เมื่อเหลือบมองไปเห็นการทะเลาะวิวาทที่อยู่ไม่ไกล เขาก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้าไป แล้วก็พบว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ไมค์ถูกชายสองคนต่อยตี หนึ่งในนั้นคือ ฟู่สือถิง อดีตสามีของฉินอันอัน เว่ยเจินรีบดึงไมค์มาอยู่ข้างตัวเขาแล้วถามฟู่สือถิง “พวกคุณมาทำร้ายไมค์ทำไม?” ฟู่สือถิงมาที่นี่เมื่อสามนาทีก่อน เมื่อเห็นไมค์กดตัวโจวจื่ออี้ไว้ด้านล่างแล้วต่อย ความดันโลหิตเขาก็พุ่งสูง เข้าเตะไมค์จนหงายลงพื้นอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงหลังจากนั้นสถานการณ์ก็พลิกผัน กลายเป็นสองต่อหนึ่ง “คุณเว่ย เขาตีผู้ช่วยของผม” ฟู่สือถิงอธิบายพร้อมกับปัดฝุ่นบนตัว “ผู้ช่วยของผมร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ จึงอดที่จะช่วยเขาไม่ได้ ” เว่ยจินเห็นแว่นตาที่แตกของโจวจื่ออี้ ก็หันไปจ้องเขม็งใส่ไมค์ “อันอันปิดโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า” เว่ยเจินพูดกับไมค์ “ตอนนี้ผมจะไปหาเธอ คุณไปที่ห้องจัดเลี้ยงแล้วต้อนรับแขกอย่างจริงใจหรือไม่ก็ไปตามหาคนกับผม” ไมค์ระงับความโกรธเอาไว้ “ผมจะไปหาเธอกับคุณ!” ฟู่สือถิงก้าวยาว ๆ มาอยู่ตรงหน้าพวกเขา แล้วขวางทางเอาไว้ “เกิดอะไรขึ้นกับฉินอันอัน?” เว่ยเจิน “คุณฟู่ ตอนนี้พวกเราก็ยังไม่รู้สถ
ประตูรถของเธอล็อคอยู่! มีเพียงแค่กระจกรถที่กั้นเขากับเธอเอาไว้ แต่ว่าเขากลับไม่สามารถสัมผัสเธอได้ บอดี้การ์ดคว้าค้อนไฟมาแล้วทุบกระจกหน้ารถให้แตกออกจากนั้นก็กระโดดเข้าไปในรถ หลังจากเข้าไปในรถ บอดี้การ์ดก็ปลดล็อคระบบเซ็นทรัลล็อค ฟูสือถิงเปิดประตูรถแล้วอุ้มฉินอันอันออกมาจากรถ เธอไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกที่มองเห็นได้ แต่ว่าลมหายใจของเธอแผ่วเบามาก! ราวกับกำลังตกอยู่ในอาการโคม่า ไม่เช่นนั้นตอนที่บอดี้การ์ดทุบกระจกประตูเมื่อกี้ เธอก็น่าจะตื่นแล้ว ที่โรงพยาบาล หลังจากที่คุณหมอทำการตรวจฉินอันอันก็ได้กล่าวว่า “เธออยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากขาดออกซิเจน แต่ว่าพวกคุณส่งเธอมาที่นี่ทันเวลา เธอจึงไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไร กลับไปพักผ่อนดี ๆ พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เป็นไรแล้ว” ฟู่สือถิง “ทำไมเธอถึงขาดออกซิเจนได้? ผลตรวจเลือดไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆใช่ไหม?”“การตรวจเลือดของเธอแสดงให้เห็นว่าข้อมูลต่าง ๆ ค่อนข้างดี …ยกเว้นน้ำตาลในเลือดต่ำ และไม่มีปัญหาใหญ่อะไร” คุณหมอหยิบผลตรวจของเธอขึ้นมาดู จากนั้นก็ส่งให้ฟู่สือถิง “แล้วทำไมเธอยังหมดสติอยู่? เธอจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่? ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาจริง
“ความสัมพันธ์แบบเพื่อนไง” เว่ยเจินกล่าว “ลูกศิษย์หญิงของศาสตราจารย์หูมีจำนวนมากขนาดนั้น คุณไม่ได้ใกล้ชิดกับเสิ่นอวี๋แบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?” ฟู่สือถิงพูดยั่วเขา “คุณชอบฉินอันอันใช่หรือเปล่า?” เว่ยเจินสัมผัสได้ถึงเจตนาของความศัตรูอันแข็งแกร่งของเขา“ฉินอันอันเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่กับใครไม่ได้เลยเหรอ?” เว่ยเจินยิ้มอย่างอ่อนโยนราวกับหยก “คุณฟู่ ที่คบกับเสิ่นอวี๋ ฉินอันอันเคยพูดอะไรหรือเปล่า?”ดวงตาของฟู่สือถิงเย็นยะเยือก “มีเรื่องหนึ่งที่แปลกมากสำหรับผม หลังจากที่ศาสตราจารย์หูเสียชีวิต ผมขอให้คุณช่วยตามหาว่าลูกศิษย์ที่ศาสตราจารย์หูพูดถึงคือใคร คุณกลับให้รายชื่อมาเท่านั้น ทำไมคุณไม่บอกผมตรง ๆ ว่าคน ๆ นั้นคือเสิ่นอวี๋? เสิ่นอวี๋บอกว่าเธอรู้จักคุณ คุณก็น่าจะรู้จักเธอใช่ไหม?” เว่ยเจินคิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ไร้สมองโดยสิ้นเชิง “แน่นอนว่าผมรู้จักเธอ เพียงแค่เธอเรียนจบไปหลายปีแล้ว ผมเลยไม่กล้าตัดสินทักษะทางการแพทย์ในปัจจุบันของเธอ ดังนั้นผมเลยให้รายชื่อกับคุณ ให้คุณไปค้นหาเอาเอง” ฟู่สือถิงไม่ยอมคล้อยตามคำตอบของเขา “ศาสตราจารย์หูไม่เคยพูดถึงเธอกับคุณเลยเหรอ? ศาสตราจารย์หูไม่กล้าผ่
หลังจากดิ้นรนอยู่หลายครั้ง สุดท้ายเธอก็ลืมตาไม่ได้ แต่เธอจำเสียงของฟู่สือถิงได้ ‘แต่เสียงผู้หญิงนั่นเป็นเสียงใคร?’ ‘เสียงแปลก ๆ...เรียกฟู่สือถิงว่าพี่...’ ‘หรือฟู่สือถิงจะทำอย่างว่าอยู่กับผู้หญิง?’ เหอะ เหอะ! เธอนอนหลับอยู่ดี ๆ แต่เขากำลังนัวเนียกับผู้หญิงอยู่ข้างเตียง ให้เกียรติกันหน่อยได้ไหม! ถ้าตอนนี้เธอตื่นจากโลกแห่งความฝันได้ เธอคงจะไล่พวกเขาทั้งสองออกไปแน่นอน! ฉินอันอันครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอเจ็บปวดใจและสะลึมสะลือจึงต้องตาหลับต่อ ฟู่สือถิงจับมืออิ๋นอิ๋นแล้วพาเธอไปนอนพัก หลังจากส่งอิ๋นอิ๋นเข้านอนแล้ว เขาก็กลับมาที่ห้อง ฉินอันนันพลิกตัว และยังคงนอนหลับสนิท ฟู่สือถิงรีบเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ...... เมื่อเสิ่นอวี๋ได้ยินว่าคืนนี้ฟู่สือถิงพาฉินอันอันกลับบ้าน ดวงตาของเธอพลันแดงก่ำด้วยความโกรธ แฟนตัวจริงของเขาคือใครกันแน่? เธอรู้ดีว่าเขายอมให้เธอเป็นแฟน เพื่อที่เธอจะได้รักษาอิ๋นอิ๋น แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ควรจะรักษาภาพพจน์บ้าง! พาฉินอันอันกลับบ้านในคืนนี้หมายความว่ายังไง! เขากำลังนอกใจเธออย่างเปิดเผยใช่ไหม? ความอับอายครั้งที่แล้วที่เธอนอนกับฟู่สือถ
เสี่ยวหานสีหน้าจริงจัง “ถ้าเราบอกคุณยาย ยายไม่ให้เราไปหาแม่แน่นอน” รุ่ยลาแก้มป่องและสับสน “ค่ะ...งั้นเราไปหาแม่กันเถอะ! ถ้าพ่อห่วย ๆ รังแกแม่ล่ะ?” เสี่ยวหานเม้มริมฝีปาก หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาก็ตัดสินใจ “ฉันจะไปคนเดียว เธออยู่บ้าน ถ้าคุณยายกลับมา เธอก็หาข้อแก้ตัวได้ตามใจเลย” หลังจากพูดจบ เสี่ยวหานก็ออกไปคนเดียว เมื่อดูประตูปิด รุ่ยลากระพริบตาขนตายาวของเธอ น้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้ม เธอจะปล่อยให้พี่ชายของเธอไปหาพ่อห่วย ๆ เพียงลำพังได้ยังไง? ‘ถ้าพี่โดยพ่อจับตัวไว้จะทำยังไง?’ เธอจะเสียพี่ชายไปไม่ได้! เธอร้องไห้และวิ่งไปเปิดประตูห้องไมค์ เปิดประตูเสร็จก็วิ่งไปที่เตียงใหญ่รก ๆ พลันคว้าแขนไมค์และร้องไห้หนักมาก “ลุงไมค์ ตื่นสิ พี่หนีไปแล้ว! เขาไปคนเดียว...เขาไม่พาหนูไปด้วย ฮือฮือฮือ…” ตระกูลฟู่ สาวใช้คนหนึ่งเดินออกมาจากห้องครัวแล้วถามว่า “ทำไมไฟดับคะ?” “ไม่เห็นได้รับแจ้งเหตุไฟดับ? ฉันไปเปิดเครื่องสำรองไฟก่อน” ป้าจางกล่าว หลังจากเปิดไฟสำรองแล้ว ไฟก็กลับมาติดปกติ หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ไฟสำรองก็ดับเหมือนกัน ฟู่สือถิงเดินลงไปชั้นล่าง ป้าจางจึงรายงานสถานการณ์ให
ทุกครั้งที่เห็นหน้าตาของเด็กคนนี้มันทำให้เขารู้สึกคุ้นมาก! เหมือนทะลุผ่านมิติเวลาไปเห็นตัวเองตอนเป็นเด็ก! เสี่ยวหานมองเขาแล้วมองไปทางอื่น ป้าจางสีหน้าตื่นตระหนกขณะถามเสี่ยวหาน “เสี่ยวหาน สาเหตุที่บ้านเราไฟดับเป็นเพราะเป็นเธอจริง ๆ เหรอ? เธอทำได้ยังไง? โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นของเธอหรือเปล่า? เธอเล่นคอมพิวเตอร์เป็นตั้งแต่อายุยังน้อยเลยเหรอ?” เสี่ยวหานเม้มริมฝีปากบางแล้วใส่โน๊ตบุ๊คกลับเข้าไปในกระเป๋านักเรียนเงียบ ๆ เขาสะพายกระเป๋านักเรียนก่อนเดินไปที่หน้าบันไดแล้วนั่งรอให้ฉินอันอันออกมา ป้าจางเหลือบมองฟู่สือถิง เขาหน้าถอดสี ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าเสี่ยวหานไม่ใช่เด็ก ตอนนี้เขาคงไม่ได้นั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงนั้น ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง บอดี้การ์ดที่อยู่นอกประตูก็มารายงานว่า “ประธานครับ มีชาวต่างชาติมาด้อมด้อมมองมองอยู่หน้าคฤหาสน์ครับ คุณต้องการจับเขามาสืบสวนไหมครับ?” ใบหน้าของไมค์แว๊บเข้ามาในหัวของเขาทันที เขาเดินไปที่ทางเข้าลานบ้าน ยังไม่ทันถึงทางเข้า เขาก็เห็นผมสีทองของไมค์ “ฉินอันอัน! เธอถูกกักบริเวณหรือเปล่า? ถ้าใช่ เธอกรีดร้องเลย! แค่เธอ
ตอนแรกเธอจะลงไปหาแม่ แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากในครัว! รุ่ยลาตกใจมากแต่ไม่กล้าเปล่งเสียงพลันรีบวิ่งตรงไปที่บันได หลังจากกลับขึ้นไปชั้นสอง เธอเกาะผนังและหายใจแรง เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ! คน ๆ นั้นขึ้นไปชั้นบน! รุ่ยลาตื่นตระหนกและวิ่งไปหาที่ซ่อน หลังจากนั้นไม่นาน ป้าจางก็ปรากฏตัวบนชั้นสองและเดินไปที่ห้องนอนใหญ่ ป้าจางมาหาฉินอันอัน ป้าจางกังวลเรื่องการแข่งขันระหว่างฟู่สือถิงและไมค์ ฟู่สือถิงเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อน แม้ว่าเขาจะหายดีแล้ว แต่หมอห้ามเขาออกกำลังกายหนัก ๆ ป้าจางไม่อยากเห็นฟู่สือถิงแพ้และโดนไมค์ต่อย เธอจึงทำได้เพียงไปหาฉินอันอัน เมื่อเปิดประตู ป้าจางก็เดินไปที่เตียง เมื่อเห็นใบหน้าที่กำลังหลับใหลของฉินอันอัน แต่เธอทนไม่ไหวอยากปลุกฉินอันอัน นอนเมื่อไหร่ก็นอนก็ได้ แต่ถ้าแข่งแพ้ไม่สามารถย้อนเวลากลับคืนมาได้แล้ว “อันอัน” ป้าสะใภ้จางพูดขณะเอื้อมมือไปตบไหล่ฉินอันอัน “อันอัน!” ฉินอันอันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเรียก “อันอัน ตื่นได้แล้ว” ป้าจางเพิ่มเสียง ฉินอันอันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และเมื่อเห็นป้าจางผ่านดวงตาที่ง่วงนอน มุมปากของเธอ
‘หรือว่าที่บ้านยังมีเด็กอีกคน’? ฟู่สือถิงอ้าปากค้าง! เขาเดินออกจากห้องและเห็นร่างเล็ก ๆ ของรุ่ยลาอยู่อีกฟากหนึ่งของบันไดกำลังร้องไห้! ‘ลูกสาวของฉินอันอัน!’ ‘ไร้สาระน่า!’ ‘ลูกสาวของเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่?’ ทำไมเขาถึงไม่รู้เลย! ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยที่สุดของบ้านหลังนี้ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยเหรอ? อ้าว! จู่ ๆ เขาก็จำได้ว่าระบบเครือข่ายที่บ้านเพิ่งซ่อมไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว รุ่ยลาสะพายกระเป๋ารูปทรงกระต่าย ในมือถือตุ๊กตากระต่าย และอีกมือข้างกำลังจับราวบันได ร้องไห้พลางเดินลงไปชั้นล่างช้า ๆ ฟู่สือถิงเดินตามเธอไป แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็น สาวใช้ของตระกูลยืนอยู่หน้าบันไดชั้นหนึ่งต่างมองเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวออกด้วยสีหน้าตกตะลึง! “ฮือ ฮือ ฮือ...แม่กลับไปแล้วแน่เลย...หนูร้องไห้ดังขนาดนี้...แม่ยังไม่มาหาอีก...ฮือ!” เสียงร้องของรุ่ยลาเหมือนเสียงรถไฟที่กำลังเคลื่อนที่ เสียงดังเป็นจังหวะพักหนึ่ง “หนูน้อย เธอเป็นลูกสาวของฉินอันอันใช่ไหมจ้ะ?” ป้าจางเดินไปหารุ่ยลาแล้วอุ้มเธอลงไปชั้นล่าง ดวงตาของรุ่ยลาแดงก่ำ เธอเม้มปากเล็ก “แม่กับพี่ของหนูไปแล้วใช่ไห
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง