ประตูรถของเธอล็อคอยู่! มีเพียงแค่กระจกรถที่กั้นเขากับเธอเอาไว้ แต่ว่าเขากลับไม่สามารถสัมผัสเธอได้ บอดี้การ์ดคว้าค้อนไฟมาแล้วทุบกระจกหน้ารถให้แตกออกจากนั้นก็กระโดดเข้าไปในรถ หลังจากเข้าไปในรถ บอดี้การ์ดก็ปลดล็อคระบบเซ็นทรัลล็อค ฟูสือถิงเปิดประตูรถแล้วอุ้มฉินอันอันออกมาจากรถ เธอไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกที่มองเห็นได้ แต่ว่าลมหายใจของเธอแผ่วเบามาก! ราวกับกำลังตกอยู่ในอาการโคม่า ไม่เช่นนั้นตอนที่บอดี้การ์ดทุบกระจกประตูเมื่อกี้ เธอก็น่าจะตื่นแล้ว ที่โรงพยาบาล หลังจากที่คุณหมอทำการตรวจฉินอันอันก็ได้กล่าวว่า “เธออยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากขาดออกซิเจน แต่ว่าพวกคุณส่งเธอมาที่นี่ทันเวลา เธอจึงไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไร กลับไปพักผ่อนดี ๆ พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เป็นไรแล้ว” ฟู่สือถิง “ทำไมเธอถึงขาดออกซิเจนได้? ผลตรวจเลือดไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆใช่ไหม?”“การตรวจเลือดของเธอแสดงให้เห็นว่าข้อมูลต่าง ๆ ค่อนข้างดี …ยกเว้นน้ำตาลในเลือดต่ำ และไม่มีปัญหาใหญ่อะไร” คุณหมอหยิบผลตรวจของเธอขึ้นมาดู จากนั้นก็ส่งให้ฟู่สือถิง “แล้วทำไมเธอยังหมดสติอยู่? เธอจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่? ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาจริง
“ความสัมพันธ์แบบเพื่อนไง” เว่ยเจินกล่าว “ลูกศิษย์หญิงของศาสตราจารย์หูมีจำนวนมากขนาดนั้น คุณไม่ได้ใกล้ชิดกับเสิ่นอวี๋แบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงพูดยั่วเขา “คุณชอบฉินอันอันใช่หรือเปล่า?” เว่ยเจินสัมผัสได้ถึงเจตนาของความศัตรูอันแข็งแกร่งของเขา“ฉินอันอันเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่กับใครไม่ได้เลยเหรอ?” เว่ยเจินยิ้มอย่างอ่อนโยนราวกับหยก “คุณฟู่ ที่คบกับเสิ่นอวี๋ ฉินอันอันเคยพูดอะไรหรือเปล่า?”ดวงตาของฟู่สือถิงเย็นยะเยือก “มีเรื่องหนึ่งที่แปลกมากสำหรับผม หลังจากที่ศาสตราจารย์หูเสียชีวิต ผมขอให้คุณช่วยตามหาว่าลูกศิษย์ที่ศาสตราจารย์หูพูดถึงคือใคร คุณกลับให้รายชื่อมาเท่านั้น ทำไมคุณไม่บอกผมตรง ๆ ว่าคน ๆ นั้นคือเสิ่นอวี๋? เสิ่นอวี๋บอกว่าเธอรู้จักคุณ คุณก็น่าจะรู้จักเธอใช่ไหม?” เว่ยเจินคิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ไร้สมองโดยสิ้นเชิง “แน่นอนว่าผมรู้จักเธอ เพียงแค่เธอเรียนจบไปหลายปีแล้ว ผมเลยไม่กล้าตัดสินทักษะทางการแพทย์ในปัจจุบันของเธอ ดังนั้นผมเลยให้รายชื่อกับคุณ ให้คุณไปค้นหาเอาเอง” ฟู่สือถิงไม่ยอมคล้อยตามคำตอบของเขา “ศาสตราจารย์หูไม่เคยพูดถึงเธอกับคุณเลยเหรอ? ศาสตราจารย์หูไม่กล้าผ่
หลังจากดิ้นรนอยู่หลายครั้ง สุดท้ายเธอก็ลืมตาไม่ได้ แต่เธอจำเสียงของฟู่สือถิงได้ ‘แต่เสียงผู้หญิงนั่นเป็นเสียงใคร?’ ‘เสียงแปลก ๆ...เรียกฟู่สือถิงว่าพี่...’ ‘หรือฟู่สือถิงจะทำอย่างว่าอยู่กับผู้หญิง?’ เหอะ เหอะ! เธอนอนหลับอยู่ดี ๆ แต่เขากำลังนัวเนียกับผู้หญิงอยู่ข้างเตียง ให้เกียรติกันหน่อยได้ไหม! ถ้าตอนนี้เธอตื่นจากโลกแห่งความฝันได้ เธอคงจะไล่พวกเขาทั้งสองออกไปแน่นอน! ฉินอันอันครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอเจ็บปวดใจและสะลึมสะลือจึงต้องตาหลับต่อ ฟู่สือถิงจับมืออิ๋นอิ๋นแล้วพาเธอไปนอนพัก หลังจากส่งอิ๋นอิ๋นเข้านอนแล้ว เขาก็กลับมาที่ห้อง ฉินอันนันพลิกตัว และยังคงนอนหลับสนิท ฟู่สือถิงรีบเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ...... เมื่อเสิ่นอวี๋ได้ยินว่าคืนนี้ฟู่สือถิงพาฉินอันอันกลับบ้าน ดวงตาของเธอพลันแดงก่ำด้วยความโกรธ แฟนตัวจริงของเขาคือใครกันแน่? เธอรู้ดีว่าเขายอมให้เธอเป็นแฟน เพื่อที่เธอจะได้รักษาอิ๋นอิ๋น แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ควรจะรักษาภาพพจน์บ้าง! พาฉินอันอันกลับบ้านในคืนนี้หมายความว่ายังไง! เขากำลังนอกใจเธออย่างเปิดเผยใช่ไหม? ความอับอายครั้งที่แล้วที่เธอนอนกับฟู่สือถ
เสี่ยวหานสีหน้าจริงจัง “ถ้าเราบอกคุณยาย ยายไม่ให้เราไปหาแม่แน่นอน” รุ่ยลาแก้มป่องและสับสน “ค่ะ...งั้นเราไปหาแม่กันเถอะ! ถ้าพ่อห่วย ๆ รังแกแม่ล่ะ?” เสี่ยวหานเม้มริมฝีปาก หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาก็ตัดสินใจ “ฉันจะไปคนเดียว เธออยู่บ้าน ถ้าคุณยายกลับมา เธอก็หาข้อแก้ตัวได้ตามใจเลย” หลังจากพูดจบ เสี่ยวหานก็ออกไปคนเดียว เมื่อดูประตูปิด รุ่ยลากระพริบตาขนตายาวของเธอ น้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้ม เธอจะปล่อยให้พี่ชายของเธอไปหาพ่อห่วย ๆ เพียงลำพังได้ยังไง? ‘ถ้าพี่โดยพ่อจับตัวไว้จะทำยังไง?’ เธอจะเสียพี่ชายไปไม่ได้! เธอร้องไห้และวิ่งไปเปิดประตูห้องไมค์ เปิดประตูเสร็จก็วิ่งไปที่เตียงใหญ่รก ๆ พลันคว้าแขนไมค์และร้องไห้หนักมาก “ลุงไมค์ ตื่นสิ พี่หนีไปแล้ว! เขาไปคนเดียว...เขาไม่พาหนูไปด้วย ฮือฮือฮือ…” ตระกูลฟู่ สาวใช้คนหนึ่งเดินออกมาจากห้องครัวแล้วถามว่า “ทำไมไฟดับคะ?” “ไม่เห็นได้รับแจ้งเหตุไฟดับ? ฉันไปเปิดเครื่องสำรองไฟก่อน” ป้าจางกล่าว หลังจากเปิดไฟสำรองแล้ว ไฟก็กลับมาติดปกติ หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ไฟสำรองก็ดับเหมือนกัน ฟู่สือถิงเดินลงไปชั้นล่าง ป้าจางจึงรายงานสถานการณ์ให
ทุกครั้งที่เห็นหน้าตาของเด็กคนนี้มันทำให้เขารู้สึกคุ้นมาก! เหมือนทะลุผ่านมิติเวลาไปเห็นตัวเองตอนเป็นเด็ก! เสี่ยวหานมองเขาแล้วมองไปทางอื่น ป้าจางสีหน้าตื่นตระหนกขณะถามเสี่ยวหาน “เสี่ยวหาน สาเหตุที่บ้านเราไฟดับเป็นเพราะเป็นเธอจริง ๆ เหรอ? เธอทำได้ยังไง? โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นของเธอหรือเปล่า? เธอเล่นคอมพิวเตอร์เป็นตั้งแต่อายุยังน้อยเลยเหรอ?” เสี่ยวหานเม้มริมฝีปากบางแล้วใส่โน๊ตบุ๊คกลับเข้าไปในกระเป๋านักเรียนเงียบ ๆ เขาสะพายกระเป๋านักเรียนก่อนเดินไปที่หน้าบันไดแล้วนั่งรอให้ฉินอันอันออกมา ป้าจางเหลือบมองฟู่สือถิง เขาหน้าถอดสี ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าเสี่ยวหานไม่ใช่เด็ก ตอนนี้เขาคงไม่ได้นั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงนั้น ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง บอดี้การ์ดที่อยู่นอกประตูก็มารายงานว่า “ประธานครับ มีชาวต่างชาติมาด้อมด้อมมองมองอยู่หน้าคฤหาสน์ครับ คุณต้องการจับเขามาสืบสวนไหมครับ?” ใบหน้าของไมค์แว๊บเข้ามาในหัวของเขาทันที เขาเดินไปที่ทางเข้าลานบ้าน ยังไม่ทันถึงทางเข้า เขาก็เห็นผมสีทองของไมค์ “ฉินอันอัน! เธอถูกกักบริเวณหรือเปล่า? ถ้าใช่ เธอกรีดร้องเลย! แค่เธอ
ตอนแรกเธอจะลงไปหาแม่ แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากในครัว! รุ่ยลาตกใจมากแต่ไม่กล้าเปล่งเสียงพลันรีบวิ่งตรงไปที่บันได หลังจากกลับขึ้นไปชั้นสอง เธอเกาะผนังและหายใจแรง เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ! คน ๆ นั้นขึ้นไปชั้นบน! รุ่ยลาตื่นตระหนกและวิ่งไปหาที่ซ่อน หลังจากนั้นไม่นาน ป้าจางก็ปรากฏตัวบนชั้นสองและเดินไปที่ห้องนอนใหญ่ ป้าจางมาหาฉินอันอัน ป้าจางกังวลเรื่องการแข่งขันระหว่างฟู่สือถิงและไมค์ ฟู่สือถิงเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อน แม้ว่าเขาจะหายดีแล้ว แต่หมอห้ามเขาออกกำลังกายหนัก ๆ ป้าจางไม่อยากเห็นฟู่สือถิงแพ้และโดนไมค์ต่อย เธอจึงทำได้เพียงไปหาฉินอันอัน เมื่อเปิดประตู ป้าจางก็เดินไปที่เตียง เมื่อเห็นใบหน้าที่กำลังหลับใหลของฉินอันอัน แต่เธอทนไม่ไหวอยากปลุกฉินอันอัน นอนเมื่อไหร่ก็นอนก็ได้ แต่ถ้าแข่งแพ้ไม่สามารถย้อนเวลากลับคืนมาได้แล้ว “อันอัน” ป้าสะใภ้จางพูดขณะเอื้อมมือไปตบไหล่ฉินอันอัน “อันอัน!” ฉินอันอันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเรียก “อันอัน ตื่นได้แล้ว” ป้าจางเพิ่มเสียง ฉินอันอันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และเมื่อเห็นป้าจางผ่านดวงตาที่ง่วงนอน มุมปากของเธอ
‘หรือว่าที่บ้านยังมีเด็กอีกคน’? ฟู่สือถิงอ้าปากค้าง! เขาเดินออกจากห้องและเห็นร่างเล็ก ๆ ของรุ่ยลาอยู่อีกฟากหนึ่งของบันไดกำลังร้องไห้! ‘ลูกสาวของฉินอันอัน!’ ‘ไร้สาระน่า!’ ‘ลูกสาวของเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่?’ ทำไมเขาถึงไม่รู้เลย! ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยที่สุดของบ้านหลังนี้ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยเหรอ? อ้าว! จู่ ๆ เขาก็จำได้ว่าระบบเครือข่ายที่บ้านเพิ่งซ่อมไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว รุ่ยลาสะพายกระเป๋ารูปทรงกระต่าย ในมือถือตุ๊กตากระต่าย และอีกมือข้างกำลังจับราวบันได ร้องไห้พลางเดินลงไปชั้นล่างช้า ๆ ฟู่สือถิงเดินตามเธอไป แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็น สาวใช้ของตระกูลยืนอยู่หน้าบันไดชั้นหนึ่งต่างมองเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวออกด้วยสีหน้าตกตะลึง! “ฮือ ฮือ ฮือ...แม่กลับไปแล้วแน่เลย...หนูร้องไห้ดังขนาดนี้...แม่ยังไม่มาหาอีก...ฮือ!” เสียงร้องของรุ่ยลาเหมือนเสียงรถไฟที่กำลังเคลื่อนที่ เสียงดังเป็นจังหวะพักหนึ่ง “หนูน้อย เธอเป็นลูกสาวของฉินอันอันใช่ไหมจ้ะ?” ป้าจางเดินไปหารุ่ยลาแล้วอุ้มเธอลงไปชั้นล่าง ดวงตาของรุ่ยลาแดงก่ำ เธอเม้มปากเล็ก “แม่กับพี่ของหนูไปแล้วใช่ไห
“ทำไมใจร้ายขนาดนี้?! แม่สอนหนูอยู่แล้วว่าให้เคาะประตูเวลาเข้าบ้านคนอื่น! แต่แม่ไม่ได้บอกให้เคาะประตูเวลาเข้าบ้านคนชั่ว!” รุ่ยลาจ้องเธอด้วยดวงตาที่โตใสพลางตะโกนดังกว่าเขา เหมือนว่าเขากำลังแข่งว่าเสียงของใครดังและมีพลังมากกว่า ฟู่สือถิงกัดฟัน ‘คนชั่ว?’ ‘ใครสอนให้พูดคำนี้?’ “หนูไม่อยากมาบ้านคุณหรอก! หนูจะไปแล้ว!” รุ่ยล่าโมโห พลันลุกจากโซฟา ถือตุ๊กตากระต่ายไว้ในมือแล้วเดินไปที่ประตู!……ที่โรงพยาบาล หลังจากที่ฉินอันอันตรวจร่างกายเสร็จ เธอก็บอกให้ไมค์ช่วยโทรหาจางหยุน โทรศัพท์มือถือของเธอแบตเตอร์รี่หมด เธอต้องโทรบอกแม่ว่าเธอปลอดภัยแล้ว ไมค์หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมายื่นให้เธอ เมื่อโทรออก ก็มีคนรับสายอย่างรวดเร็ว ฉินอันอันยิ้มและพูดว่า “แม่ อันอันนะ หนูไม่เป็นไรค่ะ เมื่อวานหนูง่วงก็เลยหลับไป ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ตอนนี้หนูอยู่กับไมค์และเสี่ยวหาน เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้วค่ะ” จางหยุน “ดีเลย งั้นแม่จะไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้แหละ” ฉินอันอัน “โอ้ แม่ รุ่ยลาล่ะคะ? ฉันคิดถึงเธอจัง อยากได้ยินเสียงเธอ” จางหยุนตกใจมาก “ไมค์พารุ่ยลาไปหาลูกนี่นา! รุ่ยลาไม่ได้อยู่กับลูกเหรอ?!” สีหน้าของฉิ