“ผู้อำนวยการไมค์ ทำไมโทรศัพท์ของคุณกับประธานถึงโทรไม่ติดเลยล่ะ?” รองประธานมองไมค์แล้วพูดอย่างร้อนใจ “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! คุณรีบปลุกประธานเร็วเข้า!” ไมค์ดูเพิ่งตื่น เอื้อมมือเกาหัวแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน “บริษัทยังไม่ปิดตัวนี่นา มีเรื่องใหญ่อะไรเหรอ?” รองประธานรีบถอดรองเท้าตามเข้าไป “คุณกับประธานหาดารามาโฆษณาอยู่ทั้งคืนหรือเปล่า? บนเว่ยปั๋วมีดาราชื่อจิ้นซือเหนียนพูดถึงผลิตภัณฑ์ของเรา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นดาราดังด้วย!” ความง่วงงุนบนหน้าไมค์จางหายไป แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ “ทำไมผมไม่เข้าใจเลยว่าคุณกำลังพูดอะไร” “โถ่พระเจ้า! ในเว่ยปั๋วมีดาราใหญ่ชื่อจิ้นซือเหนียนโพสต์เว่ยปั๋วขอให้ทุกคนช่วยสนับสนุนโดรนรุ่นสายลมของพวกเรา หลังจากที่เขาโพสต์บนเว่ยปั๋วแล้ว ฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทต้องรับสายไม่หยุดเลย ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ คำสั่งซื้อยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย… ไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนเลย!” รองประธานพูดใบหน้าแดงไปถึงหู เพราะว่าโทรหาฉินอันอันและไมค์ไม่ติด ดังนั้นเขาจึงมาหาที่นี่ ไมค์ได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องเล็ก จึงเดินไปทางห้องนอนใหญ่ทันที เข
ภายในรถโรลโรลส์รอยซ์สีดำ ประตูรถถูกล็อก ฉินอันอันรู้สึกเสียใจ เธอคงตื่นไม่เต็มที่ในตอนเช้า ถึงได้ขึ้นรถของเขา หลังจากที่เธอขึ้นรถมาแล้ว เขาก็ล็อกประตูทันที ‘นี่มันอะไรกัน?’‘ลักพาตัวเหรอ?’“ฟู่สือถิง คุณคิดจะทำอะไร?” ฉินอันอันขมวดคิ้วแล้วเผชิญหน้ากับเขา ‘วันนี้เป็นงานหมั้นของเขาเหรอ?’ ‘ทำไมยังว่างมาหาเธอ?’ “ฉินอันอัน คุณรู้จักจิ้นซือเหนียนใช่ไหม?” เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางเธอ มีแสงจาง ๆ ในดวงตาของเขา “อย่าโกหกผม!” หลังจากฉินอันอันรับสายเขาตอนเช้า แบตเตอรี่โทรศัพท์ก็หมดไปดังนั้นตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบนอินเทอร์เน็ต จู่ ๆ เขาพูดถึงจิ้นซือเหนียน ทำให้ระฆังในใจเธอส่งเสียงเตือน“ไม่รู้จัก เกิดอะไรขึ้น?” เธอมองดูใบหน้าคุ้นเคยแต่ห่างเหินของเขาแล้วบังคับให้ตัวเองระงับสติอารมณ์ “ถ้าไม่รู้จักแล้วเขาจะช่วยคุณทำไม?” เขาพูดเร็วขึ้นและเน้นทีละคำ “ครั้งก่อนผมเห็นรูปเขาในโทรศัพท์ของคุณ คุณไม่เคยไล่ตามดารา แต่กลับชอบแค่เขาเพียงคนเดียว คุณบอกว่าไม่รู้จักกัน คุณคิดว่าผมโง่หรือไง?!” น้ำเสียงของเขาทำให้ฉินอันอันโมโห เธอโต้กลับอย่างรุนแรง “ฉันจะรู้จักเขาหรือไม่ ก็ไม่ใช่เร
“แม่ครับ สือถิงบอกว่าจะยกเลิกพิธีหมั้น เขาไม่มาแล้วครับ” ฟู่ฮั่นพูดจบก็เข้าไปประคองแม่ทันที แม่เฒ่าฟู่มีใบหน้าประหลาดใจ “เขาเป็นอะไร? เกิดเรื่องกับเขาเหรอ?” ฟู่ฮั่นส่ายหน้า “ไม่รู้ครับ พูดจบเขาก็วางสายไปเลย อาจเกิดเรื่องบางอย่าง! ผมจะให้คนขับรถส่งแม่กลับไปก่อน ผมจะอธิบายให้ทุกคนทราบเอง เลี้ยงอาหารแล้วค่อยส่งทุกคนกลับครับ” เรื่องนี้น่าอายเกินไปแล้ว! เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แขกที่อยู่รอบ ๆ บริเวณเห็นเสิ่นอวี๋ร้องไห้ ต่างพากันมองมาที่เธอ เธอไม่เคยเจอเรื่องที่น่าอับอายแบบนี้มาก่อน! เธออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแม้อีกวินาทีเดียว เธอยกกระโปรงยาวขึ้นแล้ววิ่งออกจากห้องจัดเลี้ยงทั้งน้ำตา! ‘ฉินอันอัน เธอจะจดจำแค้นนี้เอาไว้!’ ……ที่โรงเรียนอนุบาลสตาร์ริเวอร์ เสี่ยวหานเปิดแล็ปท็อป เดิมจะดูความตื่นเต้น ใครจะรู้ เสิ่นอวี๋กลับวิ่งหนีไปแล้ว! สิ่งนี้ทำให้เขาขมวดคิ้ว ‘ตอนนี้ฟู่สือถิงยังมาไม่ถึงห้องจัดเลี้ยง เขาไม่มาแล้วงั้นเหรอ?’ ‘ไม่อย่างนั้น ทำไมเสิ่นอวี๋ต้องวิ่งหนีไปล่ะ?’ ‘พวกเขาสองคนไม่จัดงานหมั้นแล้วเหรอ?’ หัวใจที่ตึงเครียดของเสี่ยวหานผ่อนคลายลง เขาถอนใจโล่งอก เขาเกลี
ไม่รู้ว่าจูบนี้ดำเนินไปนานเท่าไหร่ กระทั่งมีเสียง ‘ปึง ๆ’ ดังขึ้น เขาถึงได้ปล่อยเธออย่างไม่เต็มใจ นอกหน้าต่างรถ ไมค์กำลังมองเข้ามาด้านในด้วยสีหน้างงงวยฉินอันอันตกใจจนหน้าถอดสี! เธอเปิดประตูรถแล้วหวังจะออกไป ฟู่สือถิงดึงเธอเอาไว้พูดเสียงแหบพร่า “ติดฟิล์มป้องกันความเป็นส่วนตัวไว้แล้ว เขามองไม่เห็นพวกเราหรอก” เธอถอนหายใจโล่งอก! จูบที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกสับสน แก้มบนหน้าของเธอแดงผิดปกติ ผมเผ้ายุ่งเหยิงอีกต่างหาก นอกจากนี้เขาเพิ่งถอดเสื้อคลุมของเธอออกแล้วโยนลงบนพื้น! เธอเก็บเสื้อคลุมขึ้นมา เขาคลายเกลียวฝาขวดน้ำแล้วยื่นให้เธอ “ฉันไม่เอา!” เธอจ้องเขาอย่างเย็นชา เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งทำกับเธอ เธอโกรธจนปวดหัว ถึงแม้จะกระหายน้ำแทบตาย เธอก็ไม่ดื่มน้ำจากเขา เขาเมินเฉยต่อสายตาเกลียดชังของเธอที่ตวัดใส่เขา ความโกรธและอารมณ์เดือดดาลในตัวเขาละลายหายไปเพราะจูบเมื่อกี้ปรากฏว่าความทุกข์ที่มีมายาวนานเกิดจากการคิดถึงรสชาติของเธองั้นเหรอ? “ฉินอันอัน เมื่อกี้คุณไม่ได้รู้สึกเคลิบเคลิ้มเลยเหรอ?” เขาดื่มน้ำแล้วใช้นิ้วเช็ดคราบน้ำบนริมฝีปากบางของเขาอย่างสง่างาม “คุณไม่ไ
