเป็นคนผ่าตัดให้เขา” ทุกคนมองไปที่ฟู่สือถิง และรอคำพูดต่อไปของเขา แต่เขาไม่ได้พูดรายละเอียดอะไรออกมาอีก “ฉันแย่กับฉินอันอันมากใช่ไหม?” เขาขมวดคิ้วและดื่มไวน์จนหมดแก้ว “เธอเป็นคนยื่นข้อเสนอหย่า ไม่ว่าฉันจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธออยู่ต่อยังไง เธอก็ยังยืนกรานที่จะเลิกกับฉัน หลังจากหย่า เธอสร้างบริษัทของเธอขึ้นมาใหม่ ส่วนฉันก็ใช้ชีวิตของฉัน พอฉันเห็นเธอลำบาก
เขาค่อย ๆ นึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดออกไปอย่างถี่ถ้วน แต่ความเจ็บปวดเฉียบพลันที่ขมับทำให้เขาไม่สามารถค่อย ๆ คิดได้ ช่างเถอะ! ไม่ว่าจะพูดอะไร ถึงเสิ่นอวี๋ได้ยินก็ไม่เห็นเป็นไร ......เสิ่นอวี๋รู้สึกราวกับว่าหัวของตัวเองถูกตีด้วยวัตถุขนาดใหญ่! ความคิดถูกตลบไปทีละน้อย! ข้อสงสัยทั้งหมดดูเหมือนจะได้รับคำตอบในทันที แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจยอมรับว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินอันอันนั้นดีกว่าของเธอ แต่ผลลัพธ์ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ฉินอันอันเป็นลูกศิษย์คนสนิทของศาสตราจารย์หูชิง! เธอยังเป็นหมอที่ทำการผ่าตัดอิ๋นอิ๋นถึงสองครั้ง โดยที่เธอไม่ประสงค์ออกนามด้วย! เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ไม่ต้องการได้รับประโยชน์ใด ๆ จากฟู่สือถิง ถ้าเป็นคนอื่นคงเป็นไปไม่ได้! ดังนั้น ผลประโยชน์ทั้งหมดที่ตัวเองได้รับจากฟู่สือถิง ตอนนี้คืออานิสงส์จากฉินอันอัน ถ้าวันหนึ่งฉินอันอันบอกความจริงกับฟู่สือถิง ทุกสิ่งที่เธอได้รับตอนนี้คงจะถูกทวงคืน ชั่วพริบตาเธอก็เปลี่ยนจากตำแหน่งสำคัญไปเป็นฝ่ายถูกกระทำ เธอต้องหาทางเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด…… เช้าวันรุ่งขึ้น หลังอาหารเช้า เสิ่นอวี๋ไปเดินเล่นกับ
ฉินอันอันมองเหตุการณ์นี้ด้วยความตกใจและพูดไม่ออก! เธอแค่สะบัดแขนของเสิ่นอวี๋ออก จะทำให้เสิ่นอวี๋ล้มได้ยังไง? เสิ่นอวี๋นอนอยู่บนพื้น เอามือปิดท้องและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “ลูก...ลูกของฉัน...” เสียงอุทานของเธอดึงดูดพี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดของบ้านเดิมทันทีรวมถึงแม่เฒ่าฟู่ด้วย “เสิ่นอวี๋! เธอล้มได้ยังไง?!” แม่เฒ่าฟู่สีหน้าโกรธจัด “ฉินอันอันผลักเธอใช่ไหม?” ไม่อย่างนั้นเสิ่นอวี๋จะล้มได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะล้มโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ พื้นเรียบมากจนไม่สามารถสะดุดล้มได้ เสิ่นอวี๋ร้องไห้จนหายใจไม่ออกด้วยความเจ็บปวด “ฉินอันอัน! คุณขโมยหัวใจของสือถิงไปแล้ว! แม้แต่ฉันกับลูกของสือถิง คุณก็ไม่ยอมปล่อยเลยเหรอ? ลูกของฉันไม่รู้เรื่องอะไร...” เมื่อเผชิญหน้ากับการใส่ร้ายของเสิ่นอวี๋ ร่างกายของฉินอันอันก็ชาขึ้นมาทันที เธอเข้าใจแล้วว่านี่คือเกม แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเสิ่นอวี๋ถึงยอมทำร้ายเด็กในท้องเพื่อใส่ร้ายเธอ? ‘หรือเป็นเพราะว่าเรื่องนี้สามารถทำให้ฟู่สือถิงเกลียดเธอได้สุดขีดหรือเปล่า?’ ‘แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กล่ะ?’ “เสิ่นอวี๋ คุณกำลังใช้ลูกของตัวเองใส่ร้ายฉัน คุณไม่สม
ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ฟู่สือถิงพลันบีบนิ้วที่จับโทรศัพท์แน่น ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็มาถึงโรงพยาบาล “คุณฟู่ ฉันขอโทษ ลูกของคุณไม่รอด” หมอพูด “คุณเสิ่นเสียใจมากจนหมดสติไป” แม่เฒ่าฟู่อยู่ข้าง ๆ เธอ สำลักสะอื้นจนพูดไม่ออก พ่อของเสิ่นอวี๋ถือถุงสีดำอยู่ในมือด้วยใบหน้าซีดเผือด ในถุงบรรจุทารกที่ตายแล้วซึ่งเกิดจากเสิ่นอวี๋ “ฟู่สือถิง ถ้าคุณไม่สามารถมีหลานให้ผมได้ก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้คุณปล่อยให้ผู้หญิงอีกคนฆ่าหลานชายของผม มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?!” พ่อของเสิ่นอวี๋่ตะโกนน้ำเสียงเคร่งขรึม ฟู่สือถิงเหลือบมองถุงดำแล้วพูด “เอาเด็กมาให้ผม” การที่เด็กคนนี้เสียชีวิตตั้งแต่ก่อนกำหนด ทำให้ในใจของเขารู้สึกสับสนมาก เขาไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อคิดว่านี่เป็นฝีมือของฉินอันอัน ความโกรธก็ปะทุขึ้นในใจของเขาทันที ในขณะที่โกรธ จิตใต้สำนึกของเขาก็บอกให้เอาเด็กไปตรวจดีเอ็นเอ “หึหึ! คุณจะเอาเด็กไปทำอะไร? คุณเอาชีวิตเขากลับมาได้เหรอ?!” พ่อของเสิ่นอวี๋กำถุงแน่นและพูดคำหยาบคาย “คุณไม่สมควรที่จะเป็นพ่อคนเลย! การที่ลูกสาวของผมรักคุณเป็นสิ่งที่โง่ที่สุดที่เธอเคยทำมาในชีวิต! คุณทำ
อีกฝั่งของโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าเธอจะเอะอะโวยวายขนาดนี้ “ฉินอันอัน นั่นคือชีวิตหนึ่งเลยนะ!” เขาตะโกนอย่างดุเดือด “คุณเลือดเย็นขนาดนี้ได้ยังไง?!” “ลูกของคุณกับเสิ่นอวี๋ไม่อยู่แล้วเหรอ?” ฉินอันอันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปรับมุมมองที่มีต่อเสิ่นอวี๋อย่างนับถือใจของอีกฝ่าย “ตอนนี้เสิ่นอวี๋กำลังหัวเราะเยาะอยู่หรือเปล่า? เธอเสียสละชีวิตลูกของตัวเองเพื่อให้ได้อยู่ในสถานการณ์นี้ เธอคู่ควรกับการเป็นผู้หญิงข้างกายคุณทีเดียว!” เธอเล่นสำนวน ไม่เพียงแต่จะหมายความว่าเสิ่นอวี๋จะโหดเหี้ยมเท่านั้น แต่ยังบอกเป็นนัยว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกันด้วย ใบหน้าของฟู่สือถิงชาไปหมด “เธอมีเลือดออกเยอะมากและกำลังได้รับการช่วยชีวิต ถ้านี่คือแผนร้ายของเธอ เธอจะไม่ใช่แค่สูญเสียลูกไปเท่านั้น แต่ยังเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงด้วย คุณคิดว่าการคาดเดาของคุณฉลาดมากนักเหรอ?!” ริมฝีปากของฉินอันอันขยับ แต่เธอพูดไม่ออก “ฉินอันอัน ครั้งนี้ผมจะไม่เห็นใจคุณแล้ว!” เขาพูดจบทีละคำและวางสายโทรศัพท์ทันที ฉินอันอันถือโทรศัพท์ด้วยใบหน้าซีดเซียว ความแข็งแกร่งทั้งหมดในร่างกายเธอพลันหมดลง ไมค์มองเธอด้วยสีหน้ากังวล สิ
ที่โรงเรียนอนุบาลสตาร์ริเวอร์ วันนี้เป็นวันแรกที่บอดี้การ์ดเริ่มทำหน้าที่ หลังจากบอดี้การ์ดรับเด็กทั้งสองคนแล้วก็พาพวกเขาไปส่งที่บ้าน “คุณลุงบอดี้การ์ดคะ หนูกับพี่ออกไปเล่นข้างนอกสักพักได้ไหมคะ?” รุ่ยลาเงยหน้าขึ้นและลองใจบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดมีวินัยมาก “ได้สิ! ฉันจะพาเธอออกไปเล่นหลังอาหารเย็นนะ” รุ่ยลา “ค่ะ! มื้อเย็นกินอะไรเหรอคะ? สั่งมาไหมคะ? หรือจะทำให้เราทานคะ? ลุงบอดี้การ์ดเลิกงานกี่โมงคะ?” บอดี้การ์ด “เมื่อแม่หรือลุงของเธอกลับมา ฉันจะเลิกงาน ถ้าเธอสองคนไม่รังเกียจ ฉันทำอาหารให้ทานได้นะ” รุยลาพึมพำ “งั้นเราต้องไปซื้อกับข้าวที่ซูปเปอร์มาร์เก็ตก่อนสิคะ? ถ้าลุงทำอาหารให้เรา แม่ของฉันจะต้องจ่ายค่าแรงให้คุณสองแรงใช่ไหมคะ? แต่ ถ้าทำอาหารไม่อร่อยก็ไม่ต้องจ่ายสองแรง…” บอดี้การ์ดยิ้มและพูดว่า “เงินเดือนที่แม่ของเธอจ่ายให้ฉันก็เพียงพอสำหรับให้ฉันทำอาหารให้เธอทานสิบมื้อต่อวันแล้ว” ขณะที่พูด บอดี้การ์ดก็พาเด็ก ๆ ไปที่ซูปเปอร์มาร์เก็ต เวลาหนึ่งทุ่ม บอดี้การ์ดได้รับโทรศัพท์จากไมค์ ไมค์ถามถึงอาการของเด็กแล้วพูดว่า “คืนนี้ผมอาจจะต้องกลับบ้านดึก เด็ก ๆ เข้านอนตอนสามทุ่ม ถ้าสาม
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง