‘หรือว่าที่บ้านยังมีเด็กอีกคน’? ฟู่สือถิงอ้าปากค้าง! เขาเดินออกจากห้องและเห็นร่างเล็ก ๆ ของรุ่ยลาอยู่อีกฟากหนึ่งของบันไดกำลังร้องไห้! ‘ลูกสาวของฉินอันอัน!’ ‘ไร้สาระน่า!’ ‘ลูกสาวของเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่?’ ทำไมเขาถึงไม่รู้เลย! ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยที่สุดของบ้านหลังนี้ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยเหรอ? อ้าว! จู่ ๆ เขาก็จำได้ว่าระบบเครือข่ายที่บ้านเพิ่งซ่อมไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว รุ่ยลาสะพายกระเป๋ารูปทรงกระต่าย ในมือถือตุ๊กตากระต่าย และอีกมือข้างกำลังจับราวบันได ร้องไห้พลางเดินลงไปชั้นล่างช้า ๆ ฟู่สือถิงเดินตามเธอไป แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็น สาวใช้ของตระกูลยืนอยู่หน้าบันไดชั้นหนึ่งต่างมองเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวออกด้วยสีหน้าตกตะลึง! “ฮือ ฮือ ฮือ...แม่กลับไปแล้วแน่เลย...หนูร้องไห้ดังขนาดนี้...แม่ยังไม่มาหาอีก...ฮือ!” เสียงร้องของรุ่ยลาเหมือนเสียงรถไฟที่กำลังเคลื่อนที่ เสียงดังเป็นจังหวะพักหนึ่ง “หนูน้อย เธอเป็นลูกสาวของฉินอันอันใช่ไหมจ้ะ?” ป้าจางเดินไปหารุ่ยลาแล้วอุ้มเธอลงไปชั้นล่าง ดวงตาของรุ่ยลาแดงก่ำ เธอเม้มปากเล็ก “แม่กับพี่ของหนูไปแล้วใช่ไห
“ทำไมใจร้ายขนาดนี้?! แม่สอนหนูอยู่แล้วว่าให้เคาะประตูเวลาเข้าบ้านคนอื่น! แต่แม่ไม่ได้บอกให้เคาะประตูเวลาเข้าบ้านคนชั่ว!” รุ่ยลาจ้องเธอด้วยดวงตาที่โตใสพลางตะโกนดังกว่าเขา เหมือนว่าเขากำลังแข่งว่าเสียงของใครดังและมีพลังมากกว่า ฟู่สือถิงกัดฟัน ‘คนชั่ว?’ ‘ใครสอนให้พูดคำนี้?’ “หนูไม่อยากมาบ้านคุณหรอก! หนูจะไปแล้ว!” รุ่ยล่าโมโห พลันลุกจากโซฟา ถือตุ๊กตากระต่ายไว้ในมือแล้วเดินไปที่ประตู!……ที่โรงพยาบาล หลังจากที่ฉินอันอันตรวจร่างกายเสร็จ เธอก็บอกให้ไมค์ช่วยโทรหาจางหยุน โทรศัพท์มือถือของเธอแบตเตอร์รี่หมด เธอต้องโทรบอกแม่ว่าเธอปลอดภัยแล้ว ไมค์หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมายื่นให้เธอ เมื่อโทรออก ก็มีคนรับสายอย่างรวดเร็ว ฉินอันอันยิ้มและพูดว่า “แม่ อันอันนะ หนูไม่เป็นไรค่ะ เมื่อวานหนูง่วงก็เลยหลับไป ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ตอนนี้หนูอยู่กับไมค์และเสี่ยวหาน เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้วค่ะ” จางหยุน “ดีเลย งั้นแม่จะไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้แหละ” ฉินอันอัน “โอ้ แม่ รุ่ยลาล่ะคะ? ฉันคิดถึงเธอจัง อยากได้ยินเสียงเธอ” จางหยุนตกใจมาก “ไมค์พารุ่ยลาไปหาลูกนี่นา! รุ่ยลาไม่ได้อยู่กับลูกเหรอ?!” สีหน้าของฉิ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินอันอันไปถึงบ้านตระกูลฟู่ เธอตรงเข้าไปห้องรับแขกทันทีโดยที่ไม่มีใครเข้ามาขวาง แต่ในห้องรับแขกกลับไม่มีใครเลย ฉินอันอันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “รุ่ยลา!” เธอตะโกน ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงหวานของรุ่ยลาก็ดังขึ้น “แม่! หนูอยู่นี่ค่ะ! แม่มาช่วยหนูเร็วเข้า! ไอ้ห่วยนี่มันจะตีหนู! ฮือฮือ!” ฉินอันอันเดินไปตามทางของเสียง ห้องรับประทานอาหาร รุ่ยล่าซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะอาหารด้วยท่าทางหวาดกลัวและวิตกกังวล หลังจากเห็นฉินอันอัน เธอก็ผ่อนคลายลง “รุ่ยลา! ทำไมลูกถึงไปซ่อนอยู่ใต้โต๊ะล่ะ? รีบออกมาเร็ว!” ฉินอันอันเดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งยอง ๆ ดึงลูกสาวของเธอออกมา รุ่ยลาโผตัวเข้าไปในอ้อมแขนของฉินอันอันด้วยดวงตาสีแดงพลางฟ้องเธอ “เขาจะตีหนูค่ะ ฮือฮือฮือ! หนูกลัว...หนูก็เลยไปแอบ! โชคดีที่หนูวิ่งเร็ว เขาถึงจับไม่ได้...ถ้าเขาจับได้ เขาจะต้องตีหนูจนตายแน่ ๆ เลยค่ะ!” แน่นอนว่าฉินอันอันไม่เชื่อสิ่งที่ลูกสาวของเธอพูด ‘ฟู่สือถิงจะตีเด็กได้ยังไง?’ ‘เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารุ่ยลาป็นลูกสาวของเขา’ “รุ่ยลา คุณลุงไม่ตีหนูหรอก” ฉินอันอันโน้มน้าว ฟู่สือถิง “เมื่อกี้ผมจะตีเธอจริง ๆ”
“ช่วงนี้คุณยุ่งอะไรนัก?” เขามองเธอด้วยสายตาเร่าร้อน หลังจากที่ฉินอันอันทำแผลให้เขาเสร็จแล้ว เธอก็หันหลังกลับไปเก็บกล่องยา เธอตอบสั้น ๆ “ยุ่งเรื่องงานค่ะ” “คุณโกหก ถ้าคุณยุ่งเรื่องงาน ทำไมไม่ไปบริษัทล่ะ?” ฟู่สือถิงนั่งตัวตรง ฝ่ามือใหญ่จับแขนเธอไว้ “ตอนนี้คุณทำตัวแปลก ๆ ผมตามไม่ทัน” ฉินอันอัน “แล้วทำไมคุณถึงต้องถามฉันให้ทันด้วยล่ะ? ฟู่สือถิง ฉันขอบคุณคุณมากเลยนะ ที่ช่วยฉันไว้เมื่อคืนนี้ ฉันสามารถเลี้ยงข้าวคุณได้...หรือจะให้ธงอีกอันคุณก็ได้” ฟู่สือถิงปล่อยแขนของเธอแล้วพูดด้วยความตกใจ “ผมไม่ได้ช่วยคุณเพราะผมอยากได้คำว่าขอบคุณ พาลูกสาวของคุณกลับไปเถอะ! และลูกชายตัวแสบของคุณ วันนี้เขาแฮกระบบไฟฟ้ากับอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ประตูหน้าบ้านผม ถ้าคุณไม่อบรมสั่งสอนเขาอีก ผมจะสั่งสอนให้เอง!” ฉินอันอันขอโทษ “ขอโทษค่ะ กลับไปฉันจะสั่งสอนเขาอย่างดีเลย ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก” ฉินอันอันวางกล่องยากลับที่เดิม และอุ้มรุ่ยลา เตรียมออกเดินทาง “ฉินอันอัน!” ฟู่สือถิงก้าวเข้ามาหาเธอแล้วยื่นกล่องกล่องหนึ่งให้เธอ “สุขสันต์วันเกิดนะ” ฉินอันอันลดเปลือกตาลงมองกล่องที่เขายื่นให้ ถึงจะไม่รู้
เสี่ยวหานมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสาของน้องสาว และทำลายจินตนาการของเธอ “สาเหตุที่คนชั่วเป็นคนชั่วก็เพราะพวกเขาสามารถรักผู้หญิงได้หลายคนในเวลาเดียวกัน อย่าหลงกลฟู่สือถิงคนใจร้ายนั่นเด็ดขาด” รุ่ยลารู้สึกผิดหวัง เธอไม่กล้าบอกพี่ชายว่า ถึงแม้ฟู่สือถิงจะเป็นคนเลว แต่เธอก็ถูกเขาดึงดูดโดยไม่รู้ตัว ...... หลังอาหารเย็น ฉินอันอันเรียกเสี่ยวหานไปคุยที่ห้องเป็นการส่วนตัว “เสี่ยวหาน ลูกรู้ใช่ไหมว่าแม่จะพูดเรื่องอะไร?” เสี่ยวหานก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร “ก่อนหน้านี้ลูกสัญญากับแม่ว่ายังไง? ลูกบอกว่าจะไม่ทำให้ฟู่สือถิงโกรธอีก แต่ลูกกลับทำไม่ได้” ฉินอันอันรู้สึกเสียใจ “แม่รู้ว่าวันนี้ลูกทำเพื่อต้องการตามหาแม่ แต่ลูกจะใช้วิธีนี้ไม่ได้...” “ผมขอโทษครับแม่” เสียวหานเงยหน้าขึ้นและขอโทษ “ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้แล้ว” “เสี่ยวหาน ฟู่สือถิงไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งด้วยง่าย ๆ อย่างที่ลูกเห็น แม่หย่ากับเขาแล้ว ถ้าวันหนึ่งเขาไม่รักแม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ลูกไปยุ่งกับเขาอีก เขาคงไม่ปล่อยให้เราออกมาง่าย ๆ หรอก...แม่แค่อยากมีชีวิตที่สงบสุขกับลูก รุ่ยลาแล้วก็คุณยายแค่นั้นเอง” “เข้าใจแล้วครับ” เสี่ยวหานก้มศี
ถ้าฉินอันอันสำนึกได้ เธอควรจะวางสายโทรศัพท์ทันที ตามที่คาดไว้ จู่ ๆ ฉินอันอันก็ได้สติเมื่อได้ยินเสียงขอเสิ่นอวี๋ “ฉันขอโทษที่รบกวนเวลาเดทของคุณ ฉันจะรับของขวัญชิ้นนี้ไว้และฉันจะไม่คืนของขวัญให้ และต่อไปก็ไม่ต้องให้ของอะไรฉันอีกแล้ว” พูดจบ เธอก็วางสายโทรศัพท์ไปโดยไม่รอคำตอบจากเขา ฟู่สือถิงฟังเสียงโทรศัพท์ตัดสสาย เขารู้สึกเหมือนถูกกรีดที่หัวใจ มันทั้งชาและเจ็บปวดอย่างมาก “สือถิง ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานฉินอันอันขังตัวเองอยู่ในรถ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?” เสิ่นอวี๋เริ่มถาม “อืม” ฟู่สือถิงไม่สนใจและไม่อยากพูดเรื่องฉินอันอันกับเธอ “คุณบอกว่ามีหมอมาแนะนำให้ผม ใครเหรอ?” เสิ่นอวี๋หยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าของเธอแล้วยื่นให้เขา “ฉันได้สอบถามมาแล้ว หมอคนนี้เป็นจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงในประเทศเอ สามารถนัดหมายเธอได้จนถึงปีหน้า ฉันอาศัยเส้นสายของฉันเพื่อทำนัดให้คุณในเช้าวันพุธ คุณลองพาอิ๋นอิ๋นไปหาดูนะคะ” ฟู่สือถิงเหลือบมองนามบัตรและเห็นว่าเป็นจิตแพทย์คนเดียวกับที่หมอประจำตระกูลของเขาแนะนำให้ ...... คฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ฉินอันอันออกมาจากห้องอาบน้ำแล้วเดินไปที่ห้องของเด็ก ๆ รุ่ยลากำลังดู
เสี่ยวหานปรับแสงโคมไฟข้างเตียงให้สว่างขึ้น สิ่งที่เทออกมาจากกล่องคือซีดีกับกระดาษแผ่นหนึ่ง รุ่ยลาเปิดกระดาษและจ้องไปที่ข้อความในนั้น เธอพยายามอ่านอยู่หลายครั้งแล้วส่งให้พี่ชายของเธอ “พี่คะ ข้างในเขียนว่าอะไรเหรอคะ? หนูอ่านไม่ออกค่ะ” เสี่ยวหานเหลือบมองเขาแล้วพูดด้วยท่าทางนิ่ง ๆ “ฉันก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน” ยังไงเขาก็เป็นแค่เด็กอนุบาล ข้อความพวกนี้ยากสำหรับเขา เพราะมีคำศัพท์เฉพาะมากมาย "แล้วนั่นคืออะไรคะ?” รุ่ยลาหยิบซีดีขึ้นมาแล้วมองจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ไม่รูปภาพหรือคำพูดอยู่บนแผ่นซีดีเลย เสี่ยวหานเห็นซีดีแล้วเริ่มสงสัย แต่ตอนนี้เขาไม่มีดน๊ตบุ๊คจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ “พี่ต้องเอามันไปใส่ในโน้ตบุ๊กก่อนถึงจะดูได้ใช่ไหมคะ?” รุ่ยลามีความคิดหนึ่งเกิดขึ้น “เรายืมโน้ตบุ๊กจากลุงไมค์ได้นี่คะ!” เสี่ยวหานมองแววตาที่ประกายแวววาวของน้องสาว “หนูจะไปยืมเองค่ะ! เดี๋ยวแม่โกรธพี่อีกถ้ารู้ว่าพี่เล่นโน้ตบุ๊ก!” รุ่ยลาพูดแล้ววิ่งไปที่ประตู เสี่ยวหานกลัวว่าเธอจะถือโน้ตบุ๊กไม่ไหว จึงรีบไล่ตามเธอไปทันที คืนนี้ไมค์ไม่ได้ไปคลับ ถ้าไปทั้งสภาพใบหน้ามีรอยช้ำทุกคนคงตกใจ เสี่ยวหานแล
ถ้าเธอรู้ว่ามีสองสิ่งนี้อยู่ข้างใน เธอคงไม่เสี่ยงเอากล่องนี้กลับมา อย่างไรก็ตาม นับว่าคงยากมากที่จะเอาไปคืนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ถ้าไม่มีเรื่องบังเอิญ เธอคงไม่กล้าไปบ้านพ่อจอมวายร้ายคนนั้นอีก ‘ช่างเถอะ! เก็บกล่องนี้ไว้ใต้เตียงก่อนแล้วกัน!’ ก็แค่ซีดีกับกระดาษแผ่นหนึ่ง ไม่ใช่ของสำคัญอะไรหรอก หลังจากที่เสี่ยวหานคืนโน๊ตบุ๊ค เขาก็กลับเข้าไปในห้อง รุ่ยลาผล็อยหลับไปแล้ว ในอีกห้องหนึ่ง ฉินอันอันนอนไม่หลับ อาจเป็นเพราะในระหว่างวัน เธอนอนมากเกินไป ตอนนี้เธอจึงตื่นตัวอย่างมาก คนตื่นตัวถ้าไม่มีอะไรทำก็จะเกิดความคิดฟุ้งซ่านได้ง่าย อย่างเช่น ตอนนี้เธอกำลังคิดถึงฟู่สือถิงอย่างบ้าคลั่ง ในสมองมีแต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา ในลมหายใจมีแต่กลิ่นกายของเขา เธอยังจำความรู้สึกและความอบอุ่นของผิวสัมผัสของเขาได้ ถ้าเมื่อคืนไม่มีเขา เธอคงตายหรือไม่ก็นอนอยู่ในห้องไอซียูไปแล้ว มีหลายอย่างที่เธออยากพูดแต่ก็ไม่กล้า เขาไม่ใช่สามีของเธอแล้ว เขามีอิ๋นอิ๋นในใจ และมีเสิ่นอวี๋อยู่ข้างกาย เธอเป็นแค่อดีตภรรยาของเขา ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีวันย้อนกลับมาได้ น้ำตาของเธอไหลออกมาจากหางตา เธอหลั
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง