ตอนนี้เธออาศัยฟู่สือถิงเพื่อยกระดับทางชนชั้นการเป็นหมอเก่ง ๆ สู้เป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ในวงสังคมไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเข้าใจทักษะทางการแพทย์ของตัวเองดี เธอไม่มีทางเก่งได้เท่ากับศาสตราจารย์หูชิง หากยังทำงานด้านการแพทย์ต่อไป พื้นที่สำหรับความก้าวหน้าของเธอก็มีเจอทางตันแต่การแต่งงานกับฟู่สือถิงนั้นต่างออกไปถึงตอนนั้นทุกคนจะต้องอิจฉาเธอห้องหนังสือ ฟู่สือถิงนั่งลงได้ไม่นาน เซิ่งเป่ยก็โทรเข้ามา “สือถิง วันนี้การสอบสวนที่โรงเรียนของนายเป็นยังไงบ้าง?” “ในกระเป๋านักเรียนของเขาไม่มีแล็ปท็อปมาด้วย ฉินอันอันน่าจะเก็บมันไว้ให้เขา” เซิ่งเป่ยตะโกนอย่างตื่นเต้น “ดูเหมือนลูกชายของฉินอันอันจะเป็นคนทำสินะ! เขาไม่ได้อายุสี่ขวบกว่า ๆ เหรอ? หรือว่านี่คือเด็กที่เรียกว่าอัจริยะใช่ไหม?” ฟู่สือถิงไม่ตอบ “สือถิง นายวางแผนจะจัดการเด็กคนนี้ยังไง?” เซิ่งเป่ยรู้สึกว่าละครเรื่องนี้น่าสนุกเป็นพิเศษ มันคงน่าเบื่อ ถ้าหากแฮกเกอร์คนนั้นเป็นตาลุงนั่งเกาเท้าอยู่หน้าคอม ใครจะคิดล่ะว่าคนที่ทำให้เครือข่ายของเอสทีกรุ๊ปเป็นอัมพาตจะเป็นหนูน้อยน่ารักคนหนึ่ง? “ทำไมเขาถึงท้าให้นายไปบีบคอเขาด้วยล่ะ?” เซิ
วิลล่าสตาร์ริเวอร์ มื้อเย็น “อันอัน เว่ยเจินมาหาแม่เมื่อตอนบ่าย” จางหยุนยิ้มแย้ม “เขาบอกว่าจากนี้จะลงหลักปักฐานที่นี่…” ฉินอันอันมองรอยยิ้มบนหน้าของแม่ และเดาได้ว่าเธออยากจะพูดอะไร “แม่ หนูรู้ว่าแม่อยากให้หนูรีบหาผู้ชายแต่งงานด้วยไว ๆ แต่หนูขอร้องนะคะ อย่าทำท่าทางแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น ไม่อย่างนั้นคนจะนึกว่าหนูอยากแต่งงานจนตัวสั่น!” ฉินอันอันพูดแกมขอร้อง “หนูเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่า ๆ เอง อายุยังไม่มาก! ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องมุมานะบากบั่นเพื่ออาชีพการงาน ไว้หนูประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง แม่อยากจะได้หนุ่มหล่อแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น” รอยยิ้มบนใบหน้าจางหยุนหายไป “แม่ไม่ได้เร่งรัดลูก…แม่แค่คิดว่าเว่ยเจินเป็นคนดีจริง ๆ ตอนลูกไปเมืองนอกก่อนหน้านี้ เว่ยเจินดูแลลูกเป็นอย่างดี! ทำไมลูกไม่คิดถึงความดีของเขาบ้างล่ะ?” ฉินอันอัน “ใครดีกับหนู หนูก็ต้องอุทิศชีวิตให้งั้นเหรอคะ? ศาสตราจารย์หูชิงดีกับหนูยิ่งกว่านี้อีก!” จางหยุน “…ได้! ลูกก็แกล้งตาบอดไปเถอะ! เว่ยเจินนั้นดีจริง ๆ ถ้าลูกพลาดโอกาสไปแล้ว ลูกอาจจะหาผู้ชายที่ดีขนาดนี้ไม่ได้อีกแล้วในอนาคต” “แม่มั่นใจในตัวหนูหน่อยได้ไหมคะ? จากนี้จะต้องมีผู้
ตอนกลางวัน เซิ่งเป่ยเอารูปถ่ายของเว่ยเจินกับฉินอันอันให้ฟู่สือถิงดู “แฟนใหม่ของฉินอันอัน” ฟู่สือถิงเหลือบมองรูปถ่าย ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ลึกลงกว่าเดิม “นี่คือผู้ช่วยของศาสตราจารย์หูใช่ไหม?”เขาหยิบโทรศัพท์ของเซิ่งเป่ยขึ้นมาแล้วขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น “นายรู้จักผู้ชายคนนี้งั้นเหรอ?” เซิ่งเป่ยพูดอย่างตื่นเต้น “ว่ากันว่าฉินอันอันมากับผู้ชายคนนี้ เดินเที่ยวชมฉินกรุ๊ปตลอดช่วงเช้า ทั้งสองเดินใกล้กันมาก แถมยังพูดคุยหัวเราะกันตลอดเวลา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูสนิทสนมกันเป็นพิเศษ” ฟู่สือถิงคืนโทรศัพท์ให้เซิ่งเป่ย “ฉันรู้จักผู้ชายคนนี้” “อ้อ ฉันคิดว่าพอมองดูแล้วพวกเขาเหมาะสมกันดี” เซิ่งเป่ยเห็นเขาไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ จึงจงใจพูด “บุคลิกพวกเขาสองคน คนหนึ่งสงบนิ่ง คนหนึ่งก็สง่า…” ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ใช้คำพูดทิ่มแทงกัน นี่จะพูดไม่ได้เลยใช่ไหม?” “กล่าวหากันนี่! ฉันก็แค่เห็นนายเลือกเครื่องประดับให้ฉินอันอันแล้วรู้สึกว่านายยังรักเธออยู่” เซิ่งเป่ยพูดติดตลก “นายรู้สึกว่าสร้อยคอ ต่างหู กำไล แหวน เป็นของที่มีไว้มอบให้คู่รัก ดังนั้นนายก็เลยให้ไม่ได้ พอนายคิดว่าง
คำพูดของเสิ่นอวี๋ทำให้ฉินอันอันตกตะลึง“ถ้าฉันเดาไม่ผิด เด็กสองคนนี้น่าจะเป็นลูกของคุณกับฟู่สือถิง” เสียงหัวเราะของเสิ่นอวี๋ดังผ่านคลื่นไฟฟ้าลอดออกมา ฉินอันอันรู้สึกหนาวถึงกระดูก “ข้อมูลการอุปการะบุตรบุญธรรมไม่มีทางรั่วไหลออกมาข้างนอกได้!” เธอกำนิ้วแน่นและตอบโต้เสิ่นอวี๋ “ใช่! โดยทั่วไปแล้ว ข้อมูลการอุปการะบุตรบุญธรรมจะไม่รั่วไหลออกมาข้างนอก แต่ว่าพ่อของฉันไม่ใช่คนธรรมดา” เสิ่นอวี๋ยิ้มอย่างภาคภูมิใจและเย่อหยิ่ง “เส้นสายของพ่อฉันที่ประเทศบี พิสูจน์ได้ว่าเธอโกหก! ฉินอันอัน ฉันได้ยินว่าสือถิงเกลียดเด็กและยังตั้งใจจะไม่มีลูกอย่างเด็ดขาดด้วย ถ้าเขารู้ว่าลูกทั้งสองคนของคุณเป็นลูกของเขา ไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไง!” “เสิ่นอวี๋! อย่าให้มันมากเกินไปนัก!” ฉินอันอันพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันมากเกินไปหรือว่าคุณมากเกินไปกันแน่?! ตอนนี้ฟู่สือถิงเป็นแฟนของฉัน! คุณเป็นเมียเก่าของเขา! พวกคุณสองคนหย่ากันแล้ว! ทำไมคุณถึงยังคอยป้วนเปี้ยนอยุ่ในชีวิตของเราสองคนไม่จากไปไหนสักที?” เสียงของเสิ่นอวี๋แหลมชัดกว่าเธอ “ฉันจะช่วยคุณเก็บเป็นความลับ โดยมีเงื่อนไขว่าจากนี้คุณกับฟู่สือถิงจะต้องไม่พบกันอีก!” เสิ่นอวี๋
ตัวเธอสั่นราวกับแผ้นดินไหว“คุณ! คุณ…” ในสมองของเสิ่นอวี๋ส่งเสียงดังหึ่ง ใบหน้าเดี๋ยวแดง เดี๋ยวม่วง “วันนั้นฉันเองก็อยู่ที่โรงพยาบาลตี้ซานด้วยและได้เห็นคนที่ผ่าตัดให้อิ๋นอิ๋นโดยบังเอิญ” ฉินอันอันมองดูความหวาดกลัวและวิตกกังวลบนหน้าเธอ น้ำเสียงของเธอเข้มขึ้น “คุณคิดจะข่มขู่ฉัน คุณควรไตร่ตรองดูให้ดี ว่าคุณสามารถยอมรับผลที่ตามของการถูกทิ้งได้หรือเปล่า?” เวลานี้ น้ำผลไม้และของว่างถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ ฉินอันอันกินน้ำชายามบ่ายอย่างสบาย ๆ “ฉินอันอัน ฉันประเมินคุณต่ำไป!” เสิ่นอวี๋เปลี่ยนจากความเชื่อมั่นในชัยชนะกลายเป็นทำอะไรไม่ได้เลย ทว่าก็เป็นเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น “พวกเราเสมอกันแล้ว! อย่างนั้นก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกัน! ฉันไม่บอกความลับของคุณกับสือถิง หวังว่าคุณจะเก็บเป็นความลับเช่นกัน!” “เมื่อกี้ไม่ได้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?” ฉินอันอันล้อเลียนเธอ “มีเบี้ยต่อรองนิดหน่อยก็เปิดเผยโฉมหน้าผู้ร้ายออกมาได้แล้ว จิตใจคุณเป็นแบบนี้แล้วจะค้นคว้าวิจัยอะไรได้ยังไง? ต่อให้ผ่านไปอีกสิบปี คุณก็ไม่มีทางรักษาอาการป่วยของอิ๋นอิ๋นได้หรอก” “คุณไม่มีสิทธิ์มาโจมตีฉัน! เว้นแต่ทักษะทางการแพทย์ของคุณจะสู
ฉินอันอันจองห้องจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่เหรอไง? เขาก็เลยจองห้องจัดเลี้ยงเล็ก ๆ ข้าง ๆ เธอ เขาอยากเห็น ว่างานเลี้ยงฉลองวันเกิดครั้งใหญ่ของเธอจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน ......สุดสัปดาห์ คนที่ได้รับเชิญมางานวันเกิด พวกเขาเข้ามาที่ในห้องจัดเลี้ยงสตาร์มูนซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุด โรงแรมแชงกรีล่าทีละคน “ทำไมอันอันยังไม่มาล่ะ?” หลีเสี่ยวเถียนถามไมค์หลังจากเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง “ฉันส่งข้อความหาเธอเมื่อคืนนี้ จนถึงตอนนี้ยังไม่ตอบกลับเลย” ไมค์ยักไหล่แล้วอธิบาย “ช่วงนี้เธอยุ่งมาก ผมเองก็ไม่รู้ว่ายุ่งเรื่องอะไร แต่ว่าผมส่งที่ตำแหน่งที่ตั้งให้เธอไปตั้งนานแล้ว แล้วเธอก็สัญญาแล้วว่าจะมา” หลีเสี่ยวเถียน “อ้อ…เธอยุ่งอยู่กับงานของบริษัทงั้นหรือ?” ไมค์ “”ไม่ใช่นะ! แต่ว่าเธอยุ่งอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกคนล้วนแต่มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ถึงแม้ว่าผมกับเธอจะสนิทกันเหมือนพี่สาวน้องสาว เอ่อ…สนิทกันเหมือนพี่ชายน้องสาว…แต่เรื่องที่เธอไม่อยากให้ผมรู้ ผมเองก็จะไม่บังคับถามเอากับเธอเช่นกัน”หลีเสี่ยวเถียน “อ้อ…ในเมื่อเธอยุ่งขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนจัดงานเลี้ยงวันเกิดล่ะ?” ไมค์ “ผ
เมื่อเหลือบมองไปเห็นการทะเลาะวิวาทที่อยู่ไม่ไกล เขาก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้าไป แล้วก็พบว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ไมค์ถูกชายสองคนต่อยตี หนึ่งในนั้นคือ ฟู่สือถิง อดีตสามีของฉินอันอัน เว่ยเจินรีบดึงไมค์มาอยู่ข้างตัวเขาแล้วถามฟู่สือถิง “พวกคุณมาทำร้ายไมค์ทำไม?” ฟู่สือถิงมาที่นี่เมื่อสามนาทีก่อน เมื่อเห็นไมค์กดตัวโจวจื่ออี้ไว้ด้านล่างแล้วต่อย ความดันโลหิตเขาก็พุ่งสูง เข้าเตะไมค์จนหงายลงพื้นอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงหลังจากนั้นสถานการณ์ก็พลิกผัน กลายเป็นสองต่อหนึ่ง “คุณเว่ย เขาตีผู้ช่วยของผม” ฟู่สือถิงอธิบายพร้อมกับปัดฝุ่นบนตัว “ผู้ช่วยของผมร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ จึงอดที่จะช่วยเขาไม่ได้ ” เว่ยจินเห็นแว่นตาที่แตกของโจวจื่ออี้ ก็หันไปจ้องเขม็งใส่ไมค์ “อันอันปิดโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า” เว่ยเจินพูดกับไมค์ “ตอนนี้ผมจะไปหาเธอ คุณไปที่ห้องจัดเลี้ยงแล้วต้อนรับแขกอย่างจริงใจหรือไม่ก็ไปตามหาคนกับผม” ไมค์ระงับความโกรธเอาไว้ “ผมจะไปหาเธอกับคุณ!” ฟู่สือถิงก้าวยาว ๆ มาอยู่ตรงหน้าพวกเขา แล้วขวางทางเอาไว้ “เกิดอะไรขึ้นกับฉินอันอัน?” เว่ยเจิน “คุณฟู่ ตอนนี้พวกเราก็ยังไม่รู้สถ
ประตูรถของเธอล็อคอยู่! มีเพียงแค่กระจกรถที่กั้นเขากับเธอเอาไว้ แต่ว่าเขากลับไม่สามารถสัมผัสเธอได้ บอดี้การ์ดคว้าค้อนไฟมาแล้วทุบกระจกหน้ารถให้แตกออกจากนั้นก็กระโดดเข้าไปในรถ หลังจากเข้าไปในรถ บอดี้การ์ดก็ปลดล็อคระบบเซ็นทรัลล็อค ฟูสือถิงเปิดประตูรถแล้วอุ้มฉินอันอันออกมาจากรถ เธอไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกที่มองเห็นได้ แต่ว่าลมหายใจของเธอแผ่วเบามาก! ราวกับกำลังตกอยู่ในอาการโคม่า ไม่เช่นนั้นตอนที่บอดี้การ์ดทุบกระจกประตูเมื่อกี้ เธอก็น่าจะตื่นแล้ว ที่โรงพยาบาล หลังจากที่คุณหมอทำการตรวจฉินอันอันก็ได้กล่าวว่า “เธออยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากขาดออกซิเจน แต่ว่าพวกคุณส่งเธอมาที่นี่ทันเวลา เธอจึงไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไร กลับไปพักผ่อนดี ๆ พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เป็นไรแล้ว” ฟู่สือถิง “ทำไมเธอถึงขาดออกซิเจนได้? ผลตรวจเลือดไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆใช่ไหม?”“การตรวจเลือดของเธอแสดงให้เห็นว่าข้อมูลต่าง ๆ ค่อนข้างดี …ยกเว้นน้ำตาลในเลือดต่ำ และไม่มีปัญหาใหญ่อะไร” คุณหมอหยิบผลตรวจของเธอขึ้นมาดู จากนั้นก็ส่งให้ฟู่สือถิง “แล้วทำไมเธอยังหมดสติอยู่? เธอจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่? ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาจริง