ถ้าเธอรู้ว่ามีสองสิ่งนี้อยู่ข้างใน เธอคงไม่เสี่ยงเอากล่องนี้กลับมา อย่างไรก็ตาม นับว่าคงยากมากที่จะเอาไปคืนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ถ้าไม่มีเรื่องบังเอิญ เธอคงไม่กล้าไปบ้านพ่อจอมวายร้ายคนนั้นอีก ‘ช่างเถอะ! เก็บกล่องนี้ไว้ใต้เตียงก่อนแล้วกัน!’ ก็แค่ซีดีกับกระดาษแผ่นหนึ่ง ไม่ใช่ของสำคัญอะไรหรอก หลังจากที่เสี่ยวหานคืนโน๊ตบุ๊ค เขาก็กลับเข้าไปในห้อง รุ่ยลาผล็อยหลับไปแล้ว ในอีกห้องหนึ่ง ฉินอันอันนอนไม่หลับ อาจเป็นเพราะในระหว่างวัน เธอนอนมากเกินไป ตอนนี้เธอจึงตื่นตัวอย่างมาก คนตื่นตัวถ้าไม่มีอะไรทำก็จะเกิดความคิดฟุ้งซ่านได้ง่าย อย่างเช่น ตอนนี้เธอกำลังคิดถึงฟู่สือถิงอย่างบ้าคลั่ง ในสมองมีแต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา ในลมหายใจมีแต่กลิ่นกายของเขา เธอยังจำความรู้สึกและความอบอุ่นของผิวสัมผัสของเขาได้ ถ้าเมื่อคืนไม่มีเขา เธอคงตายหรือไม่ก็นอนอยู่ในห้องไอซียูไปแล้ว มีหลายอย่างที่เธออยากพูดแต่ก็ไม่กล้า เขาไม่ใช่สามีของเธอแล้ว เขามีอิ๋นอิ๋นในใจ และมีเสิ่นอวี๋อยู่ข้างกาย เธอเป็นแค่อดีตภรรยาของเขา ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีวันย้อนกลับมาได้ น้ำตาของเธอไหลออกมาจากหางตา เธอหลั
สิบนาทีต่อมา ฟู่เย่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าเสิ่นอวี๋ เขายังสวมชุดนอนและรองเท้าแตะ ผมของเขายุ่งเหมือนหมากัดกันเพราะเขารีบมาหลังจากรับสาย เขาอยากโกรธ! เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมในสายเมื่อสักครู่ เสิ่นอวี๋ถึงได้หยาบคายกับเขาขนาดนี้? สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงแรมครั้งที่แล้วเขาไม่ได้เป็นคนวางแผน เขาเองก็เป็นเหยื่อ! แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาแดงก่ำของเสิ่นอวี๋ ความโกรธของเขาก็หายไปในทันที “หมอเสิ่น คุณเป็นอะไรไป?” ฟู่เย่เฉินกระแอมในลำคอ “อาของผมคงไม่ได้บอกเลิกคุณใช่ไหม?” เสิ่นอวี๋ยิ้มเย็นชาและพยุงตัวขึ้นโดยจับต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ “ฟู่เย่เฉิน ฉันท้อง!” เธอกัดฟันพร้อมกลิ่นเลือดฉุนในปาก “เขาเป็นลูกของคุณ!” มุมปากของฟู่สือถิงกระตุกเพราะไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้? เราแค่นอนด้วยกันแค่ครั้งเดียวเอง...” คำสุดท้ายยังไม่ได้ถูกพูดออกมา เสิ่นอวี๋แกว่งกระเป๋าในมือขึ้นมากระแทกร่างของเขา! “ไอ้สารเลว! ไอ้ชั่ว! ทุกอย่างเป็นเพราะแก!” เสิ่นอวี๋ด่าพลางทุบตีเขา “ตอนนี้ฉันควรทำยังไง?! บอกฉันที! ฉันควรทำยังไง?!” ฟู่เย่เฉินกุมหัวตัวเองด้วยมือทั้งสองข้างแล้วตอบเธอโดยไม่ต้องคิดว่า “ทำแท้งสิ! จะทำอะไรได้อีก? ถ้าอา
ฟู่สือถิงหยิบขนมออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วใส่ไว้ในมือของเธอ เมื่ออิ๋นอิ๋นเห็นขนมเธอก็ปล่อยมือของเขา เมื่อเห็นหมอพาอิ๋นอิ๋นเข้าศูนย์บำบัด ฟู่สือถิงก็รู้สึกไม่สบายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาอิ๋นอิ๋นไปพบจิตแพทย์ แต่หมอคนนี้คือหนึ่งในจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ ไม่รู้ว่าอิ๋นอิ๋นจะสามารถเอาชนะอุปสรรคในใจได้ไหม ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูศูนย์บำบัดก็เปิดออก อิ๋นอิ๋นเดินออกมาอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของฟู่สือถิง อารมณ์ของเธอค่อนข้างคงที่ เธอไม่ร้องไห้ เธอแค่กลัวและกังวลเล็กน้อย ฟู่สือถิงกอดเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งตบหลังเธอ “อิ๋นอิ๋น ไม่เป็นไรนะ พี่รอเธออยู่ตรงนี้ตลอด” หมอบอกให้ฟู่สือถิงนั่งบนโซฟาข้าง ๆ “คุณฟู่ ผมได้อ่านข้อมูลที่คุณส่งมาเมื่อคืนแล้ว จากการที่ผมเพิ่งสื่อสารกับเธอไปเมื่อสักครู่ ผมคิดว่าเธอยังไม่เหมาะจะรักษาอาการทางจิตเวชในตอนนี้ เธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตแบบธรรมดา ๆ ผมคิดว่าเธอจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง บางทีหลังจากที่เธอหายดีแล้ว เธออาจจะไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทางจิตเลยก็ได
“ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันเถอะ!” ฟู่สือถิงชวนเธอ ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณรออยู่ข้างนอกตลอดเลยเหรอ?” ฟู่สือถิงไม่ตอบ ถ้าเขาไม่ได้รอเธอ เขาคงกลับไปนานแล้ว ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ดวงอาทิตย์ แม้ว่าอุณหภูมิในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงจะไม่ร้อนอะไรมาก แต่ตอนเที่ยงดวงอาทิตย์ก็ยังค่อนข้างร้อนระอุ “อิ๋นอิ๋นล่ะ?” เธอถาม ฟู่สือถิงเหลือบมองไปทางลานจอดรถ “เธออยู่ในรถ” “อืม...คุณไปกินเถอะ! แม่ฉันทำกับข้าวไว้ให้แล้ว ฉันต้องกลับไปกิน” ฉินอันอันปฏิเสธเขาโดยไม่ลังเล ไม่รู้ว่าในใจฟู่สือถิงคิดอะไรอยู่ เขาอยากให้เธอนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับอิ๋นอิ๋นจริง ๆ เขาไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ? ถึงแม้อยากกเหยียบเรือสองแคม... ไม่สิเรือสามแคม ก็เห็นไม่จำเป็นต้องตรงไปตรงมาขนาดนี้เลย! “ผมจองร้านอาหารใกล้ ๆ ไว้แล้ว” ฟู่สือถิงไม่ย่อท้อต่อคำปฏิเสธของเธอ “ผมค่อยไปส่งอิ๋นอิ๋นที่โรงเรียน คุณก็ไปส่งเสี่ยวหานด้วยใช่ไหม? งั้นเรากินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยไปส่งพวกเขาที่โรงเรียน” ฉินอันอันเม้มริมฝีปากแดงของเธอ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ปฏิเสธอีกครั้ง “ฉันกลับไปกินข้าวที่บ้านดีกว่า ยังอยากงีบก่อนไปส่ง
ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้โอกาสนี้สนทนาในเชิงลึกกับฉินอันอันได้ “ผมกับอิ๋นอิ๋น…” เขาเปิดปาก แต่ภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอดึงดูดความสนใจของเขา “ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?” ดูคุ้นตาเหลือเกิน เขามองภาพนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาแน่ใจว่าเขาเคยพบผู้ชายคนนี้ แต่จำข้อมูลเฉพาะของชายคนนี้ไม่ได้ ฉินอันอันแย่งโทรศัพท์คืน“คุณนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ ยังชอบบงการชีวิตคนอื่นมากเหมือนเดิม หรือบางทีนี่อาจจะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชายสูงวัยรึเปล่า?” เธอเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าและไม่ลืมพูดเหน็บแนมเขา “นี่คือดาราที่ฉันตามจีบอยู่ช่วงนี้ เป็นยังไงบ้าง? หล่อใช่ไหมล่ะคะ? ไม่ใช่แค่หล่อ แต่อายุก็ยังไม่มาก ช่วงนี้ฉันกำลังชอบผู้ชายแบบนี้เลยล่ะ” ฟู่สือถิงโกรธจนกัดฟันกรอด เธอรังเกียจที่เขาแก่งั้นเหรอ? เดิมทีเขาวางแผนจะคุยกับเธอดี ๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นแล้ว! ไม่ว่ายังไงตอนนี้เธอก็ไม่ชอบผู้ชายแก่ ดูท่าคงชอบหนุ่ม ๆ เท่านั้น! “เมื่อกี้คุณจะพูดอะไรกับฉัน?” ฉินอันอันอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อเห็นเขาโกรธจนหน้าเขียว “เปล่านี่!” ฟู่สือถิงพูดด้วยท่าทางเย็นชา “กินข้าวเถอะ!” มื้อนี้กินไม่ค่อยเจริญอาหารเลย สุดท้ายแล
ฉินอันอันถูกคำพูดนี้ปิดกั้นโดยสมบูรณ์ ทั้งหมดคงต้องโทษตัวเอง! ทำไมต้องไปรับของขวัญจากเขาด้วย?! ถ้าไม่รับของขวัญจากเขา ตอนนี้ก็คงไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจขนาดนี้ พูดสายจบ ฉินอันอันก็กดเบอร์ของไมค์ต่อ “นายอยากจัดปาร์ตี้วันเกิดให้ฉันอีกรอบ แต่ไม่บอกฉันก่อนเลยเหรอ?” “บอกเธอก่อน แล้วจะทำยังไงถ้าเธอไม่เห็นด้วย?” ไมค์รู้จักเธอดีเกินไปแล้ว “ฉันบอกคนอื่น ๆ เสร็จแล้วค่อยบอกเธอ แบบนี้เธอก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว” ฉินอันอันหัวเราะเยาะ “ถ้าอย่างนั้นนายก็สนุกกับคนอื่นไปแล้วกัน! ฉันไม่ไป!” “แต่ฉันบอกฟู่สือถิงไปแล้วนะ! ผู้ชายคนนี้หน้าไม่อายจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะตอบรับทันทีแบบนั้น!” น้ำเสียงของไมค์ฟังดูเหน็บแนม “ทำไมสามีเก่าของเธอถึงได้หน้าหนาขนาดนี้? เพราะอะไรเธอถึงชอบผู้ชายประเภทนี้ได้?” ฉินอันอันยกมือนวดขมับ จากนั้นก็วางสายไป ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที หลีเสี่ยวเถียนก็โทรมา“อันอัน ฟู่สือถิงจะไปด้วยนะ! ทีแรกฉันคิดว่าคนจองหองแบบนั้นจะต้องถือโอกาสนี้ปฏิเสธเสียอีก!” หลีเสี่ยวเถียนพูดอย่างสงสัย “ฉันไม่เคยคาดเดาปฏิกิริยาตอบสนองของเขาได้เลยสักครั้ง หรือว่านี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนที่ประสบควา
: ไม่มีปัญหา! ผมคอแข็งมาก! : ผมก็ดื่มได้เยอะ! : กลุ่มของพวกเราสามารถจัดการฟู่สือถิงคนเดียวได้ไม่มีปัญหาแน่นอน! ไมค์มองดูข้อความอันฮึกเหิมของทุกคนแล้วมีรอยยิ้มพึงพอใจ ทำไมเขาถึงใจดีเชิญฟู่สือถิงมาร่วมงานปาร์ตี้งั้นเหรอ? นี่ไงล่ะ จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา รังแกฉินอันอัน ก็เท่ากับรังแกเขาด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาสู้ฟู่สือถิงไม่ได้ แต่เขามั่นใจว่าเรื่องดื่มเขาชนะฟู่สือถิงแน่! ……ตอนกลางคืน คุณนายใหญ่ฟู่ให้ฟู่สือถิงพาเสิ่นอวี๋ไปที่บ้านเดิมเพื่อทานอาหารเย็นด้วยกัน หลังจากที่ฟู่สือถิงพาเสิ่นอวี๋ไปที่บ้านเดิม ทุกคนก็เริ่มทานอาหารเย็น “คุณหมอเสิ่น ถ้าเธอว่าง มาได้บ่อย ๆ เลยนะ” คุณนายใหญ่ฟู่พูดพร้อมกับยิ้ม “ปกติสือถิงมักจะยุ่งมาก อาจไม่มีเวลาอยู่กับเธอมากเท่าไหร่” เสิ่นอวี๋พยักหน้า “ได้เลยค่ะ ขอเพียงคุณไม่รำคาญฉัน อย่างนั้นต่อจากนี้ฉันจะมาให้บ่อยขึ้นค่ะ” “ทำไมฉันต้องรำคาญเธอด้วยล่ะ? เธอยอดเยี่ยมขนาดนี้ ฉันชอบเธอมากเลยต่างหาก!” หลังจากทานอาหารเย็นอย่างมีความสุขแล้ว คุณนายใหญ่ฟู่เรียกฟู่สือถิงเข้ามาคุยในห้องตามลำพัง “สือถิง ลูกกับหมอเสิ่นเหมาะสมกันมาก ตอนนี้ลูกก็อายุไม่น
ความทะเยอทะยานในสายตาของเธอ ปรากฏออกมาชัดเจนอย่างไม่ปิดบัง ฟู่เย่เฉินรู้สึกว่าวิญญาณที่ตายไปแล้วของตัวเองถูกปลุกขึ้น ตอนนี้เขาและเสิ่นอวี๋ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าเสิ่นอวี๋ทำสำเร็จก็เท่ากับเขาสำเร็จด้วยเช่นกัน สถานะแม่ของผู้หญิงยกระดับได้ผ่านการมีลูกชาย เขาเองก็ทำได้เหมือนกัน สถานะพ่อของเขาก็จะยกระดับผ่านการมีลูกได้! ......ตอนกลางคืนเวลาสี่ทุ่ม รถโรลส์รอยซ์สีดำค่อย ๆขับเข้ามาลานหน้าบ้านตระกูลฟู่ คืนนี้ฟู่สือถิงไปร่วมงานเลี้ยงเหตุผลที่เขาตอบรับร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งนี้ เป็นเพราะมีผู้ประกอบการธุรกิจโดรนอันดับหนึ่งในสามของประเทศเข้าร่วมด้วย เขาต้องการทำความเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทฉินอันอันทางอ้อม ข้อมูลที่ได้รับจากงานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้จะสร้างฉินกรุ๊ปขึ้นมาใหม่ แต่ช่องทางการตลาดในประเทศกลับเจออุปสรรค บริษัทเทคโนโลยีเอเอ็นนั้นยอดเยี่ยมมากที่ต่างประเทศ ด้านคำวิจารณ์ปากต่อปากและชื่อเสียงก็เป็นเลิศ ทว่าเมื่อฉินอันอันกลับประเทศ เธอไม่ได้ใช้ชื่อยี่ห้อบริษัทเทคโนโลยีเอเอ็น แต่เป็นฉินกรุ๊ป ถึงแม้จะเป็นสินค้าเดียวกัน แต่ยี่ห้อไม่เหมือนกัน ราคาก
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง