ตอนนี้เธออาศัยฟู่สือถิงเพื่อยกระดับทางชนชั้นการเป็นหมอเก่ง ๆ สู้เป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ในวงสังคมไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเข้าใจทักษะทางการแพทย์ของตัวเองดี เธอไม่มีทางเก่งได้เท่ากับศาสตราจารย์หูชิง หากยังทำงานด้านการแพทย์ต่อไป พื้นที่สำหรับความก้าวหน้าของเธอก็มีเจอทางตันแต่การแต่งงานกับฟู่สือถิงนั้นต่างออกไปถึงตอนนั้นทุกคนจะต้องอิจฉาเธอห้องหนังสือ ฟู่สือถิงนั่งลงได้ไม่นาน เซิ่งเป่ยก็โทรเข้ามา “สือถิง วันนี้การสอบสวนที่โรงเรียนของนายเป็นยังไงบ้าง?” “ในกระเป๋านักเรียนของเขาไม่มีแล็ปท็อปมาด้วย ฉินอันอันน่าจะเก็บมันไว้ให้เขา” เซิ่งเป่ยตะโกนอย่างตื่นเต้น “ดูเหมือนลูกชายของฉินอันอันจะเป็นคนทำสินะ! เขาไม่ได้อายุสี่ขวบกว่า ๆ เหรอ? หรือว่านี่คือเด็กที่เรียกว่าอัจริยะใช่ไหม?” ฟู่สือถิงไม่ตอบ “สือถิง นายวางแผนจะจัดการเด็กคนนี้ยังไง?” เซิ่งเป่ยรู้สึกว่าละครเรื่องนี้น่าสนุกเป็นพิเศษ มันคงน่าเบื่อ ถ้าหากแฮกเกอร์คนนั้นเป็นตาลุงนั่งเกาเท้าอยู่หน้าคอม ใครจะคิดล่ะว่าคนที่ทำให้เครือข่ายของเอสทีกรุ๊ปเป็นอัมพาตจะเป็นหนูน้อยน่ารักคนหนึ่ง? “ทำไมเขาถึงท้าให้นายไปบีบคอเขาด้วยล่ะ?” เซิ
วิลล่าสตาร์ริเวอร์ มื้อเย็น “อันอัน เว่ยเจินมาหาแม่เมื่อตอนบ่าย” จางหยุนยิ้มแย้ม “เขาบอกว่าจากนี้จะลงหลักปักฐานที่นี่…” ฉินอันอันมองรอยยิ้มบนหน้าของแม่ และเดาได้ว่าเธออยากจะพูดอะไร “แม่ หนูรู้ว่าแม่อยากให้หนูรีบหาผู้ชายแต่งงานด้วยไว ๆ แต่หนูขอร้องนะคะ อย่าทำท่าทางแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น ไม่อย่างนั้นคนจะนึกว่าหนูอยากแต่งงานจนตัวสั่น!” ฉินอันอันพูดแกมขอร้อง “หนูเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่า ๆ เอง อายุยังไม่มาก! ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องมุมานะบากบั่นเพื่ออาชีพการงาน ไว้หนูประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง แม่อยากจะได้หนุ่มหล่อแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น” รอยยิ้มบนใบหน้าจางหยุนหายไป “แม่ไม่ได้เร่งรัดลูก…แม่แค่คิดว่าเว่ยเจินเป็นคนดีจริง ๆ ตอนลูกไปเมืองนอกก่อนหน้านี้ เว่ยเจินดูแลลูกเป็นอย่างดี! ทำไมลูกไม่คิดถึงความดีของเขาบ้างล่ะ?” ฉินอันอัน “ใครดีกับหนู หนูก็ต้องอุทิศชีวิตให้งั้นเหรอคะ? ศาสตราจารย์หูชิงดีกับหนูยิ่งกว่านี้อีก!” จางหยุน “…ได้! ลูกก็แกล้งตาบอดไปเถอะ! เว่ยเจินนั้นดีจริง ๆ ถ้าลูกพลาดโอกาสไปแล้ว ลูกอาจจะหาผู้ชายที่ดีขนาดนี้ไม่ได้อีกแล้วในอนาคต” “แม่มั่นใจในตัวหนูหน่อยได้ไหมคะ? จากนี้จะต้องมีผู้
ตอนกลางวัน เซิ่งเป่ยเอารูปถ่ายของเว่ยเจินกับฉินอันอันให้ฟู่สือถิงดู “แฟนใหม่ของฉินอันอัน” ฟู่สือถิงเหลือบมองรูปถ่าย ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ลึกลงกว่าเดิม “นี่คือผู้ช่วยของศาสตราจารย์หูใช่ไหม?”เขาหยิบโทรศัพท์ของเซิ่งเป่ยขึ้นมาแล้วขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น “นายรู้จักผู้ชายคนนี้งั้นเหรอ?” เซิ่งเป่ยพูดอย่างตื่นเต้น “ว่ากันว่าฉินอันอันมากับผู้ชายคนนี้ เดินเที่ยวชมฉินกรุ๊ปตลอดช่วงเช้า ทั้งสองเดินใกล้กันมาก แถมยังพูดคุยหัวเราะกันตลอดเวลา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูสนิทสนมกันเป็นพิเศษ” ฟู่สือถิงคืนโทรศัพท์ให้เซิ่งเป่ย “ฉันรู้จักผู้ชายคนนี้” “อ้อ ฉันคิดว่าพอมองดูแล้วพวกเขาเหมาะสมกันดี” เซิ่งเป่ยเห็นเขาไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ จึงจงใจพูด “บุคลิกพวกเขาสองคน คนหนึ่งสงบนิ่ง คนหนึ่งก็สง่า…” ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ใช้คำพูดทิ่มแทงกัน นี่จะพูดไม่ได้เลยใช่ไหม?” “กล่าวหากันนี่! ฉันก็แค่เห็นนายเลือกเครื่องประดับให้ฉินอันอันแล้วรู้สึกว่านายยังรักเธออยู่” เซิ่งเป่ยพูดติดตลก “นายรู้สึกว่าสร้อยคอ ต่างหู กำไล แหวน เป็นของที่มีไว้มอบให้คู่รัก ดังนั้นนายก็เลยให้ไม่ได้ พอนายคิดว่าง
คำพูดของเสิ่นอวี๋ทำให้ฉินอันอันตกตะลึง“ถ้าฉันเดาไม่ผิด เด็กสองคนนี้น่าจะเป็นลูกของคุณกับฟู่สือถิง” เสียงหัวเราะของเสิ่นอวี๋ดังผ่านคลื่นไฟฟ้าลอดออกมา ฉินอันอันรู้สึกหนาวถึงกระดูก “ข้อมูลการอุปการะบุตรบุญธรรมไม่มีทางรั่วไหลออกมาข้างนอกได้!” เธอกำนิ้วแน่นและตอบโต้เสิ่นอวี๋ “ใช่! โดยทั่วไปแล้ว ข้อมูลการอุปการะบุตรบุญธรรมจะไม่รั่วไหลออกมาข้างนอก แต่ว่าพ่อของฉันไม่ใช่คนธรรมดา” เสิ่นอวี๋ยิ้มอย่างภาคภูมิใจและเย่อหยิ่ง “เส้นสายของพ่อฉันที่ประเทศบี พิสูจน์ได้ว่าเธอโกหก! ฉินอันอัน ฉันได้ยินว่าสือถิงเกลียดเด็กและยังตั้งใจจะไม่มีลูกอย่างเด็ดขาดด้วย ถ้าเขารู้ว่าลูกทั้งสองคนของคุณเป็นลูกของเขา ไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไง!” “เสิ่นอวี๋! อย่าให้มันมากเกินไปนัก!” ฉินอันอันพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันมากเกินไปหรือว่าคุณมากเกินไปกันแน่?! ตอนนี้ฟู่สือถิงเป็นแฟนของฉัน! คุณเป็นเมียเก่าของเขา! พวกคุณสองคนหย่ากันแล้ว! ทำไมคุณถึงยังคอยป้วนเปี้ยนอยุ่ในชีวิตของเราสองคนไม่จากไปไหนสักที?” เสียงของเสิ่นอวี๋แหลมชัดกว่าเธอ “ฉันจะช่วยคุณเก็บเป็นความลับ โดยมีเงื่อนไขว่าจากนี้คุณกับฟู่สือถิงจะต้องไม่พบกันอีก!” เสิ่นอวี๋
ตัวเธอสั่นราวกับแผ้นดินไหว“คุณ! คุณ…” ในสมองของเสิ่นอวี๋ส่งเสียงดังหึ่ง ใบหน้าเดี๋ยวแดง เดี๋ยวม่วง “วันนั้นฉันเองก็อยู่ที่โรงพยาบาลตี้ซานด้วยและได้เห็นคนที่ผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋นโดยบังเอิญ” ฉินอันอันมองดูความหวาดกลัวและวิตกกังวลบนหน้าเธอ น้ำเสียงของเธอเข้มขึ้น “คุณคิดจะข่มขู่ฉัน คุณควรไตร่ตรองดูให้ดี ว่าคุณสามารถยอมรับผลที่ตามของการถูกทิ้งได้หรือเปล่า?” เวลานี้ น้ำผลไม้และของว่างถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ ฉินอันอันกินน้ำชายามบ่ายอย่างสบาย ๆ “ฉินอันอัน ฉันประเมินคุณต่ำไป!” เสิ่นอวี๋เปลี่ยนจากความเชื่อมั่นในชัยชนะกลายเป็นทำอะไรไม่ได้เลย ทว่าก็เป็นเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น “พวกเราเสมอกันแล้ว! อย่างนั้นก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกัน! ฉันไม่บอกความลับของคุณกับสือถิง หวังว่าคุณจะเก็บเป็นความลับเช่นกัน!” “เมื่อกี้ไม่ได้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?” ฉินอันอันล้อเลียนเธอ “มีเบี้ยต่อรองนิดหน่อยก็เปิดเผยโฉมหน้าผู้ร้ายออกมาได้แล้ว จิตใจคุณเป็นแบบนี้แล้วจะค้นคว้าวิจัยอะไรได้ยังไง? ต่อให้ผ่านไปอีกสิบปี คุณก็ไม่มีทางรักษาอาการป่วยของอิ๋นอิ๋นได้หรอก” “คุณไม่มีสิทธิ์มาโจมตีฉัน! เว้นแต่ทักษะทางการแพทย์ของคุณจะสู
ฉินอันอันจองห้องจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่เหรอไง? เขาก็เลยจองห้องจัดเลี้ยงเล็ก ๆ ข้าง ๆ เธอ เขาอยากเห็น ว่างานเลี้ยงฉลองวันเกิดครั้งใหญ่ของเธอจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน ......สุดสัปดาห์ คนที่ได้รับเชิญมางานวันเกิด พวกเขาเข้ามาที่ในห้องจัดเลี้ยงสตาร์มูนซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุด โรงแรมแชงกรีล่าทีละคน “ทำไมอันอันยังไม่มาล่ะ?” หลีเสี่ยวเถียนถามไมค์หลังจากเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง “ฉันส่งข้อความหาเธอเมื่อคืนนี้ จนถึงตอนนี้ยังไม่ตอบกลับเลย” ไมค์ยักไหล่แล้วอธิบาย “ช่วงนี้เธอยุ่งมาก ผมเองก็ไม่รู้ว่ายุ่งเรื่องอะไร แต่ว่าผมส่งที่ตำแหน่งที่ตั้งให้เธอไปตั้งนานแล้ว แล้วเธอก็สัญญาแล้วว่าจะมา” หลีเสี่ยวเถียน “อ้อ…เธอยุ่งอยู่กับงานของบริษัทงั้นหรือ?” ไมค์ “”ไม่ใช่นะ! แต่ว่าเธอยุ่งอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกคนล้วนแต่มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ถึงแม้ว่าผมกับเธอจะสนิทกันเหมือนพี่สาวน้องสาว เอ่อ…สนิทกันเหมือนพี่ชายน้องสาว…แต่เรื่องที่เธอไม่อยากให้ผมรู้ ผมเองก็จะไม่บังคับถามเอากับเธอเช่นกัน”หลีเสี่ยวเถียน “อ้อ…ในเมื่อเธอยุ่งขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนจัดงานเลี้ยงวันเกิดล่ะ?” ไมค์ “ผ
เมื่อเหลือบมองไปเห็นการทะเลาะวิวาทที่อยู่ไม่ไกล เขาก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้าไป แล้วก็พบว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ไมค์ถูกชายสองคนต่อยตี หนึ่งในนั้นคือ ฟู่สือถิง อดีตสามีของฉินอันอัน เว่ยเจินรีบดึงไมค์มาอยู่ข้างตัวเขาแล้วถามฟู่สือถิง “พวกคุณมาทำร้ายไมค์ทำไม?” ฟู่สือถิงมาที่นี่เมื่อสามนาทีก่อน เมื่อเห็นไมค์กดตัวโจวจื่ออี้ไว้ด้านล่างแล้วต่อย ความดันโลหิตเขาก็พุ่งสูง เข้าเตะไมค์จนหงายลงพื้นอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงหลังจากนั้นสถานการณ์ก็พลิกผัน กลายเป็นสองต่อหนึ่ง “คุณเว่ย เขาตีผู้ช่วยของผม” ฟู่สือถิงอธิบายพร้อมกับปัดฝุ่นบนตัว “ผู้ช่วยของผมร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ จึงอดที่จะช่วยเขาไม่ได้ ” เว่ยจินเห็นแว่นตาที่แตกของโจวจื่ออี้ ก็หันไปจ้องเขม็งใส่ไมค์ “อันอันปิดโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า” เว่ยเจินพูดกับไมค์ “ตอนนี้ผมจะไปหาเธอ คุณไปที่ห้องจัดเลี้ยงแล้วต้อนรับแขกอย่างจริงใจหรือไม่ก็ไปตามหาคนกับผม” ไมค์ระงับความโกรธเอาไว้ “ผมจะไปหาเธอกับคุณ!” ฟู่สือถิงก้าวยาว ๆ มาอยู่ตรงหน้าพวกเขา แล้วขวางทางเอาไว้ “เกิดอะไรขึ้นกับฉินอันอัน?” เว่ยเจิน “คุณฟู่ ตอนนี้พวกเราก็ยังไม่รู้สถ
ประตูรถของเธอล็อคอยู่! มีเพียงแค่กระจกรถที่กั้นเขากับเธอเอาไว้ แต่ว่าเขากลับไม่สามารถสัมผัสเธอได้ บอดี้การ์ดคว้าค้อนไฟมาแล้วทุบกระจกหน้ารถให้แตกออกจากนั้นก็กระโดดเข้าไปในรถ หลังจากเข้าไปในรถ บอดี้การ์ดก็ปลดล็อคระบบเซ็นทรัลล็อค ฟูสือถิงเปิดประตูรถแล้วอุ้มฉินอันอันออกมาจากรถ เธอไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกที่มองเห็นได้ แต่ว่าลมหายใจของเธอแผ่วเบามาก! ราวกับกำลังตกอยู่ในอาการโคม่า ไม่เช่นนั้นตอนที่บอดี้การ์ดทุบกระจกประตูเมื่อกี้ เธอก็น่าจะตื่นแล้ว ที่โรงพยาบาล หลังจากที่คุณหมอทำการตรวจฉินอันอันก็ได้กล่าวว่า “เธออยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากขาดออกซิเจน แต่ว่าพวกคุณส่งเธอมาที่นี่ทันเวลา เธอจึงไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไร กลับไปพักผ่อนดี ๆ พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เป็นไรแล้ว” ฟู่สือถิง “ทำไมเธอถึงขาดออกซิเจนได้? ผลตรวจเลือดไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆใช่ไหม?”“การตรวจเลือดของเธอแสดงให้เห็นว่าข้อมูลต่าง ๆ ค่อนข้างดี …ยกเว้นน้ำตาลในเลือดต่ำ และไม่มีปัญหาใหญ่อะไร” คุณหมอหยิบผลตรวจของเธอขึ้นมาดู จากนั้นก็ส่งให้ฟู่สือถิง “แล้วทำไมเธอยังหมดสติอยู่? เธอจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่? ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาจริง
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง