“ช่วงนี้คุณยุ่งอะไรนัก?” เขามองเธอด้วยสายตาเร่าร้อน หลังจากที่ฉินอันอันทำแผลให้เขาเสร็จแล้ว เธอก็หันหลังกลับไปเก็บกล่องยา เธอตอบสั้น ๆ “ยุ่งเรื่องงานค่ะ” “คุณโกหก ถ้าคุณยุ่งเรื่องงาน ทำไมไม่ไปบริษัทล่ะ?” ฟู่สือถิงนั่งตัวตรง ฝ่ามือใหญ่จับแขนเธอไว้ “ตอนนี้คุณทำตัวแปลก ๆ ผมตามไม่ทัน” ฉินอันอัน “แล้วทำไมคุณถึงต้องถามฉันให้ทันด้วยล่ะ? ฟู่สือถิง ฉันขอบคุณคุณมากเลยนะ ที่ช่วยฉันไว้เมื่อคืนนี้ ฉันสามารถเลี้ยงข้าวคุณได้...หรือจะให้ธงอีกอันคุณก็ได้” ฟู่สือถิงปล่อยแขนของเธอแล้วพูดด้วยความตกใจ “ผมไม่ได้ช่วยคุณเพราะผมอยากได้คำว่าขอบคุณ พาลูกสาวของคุณกลับไปเถอะ! และลูกชายตัวแสบของคุณ วันนี้เขาแฮกระบบไฟฟ้ากับอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ประตูหน้าบ้านผม ถ้าคุณไม่อบรมสั่งสอนเขาอีก ผมจะสั่งสอนให้เอง!” ฉินอันอันขอโทษ “ขอโทษค่ะ กลับไปฉันจะสั่งสอนเขาอย่างดีเลย ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก” ฉินอันอันวางกล่องยากลับที่เดิม และอุ้มรุ่ยลา เตรียมออกเดินทาง “ฉินอันอัน!” ฟู่สือถิงก้าวเข้ามาหาเธอแล้วยื่นกล่องกล่องหนึ่งให้เธอ “สุขสันต์วันเกิดนะ” ฉินอันอันลดเปลือกตาลงมองกล่องที่เขายื่นให้ ถึงจะไม่รู้
เสี่ยวหานมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสาของน้องสาว และทำลายจินตนาการของเธอ “สาเหตุที่คนชั่วเป็นคนชั่วก็เพราะพวกเขาสามารถรักผู้หญิงได้หลายคนในเวลาเดียวกัน อย่าหลงกลฟู่สือถิงคนใจร้ายนั่นเด็ดขาด” รุ่ยลารู้สึกผิดหวัง เธอไม่กล้าบอกพี่ชายว่า ถึงแม้ฟู่สือถิงจะเป็นคนเลว แต่เธอก็ถูกเขาดึงดูดโดยไม่รู้ตัว ...... หลังอาหารเย็น ฉินอันอันเรียกเสี่ยวหานไปคุยที่ห้องเป็นการส่วนตัว “เสี่ยวหาน ลูกรู้ใช่ไหมว่าแม่จะพูดเรื่องอะไร?” เสี่ยวหานก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร “ก่อนหน้านี้ลูกสัญญากับแม่ว่ายังไง? ลูกบอกว่าจะไม่ทำให้ฟู่สือถิงโกรธอีก แต่ลูกกลับทำไม่ได้” ฉินอันอันรู้สึกเสียใจ “แม่รู้ว่าวันนี้ลูกทำเพื่อต้องการตามหาแม่ แต่ลูกจะใช้วิธีนี้ไม่ได้...” “ผมขอโทษครับแม่” เสียวหานเงยหน้าขึ้นและขอโทษ “ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้แล้ว” “เสี่ยวหาน ฟู่สือถิงไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งด้วยง่าย ๆ อย่างที่ลูกเห็น แม่หย่ากับเขาแล้ว ถ้าวันหนึ่งเขาไม่รักแม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ลูกไปยุ่งกับเขาอีก เขาคงไม่ปล่อยให้เราออกมาง่าย ๆ หรอก...แม่แค่อยากมีชีวิตที่สงบสุขกับลูก รุ่ยลาแล้วก็คุณยายแค่นั้นเอง” “เข้าใจแล้วครับ” เสี่ยวหานก้มศี
ถ้าฉินอันอันสำนึกได้ เธอควรจะวางสายโทรศัพท์ทันที ตามที่คาดไว้ จู่ ๆ ฉินอันอันก็ได้สติเมื่อได้ยินเสียงขอเสิ่นอวี๋ “ฉันขอโทษที่รบกวนเวลาเดทของคุณ ฉันจะรับของขวัญชิ้นนี้ไว้และฉันจะไม่คืนของขวัญให้ และต่อไปก็ไม่ต้องให้ของอะไรฉันอีกแล้ว” พูดจบ เธอก็วางสายโทรศัพท์ไปโดยไม่รอคำตอบจากเขา ฟู่สือถิงฟังเสียงโทรศัพท์ตัดสสาย เขารู้สึกเหมือนถูกกรีดที่หัวใจ มันทั้งชาและเจ็บปวดอย่างมาก “สือถิง ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานฉินอันอันขังตัวเองอยู่ในรถ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?” เสิ่นอวี๋เริ่มถาม “อืม” ฟู่สือถิงไม่สนใจและไม่อยากพูดเรื่องฉินอันอันกับเธอ “คุณบอกว่ามีหมอมาแนะนำให้ผม ใครเหรอ?” เสิ่นอวี๋หยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าของเธอแล้วยื่นให้เขา “ฉันได้สอบถามมาแล้ว หมอคนนี้เป็นจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงในประเทศเอ สามารถนัดหมายเธอได้จนถึงปีหน้า ฉันอาศัยเส้นสายของฉันเพื่อทำนัดให้คุณในเช้าวันพุธ คุณลองพาอิ๋นอิ๋นไปหาดูนะคะ” ฟู่สือถิงเหลือบมองนามบัตรและเห็นว่าเป็นจิตแพทย์คนเดียวกับที่หมอประจำตระกูลของเขาแนะนำให้ ...... คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ฉินอันอันออกมาจากห้องอาบน้ำแล้วเดินไปที่ห้องของเด็ก ๆ รุ่ยลากำลังดู
เสี่ยวหานปรับแสงโคมไฟข้างเตียงให้สว่างขึ้น สิ่งที่เทออกมาจากกล่องคือซีดีกับกระดาษแผ่นหนึ่ง รุ่ยลาเปิดกระดาษและจ้องไปที่ข้อความในนั้น เธอพยายามอ่านอยู่หลายครั้งแล้วส่งให้พี่ชายของเธอ “พี่คะ ข้างในเขียนว่าอะไรเหรอคะ? หนูอ่านไม่ออกค่ะ” เสี่ยวหานเหลือบมองเขาแล้วพูดด้วยท่าทางนิ่ง ๆ “ฉันก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน” ยังไงเขาก็เป็นแค่เด็กอนุบาล ข้อความพวกนี้ยากสำหรับเขา เพราะมีคำศัพท์เฉพาะมากมาย "แล้วนั่นคืออะไรคะ?” รุ่ยลาหยิบซีดีขึ้นมาแล้วมองจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ไม่รูปภาพหรือคำพูดอยู่บนแผ่นซีดีเลย เสี่ยวหานเห็นซีดีแล้วเริ่มสงสัย แต่ตอนนี้เขาไม่มีดน๊ตบุ๊คจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ “พี่ต้องเอามันไปใส่ในโน้ตบุ๊กก่อนถึงจะดูได้ใช่ไหมคะ?” รุ่ยลามีความคิดหนึ่งเกิดขึ้น “เรายืมโน้ตบุ๊กจากลุงไมค์ได้นี่คะ!” เสี่ยวหานมองแววตาที่ประกายแวววาวของน้องสาว “หนูจะไปยืมเองค่ะ! เดี๋ยวแม่โกรธพี่อีกถ้ารู้ว่าพี่เล่นโน้ตบุ๊ก!” รุ่ยลาพูดแล้ววิ่งไปที่ประตู เสี่ยวหานกลัวว่าเธอจะถือโน้ตบุ๊กไม่ไหว จึงรีบไล่ตามเธอไปทันที คืนนี้ไมค์ไม่ได้ไปคลับ ถ้าไปทั้งสภาพใบหน้ามีรอยช้ำทุกคนคงตกใจ เสี่ยวหานแล
ถ้าเธอรู้ว่ามีสองสิ่งนี้อยู่ข้างใน เธอคงไม่เสี่ยงเอากล่องนี้กลับมา อย่างไรก็ตาม นับว่าคงยากมากที่จะเอาไปคืนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ถ้าไม่มีเรื่องบังเอิญ เธอคงไม่กล้าไปบ้านพ่อจอมวายร้ายคนนั้นอีก ‘ช่างเถอะ! เก็บกล่องนี้ไว้ใต้เตียงก่อนแล้วกัน!’ ก็แค่ซีดีกับกระดาษแผ่นหนึ่ง ไม่ใช่ของสำคัญอะไรหรอก หลังจากที่เสี่ยวหานคืนโน๊ตบุ๊ค เขาก็กลับเข้าไปในห้อง รุ่ยลาผล็อยหลับไปแล้ว ในอีกห้องหนึ่ง ฉินอันอันนอนไม่หลับ อาจเป็นเพราะในระหว่างวัน เธอนอนมากเกินไป ตอนนี้เธอจึงตื่นตัวอย่างมาก คนตื่นตัวถ้าไม่มีอะไรทำก็จะเกิดความคิดฟุ้งซ่านได้ง่าย อย่างเช่น ตอนนี้เธอกำลังคิดถึงฟู่สือถิงอย่างบ้าคลั่ง ในสมองมีแต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา ในลมหายใจมีแต่กลิ่นกายของเขา เธอยังจำความรู้สึกและความอบอุ่นของผิวสัมผัสของเขาได้ ถ้าเมื่อคืนไม่มีเขา เธอคงตายหรือไม่ก็นอนอยู่ในห้องไอซียูไปแล้ว มีหลายอย่างที่เธออยากพูดแต่ก็ไม่กล้า เขาไม่ใช่สามีของเธอแล้ว เขามีอิ๋นอิ๋นในใจ และมีเสิ่นอวี๋อยู่ข้างกาย เธอเป็นแค่อดีตภรรยาของเขา ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีวันย้อนกลับมาได้ น้ำตาของเธอไหลออกมาจากหางตา เธอหลั
สิบนาทีต่อมา ฟู่เย่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าเสิ่นอวี๋ เขายังสวมชุดนอนและรองเท้าแตะ ผมของเขายุ่งเหมือนหมากัดกันเพราะเขารีบมาหลังจากรับสาย เขาอยากโกรธ! เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมในสายเมื่อสักครู่ เสิ่นอวี๋ถึงได้หยาบคายกับเขาขนาดนี้? สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงแรมครั้งที่แล้วเขาไม่ได้เป็นคนวางแผน เขาเองก็เป็นเหยื่อ! แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาแดงก่ำของเสิ่นอวี๋ ความโกรธของเขาก็หายไปในทันที “หมอเสิ่น คุณเป็นอะไรไป?” ฟู่เย่เฉินกระแอมในลำคอ “อาของผมคงไม่ได้บอกเลิกคุณใช่ไหม?” เสิ่นอวี๋ยิ้มเย็นชาและพยุงตัวขึ้นโดยจับต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ “ฟู่เย่เฉิน ฉันท้อง!” เธอกัดฟันพร้อมกลิ่นเลือดฉุนในปาก “เขาเป็นลูกของคุณ!” มุมปากของฟู่สือถิงกระตุกเพราะไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้? เราแค่นอนด้วยกันแค่ครั้งเดียวเอง...” คำสุดท้ายยังไม่ได้ถูกพูดออกมา เสิ่นอวี๋แกว่งกระเป๋าในมือขึ้นมากระแทกร่างของเขา! “ไอ้สารเลว! ไอ้ชั่ว! ทุกอย่างเป็นเพราะแก!” เสิ่นอวี๋ด่าพลางทุบตีเขา “ตอนนี้ฉันควรทำยังไง?! บอกฉันที! ฉันควรทำยังไง?!” ฟู่เย่เฉินกุมหัวตัวเองด้วยมือทั้งสองข้างแล้วตอบเธอโดยไม่ต้องคิดว่า “ทำแท้งสิ! จะทำอะไรได้อีก? ถ้าอา
ฟู่สือถิงหยิบขนมออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วใส่ไว้ในมือของเธอ เมื่ออิ๋นอิ๋นเห็นขนมเธอก็ปล่อยมือของเขา เมื่อเห็นหมอพาอิ๋นอิ๋นเข้าศูนย์บำบัด ฟู่สือถิงก็รู้สึกไม่สบายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาอิ๋นอิ๋นไปพบจิตแพทย์ แต่หมอคนนี้คือหนึ่งในจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ ไม่รู้ว่าอิ๋นอิ๋นจะสามารถเอาชนะอุปสรรคในใจได้ไหม ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูศูนย์บำบัดก็เปิดออก อิ๋นอิ๋นเดินออกมาอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของฟู่สือถิง อารมณ์ของเธอค่อนข้างคงที่ เธอไม่ร้องไห้ เธอแค่กลัวและกังวลเล็กน้อย ฟู่สือถิงกอดเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งตบหลังเธอ “อิ๋นอิ๋น ไม่เป็นไรนะ พี่รอเธออยู่ตรงนี้ตลอด” หมอบอกให้ฟู่สือถิงนั่งบนโซฟาข้าง ๆ “คุณฟู่ ผมได้อ่านข้อมูลที่คุณส่งมาเมื่อคืนแล้ว จากการที่ผมเพิ่งสื่อสารกับเธอไปเมื่อสักครู่ ผมคิดว่าเธอยังไม่เหมาะจะรักษาอาการทางจิตเวชในตอนนี้ เธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตแบบธรรมดา ๆ ผมคิดว่าเธอจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง บางทีหลังจากที่เธอหายดีแล้ว เธออาจจะไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทางจิตเลยก็ได
“ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันเถอะ!” ฟู่สือถิงชวนเธอ ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณรออยู่ข้างนอกตลอดเลยเหรอ?” ฟู่สือถิงไม่ตอบ ถ้าเขาไม่ได้รอเธอ เขาคงกลับไปนานแล้ว ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ดวงอาทิตย์ แม้ว่าอุณหภูมิในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงจะไม่ร้อนอะไรมาก แต่ตอนเที่ยงดวงอาทิตย์ก็ยังค่อนข้างร้อนระอุ “อิ๋นอิ๋นล่ะ?” เธอถาม ฟู่สือถิงเหลือบมองไปทางลานจอดรถ “เธออยู่ในรถ” “อืม...คุณไปกินเถอะ! แม่ฉันทำกับข้าวไว้ให้แล้ว ฉันต้องกลับไปกิน” ฉินอันอันปฏิเสธเขาโดยไม่ลังเล ไม่รู้ว่าในใจฟู่สือถิงคิดอะไรอยู่ เขาอยากให้เธอนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับอิ๋นอิ๋นจริง ๆ เขาไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ? ถึงแม้อยากกเหยียบเรือสองแคม... ไม่สิเรือสามแคม ก็เห็นไม่จำเป็นต้องตรงไปตรงมาขนาดนี้เลย! “ผมจองร้านอาหารใกล้ ๆ ไว้แล้ว” ฟู่สือถิงไม่ย่อท้อต่อคำปฏิเสธของเธอ “ผมค่อยไปส่งอิ๋นอิ๋นที่โรงเรียน คุณก็ไปส่งเสี่ยวหานด้วยใช่ไหม? งั้นเรากินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยไปส่งพวกเขาที่โรงเรียน” ฉินอันอันเม้มริมฝีปากแดงของเธอ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ปฏิเสธอีกครั้ง “ฉันกลับไปกินข้าวที่บ้านดีกว่า ยังอยากงีบก่อนไปส่ง