ไม่หมั้นก็ไม่หมั้น เธอพร้อมจะเลิกกับเขาแล้วไปจากตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงไม่สามารถให้ความรักกับเธอได้ เธอต้องได้ค่าตอบแทนจำนวนมากแน่นอน ถ้าเธอได้เงินสักก้อน ก็ถือว่าไม่ขาดทุน รถโรลส์รอยซ์หยุดอยู่ด้านนอกประตู แม่เฒ่าฟู่พูดกับเสิ่นอวี๋ทันที “สือถิงกลับมาแล้ว! ฉันจะให้เขาอธิบายกับเธอเอง!” เสิ่นอวี๋นั่งอยู่ที่โซฟา ไม่ได้ลุกขึ้น หัวใจของเธอแตกสลายเพราะเขาไปแล้ว! เขาบอกเธอว่าคนที่เขารักคือฉินอันอันในวันที่พวกเขาหมั้นกันได้ยังไง? เขาไม่เพียงไม่รักเธอ แต่ยังไม่ให้เกียรติเธอด้วย นี่ยังมีความจริงที่ว่าเธอเป็นหมอของอิ๋นอิ๋น ทำการผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋นถึงสองครั้ง ถ้าหากไม่มีสถานะในระดับนั้น น่ากลัวว่าเขาคงไม่มีเธออยู่ในสายตายิ่งกว่านี้ ฟู่สือถิงลงจากรถและก้าวเท้าไปที่ห้องนั่งเล่น “แม่ครับ” เขาพูดกับแม่ “สือถิง ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” แม่เฒ่าฟู่จับแขนลูกชาย สำรวจเขาไปทั่วทั้งตัว“ผมไม่เป็นไรครับ” เขาประคองแม่เข้าไปในบ้าน จากนั้นก็มองไปที่เสิ่นอวี๋ที่มีสีหน้าเย็นชา “พวกลูกคุยกันตามลำพังเถอะ!” แม่เฒ่าฟู่เอ่ย “สือถิง ไม่ว่ายังไง เสิ่นอวี๋ก็มีบุญคุณกับพวกเรา ลูกต้องอธิบายกับเธอนะ”
ที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า ฉินอันอันออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำแล้ว เมื่อเห็นโทรศัพท์ดัง เธอจึงเดินไปรับสายทันที “พี่เว่ย” “อันอัน ทำไมตอนเช้าเธอถึงปิดโทรศัพท์ล่ะ?” เว่ยเจินโทรหาเธอหลายครั้งและเพิ่งจะโทรติดเอาตอนนี้ “โทรศัพท์ฉันแบตหมด เพิ่งชาร์จค่ะ” ฉินอันอันอธิบายอย่างร้อนตัว “พี่อยากจะพูดกับฉันเรื่องจิ้นซือเหนียนใช่หรือเปล่า?” “อืม ซือเหนียนกลัวว่าเธอจะโกรธ” “ฉันไม่โกรธหรอกค่ะ” ฉินอันอันกล่าว “เพียงแค่คิดว่าเรื่องนี้รบกวนเขามากเกินไป ไว้ฉันจะโทรหาเขาค่ะ” “ได้เลย” เว่ยเจินถอนใจโล่งอก “เช้านี้ติดต่อเธอไม่ได้ ฉันเกือบไปตามหาเธอที่บ้านแล้ว ฉันโทรหาไมค์ เขาบอกว่าเธอไม่อยู่บ้าน…เธอไปที่ไหนมาเหรอ?” ฉินอันอันติดอยู่กับคำถามนี้ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พบข้อแก้ตัว “ฉันออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งข้างนอกค่ะ” “อื้ม…การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ บริษัทของเธอกำลังประสบปัญหา ครั้งนี้ก็น่าจะแก้ไขได้แล้วใช่ไหม? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะต้องปรับทัศนคติของตัวเอง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าร่างกายที่แข็งแรงนะ” เว่ยเจินพูดปลอบโยน “อื้ม! พี่เว่ย ขอบคุณค่ะ! ไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวพี่นะคะ”
จิ้นซือเหนียน “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงเขาจะหาผมเจอ ผมก็จะไม่พูดชื่อคุณ คุณวางใจได้!” “อื้ม คุณทำกายภาพบำบัดเยอะ ๆ นะคะ ฉันจะรอคุณกลับไปยืนบนเวทีอีกครั้ง” “ผมจะพยายามให้เต็มที่ครับ!” ......ตอนเย็น วิลล่าบนไหล่เขาของจิ้นซือเหนียนได้ต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าฟู่สือถิงจะค้นพบที่นี่อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ยังมีผู้หญิงอีกคนมากับฟู่สือถิงด้วย “คุณซือเหนียน สวัสดีครับ ขออภัยที่ถือวิสาสะมาหาคุณ” ฟู่สือถิงพูดอย่างสุภาพ “ผมตามหาคุณมานานแล้ว ถ้าวันนี้คุณไม่โพสต์เว่ยปั๋ว เกรงว่าผมคงต้องตามคุณอีกนาน” ใบหน้าจิ้นซือเหนียนไม่แสดงอารมณ์มากนัก เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นกัน “ไม่ทราบว่าคุณฟู่มาหาผมด้วยเรื่องอะไรครับ?” ฟู่สือถิงเหลือบมองอิ๋นอิ๋น จากนั้นพูดว่า “อิ๋นอิ๋น เห็นไหมตรงนั้นมีแมวอยู่ เธอไปเล่นกับมันสิ” อิ๋นอิ๋นไปตามหาแมวพร้อมกับบอดี้การ์ด ฟู่สือถิงถอนสายตาจากอิ๋นอิ๋นแล้วจับจ้องใบหน้าของจิ้นซือเหนียน “เธอคือน้องสาวของผม เธอบกพร่องทางสติปัญญามาตั้งแต่เกิด” จิ้นซือเหนียนตกตะลึง “น้องสาวของผมน่ารักมาก จิตใจยังดีมากอีกด้วย” ดวงตาของฟู่สือถิงเปียกชื้นเล็กน
‘เคยมีความจริงจากปากของเธอบ้างไหม?’ ‘เธอระแวงเขา หรือเธอเห็นเขาเป็นศัตรูกันแน่?’ ‘ถ้าระแวง ทำไมถึงต้องระแวงล่ะ?’ ‘เธอกลัวอะไร?’ ‘ถ้าเห็นเขาเป็นศัตรู งั้นก็ยิ่งเข้าใจยากขึ้นไปอีก!’ ‘เขาไม่เคยทำอะไรให้เธอเสียใจ! ทำไมเธอถึงเห็นเขาเป็นศัตรูล่ะ?’ ระหว่างทางกลับบ้าน เขาขมวดคิ้วแน่น หลังจากถึงบ้าน ป้าหงก็พาอิ๋นอิ๋นไปพักผ่อน หลังจากที่ฟู่สือถิงรับโทรศัพท์ เขาก็ขับรถออกไป ที่ไนท์บาร์สุดหรู เมื่อเซิ่งเป่ยเห็นฟู่สือถิงกำลังมา จึงจูงเขาไปนั่งที่โซฟาทันที “สือถิง วันนี้ไม่เจอนายทั้งวันเลยนะ หายไปไหนมา?” เซิ่งเป่ยหยิบแก้วไวน์มาแล้วเติมไวน์ให้เขา “ฉันไปหาจิ้นซือเหนียนมา” เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ “พวกนายคงเดาไม่ออกแน่ว่าใครเป็นคนผ่าตัดให้เขา” ทุกคนมองไปที่ฟู่สือถิง และรอคำพูดต่อไปของเขา แต่เขาไม่ได้พูดรายละเอียดอะไรออกมาอีก “ฉันแย่กับฉินอันอันมากใช่ไหม?” เขาขมวดคิ้วและดื่มไวน์จนหมดแก้ว “เธอเป็นคนยื่นข้อเสนอหย่า ไม่ว่าฉันจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธออยู่ต่อยังไง เธอก็ยังยืนกรานที่จะเลิกกับฉัน หลังจากหย่า เธอสร้างบริษัทของเธอขึ้นมาใหม่ ส่วนฉันก็ใช้ชีวิตของฉัน พอฉันเห็นเธอลำบาก
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง